25 พฤศจิกายน 2550 18:37 น.

ฉันคงอายแก..ฝ่าเท้า

กะลาสีเบจ

      ตอนยังเด็กเที่ยวซนผจญทั่ว
ปีนขอบรั้วต้นไม้บันไดเสา
ไร้เดียงสาทาผสมอมวัยเยาว์
ฝ่าเท้าเราสนุกล้ำช้ำระบม

ฝ่าเท้าช้ำย่ำเหยียบเสียบเศษแก้ว
ฝ่าเท้าแพรวพร่างเลือดเขมือดขม
ฝ่าเท้าวิ่งชิงชัยให้เชียร์ชม
ฝ่าเท้าอมแดงก่ำระกำเดิน

ฝ่าเท้าทิ่มจิ้มตำซ้ำหนามเสียบ
ฝ่าเท้าเรียบฝังหนามระห่ามเหิน
ฝ่าเท้าย่ำทางไกลทั้งไพรเนิน
ฝ่าเท้าเดินสุดกล้ำระส่ำใจ

ฝ่าเท้าทาบราบพื้นดั่งฟืนร้อน
ฝ่าเท้าถอนจากพื้นแล้วยืนใหม่
ฝ่าเท้าหนีหมาลูกอ่อนกระฉ่อนไว
ฝ่าเท้าไผลเผลอล้มจมพื้นดิน

กี่ครั้งล้มซมซานก็ด้านสู้
กี่ครั้งรูหนามตำย่ำถวิล
กี่ครั้งร้อนฟอนไฟไม่ไหวบิน
กี่ครั้งสิ้นหมดลมพะอมยืน

กี่ครั้งล้มจมฝ่าเท้าแล้วก้าวใหม่
กี่ครั้งไกลเส้นทางยังย่างขืน
กี่ครั้งเหนื่อยเฉื่อยล้าฝ่ากล้ำกลืน
กี่ร้อยหมื่นก็อดทนไม่บ่นคำ

หากวันนี้ฉันล้มจมปัญหา
อุปสรรคหนักคามาถลำ
ฉันอ่อนล้าล่าถอยทยอยลำ
ไม่กล้านำเรือท่องล่องคลื่นเท

ฉันคงอาย..แกไม่น้อยเจ้าฝ่าเท้า
ที่เมื่อคราวเจ้าล้มลุกขมุกเฉ
เจ้ายังฝืนยืนหยัดแม้ซัดเซ
แต่ตัวฉันสิรวนเร..ไม่กล้ายืน

....กะลาสีเบจ (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐)				
23 พฤศจิกายน 2550 18:16 น.

..ดินดำ..

กะลาสีเบจ

    สวนนาไร่พืชพรรณธัญญาหาร
ผลิดอกบานช่อรวงเป็นพวงผล
ลำต้นใบใหญ่โตมโหทน
อุดมบนดินดีสีทมิฬ

ดินที่ดีสีต้องดำขยำร่วน
คุณภาพครบถ้วนล้วนในสิน
ยิ่งดำมากซากอุดมสมในดิน
ทรัพย์ถวิลสูงค่าแต่พล่ามอง

ดินดำเถือกเปลือกรูปจูบไม่หอม
กลิ่นดมดอมฟุ้งเหม็นไม่เป็นสอง
ขยะแขยงไส้เดือนกลาดเกลื่อนนอง
ใช้ตามองพินิจริดค่าคุณ

"คนดั่งดิน"ทมิฬดำซ้ำสกปรก
เส้นผมรกหนวดรุงรังคลังสถุน
เสื้อผ้าขาดปราศวิชามาเป็นทุน
แต่ไม่ก่อเรื่องเคืองขุ่นแก่ผู้ใด

คนทำตัวเป็นรั้วศาลพล่านตัดสิน
ว่าข้าหินชาติชั่วกลั้วไฉน
ว่าข้าเลวว่าข้าถ่อยพล่อยกว่าใคร
เคยเอ่ยไต่ถามข้าไหมใคร่วิจารณ์

แม้เสื้อดำใจไม่ดำคล้ำตามเสื้อ
มิปนเจือนิสัยสัตว์เดรัจฉาน
แม้รูปร่างอัปลักษณ์พำนักทาน
มิเคยหว่านวจีคำพร่ำเสียดใคร

วรรณะมนุษย์สุดประเสริฐแสนเลิศล้ำ
กลับมองต่ำแค่เปลือกนอกหลอกหลงใหล
ศีลธรรมความดีที่แก่นใน
กลับจัดไว้ท้ายสุดค่อยหยุดมอง

รูปพรรณสัณฐานดานมนุษย์
บริสุทธิ์ขาวนวลล้วนผุดผ่อง
กลับยักยอกหลอกล้ำอย่างช่ำชอง
"อายเถิดทอง..ยังต่ำค่ากว่าดินดำ"

.....กะลาสีเบจ (๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐)				
18 พฤศจิกายน 2550 20:16 น.

