8 มีนาคม 2553 14:53 น.
กะลาสีเบจ
ตะวันเบี่ยงบ่ายลงหลายที่
แยงสีลำเอียงเลี่ยงไม่พ้น
มุ่งหน้าเปิดสมรผจญ
บนทุ่งราบสูงแห่งนี้
ภู-มิเป็นใจให้ประเทศ
ลับ,ลวง,พรางเหตุแห่งเฉดสี
เบิกฟ้าต้อนรับทัพขันที
บารมีตัวจริงเสียงจริง
ณ ทุ่งตำบลกระสุนตก
เป้าหมายถูกหยิบยกเป็นเป้านิ่ง
วิถีฝูงห่ามาลอบยิง
หมายทิ้งบนภูเขาที่คับฟ้า
ภูเขายังยืนบนภูเขา
รับฟังเสียงเห่าอยู่ตรงหน้า
เพียงทอดสะพานนัยน์สายตา
ข้ามิใช่ตัวละครในสงคราม
แต่กลัวเหลือเกินจะกลัวว่า
จะยิงฝ่าราบล้วงดวงสยาม
แหวกเมฆทะลุฟ้ามาทาบทาม
ลดความงดงามของเบื้องบน
เจ้าต้องการเปลี่ยนสีของท้องฟ้า
ที่อยู่ใต้ข้าฯตั้งแต่ต้น
เอ่ยอ้างพลังประชาชน
บนถนนประชาธิปไตย
มันเป็นเหตุ-เป็นผลของต้นเรื่อง
อาชญากรต่อเนื่องผู้ยิ่งใหญ่
จำเลย ๑๙ กันยานั่นไง
ผู้เข้าใจสำนวนรถถังบังภูเขา
..อย่างลึกซึ้ง..
.........กะลาสีเบจ (๘ มีนาคม ๒๕๕๓)
5 พฤษภาคม 2552 21:00 น.
กะลาสีเบจ
บทนิทานเรื่องเล่าเต่ากระต่าย
หวังพี่ชายกล่อมขับให้หลับใหล
ซุ่มสำเนียงไม่เหมือนแม่ผู้จากไป
แต่ดวงใจใช่ลดละพยายาม
แล้ว..ทำไม..ยังร้องเจ้าน้องข้า
ด้วยปัญญาพี่ชายหมายจะห้าม
เสียงร้องร่ำหนักหนาท่าลุกลาม
เกินติดตามน้องยามาเข้านอน
ด้วยหมดทางจึงวิ่งออกนอกกระท่อม
ก้มนบน้อมห่วงหรรบรรจถรณ์
ขอฟ้า ณ ราตรีเถิดวิงวอน
โปรดอาทรให้ข้ามาหยิบยืม
กระต่ายน้อยในจันทราหันมายิ้ม
กระโดดจากแม่พิมพ์เพราะปลาบปลื้ม
เป็นตุ๊กตาให้เด็กน้อยค่อยหลงลืม
ด่ำดื่มห้วงจินตนาการ
เอื้อมเด็ดดาวพราวพรรณราย
มาร้อยสายสะพายนับล้านล้าน
ทอประกายระยิบยับกัปแรมวาร
พาดผ่านประดับไหล่สไบดาว
เคลิบเคลิ้มจนตาปิดสนิทแนบ
มุดอิงแอบอ้อมแขนแสนเหน็บหนาว
ผืนราตรีห่มร่างที่พร่างดาว
ให้เจ้าหญิงของข้าได้ฝันดี
........กะลาสีเบจ (๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒)
24 เมษายน 2552 14:19 น.
กะลาสีเบจ
ไอละอองกลิ่นควันอันหอมหวน
ลอยตลบอบอวลชวนลองลิ้ม
อุ่นทิพย์ร้อนร้อนมาเชิญชิม
เสพรสกรุ่มกริ่มอันโอชา
แล้ว..ลิ้นสบถน้ำลายกระจายกลั้ว
คลุกคั่วกลืน กรึก! กรึก! กระเดือกกล้า
แสยะสอมุมปากหากไหลมา
ตะบัดกลับทันตากลบอาการ
วงมโหรีเริ่มบรรเลงเพลงกระเพาะ
ทั้ง ดีด สี ตี เคาะ กระเพาะอาหาร
โป๊ะตึง! โป๊ะตึง ตึง! ทรมาน
มือประสานกุมท้องที่ร้องดัง
พยามยามปรุงแต่งตามตำรับ
ให้เสร็จสรรพรสชาติดังคาดหวัง
เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เต็มกำลัง
เพื่อสนองต่อมคลังความต้องการ
หากยามใดโหยหิวจนกิ่วท้อง
แม้ข้าวสวยรสพร่องทางพื้นฐาน
สวาปามอร่อยเหาะด้วยสันดาน
ประดั่งข้าวในจานเป็นกุ้งมังกร
สัจธรรมสามัญความอร่อย
ที่สรรหารูปรอยมาคอยสอน
แท้จริงแล้วคือรูปรส-ราคาทอน
หรือเสียงสั่นคลอนตอนกุมพุง
>........กะลาสีเบจ (๒๔ เมษายน ๒๕๕๒)
1 เมษายน 2552 00:20 น.
