25 เมษายน 2551 01:44 น.

ดอก..บัวตอง

กะลาสีเบจ

         ไกลสุดกู่สูงลิ่วทิวบรรพต
เทือกจรดดินแดนแคว้นเขตขาม
เป็นป่าเขาดอยดงพงอาราม
เลื่องลือนามวัฒน-ประเพณี

มองรอบข้างแวดล้อมย้อมด้วยป่า
ไอน้ำตาขาวโพลนโทนวิถี
ท่วงทำนองธรรมชาติวาดดนตรี
เสียงกวีหรีดหริ่งกริ่งลำนำ

ณ  สังคมกรอบกั้นหมั่นจารีต
ตีเส้นขีดเมืองแมนและแดนถ้ำ
เพื่อบัวตองแรกแย้มมิแต้มดำ
สอนฝังจำเอกลักษณ์สำนักดอย

เฝ้าถนอมดอกบัวตองในช่องเขา
ผลิทำเนากลายสีทีละน้อย
เฝ้าพรวนดินในรางกระถางดอย
หวังเจ้าคอยสืบสานตำนานพงศ์

แต่เทคโนฯ กระแสเชี่ยวอันเกรี้ยวกราด
รุมผงาดจมใจให้ลุ่มหลง
ดอกบัวตองถูกปลิดจากถิ่นดง
แล้วตามลงเปิดหูรูม่านตา

จากเครื่องแต่งเรือนร่างพรางทุกส่วน
รูปกระบวนมารยาทไร้เดียงสา
เริ่มสดับรับเล่ห์เทมารยา
ย้อมบัวตองหมดค่า..ราคาคน

เดิมกระโปรงดงเผ่าเท่าตาตุ่ม
เหลือคงคลุมคืบเดียวให้เหลียวสน
สิ่งเคยลับวับแวมแย้มตาชน
สิ้นตัวตน..สิ้นสาว..คาวราคิน

ดอกบัวตองเติบใหญ่ในบึงกาม
ถูกประณามตำหนิและติฉิน
จะงอกงามอวดสีบนธานินทร์
คงเฉพาะฐานถิ่นกลิ่นดอยดง

บัวตองเอ๋ย..กี่ดอกแล้วกี่ดอกเล่า
ที่ลืมเงาหายลับกับฝูงหงส์
อย่าไปเลยเป็นข้าไทให้นายองค์
บัลลังก์ดงยังรอเฝ้า..เจ้ากลับมา

.....กะลาสีเบจ (๒๕ เมษายน ๒๕๕๑)				
5 เมษายน 2551 11:59 น.

เมื่อโลกนี้..ไม่มีมนุษย์

กะลาสีเบจ

       ใช่นิยงนิยายบรรยายอ้าง
ใช่การ์ตูนเล่มละสตางค์ที่เพ้อฝัน
เมื่อโลกนี้..ไม่มีมนุษย์ทุษทัณฑ์
ท้าประชันธรรมชาติพิฆาตดุล

คงไม่ต้องรอนานถึงกาลหน้า
ความเก่งกล้าอหังการผ่านสมุน
ในไม่ช้าคงสลายมลายจุน
ตามโทษทุนธรรมชาติฟาดลงทัณฑ์

กรรมหนาแท้มนุษย์สุดประเสริฐ
คิดชูเชิดชูคอหนอชนชั้น
กำพืดเจ้าแค่ลิงค่างกลางไพรวัลย์
ชะตาสั้นเส้นขาดเจ้าวาดเอง

เคยกระทำย่ำยีธุลีฟ้า
เซ่นสังเวยผืนป่ามาข่มเหง
เอาเทคโนฯรุกล้ำมิยำเกรง
ร่างบรรเลง"ป่าปูน"บนมูลดิน

ธรรมชาติสุดทนจนเกินอิ่ม
เคาะสนิมพยาบาทกวาดให้สิ้น
ร่างมนุษย์จงสาบสูญอาดูรดิน
ถึงเวลาคืนกลิ่น..ถิ่นดำบรรพ์

พลังงานทุกหลุมขุมขับเคลื่อน
หยุดเขยื้อนขยับสดับฝัน
เมื่อขาดคนควบคุมรุมดึงดัน
ชะงักงันตลอดบ่วงห่วงคล้องคลอ

แสงสว่างศิวิไลซ์ในโลกหล้า
ดับทันตาตึกร้านทั้งบ้านหอ
เคยส่องแสงท้าจันทร์ประชันทอ
แล้วไหนหนอแสงเดิมเหิมอวดดี

สายแม่น้ำทะเลเห่เกรี้ยวกราด
ทยอยเพิ่มปริมาตรผงาดผลี
จากตลิ่งคลืบคลานฐานธานี
จนล้นปรี่ท่วมทับ..ลับบาดาล

หาก..ความพินาศเปรียบเช่นโดมิโน
เบี่ยงเซโซสะกิดเรียงเพียงล้มผ่าน
ยามสิ้นเงาตัวสุดท้ายล้มหงายคลาน
ทุกทุกสิ่งต้องอันตรธาน..ลานลับไป

......กะลาสีเบจ (๕ เมษายน ๒๕๕๑)				
17 มีนาคม 2551 11:25 น.

เจ็บ..แต่ก็..โอเค

กะลาสีเบจ

      บนหนทางย่างก้าวราวชีวิต
จตุรทิศส่องแสงแห่งมนต์ขลัง
ดึงดูดใจคนกล้าบ้าพลัง
ผู้อหังการกล้าท้าต่อกร

เสรีทางเสรีใจในทางเยื่อง
ย่างบาทเบื้องพลาดบ้างบนทางสอน
ความลำบากขวากหนามตามราญรอน
ประสบก่อนพบเห็นเส้นทางชัย

ความทุกข์ยากตรากตรำระกำสู้
มีทุกรูขุมขนบนทางไขว่
คอยยื้อแย่งฉุดรั้งกำลังใจ
ทั้งต้นปลายเดินไปให้แยบยล

ซึ่งแน่นอนหนทางครั้งย่างย่ำ
อุปสรรคกระหน่ำย้ำปี้ป่น
พอได้ทีขี่แพะไล่ให้อับจน
ยอมจำนนมารร้ายในกายตัว

อย่ายอมแพ้ยกธงเพื่อคงร่าง
เพื่อปูทางอุปสรรคได้ชูหัว
ทางว่ามืดแปดด้านน่ากร้านกลัว
จุดสว่างอันสลัวก็ย่อมมี

ครั้นเลือกกล้าเลือกก้าวอย่างห้าวหาญ
ให้ทนทานทุกข์ยากลำบากนี้
เขียนสันดานให้หาญกล้าท้าโลกีย์
ชุบชีวีด้วยฝันอันงดงาม

ฉันยอมรับความเจ็บที่เหน็บห้วง
แต่เพื่อดวงไฟฝันอันอร่าม
ถึง..เจ็บ..กับอุปสรรคมันประณาม
ยัง..โอเค..เผชิญง่ามไม่คล้ามกลัว

แล้ววันหน้าที่ความดีมียาวยืด
ทุกข์จางจืดดับแสงแห่งขลาดขรัว
เราพร้อมเล่าเหตุการณ์โง่โง่โชว์ใจตัว
ในวันนี้อย่างเชิดหัว..ไม่เขินเลย

.....กะลาสีเบจ (๑๗ มีนาคม ๒๕๕๑)				
5 มีนาคม 2551 15:25 น.

..โรคทรัพย์จาง..

กะลาสีเบจ

       เศรษฐกิจในประเทศเพทอาภัพ
ข้าวของปรับขึ้นราคาทุกวาแผง
เป็นที่มาของสาเหตุเศษเชื้อแรง
ทั่วระหนทุกระแหงแข่งกันเป็น

โรคทรัพย์จางภัยร้ายสหายซี้
ในสังคมยุคนี้ที่ทุกข์เข็น
เงินซักบาทพร่ำหาเลือดตากระเด็น
สุดลำเค็ญกว่าจะได้ในงานการ

สาเหตุโรคคือข้าวของสิ่งต้องใช้
ถีบราคาขึ้นไปดั่งไฟผลาญ
กินร้านไหนเห็นกระดาษพาดประจาน
1 มีนา ผ่าน ขึ้น 5 บาท ทุกจานใบ

