14 มกราคม 2549 21:21 น.

หิวข้าว

กะเรกะร่อน

คดข้าวขาวใส่จานมาปันป้อน
หอมข้าวแดงแกงร้อนน้ำพริกป่า
น้ำตาหยดหยาดแร้นแทนน้ำปลา
เม็ดข้าวเรียงเบื้องหน้า...จาก"นาเดียว"
 
แม่โพสพหน้าหมอง ฤา ร้องไห้ ?
ท้องธรณินทร์เกรียมไหม้แท้งกล้าเขียว
แม่คงคาล้ารินกสิณเกลียว
ขวัญแผ่นดินซูบเซียวและแหลกลาญ

สูญสิ้นหมดหรือไรน้ำใจรัก
สามัคคีฤดีภักดิ์เคยไถหว่าน
เกิดจาก"ดินผืนเดียว"เกี่ยวสำราญ
เปิบข้าวแดงแกงหวานปันกันกิน

เหลือเพียงนาผืนร้างและสางสัตว์
เสียงแส้โบก เงินสะบัด ทั่วทุกถิ่น
แม่โพสพระบมโบยซบอกดิน
อัสสุชลไหลรินแทนคงคา

พระสยามเทวาผวา...เคลื่อนคลาหรือ?
สางสาบสัตว์โหมกระพือทุกทิศา
อัคคีผลาญลาญแล้วแก้วพารา
หมดน้ำใจ ไฟน้ำตามาฟาดฟัน

คดวิญญาณข้าวนามาปันป้อน
ครั้งหนึ่งหอมแกงร้อน เนื้อสวรรค์
วันนี้...ไร้แผ่นดิน สิ้นฟ้า สูญตาวัน
ยังโกศเงินเก้าชั้น....(เท่านั้น)......ท่วมท้องไทย

หิวข้าว....ลูบท้อง ปะน้ำตา

แผ่นดิน...ผืนฟ้า นี้ของใคร?				
13 มกราคม 2549 03:21 น.

ดาวพราวฟ้า

กะเรกะร่อน

อรุณใหม่ ตะวันสดรดแสงฉาย
ชั่วประกายพริบละมุนอุ่นฟ้าหนาว
บนยอดหญ้า...ทิ้งรอยย่ำฉ่ำรอยดาว
ฉันคิดถึง หญิงสาว แห่งค่ำคืน

อุ่นไฟสางน้ำค้างยังค้างหอม
ยังวับวอมแววฝันอันแช่มชื่น
ยังไหม้กลิ่นฟอนเก่าเฝ้ากองฟืน
ฉันคิดถึง รอยรื่น บนผืนฟ้า

ระหว่างเราช่องว่างห่างแค่ก้าว
เธออาจสาวเท้าซ้าย ฉันไพล่ขวา
เดินชีวิตอย่างคาบเกี่ยวเสี้ยวเวลา
จึงคลาดหน้า เคลื่อนใจในช่วงนี้

พริบตะวันจูบลา ฟ้าเปลี่ยนเสื้อ
อนธการเอื้อเฟื้อระบายสี
ข้างพระจันทร์พันดาวเฝ้าราตรี
ฉันคิดถึง คนดี...ที่ฟากฟ้า

ดวงดาราพร่างพราวสีขาวใส
แต่คืนมืดดับไฟ..ไม่เห็นหน้า
ดอกไม้หายใจในท้องนา
ระหว่างดิน  ระหว่างฟ้า  ลมพัดพาย

มีชีวิตซ่อนอยู่ในทุกมุมเหงา
ยามแดดเช้า ตะวันสดรดแสงฉาย
กลีบดอกหญ้ายังแต้มอุ่นไม่รู้วาย
ฉ่ำรอยดาวพริบพรายใต้เงาจันทร์

ยามฟ้าหอมฟืนไฟไหม้แสงสูรย์
ดาวอาดูร นึกมอดดับลับทุกฝัน
นึกว่าไกล นึกว่าห่างเลยร้างกัน
นึกว่าสิ้นทุกสิ่งอัน พันธนาการ

แต่ดอกไม้ยังยิ้มไหวอยู่ใต้ฟ้า
ทุกราตรีทุกทิวายังขับขาน
มองดาวพราวใสในกษิรธาร
ยังฉ่ำหวานรอยดาวทุกเช้าเย็น

อาจโคจรอยู่ห่างในบางครั้ง
มิใช่อยู่ลำพัง ใช่ร้างเห็น
เพียงเวลาพริบไหลใต้ฟ้าเพ็ญ
ฉันยังเป็นดอกไม้  ... ใต้ดวงดาว				
11 มกราคม 2549 05:49 น.

ระหว่างฝัน ระหว่างฟ้า บนคาคบ

กะเรกะร่อน

"มองเด็ก" :

บนคาคบไม้
ลูกใคร ลูกใครป่ายปีนอยู่
อยู่ไหนหนอคุณครู
โน่น..บ้างคุดคู้  บ้างวิ่งเล่นบนศาลา

ตาโต บ้องแบ๊วอย่างแมวคราว
เด็กสาวเจื้อยแจ้วหรรษา
อ๋ออนั่งรถคอกหมูหมา
นอนเล่นรอเวลา บนคาคบ

หญิง ชาย  ก็ป่ายปีน
บ้างก็กิน บ้างก็งีบ บ้างเป่ากบ
เจอะฝรั่ง  วิ่งกรูเข้าไปพบ
ยื่นสมุด ปากกา ยางลบ  พัลวัน

วิชาภาษาอังกฤษ
ขอลายเซ็นต์คนละนิด  เด็กขบขัน
ค่อยปีนป่าย ค่อยไต่ขึ้นทีละวัน
ระหว่างฝัน.ระหว่างฟ้า..บนคาคบ
..

"มองตัวเอง"  :


ตะวันกงกลางหัว
ระหว่างฝันระหว่างฟ้าระหว่างตัว.ไม่รู้จบ
โตแล้ว จะปีนป่ายก็กลัวหล่นจากคาคบ
แต่ต้อง
มัดความกล้า  - ถือปากกา ยางลบ ไต่คบคา.

ระหว่างฟ้า.ระหว่างฝัน
ระหว่างตะวัน..ระหว่างยอดหญ้า
เด็ก -ผู้ใหญ่- วัยชรา
ต่างปีนไต่  ต่างไขว่คว้า กันครื้นเครง

นั่งมองจากคาคบไม้
จากทางไกล.ข้าไต่ฟ้า ..ข้าเจ๋ง
เด็กเล่น.คนโตแข่ง.คิดกันเอง
หมดเวลาย่ำเพรง. ต่างคืนดิน				
10 มกราคม 2549 01:56 น.

ลูกชายของสายลม

กะเรกะร่อน

ลูกชายของสายลม  
พัดผ่านมาเมื่อปลายปี
ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศ
ทุกวูบผ่านราวกับมีดบินพันร้อยด้ามทิ่มแทงผิวเนื้อ
แต่วูบเดียวที่พัดผ่านและหมุนเวียน
อบอุ่นอยู่ในเนื้อใจ
ไม่มีประกายไฟในเตาผิงจุดความอบอุ่นให้คลายความยะเยือกจากภายนอก
ในบ้านหินอบอุ่น...
อณูแห่งความรักและอาทรวนเวียนห่มหัวใจ
ก่อนดอกไม้จะล่องลอยกลับมาพร้อมๆกันในห้องสี่เหลี่ยม
เกล็ดขาวละลายลงมาจุมพิตปฏิทินใหม่
กระแสลมวิ่งวนอยู่เงียบๆ แต่อบอุ่น

ลูกชายของสายลมพัดเอาดอกไม้สีเหลืองกลับไปเมื่อต้นปี
คล้ายว่ากระไออุ่นยังคงอยู่
ราววิญญาณที่วนเวียนอยู่ลางเลือน
ลูกชายของสายลมพัดกลับไป
ในที่ที่จากมา
เสียงแห่งความเงียบเข้าครอบครองพื้นที่เก่า
วิญญาณดอกไม้ร้องระงมอยู่เพียงแผ่ว


(เย็นวันนี้ไม่หิวข้าว
เจ้าหญิงเสี้ยวจันทร์เงยหน้ามองแสงกระทบจากสายน้ำ)


ดอกไม้เดินทางอยูคนละที่
แต่มีกำเนิดจากต้นไม้ต้นเดียวกัน


ลูกชายของสายลมจะพัดผ่านอีกครั้ง
วสันต์ที่นั่น  คิมหันต์ที่นี่
ดอกไม้สองช่อจะล่องลอยกลับไปตกใต้ต้นไม้ต้นเก่า

ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศ
ประกายไฟในวิญญาณ
ยังอมยิ้มวับแวม
ในเสียงขับขานแห่งหิมะอยู่เงียบๆ

ลูกชายของสายลม  พัดผ่าน...				
8 ธันวาคม 2548 22:34 น.

นกกับปลา

กะเรกะร่อน

ฝนตกใต้ภูเขาสูง
ฝนฉ่ำบนพื้นที่ราบ
หิมะขาวฉ่ำอยู่ข้างบน
หิมะตกบนภูเขาหิน

พ่อบอกว่า นกน้อยไม่มีฟ้าเป็นที่คุมขัง ด้วยว่าขอบฟ้านั้นเป็นของนก
นกน้อยเป็นของฟ้า และขอบฟ้านั้นอุ้มปลายปีกไว้

ปลาน้อยไม่มีแม่น้ำเป็นคุกกักขัง แต่ปลาน้อยมีชีวิตอยู่ได้ในสายน้ำฉ่ำเย็น

วิญญาณของลูกเสรี 

เสรีเท่าที่ปีกจะว่ายไป เท่าที่ครีบจะบินไป
เฉกเช่นเดียวกับหัวใจแห่งอิสรภาพ
ก่อนที่ปลาจะเหิน ก่อนที่นกน้อยจะดำผุดดำว่ายอย่างเสรี
ต่างเจ็บปวด ต่างก้าวผิดต่างก้าวถูก
ต่างสิ้นหวัง ต่างท้อถอยและเหนื่อยหน่าย

แต่สายน้ำก็เย็นชุ่มฉ่ำ และสายลมแห่งท้องฟ้าก็หอมหวนอิสรภาพ
ในน้ำมีแสงอาทิตย์
บนฟ้ามีฟองน้ำ
ความโดดเดี่ยวคืออาภรณ์ของนักเดินทาง
และดอกไม้ยังโค้มกายทายทักทั้งในน้ำและในฟ้า

โดดเดี่ยวในความเดียวดาย
ดีกว่าว้าเหว่ในคนหมู่มาก

นกเถื่อนและปลาถ้ำต่างมีวิญญาณแห่งเสรีภาพ
ข้ามมหาสมุทร ข้ามขอบทวีป ก่อนย้อนกลับมามาตุภูมิ
บินเดี่ยว ดำเดี่ยว จึงบรรลุเห็นธรรม
นกเถื่อนบินเดี่ยว
ปลาเถื่อนว่ายเดี่ยว
ดอกไม้ป่าเบ่งบานอยู่โดดเดี่ยว

ขอบฟ้าที่เห็นไม่มีแหล่งให้พักปีก
ขอบน้ำที่เห็นไร้โขดหินให้พักครีบ
แต่หากไม่บิน หากไม่ว่าย ก็คือหยุดเดินทาง และหากหยุดเดินทางก็คือหยุดหายใจ

แต่สายน้ำยังเย็นฉ่ำ
และสายลมแห่งฟ้าก็หอมหวนอิสรภาพ
นกและปลาอยู่ใต้แสงดาว
ในคืนมืดหรือวันหม่น
ทั้งดวงตะวัน ดวงจันทร์และแสงดาวก็ยังสาดส่อง
ในท้องฟ้า และในสายน้ำ
อย่างอิสระ

นกตาย ปลาตาย
วิญญาณแห่งเสรียังหายใจอยู่
เหมือนแสงตาวันในสายน้ำ
เหมือนละอองน้ำในท้องฟ้า

"อย่าให้อิสระมาเป็นกำแพงกักกั้นเรา
อย่าจ่อมจมอยู่กับความท้อแท้"

นกน้อยจะดำผุดดำว่าย
และปลาน้อยจะสะบัดครีบใต้ฟ้ากว้าง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะเรกะร่อน
Lovings  กะเรกะร่อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะเรกะร่อน
Lovings  กะเรกะร่อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะเรกะร่อน
Lovings  กะเรกะร่อน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกะเรกะร่อน