ข้าวคอย..ฝน

กะลาสีเบจ

     พลิ้วลมลู่กู่รวงข้าวพราวไสว
เสียงสอดใบทำนองคล้องเสียดสี
ต่อแตนไรไกล่เกลี่ยเรี่ยขจี
ลานดนตรีแห่งท้องนาสรารมย์

หลายวันแล้วท้องนามิคลาคล่ำ
ฟ้าหยุดพร่ำน้ำตาหลั่งถาถม
จากวันเดือนสู่เลือนปีกี่ทุกข์ตรม
"ข้าวคอยฝน"พร่างพรมชโลมรวง

"ดั่งข้าวคอยฝน"คนคอยนางราร้างหาย
ย่ำเหยียบกรายถิ่นเนาเคล้ากลิ่นสรวง
ทุ่งท้องนาไร้เงาเจ้าแดดวง
เสียงระทรวงแทนท่วงทำนองใบ

หากชะตาฟ้าสงสาร"ข้าวคอยฝน"
กระเซ็นบนท้องทุ่งคลุ้งไสล
หวังน้องนางคืนพร้อมอ้อมฝนไกล
รับขวัญใหม่..ประดับทุ่งคุ้งสีทอง

.....กะลาสีเบจ (๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๐)				
16 พฤศจิกายน 2550 19:58 น.

ชาติไหน!!..ได้เรียนฟรี

กะลาสีเบจ

      พี่น้องครับ! พี่น้องครับ! ฟังทางนี้
นโยบายดีพรรคผมก้มเสนอ
ให้เรียนฟรีทุกปีชั้นกันนะเออ
ปากลมเลอพูดลำเพยไม่เคยทำ

เปิดเทอมทียอดจ่ายแทบหงายหลัง
หนี้พนังพะเนินเดินระส่ำ
วีดีโอโทรทัศน์กลัดทองคำ
ต้องจำนำหลังชนฝาเข้าตาจน

ค่าหนังสือกระเป๋าเหล่าเครื่องเขียน
ชุดนักเรียนซีดจางบางขึ้นขน
พื้นรองเท้าเว้าขาดน้ำลาดล้น
ถุงเท้าย่นย้วยหย่อนค่อนตาตุ่ม

ค่ากิจกรรมซ้ำจ่ายทุกรายปี
บอกเรียนฟรีแต่หนี้นองกองเป็นหลุม
ค่าชมรมผู้ปกครองผองชุมนุม
ที่หนักกลุ้มค่าลงทะเบียนเรียนวิชา

เด็กยากจนล้นหลามตามชนบท
อยากจะจดจะเขียนเรียนเสาะหา
ไม่มีเงินเดินฝันวันข้างหน้า
กลับทำนาเลี้ยงวัวควายขายประทัง

วัฏจักรสลักลึกตราตรึกแน่น
แห่งแว่นแคว้นชนบทหมดความหวัง
บรรพบุรุษสอนเคียวเกี่ยวนาปรัง
เดินกลับหลังทำนาหาเลี้ยงตน

จะ ชาตินี้!ชาติไหน! เมื่อไรหนา
ถึงเวลาได้เรียนฟรีสักปีหน
อย่าเลยหนาต้องเห็นเด็กเล็กยากจน
บอกเหตุผล "หนูไม่มี..เงินไปเรียน"

.....กะลาสีเบจ (๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๐)				
14 พฤศจิกายน 2550 22:17 น.

แสง..ตะวัน

กะลาสีเบจ

      สิ้นสุดสายปลายทางรางความฝัน
ค่ำคืนวันพร่างพรายมลายสาง
เงามืดมนต์ดลสลายละลายจาง
เพื่อทอดทางสู่วันพรุ่งรุ่งอรุณ

จ้าวสุริยะฉะแดงแผลงอิทธิฤทธิ์
ทอสถิตย์เรืองรองช่องเขาขุน
ค่อยคลืบคลานหว่านแสงแห่งอดุลย์
อบอวลอุ่นไออิ่มกริ่มพนา

มวลพฤกษามาลีทุกชีวิต
นิ่งสนิทหลับใหลไซ้หมอกหนา
ยามต้องแสงแห่งอาทิตย์กริดกรีดมา
กายนิทราผวาตื่นคืนสามัญ

ทอประกายฉายฉาดฟาดรังสี
ทอดนทีแสงระเรื่อเหนือขอบ*หวัน
จดบรรจบพบหาดทรายปลายตะวัน
ส่องสรัญวันใหม่ไปทั่วแดน

ก้าววันใหม่คลืบคลานผ่านอีกก้าว
ทุกย่างเท้าสำคัญนั้นสุดแสน
เพราะสังคมจมน้ำใจใคร่ขาดแคลน
เป็นดินแดนแก่งแย่งตำแหน่งคน

พระอาทิตย์ผลิตแสงแห่งโลกหล้า
มิใช่แสงแห่งฝันกล้าใช้ฝ่าฝน
อุปสรรคมากมายกรายมายล
ดุจเม็ดฝนดับแสงแห่งตะวัน

แสงแห่งฝันนั้นคือใจเป็นไฟจุด
สว่างสุดนำทางสู่รางฝัน
ก้าวด้วยใจไฟแสงส่องผ่องอำพัน
รับตะวัน..วันใหม่เส้นชัยรอ

......กะลาสีเบจ (๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๐)

*หวัน - ตะวัน (หวัน เป็นคำภาษาถิ่นใต้)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกะลาสีเบจ