20 พฤศจิกายน 2552 22:33 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
เผอิญว่า คุณญามี่ บอกผมทางเมล์ว่า ฉ้ำซึ้ง กะ คำว่า เหมือนมีหมื่อน
สองคำผิด เสียงด้วยกันทั้งคู่
แลขอขอบคุณพี่ สดายุ ด้วยครับ ที่มาวิจารณ์ และแนะนำผมในข้อนี้
ผมจึงแก้คำเหล่านั้นเป็นคำของผม แม้ความหมายจะไม่ดีมาก แต่ก็แก้ขัดได้บ้าง 5555+ เอาไว้ให้ชำนาญ ค่อยว่ากันครับ อิอิ
*คอยคำ น้ำหนึ่ง หึงหวงแหน
ทดแทน แฟนใฝ่ ใส่ทรวงศรี
ก่อนไกล ไยเย้า เมามากมี
ปานปี ที่ทาง ร้างแรมรอน
*คอยคำ รำลึก นึกโน้มหน่อย
กาลกร่อย ร่อยหรอ ถ่อถ่ายถอน
เจ็บจำ ย่ำแย่ แง่เง้างอน
ออดอ้อน วอนหวัง ยังยืดยาว
*คอยคำ ล้ำลึก ตรึกตรองต่อ
ขืนขอ ก่อก้อย ห้อยห้วงหาว
ผูกพัน มั่นหมาย หลายเรื่องราว
ดั่งดาว คราวเคลื่อน เดือนเด่นดวง
*คอยคำ พร่ำพลอด สอดเสียงสาน
เนิ่นนาน หวานไหว ให้หึงหวง
มีไหม ใครคล้อย คอยเคียงควง
ถามทวง ห่วงหา คราคร่ำคืน
*คอยคำ ก้ำกึ่ง ถึงถามไถ่
เหลวไหล ในเนา เฝ้าฝากฝืน
คืนคล้อย ลอยเลื่อน เกลื่อนกล้ำกลืน
แข็งขืน ฝืนฝัน รั้นรวยริน
*คอยคำ ปล้ำปลุก สุขสร้างสม
พร่างพรม จมจิต ผิดผกผิน
นี่หนอ พอพร่ำ ย้ำยลยิน
แจ่มจินต์ ชินนช้ำ คำเคยคอย
ตามคำอธิบาย ของ คุณ ญามี่
กลบทดวงเดือนประดับดาว
เป็นกลบทที่บังคับซ้ำเสียง ๓ ชุด
กลอน๗ คำ คือ๒-๒-๓
และบังคับซ้ำเสียงสระที่๒-๓กับ๔-๕ทุกวรรค
ตัวอย่างบรมครู(นายทัดมหาดเล็ก:ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)
................................................
เจ็บจิตรมิตรหมางค้างเขินขวย
เวียนวงหลงลมงมงงงวย
ฉาบฉวยรวยเร่อเธอทุกทาง
โลมโลกโยกย้ายอายอกเอ๋ย
ชวดเชยเลยลามความแขวนขวาง
เคลื่อนคลายหมายใหม่ใจจืดจาง
เหินห่างว่างเว้นเล่นเลยละเลิง
ตัวอย่างอีกบรมครู (หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)
การกิจ ชิดเช่น เห็นเหตุโหด
ทางโทษ โฉดเชื้อ เนื้อแหนงแหน
เกลี่ยกลบ ลบเลื่อน เชือนชวนแช
กลแก้ แททำ งำเงื่อนเงา
ลวงเล่ห์ เททอด สอดเสแสร้ง
เกลื่อนแกล้ง แต่งต่อ ข้อขำเขา
ยกอย่าง อ้างอวด ลวดเลศเลา
กล่าวเกลา เนาแนบ แยบยลยวน
ปกปิด มิดเม้น เส้นเสี้ยนสิ้น
ลมลิ้น ยินเย็น เห็นหกหวน
ฟังเฝือ เหลือล้ำ คำคมควร
เล่ห์ล้วน ป่วนปิด กิจกลการ
ตัวอย่าง กลอนที่เกี่ยวข้อง
สายฝน(ด้วยกลบทดวงเดือนประดับดาว) โอเลี้ยง
ฝอยฝน-หล่นหลั่ง-พรั่งพรูพลิ้ว
โปรยปลิว-หวิวไหว-ไล้รดรื่น
ขื่นคลาย-คล้ายคลุม-ชุ่มแฉะชื้น
ดาดดื่น-ตื่นตา-ฝ่าฝนฟ้า
พบพื้น-ลื่นไหล-ไฉนนิ่ง
เก็บกิ่ง-กลิ้งกล่น-หล่นรกหล้า
แมกไม้-ใบบาง-ต่างต้องตา
จิตจับ-ปรับปร่า-พาผ่านพ้น
ใส่สุข-รุกร้าว-ก้าวไกลกร่อน
นิ่งนั่ง-หวังวอน-ร้อนลุกล่น
เหยียบย่ำ-น้ำนิ่ง-วิ่งวกวน
ซุกซน-ล้นรื่น-ชื่นชุกชุม
กลิ่นกวน-หวนหอม-ล้อมเลาะไล้
ไม้แมก-แบกใบ-ไซ้ซุกสุม
กล่นเกลื่อน-เปื้อนป้าย-ส่ายซุกซุ้ม
รวยรุม-คุมเคลิ้ม-เพิ่มพ้อเพ้อ
ดงดิน-กลิ่นใกล้-ไออวลอาบ
ยืนยิ้ม-พิมพ์ภาพ-หาบหวงเห่อ
เหม่อมอง-คลองคู-รู้เลิศเลอ
สุขซบ-พบเผลอ-เหม่อมื่นมน
ฝนฟ้า-พาผล-ค้นเคลิ้มคิด
ทุกทิศ-ปิดป้อน-ซ่อนสับสน
คืนค่ำ-ด่ำดื่ม-ลืมร้อนรน
ผ่านพ้น-ต้นตอ-ทอทุกข์ทัก
โลกหล้า-น่านอน-สอนสุขสรรค์
ใฝ่ฝัน-พลันพบ-ทบถมถัก
อย่าอยู่-คู่ขม-ชมช้ำชัก
เดินดัก-ผลักผ่าว-ร้าวเลิกรา
****************************************************************
เมื่อรัก..ชะงักที่ช้ำ (ด้วยกลบท ดวงเดือนประดับดาว) โดย: ญามี่
บนบาน กาลก่อน ผ่อนผ่าวเผา
เจิมจิต ปิดเปล่า เงาเหงาหงอย
นำหนาว ร้าวร้อน ร่อนลิ่วลอย
คิดคอย สอยสุข ซุกซ่อนทรวง
เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย คล้ายคุมข้าง
เวิ้งว้าง คว้างเคว้ง เร่งไหลร่วง
คนเคย เลยลับ ปรับเปลี่ยนปวง
ท่าท้วง ช่วงชา คร่าคนคอย
รักลอย ปล่อยปอง จ้องจ่อเจ็บ
กักเก็บ เหน็บนิ่ง สิงโศกสร้อย
ช้ำชอก พอกพร่ำ ร่ำรุกรอย
ยอกย้อย ร้อยไล้ ไหววังเวง
ฝอยฝัน สั้นสิ้น กลิ่นเกยก่าย
โปรยปราย หายหวน กวนเกี่ยงเก่ง
คืนค่ำ ร่ำรอ ก่อกลัวเกรง
แผ่วเพลง เร่งเรียก เพรียกพล่ามพรม
ฟังฝืน ตื่นตัว รัวลุกร่น
ปวดปน ทนทุกข์ คลุกขื่นขม
ชังชอก หลอกลัก หลักรักล้ม
ทับถม จมจ่อม ตรอมตามตวง
ลยแล้ว แผ่วพ้อ หล่อหลักรัก
ตวงตัก หลักราญ นานหนักหน่วง
ปล่อยปลด จดจิต คิดคลายควง
ทับถ่วง ทรวงเศร้า เผาเพ้อแพ้
รักลับ ปรับเปลี่ยน เวียนแวะว่าง
ทุกทาง ขว้างขม พรมพอกแผล
ใจจาง ด่างด่าว ราวลืมแล
กลัวแก้ แชเชือน เหมือนหมายมี...
/////////////////////////////////////////////
แน่นิ่ง(กลบทดวงเดือนประดับดาว) กฤตศิลป์ ชินบุตร
เมียงมองน้องนวลชวนฉ่ำชื่น
ยิ้มยื่นรื่นรมย์ชมแช่มช้า
เพ่งพิศพินิจนางช่างชินชา
เหว่หว้าราร้างหมางหมองเมิน
เจ้าจรร้อนรุ่มกลุ่มกัดกิน
แด่วดิ้นสิ้นเสือเยื่อใยเยิน
ทางเทียวเปลี่ยวปล่อยพลอยพาเพลิน
ดารเดินเกินแก้แน่นิ่งนาฯ
การแต่ง
X X Y Y + + +
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ ชุด จำนวน ๒-๒-๓ ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๒-๓ และ ๔-๕ ทุกวรรคลักษณะบังคับเช่นนี้ เป็นเช่นเดียวกับอักษรสลับล้วน แต่ลดจำนวนคำ ในแต่ละวรรคลงเหลือวรรคละ ๗ คำ
////////////////////////////////////////////////////////////
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=339725
กลบท ดวงเดือนประดับดาว
มีข้อบังคับให้แต่ละวรรคภายในบทมีจำนวน ๗ คำ และกำหนดให้มีพยัญชนะ
ต้นเสียงเดียวกัน ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มแรก คำที่ ๑ คำที่ ๒ กลุ่มที่สอง คำที่ ๓ คำ
ที่ ๔ และกลุ่มที่ สาม คำที่ ๕ คำที่ ๖ คำที่ ๗ ซึ่งอาจเขียนเป็นอักษรได้ดังนี้
กก ขข คคค ดังแผน
เส้นที่โยงข้างล่าง คือ คำที่มีพยัญชนะต้นเสียงเดียวกัน
กลบท ดวงเดือนประดับดาว
เวียนวน คนคู่ ดูเดินด้น
วกวน วงแหวน แสนสดสวย
เดินด้อม ค่อมคู่ ดูดีดวย
แสนสวย รวยรำ จำใจจริง
เมื่อมอง จ้องเจ้า ขาวขวยเขิน
เพลงเพลิน เดินด้วย ย้วยย่างหญิง
เล่นล้อม น้อมนำ ตำต้อยติง
ย่างหญิง ยวนเย้า เข้าข้างเคียง (ค.อนุโลม)
เริงรำ ทำท่า พาเพียงพิศ
ศักดิ์สิทธิ์ มนต์มี ศรีส่งเสียง
ช่างชอบ เชิงชาย หมายมองเมียง
ออเอียง เมียงหมาย ชายชอบชม.
