13 มีนาคม 2553 12:48 น.
กะลาสีเบจ
เสียงตีฆ้องร้องป่าวในซอกหลืบ
ครึ่งคืบกับหนึ่งวาในเส้นสาย
ยืนตะโกนก้องบนเส้นด้าย
บอกความตายเป็นหน้าที่
สามัญไปอยู่สู่สูงสุด
บริสุทธิ์ให้เห็นเช่นศักดิ์ศรี
โล่ เหรียญ คารวะสดุดี
ฝาชีครอบอันแล้ว ครอบอันเล่า
ใบยางเคยคลุมสุมเต็มต้น
อีกใบแล้วร่วงหล่นบนใบเก่า
หรือเป็นฤดูผู้ผลัดเงา
หรือเป็นลมเร้าเนาเชื้อเชิญ
อีกกี่ใบต้องเป็นเช่นอย่างนี้
สดุดีบนขั้นสรรเสริญ
เอนร่างปลาบปลื้มความเจริญ
ย่างเดินตามวิถีวีรชน
ขอไว้อาลัยแด่ผู้กำกับแห่ง..บันนังสตา
........กะลาสีเบจ (๑๓ มีนาคม ๒๕๕๓)
8 มีนาคม 2553 14:53 น.
กะลาสีเบจ
ตะวันเบี่ยงบ่ายลงหลายที่
แยงสีลำเอียงเลี่ยงไม่พ้น
มุ่งหน้าเปิดสมรผจญ
บนทุ่งราบสูงแห่งนี้
ภู-มิเป็นใจให้ประเทศ
ลับ,ลวง,พรางเหตุแห่งเฉดสี
เบิกฟ้าต้อนรับทัพขันที
บารมีตัวจริงเสียงจริง
ณ ทุ่งตำบลกระสุนตก
เป้าหมายถูกหยิบยกเป็นเป้านิ่ง
วิถีฝูงห่ามาลอบยิง
หมายทิ้งบนภูเขาที่คับฟ้า
ภูเขายังยืนบนภูเขา
รับฟังเสียงเห่าอยู่ตรงหน้า
เพียงทอดสะพานนัยน์สายตา
ข้ามิใช่ตัวละครในสงคราม
แต่กลัวเหลือเกินจะกลัวว่า
จะยิงฝ่าราบล้วงดวงสยาม
แหวกเมฆทะลุฟ้ามาทาบทาม
ลดความงดงามของเบื้องบน
เจ้าต้องการเปลี่ยนสีของท้องฟ้า
ที่อยู่ใต้ข้าฯตั้งแต่ต้น
เอ่ยอ้างพลังประชาชน
บนถนนประชาธิปไตย
มันเป็นเหตุ-เป็นผลของต้นเรื่อง
อาชญากรต่อเนื่องผู้ยิ่งใหญ่
จำเลย ๑๙ กันยานั่นไง
ผู้เข้าใจสำนวนรถถังบังภูเขา
..อย่างลึกซึ้ง..
.........กะลาสีเบจ (๘ มีนาคม ๒๕๕๓)