นิสัยจ่ายก็เป็นสาเหตุหลัก
เดี๋ยวก็ควักเดี๋ยวก็กดหมดไฉน
เดี๋ยวก็ซื้อเดี๋ยวก็เปลี่ยนวนเวียนไป
ยิ่งเติมไฟเชื้อบริโภคโรคทรัพย์จาง

อาการโรคดูง่ายภายเปลือกนอก
เครียดจนหอกยืดยาวดั่งว่าวหาง
รอยตีนกาชัดเด่นเป็นสายทาง
หน้าเหมือนร้างความสุข..ทุกลมหายใจ

ตาละห้อยกร่อยแสงแห่งประกาย
พักขนขวายเที่ยวเตร่เร่หนไหน
ยามนอนหลับพับตาไม่พาไป
สุขภาพใจเสื่อมโทรมกระโจมกิน

ระยะโรคเริ่มฟักตัวแต่กลางเดือน
เชื้อเชือดเฉือนฝังกายทำลายสิ้น
ทีละแดง ทีละม่วง บ่วงอาจินต์
เริ่มสดับรับกลิ่น..ความจางเจือ

ถึงระยะสุดท้ายวันปลายเดือน
ร่างทั่วเรือนโรคร้ายทำลายเถือ
ต้องอดทนกัดดินกินก้อนเกลือ
รอวัคซีนมาฉีดเพื่อเจือทุเลา

วิธีป้องกันรักษานั้นมีมาก
ไม่ลำบากก็หยิบยืมของเพื่อนเขา
กู้ตรงนั้นโปะตรงนี้ให้ตื้นเบา
กู้ตรงโน้นโปะให้เขาเรากู้เพลิน

แค่วัคซีนได้ผลจนเดือนใหม่
ความสดใสบินกลับมาถลาเหิน
อาการร้ายไม่กรายกล้ามาล่วงเกิน
ครั้นรับเงินก้อนใหม่ในต้นเดือน

       เป็นวัฏจักรหมุนเงินงูกินหาง
ก่ออิฐร่างสร้างหนี้ถี่เสมือน
หัวกินหางเวียนวนเดือนชนเดือน
สัญญาณเตือนมาถึงจึงกู้ชน

ความพอเพียงเลี่ยงไปทำไมเล่า
รู้จักเอามาใช้ให้เกิดผล
พอ ในสิ่งที่ได้มากายาตน
เพียง ในคนที่เป็นคนบนปัญญา

       เขามีล้านเอ็งมีร้อยด้อยกำลังซื้อ
เงินในมือถือไปในร้านค้า
ควักเงินจ่ายตามเขาทุกเวลา
ก็..สมควรค่าให้เขาด่า..ไอ้คนจน

........กะลาสีเบจ (๕ มีนาคม ๒๕๕๑)				
2 มีนาคม 2551 14:36 น.

กว่าจะเป็น..รัก

กะลาสีเบจ

         หลากแง่มุมหลายเหตุผลถนนรัก
สร้างสลักสรรค์ผลึกเป็นปึกฐาน
รูปจะก่อร่างจะฉาบใช่คาบวาน
จิตผสานใจผสมอย่างกลมกลืน

กระทบบ้างกระทั่งแทกแผกความคิด
ทบพินิจทวนพิจารณาทุกวาผืน
ตักห่วงใยเตือนห่วงหาเคียงขายืน
ชดวันคืนใช้วันเพ็ญ..เป็นขมา

อ้อนฟากฟ้าวอนราตรีธุลีเมฆ
พัดวิเวกวีวิมานผ่านดาหา
เชื้อแสงนวลเชิญสวนแสงแห่งจันทรา
กล่อมกัลยา..เกลาห้วงฝันวันวุ่นวาย

หยิบสิ่งดียื่นใจคอบริสุทธิ์
เพิกให้หลุดถอนให้สุดจุดทุกข์หาย
หลอมวันวารรวมวันนี้คลี่ทุกข์คลาย
หักกิ่งทุกข์โหมเป็นสหาย..ท้าทายเกลอ

หนักอุปสรรคแน่นนิยามท่ามเราสอง
เด็ดมาคล้องดึงมาย้ำนำเสนอ
หลอมคืนวันรวมวันวาน..ที่..ผ่านมาเจอ
คุณคือเธอข้าคือฉันหมั้นดวงแด

.......กะลาสีเบจ (๒ มีนาคม ๒๕๕๑)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกะลาสีเบจ