4 เมษายน 2552 09:08 น.
กวีเดินดิน
เงาสะท้อนใส่สีลงกลางสระ
ใบปกปะผิวน้ำกลางบึงใส
ปทุมมากลีบงุ้มนุ่มละไม
อโณทัยชอนแสงแทรกอุบล
ผสมลงกับไอหมอกละลอกขาว
สีนวลพราวอ้อมล้อมฮ้อมประสม
เปรียบเสมือนเก็ดมณีที่พรั่งพรม
พริ้วลู่ลมลงบนกลีบสีเงินยวง
ยามลมพัดน้ำค้างล่วงดูหยดย้อย
ประดิษฐ์ดอยภาพเสมือนเช่นบวงสรวง
กระทบแสงนำค้างฝอยประดอยดวง
ตรักตรึกทรวงประโลมพิศประสิทธิ์กาย
ยามดอกโอนเอนอ่อนประนอมจิต
เหมือนชวนชิดให้หมู่ผึ้งคะนึงหมาย
น้ำหวานย้อยบริสุทธิ์ดุจเก็ดทราย
หากลิ้มพรายแม้น้อยนิดต้องติดทรวง
4 เมษายน 2552 08:24 น.
กวีเดินดิน
อยากจะเอื้อนคำกลอนย้อนสมัย
ความเป็นไปที่เกิดในสมัยก่อน
เขาตื่นเช้ากันไม่แพ้ทินกร
เริ่มกำจรสู้งานพานกำลัง
เขาล้วนมีสัจธรรมนำชีวิต
เขาทิ้งจิตคิดเอาเปรียบไว้เบื้องหลัง
เขาทำนาทำไร่พอประทัง
เขาแค่หวังที่จะเลี้ยงครอบครัวตน
เขาไม่คิดมีหรอกจิตริศษยา
เขาสัทธาในความดีบุญกุศล
เขาแค่คิดว่าทำดีจึงเป็นคน
เขาไม่สนความชั่วคั่วความเมา
เขาสามารถช่วยเหลือเผื่อเสมอ
เขาใช่แบ่งน้องเธอ นี่น้องฉัน
เขาใช่คิดแก่งแย้งชิงดีกัน
เขาสัมพันธ์ความคิดที่ตัวคน
แต่หากเทียบกาลก่อนกับตอนนี้
คงเห็นทีความคิดแยกแตกเป็นสอง
คนจะดีไม่ดีที่เงินทอง
เขาไม่ตรองความดีชี้ที่เงิน
เขาทำงานตึกอร่ามวงการใหญ่
เขาสนใจแค่ประโยชน์ความสุขสันต์
เขาแค่คิดหาได้ใช่พี่น้องกัน
ไม่สำคัญที่ฉันต้องสนใจ
3 เมษายน 2552 09:39 น.
กวีเดินดิน
เปรียบชีวิตก็เสมือนกระดาษปล่าว
เริ่มจากขาวสวยสะอาดไม่มีสี
หากแต่งแต้มสีอะไรคิดให้ดี
ชีวิตนี้เลือกเกิดได้แค่หนเดียว
แต้มสีฟ้าชีวิตนั้นก็สดใส
แต้มเขียวไปชีวิตนั้นก็สุขขี
แต้มสีแดงดวงชีวิตคงโชคดี
ทั่วทุกสีล้วนผสมเป็นตัวเรา
หากคนไหนหยิบพู่กันป้ายสีผิด
ภาพชีวิตคงออกมาไม่สวยสรรค์
เพราะเลือกสีที่ปาดป้ายไม่เข้ากัน
รูปภาพนั้นก็ออกมาดูไม่ดี
มองภาพเขียนก็เสมือนมองชีวิต
หากรูปผิดจงรีบคิดการเปลี่ยนสี
หยิบพู่กันป้ายสีสวยให้ดูดี
จิตจึงมีแต่ความสุขทุกข์ห่างไกล