27 กันยายน 2552 10:24 น.

ลิขิตฟ้า...แค่โจทย์

กวีบ้านไร่

หลากหลายร้อยบทโหดเหี้ยม จากฟ้า
โหมเข้ามา จนฟันฝ่า ล่าจุดหมาย
หลายร้อยครั้งเกือบพลาด ชีพเกือบวาย
ตะเกียกตะกาย ต่อสู้ จึงเป็นคน

คำว่าคน คำนี้ 
ยากเกินที่จะนิยาม จึงขวายขวน
หรือนิยาม คือการต่อสู้ดิ้นรน
หรือว่าคน คือการแย่งชิงกัน

เราเป็นคน คนหนึงที่แข่งฟ้า
หลอกชะตา ที่เล่นกลย์ จนน่าขำ
ชะตาฟ้า ขีดเส้นร่าง ข้างกายนั้น
ไม่ใช่กัลย์ สุ่มร่าง โปรดก้าวเดิน

อย่ายอมให้ฟ้าลิขิตชีวิตนี้
ทุกนาที ต่อสู่น่าสรรเสริญ
หากพลาดพลั้ง อย่ารั้งจงเผชิญ
ก้าวย่างเดิน ต่อสู่ ให้รู้กัน

จริงแท้แล้วฟ้าไม่ได้ลิขิตเขียน
แต่คอยเตือนให้รู้ผล ของขันธ์
ความร้อนรุ่มสุ่มร่างเป็นไฟกัลย์
ก็เพราะนั้น ตัวเราสร้างกรรมขึ้นมา

ตนคิดก่อ อย่ารอผลกรรมที่สร้าง
โปรดจงวางแนวทาง ให้คิดหา
กรรมใดทำ กรรมใดสร้างมันขึ้นมา
สติปัญญา ฟ้าให้ มาแก้ไขดู

หากเรายอมอ่อนตามกรรมลิขิต
ทั้งชีวิตมีสิ่งใด น่าอดสู
อย่าให้ฟ้า มาขีดเส้นให้คิดดู
ก็เพราะรู้ ตัวเราลิขิต เรา

กลอนนี้มอบให้เพื่อนคนหนึ่งที่เข้ามาอ่านกลอนของกวีบ้านไร่ และขอโทษด้วยที่ไม่ได้เขียนกลอนให้ เพราะช่วงนี้ ว ๔ หนาแน่นมาก				
13 กันยายน 2552 21:40 น.

แสงระวี ที่แดนใต้ ตอน 2 วาจาเด็ดลูกกรีดยางกับหมวดหนุ่ม

กวีบ้านไร่

ชายสูงร่าง ยิ้มแย้มด้วยเป็นมิตร
สิ่งที่คิดถึงโจรป่า  ที่มาถาม
ชาวพื้นที่ต่างรู้ดี ทุกโมงยาม
วิถีตาม ชีวิตเราต้องทำ

กลัวโจรฆ่า กลัวมาก และกลัวยิ่ง
ด้วยความจริง เรากลัวอดจนคิดขำ
หาไม่มาเสี่ยงตาย กับงานทำ
ก็ต้องชำเพราะอดตาย เรียงรายกัน

เห็นกี่รัฐบาลมา บอกมาแก้
ไม่เห็นแลความสุขทุกข์ บรรเทาขัณธ์
หรือพวกเราอยู่ใต้ จึงทิ้งกัน
หรือตัวท่านคิดอย่างไร ไหนบอกดู

ผมจึงฟังเรื่องราว หนาวจับจิต
ชวนให้คิดถึงชนวน ชวนอดสู
ใครคือคนที่สร้างป่ม ยากยั่งรู้
แต่ที่รู้คือ ชาวบ้านรับผลกรรม

ผมจึงตอบออกไปให้ความหวัง
ลุงก็ยังมีเราอยู่ คู่อุปภัมป์
มีใบบุญองค์สูงฟ้า มาไล่กรรม
และไพร่ฟ้านำ แนวดำริ มาบรรเทา

เราทหาร ข้าราชพระบาทท่าน
มาช่วยกันคุ้มครอง  อย่าอับเฉา
จงเชื่อมั่น ต่อแต่นี้มีพวกเรา
เราจะเฝ้าคุ้มครอง อย่ากังวล

ลุงจึงตอบชอบใจ ให้หัวเราะ
ฟังสะเนาะนะหมวดหนุ่ม จนฉงน
ที่หนุ่มว่ามาคุ้มครอง ปกต้องตน
เราทุกคนจะช่วยกันมั่นบรรเทา

เราเห็นท่าน หลายท่านมาหลายร้อย
แต่ทยอยหายจาก จนน่าเศร้า
เราเห็นท่านมาแก้ไขให้บรรเทา
จึงได้เอาใจช่วย ร่วมช่วยกัน

แต่หนทางที่หมวดว่า แค่เริ่มต้น
แต่ด้วยหน ทางเดิน ที่ยาวนั้น
ปัญหาสร้างมากโข่ จนหลงกัน
ผูกป่มมั่นหลายร้อยป่ม ก็ค่อยทำไป...............(โปรดติดตามตอนที่ ๓ )				
6 กันยายน 2552 14:21 น.

ระวีที่แดนใต้ ตอน ครั้งแรกที่ต้องลงใต้

กวีบ้านไร่

แสงสีทอง ส่องฟ้า สว่างแจ้ง
ลำสีแดง แทงผ่านฟ้า สว่างไสว
หมู่มวลนกก็บินว่อน งามจับใจ
มวลหมู่ไม้ ก็เขียวแย่งแข่งแสงทอง

เขียวสีไม้ พลายสลับ สดับเสียง
นกบินเรียง ลงพัก เสนอสนอง
ยอกเล่นไม้ พลายเล่นขน ยลทำนอง
ส่งเสียงร้อง  กล่อมป่า น่าเชยชม

ส่วนมวลหญ้า ลากล่าวสาวน้ำค้าง
บอกถึงลางจากฟ้า ลาสุขสม
เห็นแดดออก หยอกหญ้า ให้ลาลม
น้ำค้างตรม จึงพรมรัก ให้หญ้านวล

ส่วนหมอกขาว พราวแสง สำแดงรัก
ลมเล่นทัก พัดร่างขาว สาวก็หวน
หยอกล้อแสง อาทิตย์ ที่ลงกวน
จนร่างนวล จางแจ้ง เพราะแสงลง

ส่วนชาวไร่ ในสวนยาง ย่างก้าวกรีด
หวังจะรีดน้ำยาง ตามประสงค์
ยางสีขาว ราวนางฟ้า ค่อยหยดลง
เปรียบดังหงษ์ สยายร่าง อย่างงดงาม

ตามเสียงเดิน เพลินกรีดสวน ชวนให้เห็น
ลมก็เย็น จนกระเซ็น จึงร้องถาม
ไม่กลัวบ้างหรือไร ในฤกษ์ยาม
ที่ลือนาม มีโจร ป่า ไล่ฆ่าคน.........(โปรดติดตามตอนที่ ๒)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีบ้านไร่
Lovings  กวีบ้านไร่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีบ้านไร่
Lovings  กวีบ้านไร่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีบ้านไร่
Lovings  กวีบ้านไร่ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีบ้านไร่