กะลาสีเบจ
ตื่นเช้ามองออกนอกหน้าต่าง
ให้ร่างผัสสะอรุณรุ่ง
สูดรับไอดินกลิ่นจรุง
ก่อนใครในมุ้งหลังเดิม
กิจวัตรเช้านี้ของวันนี้
เห็นทีมีใครเข้ามาเสริม
โอ้!..ดอกแดงบานผลิริเริ่ม
แต่งเติมสีสันของวันใหม่
...
..
..นานมาแล้ว...
...
..
มีเด็กชายบ้านนอกผู้หนึ่ง
ชอบซึ่งรวงรอกดอกไม้
เพาะปลูกไว้ริมรั้วขอบใน
ใส่ใจรดน้ำพรวนดิน
ต้นไม้ค่อยค่อยเติบใหญ่
ผลิกิ่งก้านใบบนแร่สิน
หวังออกดอกให้ยลยิน
ประดับกลิ่นกลางใจเด็กน้อย
วันแล้ว..วันเล่า...ผ่านล่วง
ไร้เงาดอกดวงระรวงร้อย
วัชพืชยาตรามาทยอย
กัดกร่อยกินแก่งแย่งชิง
ผืนดินปริแยกแตกระแหง
หน้าแล้งร้อนเผาดั่งเตาผิง
หอบลมผลัดใบต้นไม้ทิ้ง
ชีพจรแน่นิ่งประวิงร่าง
ฤดูร้อน..ก็ผ่านพ้น
ชะตาห่าฝนไม่เข้าข้าง
กระหน่ำใส่กิ่งก้านอันปรอบบาง
หักร้าง..สาหัส..สากัน
กัดฟันหยั่งรากต่อสู้
แล้วฤดูโหดร้ายก็ผ่านผัน
ปีแล้ว..ปีเล่า...นานวัน
ต้นไม้ยังอึดกลั้นลมหายใจ
ยืนระยะ..รอดินฟ้าอากาศ
ธรรมชาติห้วงวันอันสดใส
จะเบ่งบานด้วยความภาคภูมิใจ
ตอบแทนเด็กชายผู้นั้น
...
..
เมื่อวานมองออกนอกหน้าต่าง
เห็นต้นไม้ยังเดินทางอยู่ที่นั่น
หวังว่า..จะผลิดอกในซักวัน
แม้ฝันยังห่างไกล..ความเป็นจริง
........กะลาสีเบจ (๑ เมษายน ๒๕๕๒)
31 ธันวาคม 2551 19:35 น.
กะลาสีเบจ
ณ ดินแดนสองแห่ง
ต่างแบ่งอารยะชนชั้น
ด้วยมือถือโอกาสไม่เท่ากัน
จึงหยิบยื่นแบ่งปันไม่เท่าเทียม
ณ บางแห่งโอกาสเหมือนแม่น้ำ
ไหลท่ามสองฟากปากสามเหลี่ยม
ให้ผู้คนตวงตักอย่างตระเตรียม
เต็มเปี่ยมตักได้ไม่หมดสิ้น
อาจทำหกพื้นเรี่ยราด
หรือจงใจเทสาดกระจาดสินธุ์
ราวสิ่งไร้ค่าหญ้าดิน
เมื่อหมดกินหมดใช้ก็ใส่เติม
...
..
ณ บางแห่งโอกาสเหมือนบ่อน้ำ
ท่ามกลางทะเลทรายแซมเสริม
ต้องเดินทางค้นหามาแต่งเติม
เดิมพันความผิดหวังทั้งชีวา
เศษเสี้ยวสิ่งไร้ค่าของคนหนึ่ง
จึ่งเป็นอัญมณีอันมีค่า
ส่องประกายแสงสว่างทางมา
เป็นกำลังวังชาให้..อีกคน
....
...
..
เหมือนเป็นสิ่งเลือกสรรกันไม่ได้
จะ..ฝั่งน้ำ..ทะเลทราย..แห่งหน
เมื่อเกิดมาต้องสู้ชะตาตน
เผชิญบนเวลาที่เหลืออยู่
หากผ่านสายน้ำแห่งโอกาส
จากธาตุอุดมสมบูรณ์สู่-
แหล่งแล้งชุ่มฉ่ำงามดู
ริมฝั่งน้ำจะคู่..ทะเลทราย
ใกล้เพียง..เอื้อมมือ
สวัสดีปีใหม่ครับ
.......กะลาสีเบจ (๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑)