20 พฤษภาคม 2552 21:52 น.
กวีเดินดิน
กลางหุบเขาแมกไม้เขียวสงบ
แสงกระทบริ้วน้ำต้นหญ้าเขียว
ดินแดนนี้มีเราแต่ผู้เดียว
มีขลุ่ยเรียวหนึ่งเลาเป่าคู่กาย
บรรยากาศความเหงาเงาเป็นเพื่อน
อาทิตย์เลือนหมดแรงเริ่มหดหาย
เหมือนดังมีแรงหนึ่งเข้าเต็มกาย
ปลายนิ้วพรายทาบเป่าขลุ่ยอาวรณ์
เป็นเหตุใดไฉนเราหลงรัก
เหมือนสลักไม่มีใครมาสอน
ชอบเป่าเพลงเหงารักที่อาทร
ออกกำจรหลีกกายเดียวดายมา
มีเสียงนกคอยบรรเลงแซมเป็นเพื่อน
หมองรางเลือนเป็นม่านคลุมเคหา
มีทิวทัศน์สวยงามตระการตา
จินตนาโลดแล่นท่วงดนตรี
มนต์เสียงขลุ่ยสะท้อนทั่วหุบเขา
สายลมเป่ากลับไม้หลายหลากสี
ร่วมพลิ้วเอนโบกพัดตามดนตรี
สุขฤดีแม้มีเพียงตัวเรา
18 พฤษภาคม 2552 22:03 น.
กวีเดินดิน
หางนกยูงยืนต้นขึ้นกลางทุ่ง
ดอกจรุงสีแดงแผ่เวหา
โดนลมพักพลิ้วกลีบโปรยลงมา
เหมือนธาราไหลลงสู่พื้นดิน
กลับรูปพัดแต้มสีให้ท้องทุ่ง
ช่วยแต่งปรุงทิวทัศน์ให้มีศิลป์
เหมือนดังมีผู้เป็นศิลปิน
ทุ่มชีวินป้ายพู่กันรังสรรค์มา
พุ่มดอกแดงแซมเหลืองประดับกิ่ง
ดูสวยยิ่งเรือนไม้พันธุ์พฤกษา
เหมือนออกดอกแข็งอาทิตย์เหมือนเมธา
ตระการตาเหมือนเร้าเหล่าภูมร
บนพื้นดินแดงฉานเพราะกลีบร่วง
หล่นจากพวงเหมือนดังโดนแรงศร
หรืออาจเป็นการอำลาต้องอาวรณ์
พลิ้วลงนอนทิ้งกลีบทาบพื้นดิน
17 พฤษภาคม 2552 22:07 น.
กวีเดินดิน
กลีบดอกบางสวยงามยามแลเห็น
สีบานเย็นชมพูหลายหลากสี
กรวยช่อดอกชูกลีบรูปวงรี
บางดอกมีริ้วหยักพลิ้วขึ้นลง
เมื่ออยู่รวมติดดอกออกเป็นช่อ
แสงละออสีทองส่องประสงค์
เหมือนจะให้หมู่แมลงล้อมดอกดง
ช่วยผสมสายพันธุ์กลางราตรี
หากพินิจสิ่งสวยแต่ภายนอก
ไม่โดนดอกลองจับดูแต่สี
คงต้องคิดชวนชมมีแต่ดี
แต่บางทีอาจมีสิ่งซ้อนนัย
ภายใต้ดอกกลีบสวยยังมีอยู่
ยังมีคู่ซึ่งความขมใช่สวยใส
เหมือนดั่งคนชายหญิงไม่ว่าใคร
สิ่งข้างในอาจซ้อนในความดี
จงดูคนที่นิสัยใช่ใบหน้า
มองหน้าตาบางคนมีราศี
คงต้องคิดเป็นผู้มากมีรากดี
แต่บางทีอาจไม่ดีถึงจิตใจ
15 พฤษภาคม 2552 20:08 น.
กวีเดินดิน
ชีวิตคนก็เหมือนเช่นใบไม้
อยู่กระจายทุกที่ตามกิ่งต้น
ต่างนิสัยต่างความคิดเหมือนดั่งคน
ล้วนปะปนหลากสีต่างกันไป
ยามแตกใบขึ้นใหม่เขียวชอุ่ม
กระจายพุ่มสวยงามดูสดใส
มองแล้วสวยแช่มชื่นชุ่มจิตใจ
ก็เหมือนวัยตอนเด็กยังดูดี
โดดลมพัดฝนสาดแสงแดดเผา
ก็เหมือนเราเริ่มผ่านความสุขขี
ตอนยังเด็กชีวิตมีสุขดี
เพราะเคยมีพ่อแม่คอยดูแล
เวลาผ่านเราโตเป็นผู้ใหญ่
ทำอะไรใช่คิดตามกระแส
เพราะสังคมวันนี้เริ่มเปลี่ยนแปร
ไม่เหลียวแลสิ่งเก่าเอาของไทย
ใครฟังเพลงลูกทุ่งกลับล้าหลัง
ต้องฝรั่งเกาหลีตามสมัย
ลืมถึงชาติกำเนิดศิลป์ของไทย
กลับภูมิใจชาติอื่นตามนิยม
คนเก่าเก่าที่อยู่เขาจึงเห็น
ของไทยเป็นสิ่งลืมน่าขื่นขม
เพราะไม่อาจต้านทานความนิยม
หลงชื่นชมกับสิ่งที่เข้ามา
คนเหล่านี้ก็เหมือนใบไม้แห้ง
เริ่มหมดแรงเมื่อลมเป่ามาหา
ต้องหลุดร่วงหล่นไปตามเวลา
เพราะเกิดมาต้องถึงเวลาไป
คนมาใหม่ยังคงมัวรุ่มหลง
ไม่คิดปลงให้คิดให้สงสัย
หากปล่อยนานประเทศไทยเป็นอย่างไร
เพราะนิสัยคนเรามันเปลี่ยนแปลง
จงหันกลับมามองกันเสียใหม่
ว่าเป็นใครเปรียบเหมือนเช่นดังแสง
คอยชี้ทางคอยคิดคอยจัดแจง
ก็คือไม้ใบสีแดงที่พื้นดิน
ถึงพวกเขาจะเป็นใบไม้แห้ง
ก็มองเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่สูญสิ้น
เขาเป็นไม้ที่สุมบนพื้นดิน
ให้ชีวินพืชใหม่ได้เกิดมา
4 พฤษภาคม 2552 15:22 น.
กวีเดินดิน
เงียบสงัดค่ำเช้า วังเวง
ไทรใบยาวครางเพลง กล่อมเศร้า
ลมโชยผ่านบรรเลง เสียดร่อง ไม้เอย
ฟังเมื่อใดบอกเค้า ด่ายดิ้นวิญญาณ
ฮูกมาครวญช่วยให้ หลับนาน
นอนร่างกายกลับพาน ไม่ฟื้น
ผงดินฝุ่นรอนราน กลบร่าง สิ้นแฮ
พงษ์เผ่าญาติสะอื้น ร่ำไห้อาดูร
เราทุกคนไม่พ้น ความตาย
ดวงชีพพังทลาย กล่ำเศร้า
เงินทองมีมากมาย หาช่วย ได้เอย
ถึงพร่ำบอกวอนเว้า ไม่ฟื้นคืนมา