...หยาดกวี...
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๑
17 พฤศจิกายน 2552 16:18 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*อยากเอ่ยอยากอ้าง บางวัน อกหวั่นอกไหว
บางคนบางใคร ใจคิด ปะติดปะต่อ
ทุกหนทุกแห่ง แหล่งหล้า จะบ้าจะบอ
อยากเคล้าอยากคลอ หอห้อง เพียงน้องเพียงนาง
*ฝากจิตฝากใจ ให้เธอ อย่าเผลออย่าไผล
ระวาดระไว ไยต้อง อกหมองอกหมาง
ครวญคิดครวญคล้อย พลอยหม่น ระคนระคาง
ไม่จืดไม่จาง นางนี้ ทุกวี่ทุกวัน
* กระเหม็ดกระเหมียด เจียดเงิน กลัวเขินกลัวขาด
อเนจอนาถ ชาตินี้ ขยี่ขยัน
เป็นมั่นเป็นหมาย กายดับ ทุกกัปทุกกัลป์
รำพึงรำพัน ฝันอยู่ เคียงคู่เคียงครอง
*ฝังรกฝังราก ฝากร่าง คู่สร้างคู่สม
ขอชื่นขอชม นิยมเธอ เสนอสนอง
ลำบากลำบน ทนปรับ ประคับประคอง
ขนข้าวขนของ ครองชาติ มิคลาดมิคลา
คำอธิบาย ของคุณโอเลี้ยง
กลบทวิสูตรสองไข
เป็นกลบทที่คล้ายกลบทสะบัดสะบิ้ง
ต่างตรงบังคับเพิ่มตรงที่
๑. คำที่๑กับ๓ ต้องเหมือนกัน
๒. คำที่๗กับ๙ ต้องเหมือนกัน
๓. ซ้ำเสียงพยัญชนะ๒คู่ตรง๒-๔และ๘-๑๐
๔. ซ้ำเสียงสระอีก๒คู่ตรงคำที่๔-๕และ๖-๘
ตัวอย่างบรมครูพระองค์เจ้าคเนจร:ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ
.......................................
แสวงสวาทมาดมิตรสนิทสนอง
ไม่เว้นไม่วายหมายถวิลประคิ่นประคอง
สมานสมัครรักน้องประลองประโลม
แต่ปางแต่ไปไกลตานิรานิราศ
ก็ค้างก็ขาดคาดคิดเชยชิดเชยโฉม
ให้เห็นให้หวงทรวงประดุจจะทรุดจะโทรม
เพราะทุกข์เพราะโทมนัสถึงคะนึงคะเน
ตัวอย่างบรมครูหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)
ผเดิมผดุง มุ่งมาด ขนาดขนบ
ให้แจ้งให้จบ ครบพิศ นิสิทธิ์นิสัย
อย่าเพลิดอย่าเพลิน เมินพลั้ง ละลังละไล
วิจารณ์วิจัย ในเหตุ สังเกตสังกา
ระบิลระบอบ กอบการ สมานสมัคร
ประจงประจักษ์ แจ้งที่ ประสีประสา
ใช่กมใช่การ พานผิด ประดิษฐ์ประดา
ใช่ทางใช่ท่า อย่ายล กระวนกระวาย
ใช่เรื่องใช่ราว กล่าวโทษ ประโยชน์ประหยัด
พิบากพิบัด ทัดทำ ระส่ำระสาย
เสมอเสมือน เตือนตน ทุรนทุราย
ตัวอย่าง บทกลอนที่เกี่ยวข้อง
กว่าจะรู้รัก..ก็สายไป(ด้วยกลบทวิสูตรสองไข) โอเลี้ยง
คิดถึงคิดเคลิ้ม เริ่มรอน สู้ซ่อนสู้ซุก
จิตร้าวจิตรุก ปลุกแปลบ นาบแนบนาบหน่วง
อารมณ์อาลัย นัยซึ้ง เร้ารึงเร้าลวง
ในทุกข์ในทรวง ควงคบ รอพบรอพจน์
ห่างหน้าห่างนาน ขานคอย จิตปรอยจิตปร่า
หวนไห้หวนหา พร่าพร่ำ ย้ำย่ำย้ำหยด
ก่อนเกลียดก่อนกั้น คั่นเบื่อ ไม่เหลือไม่ลด
สลอนสลด ปดถี่ ใช่ที่ใช่ทาง
ทว่าทวาร ลานรู้ หดหู่หดห่อ
อยากเจออยากจ่อ คลอใคร่ เกินไสเกินสาง
วันนี้วันนาน ผ่านยาก เกินลากเกินล้าง
กอดหวั่นกอดว่าง พลางกรุ่น ตรมตุนตรมตาม
กลับมากลับไหม ใยเยื่อ รักเรื้อรักรก
สะท้านสะทก อกเจ็บ กับเหน็บกับหนาม
รู้แล้วรู้รส บทคด ขมรดขมลาม
คิดดลคิดดาม ล่ามรัก ปักหลักปักรอ
ที่รักที่หลอน สอนโศก มาโยกมาเหยียบ
ผะผ่าวผะเพียบ เลียบไล้ ช้ำใกล้ช้ำก่อ
คะนองคะนึง ดึงดิ่ง ละทิ้งละทอ
พะเน้าพะนอ คลอแค่ ร่ำแพ้ร่ำพอ
///////////////////////////////////////////////
http://www.watkoh.com/forum/index.php?topic=2259.105
ปีศาจราชาหมาป่าน้ำแข็งสีเงิน
Sr. Member
สวัสดีครับทุกท่าน
กลบทวิสูตรสองไข
จะอยู่จะยืนคืนไปให้ไหวให้หวั่น
เคียงกู่เคียงกันหวั่นไปจะไหนจะหนี
ในจิตในใจไหวไปให้ใหม่ให้มี
ไม่สดไม่สีมีใจต้องไปต้องเป็น
ยังคงยังคู่อยู่จิตไม่คิดไม่ค้าน
ยิ่งเนิ่นยิ่งนานกาลล่วงให้ห่วงให้เห็น
เปลี่ยนไปเปลี่ยนแปลงแคลงคลางให้ว่างให้เว้น
จะอยู่จะเย็นเช่นหมายไม่วายไม่วาง
พออยู่พอเย็นเห็นจริงในสิ่งในสรรพ
จิตดึงจิตดับนับจัดพึงขัดพึงขวาง
ทุกวี่ทุกวันกั้นกางไม่ว่างไม่วาง
ทุกที่ทุกท่านว่างเว้นจะเป็นจะไป
จะเกิดจะแก่แน่ดับจะลับจะลา
จะฟันจะฝ่าอย่าทุกข์ให้สุขให้ใส
จะรับจะรู้อยู่คงต้องปรงต้องไป
อย่าหวั่นอย่าไหวในจิตพินิจพิเนา
//////////////////////////////////////////////////////
http://www.watkoh.com/forum/index.php?topic=5.570
plyfha
Hero Member
กลอน: วิสูตรสองไข
จะมองจะเมินเดินคิดไร้จิตไร้ใจ
ไม่สดไม่ใสใจมองนั่งหมองนั่งหม่น
รักร้ายรักลวงห่วงกันใจคั้นใจคน
ใจสับใจสนวนเวียนไม่เปลี่ยนไม่แปลง
มองไฟมองฟ้าล้านักมาพักมาพิง
ใจจ้องใจจริงทิ้งทุกข์ขอสุขขอแสง
วันนี้วันไหนใจชาอ่อนล้าอ่อนแรง
ไม่ยื้อไม่แย่งแบ่งฝันฝากวันฝากวาง
ไม่เกรงไม่กริ่งหิ่งห้อยมาร้อยมารำ
นั่งจดนั่งจำคำคิดไม่ขีดไม่ขวาง
แสงน้อยแสงนำกำหนดใจจดใจจาง
มองคนมองข้างหมางเมินขอเกินขอไกล
***********************************************************
คำสะบัดสะบิ้ง ที่ค้นหาจาก ผลงานเก่า มีดังนี้
1 สนิทสนม 2 กระหนุ๋งกระหนิ๋ง 3 กระตุ้งกระติ้ง 4 ตะปัดตะป่อง
5 ประจ๋อประแจ๋ 6 ละลิ่วละล่อง 7 กระอักกระอ่วน 8 ระทึกระทวย
9 ประเดประดัง 10 กระทบกระเทียบ 11 ผสมผเส 12 ทุลักทุเล
13 ทุรนทุราย 14 ระอิดระอา 15 สลัวสลาย 16 ลำบากลำบน
17 ทุกแห่งทุกหน 18 ระหกระเหิร 19 ระทดระทวย 20 อร้าอร่าม
21 สมัครสมาน 22 กระทบกระเทือน 23 กระสับกระส่าย 24 กระจิบกระจอก
25 กระจุ๊บกระจิ๊บ 26 สะเงาะสะแงะ 27 กระด้างกระเดือง 28 กระเตาะกระแตะ
29 ระแคะระคาย 30 สะท้านสะเทือน 31 กระโดกกระเดก 32 สะอาดสะอ้าน
33 ขยับขยาย 34 ระเนระนาด 35 ตุปัดตุเป๋ 36 ตะเกียกตะกาย
37 ขยุกขยิก 38 สวิงสวาย 39 ทะนุถนอม 40 ประนีประนอม
41 พะรังพะรุง 42 กระด๊ำกระด่าง 43 ประสีประสา 44 พิโธ่พิถัง
45 ระมัดระวัง 46 ตะลึงตะลาน 47 ผสมผสาน 48 พะเน้าพะนอ
49 จะอี๋จะอ๋อ 50 กระวีกระวาด 51 กระบิดกระบวน 52 สงบสงัด
53 สงบสงัด 54 สะบักสะบอม 55 ตำรับตำรา 56 ประคบประหงม
57 สะลืมสะลือ 58 สะอึกสะอื้น 59 กระเหี้ยนกระหือ 60 กระจัดกระจาย
61 สงบเสงี่ยม 62 ประดิดประดอย 63 จะเด่นจะดี 64 สละสลวย
65 จะร่ำจะรวย 66 เป็นกัปเป็นกัลป์ 67 ราโคงราคา 68 มันเหลวมันไหล
69 เป็นพิษเป็นภัย 70 ลำบากลำบน 71 ไม่สะไม่สวย 72 สะอิดสะเอียน
73 พุทโธพุทธัง 74 ตามเกล็ดตามกลอน 75 มันลุ่มมันลึก 76 ระวังระไว
คำสะบัดสะบิ้ง ที่หามาจาก พจนานุกรม หมวด ก-ว มีดังนี้
1 กระป๋องกระแป๋ง 2 กระปริดกระปรอย 3 กะโหลกกะลา 4 กระเง้ากระงอด
5 กระจุ๋มกระจิ๋ม 6 กระป๊อกกระแป๊ก 7 กะโผกกะเผก 8 กระดุ๊กกระดิ๊ก
9 กงกำกงเกวียน 10 กระเสือกกระสน 11 กระวนกระวาย 12 กะล่อกกะแล่ก
13 กระชุ่มกระชวย 14 ชมดชม้อย 15 กระจุกกระจิก 16 เฉลิมฉลอง
17 เสนอสนอง 18 กระปลกกระเปลี้ย 19 ปะล่ำปะเล๋อ 20 สนับสนุน
21 สนุกสนาน 22 กระกรับกระเกรียบ 23 กระงกกระงัน 24 กระงกระเงิ่น
25 กระง่องกระแง่ง 26 กระง่อนกระแง่น 27 กระจุกกระจุย 28 กระจุ๋งกระจิ๋ง
29 กระฉอกกระแฉก 30 กระฉับกระเฉง 31 กระชดกระช้อย 32 กระซิกกระซวย
33 กระซิกกระซี้ 34 กระซิบกระซาบ 35 กระซี้กระซ้อ 36 กระซุบกระซิบ
37 กระซ่องกระแซ่ง 38 กระดกกระโดนโด่ 39 กระดักกระเดื้ย 40 กระดากกระเดื่อง
41 กระดิกกระเดี้ย 42 กระด้างกระเดื่อง 43 กระตรกกระตรำ 44 กระต่องกระแต่ง
45 กระทดกระทวย 46 กระทดกระทัน 47 กระทบกระทั่ง 48 กระทบกระเทียบ
49 กระทบกระเทือน 50 กระทบกระแทก 51 กระทกกระทวย 52 กระท่อนกระแท่น
53 กระท้อมกระแท้ม 54 กระบั้วกระเบี้ย 55 กระบี่กระบอง 56 กระบุ่มกระบ่าม
57 กระบู้กระบี้ 58 กระปรมกระป่า 59 กระปี้กระเปร่า 60 กระปอดกระแปด
61 กระป้อกระแป้ 62 กระผลีกระผลาม 63 กระฟัดกระเฟียด 64 กระมอมกระแมม
65 กระยิ้มกระย่อง 66 กระยึกกระยือ 67 กระหยึกกระหยัก 68 กระยืดกระยาด
69 กระย่องกระแย่ง 70 กระลับกระเลือก 71 กระลายกระลอก 72 กระวายกระวน
73 กระวูดกระวาด 74 กระสุงกระสิง 75 กระหมุดกระหมิด 76 กระหมุบกระหมิบ
77 กระหืดกระหอบ 78 กระออดกระแอด 79 กระอักกระไอ 80 กระอิดกระเอียน
81 กระอ้อกระแอ้ 82 กระอ้อมกระแอ้ม 83 กระเจอะกระเจิง 84 กระเจิดกระเจิง
85 กระเซอะกระเซอ 86 กระเซอะกระเซิง 87 กระเซ้ากระซี้ 88 กระบิดกระบวน
89 กระเยอกระแหย่ง 90 กระเวยกระวาย 91 กระเส็นกระสาย 92 กระเหน็จกระแหน่
93 กระเหม็ดกระเหมียด 94 กระเหม็ดกระแหม่ 95 กระเหี้ยนกระหือรือ 96 กระแดะกระแด๋
97 กระแทกกระทั้น 98 กระแนะกระแหน 99 กระแหนะกระแหน 100 กระโจมกระจาม
101 กระโฉกกระเฉก 102 กระโชกกระชั้น 103 กระโชกกระชาก 104 กระโซกกระเซ
105 กระโดกกระเดก 106 กระโตกกระตาก 107 กระโวยกระวาย 108 กระไอกระแอม
109 กอดแข้งกอดขา 110 กระง้องกระแง้ง 112 กระซึ่กกระซั่ก 113 กระตังกระติ้ว
114 กระติงกระแตง 115 กระตึงกระแตง 116 กะบึงกะบอน 117 กะบ่อนกะแบ่น
118 กะปรับกะปรอย 119 กะปวกกะเปียก 120 กะป้ำกะเป๋อ 121 กะผลุบกะโผล่
122 กะพรวดกะพราด 123 กะพรูดกะพราด 124 กะพร่องกะแพร่ง 125 กะริงกะรียด
126 กะรุ่งกะริ่ง 127 กะร่องกะแร่ง 128 กะลิ้มกะเหลี่ย 129 กะล่อมกะแล่ม 130 กะล่อยกะหลับ 131 กะวอกกะแวก 132 กะหนอกะแหน 133 กะหน็องกะแหน็ง 134 กะหร็อมกะแหร็ม
135 กะหลีกะหลอ 136 กะหลุกกะหลิก 137 กะเรกะร่อน 138 กะเรี่ยกะราด 139 กะเร่กะร่อน
140 กะเร่อ กะร่า 14 1 กะเล่อกะล่า 142 กะโตงกะเตง 143 กะโรกะเร 144 กาเรการ่อน
145 กินลมกินแล้ง 146 กินเหล็กกินไหล 147 ขจัดขจาย 148 ขมุกขมัว
149 ขมุดขมิด 150 ขมุบขมัว 151 ขยะแขยง 152 ขยักขย่อน
153 ขยักขย้อน 154 ขยับขยาย 155 ขยับเขยื้อน 156 ขยี่ขยัน
157 ขยุกขยิก 158 ขยุบขยับ 159 ขะมอมขะแมม 160 ขะมักเขม้น
161 ขะมุกขะมอม 162 ขะเย้อแขย่ง 163 ขึ้นไม้ขึ้นมือ 164 เขยอะขยะ
165 เขยิบขยาบ 166 เขยียวขย่อน 167 เขบ็จขบวน 168 ขะเย้อแขย่ง
169 เข้าที่เข้าทาง 170 คลับคล้ายคลับคลา 171 คูเรียงคูราย 172 คู่สร้างคู่สม
173 ค่อยเป็นค่อยไป 174 เงินดาวเงินเดือน 175 เงินเดือนเงินดาว 176 จะกรัจจะกราจ
177 จะกรุมจะกราม 1788 จับพลัดจับผลู 179 เจ็บไม้เจ็บมือ 180 เจ้าแง่เจ้างอน
181 ฉกาจฉกรรจ์ 182 ฉลวยฉลาด 183 ฉลาดเฉลียว 184 ฉลุกฉลวย
185 ฉวัดเฉวียน 186 ชระมุกชระมอม 187 ชะเวิกชะวาก 188 ชีวิตชีวา
189 ซะซิกซะแซะ 190 โซซัดโซเซ 191 ดูดอมดูดาย 192 ตลบตะแลง
193 ตระกรุมตระกราม 194 ตะกุกตะกัก 195 ตะกุยตะกาย 196 ตะขิดตะขวง
197 ตะคลับตะคล้าย 198 ตะบัดตะบอย 199 ตะบี้ตะตะบัน 200 ตะพึดตะพือ
201 ตะลีตะลาน 202 ตาขุ่นตาเขียว 203 ตาลีตาเหลือก 204 ต่อนัดต่อแนง
205 ต่อนัดต่อแนม 206 ถลากถลำ 207 ถลากไถล 208 ถะถุนถะถัน
209 ถะมัดถะแมง 210 ทะนุถนอม 211 ทะนุกถนอม 212 ทะมัดทะแมง
213 ทะร่อทะแร่ 214 ทะลักทะแลง 215 ทะเลิ่กทะลั่ก 216 ทะเยอทะยาน
217 ทุกวี่ทุกวัน 218 ทุลักทุเล 219 บันยะบันยัง 220 ประคับประคอง
221 ประจบประแจง 222 ประจิ้มประจ่อง 223 ประจิ้มประเจ๋อ 224 ประดักประเดิด
225 ประดิดประดอย 226 ประพิมพ์ประพาย 227 ประสมประสาน 228 ประสิทธิ์ประสาท
229 ประสีประสา 230 ประหัตประหาร 231 ประอรประเอียง 232 ประเล้าประโลม
233 ประแพร่งประแพรว 234 ปลาดำปลาแดง 235 ปะกาปะกัง 236 ปะงับปะหง่อน
237 ปะติดปะต่อ 238 ปะทุปะทัง 239 ปะงับปะง่อน 240 ปะเหลาะปะแหละ
241 ปัดแข้งปัดขา 242 ปั้นจิ้มปั้นเจ่อ 243 ปุโลปุเล 244 เป็นที่เป็นทาง
245 เป็นฝั่งเป็นฝา 246 เป็นฟืนเป็นไฟ 247 เป็นมั่นเป็นเหมาะ 248 เป็นลมเป็นแล้ง
249 เป็นวรรคเป็นเวร 250 เป็นวักเป็นเวน 251 เป็นสัดเป็นส่วน 252 เป็นหมวดเป็นหมู่
253 เป็นเนื้อเป็นหนัง 254 ไปวัดไปวา 255 ผย่ำเผยอ 256 ผสมผสาน
257 ผสมเผส 258 ผิดที่ผิดทาง 259 ผิดรูปผิดร่าง 260 เผยิบผยาบ
261 ฝังรกฝังราก 262 พยักเพยิด 263 พอดิบพอดี 264 พะรุงพะรัง
265 พะวกพะวน 266 พะเว้าภวังค์ 267 พะอากพะอำ 268 พะอืดพะอม
269 พะเน้าพะนอ 270 พะเน้าพะนึง 271 พะเยิบพะยาบ 272 พิลึกพิลั่น
273 ฟาดฟัวฟาดหาง 274 มะลนมะลาน 275 มลังเมลือง 276 มะล่าวเมลา
277 มะงุมมะงาหรา 278 มะล่อก มะแลก 279 มิตรจิตมิตรใจ 280 ม่อล่อกม่อแลก
281 ไม่หวาดไม่ไหว 282 ไม่ใกล้ไม่ไกล 283 ไม้ดำไม้แดง 284 ยงโย่งยงหยก
285 ยักยี่ยักยัน 286 ยักยี่ยักเหยา 287 ยักแย่ยักยัน 288 ยืดเส้นยืดสาย
289 ยัดแข้งยัดขา 290 รวบหัวรวบหาง 291 ระมัดระวัง 292 ระยับระยับ
293 ระวาดระไว 294 ระส่ำระสาย 295 ระหกระเหิน 296 ระหองระแหง
297 ระอมระอา 298 ระเกะระกะ 299 ระเค็ดระคาย 300 ระเนระนาด
301 ระแวดระวัง 302 ระโยงรยางค์ 303 รู้เขารู้เรา 304 ร่อนรับร่อนเร่
305 ร้องห่มร้องไห้ 306 ลมเพลมพัด 307 ละมุนละม่อม 308 ละมุนละไม
309 ละลนละลาน 310 ละล้มละลาย 311 ละลอบละเล้า 312 ละลาบละล้วง
313 ละล่ำละลัก 314 ละล้าละลัง 315 ละห้อยละเหี้ย 316 ละเมียดลไม
317 ละเลาะละลอง 318 ลักปิดลักเปิด 319 ลุกลี้ลุกลน 320 เล่นพรรคเล่นพวก
321 เล่นพวกเล่นพ้อง 322 วันแล้ววันเล่า
เท่าที่หาได้ มีเพียงเท่านี้ แต่อาจมีบางคำ ที่ขาดหายไป หากท่านใดเห็นว่า คำใดขาด ช่วยต่อเติมเสริมแต่งด้วย นะครับ
13 พฤศจิกายน 2552 23:08 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*ขอขอ...แค่ฝันใฝ่ส่งใจหา
ถึงถึง...คราเงียบงันแอบหวั่นไหว
เพราะเพราะ...รักข้างเดียวเกี่ยวเกาะใจ
บอกบอก...ไปอาจซ้ำระกำทรวง
*ได้ได้...แค่แลหาเวลาเหงา
จิตจิต...เขาเรารู้มีคู่หวง
จึงจึง...ซ่อนอ่อนล้าไร้ค่าควง
เก็บเก็บ...ห้วงแห่งรักซ่อนภักดี
*โปรดโปรด...อย่าลาไกลเมื่อใกล้น้อง
หวังหวัง...มองน้องนางมิห่างศรี
วันวัน..ละเพียงครึ่งถึงนาที
พอพอ...หนีชีช้ำเคยย้ำใจ
*หากหาก...รักนี้น้อยแสนด้อยค่า
คิดคิด...ว่าวันนี้จะดีไหม
ที่ที่...จะจำร้างเพื่อห่างไกล
เพื่อเพื่อ...ใฝ่ฝันค้างอยู่ข้างเดียว
*แม้นแม้น...รักปักทรวงท่ามห้วงฝัน
เธอเธอ...นั้นแน่วแน่ไม่แลเหลียว
โอ้โอ้...ปวดแปลบปลาบตราบนี้เชียว
เศษเศษ...เสี้ยวรักร่อยหรอพี่รอคอย
*ถึงถึง...ดูดูไปช่างไร้หวัง
แต่แต่...ยังหวังวาดมิอาจถอย
ขอขอ...แค่แลฝันอันเลื่อนลอย
เจ็บเจ็บ...ร้อยครั้งหนยังทนทาน
*มองมอง...ตนหม่นชื่นจากคืนหลอน
วิงวิง...วอนก่อนเพิ่มพูน ลบ-คูณ-หาร
รู้รู้....ไหมใจร้าวถึงยาวนาน
รอรอ...กาลหวานถ้อยอร่อยลิ้น
*ยังยัง...หวังร่ำไรถึงใจหลอก
แค่แค่...หยอกเย้าใครคนใจหิน
ฝันฝัน...ฝากฟากฟ้ามาสู่ดิน
ขอขอ...สิ้นชีวาว่ารักเธอ
คำอธิบาย ของคุณญามี่ - โอเลี้ยง
กลบทธงนำริ้ว เป็นกลบทที่ง่ายอีกชนิดหนึ่ง มีข้อบังคับคือ ต้องใช้คำซ้ำ๒คำทุกหน้าวรรคตลอดจนจบบทความโดยต้องเปลี่ยนกระทู้ทุกวรรค
เช่น
นานา นานนาน เพื่อนเพื่อน ฯลฯ
ตัวอย่างบรมครู(ศิริวิบุลกิตต์)
................................
กุ๋ยกุ๋ยหน้าไม่เก้อละเมอถึง
ฟังฟังก็เหมือนแกล้งแพร่งความอึง
คิดคิดแล้วให้ขึ้งขุ่นเคืองใจ
ดูดูก็น่าหัวเต้นหยาว
ชะชะนางช่างเอาอายออกส่ายไส้
จริงจริงฤาหนอที่ว่าสิ้นอาลัย
นี่นี่ใครให้สำนวนดูควรเป็น
......................................
บรมครูอีกคนหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)
ช้าช้านึก ตรึกไตร่ตรอง ให้ต้องกิจ
ค่อยค่อยคิด คาดควร คำนวณเฉลียว
ดูดูก่อน ผ่อนให้สม ที่กลมเกลียว
จริงจริงแท้ แน่เจียว อย่าวางใจ
หมั่นหมั่นคิด ที่ในกิจ ประกอบก่อ
ตรองตรองข้อ เสียให้ควร ที่ขานใข
รอรอรั้ง สังเกตผล เลศกลใน
อ่อนอ่อนไว้ ดีกว่ากล้า อย่าแรงรัน
คล้ายคล้ายคำ ร่ำว่า เหมือนฆ่าช้าง
แท้แท้ทาง หวังเอางา เท่านั้นนั่น
เหมือนเหมือนกิจ น้อยจ่าย ใช้ทุนอัน
มากมากครัน คิดไม่คุ้ม ที่ขาดไป
ตัวอย่างกลอน ที่เกี่ยวข้อง
อย่ามีรักแค่เพราะเพื่อนมี(ด้วยกลบทธงนำริ้ว-กลบทง่ายค่ะ) โอเลี้ยง
ตรองตรองก่อน..มีเงินทองค่อยปองรัก
หักหักห้าม..ผลักห่างก่อนหากไร้ฐาน
ยั้งยั้งหยุด..รั้งรักนิดหัดทักทาน
ปัดปัดจิต..อย่าเบิกบานหวังทดลอง
ช้าช้าไว้..อย่ามีรักหวังแค่โก้
รอรอเถิด..อย่าทำโง่สนุกสนอง
ดัดดัดใจ..ของตนเองคอยเมียงมอง
พิศพิศหน่อย..รักใช้ต้องมีทันกัน
เพื่อนเพื่อนมี..อย่ารีบร้อนขอมีด้วย
ควรควรคิด..เราจะม้วยหากรีบสรรค์
ดันดันไว้..อย่ามีรักอย่างฉับพลัน
ท้อท้อแน่..หากเลิกกันเพราะขาดเงิน
หัดหัดตน..ดันให้เด่นเค้นสุดท่า
รุกรุกเรียน..เร่งศึกษาอย่าห่างเหิน
บั่นบั่นบ่อย..ในอุปสรรคยามท่องเดิน
เบิ่งเบิ่งไว้..อย่าเพียงเพลินให้ใคร่คลุม
คิดคิดนึก..ระลึกไปถึงยามพร้อม
สั่นสั่นไหม..กับความหอมล้อมห่อหุ้ม
ทุ่มทุ่มเถิด..กับทางแท้ก่อนรักกุม
ฉ่ำฉ่ำชุ่ม..จะสุขสุมยามพร้อมเพียง
///////////////////////////////////////////////
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=komyen&date=
20-07-2006&group=4&gblog=9
กลบท ธงนำริ้ว
หมั่นหมั่นเขียนเพียรตรองให้ต้องจิต
ค่อยค่อยคิดลิขิตกลอนให้อ่อนหวาน
หวังหวังไว้ให้น้องใจต้องการ
รอรอนานผ่านมาพากังวล
นับนับดูรู้ดีพี่คอยเจ้า
ทุกทุกเช้าเฝ้าคอยอยู่บ่อยหน
นานนานทีที่เธอยิ้มอิ่มกมล
หวั่นหวั่นจนเธอพ้นไปไม่กล้ามอง
แอบแอบส่งบรรจงใส่กลอนให้อ่าน
คอยคอยนานผ่านไปใจยิ่งหมอง
นึกนึกหัดตัดสินใจให้กล้าลอง
แบ๊ะแบ๊ะร้องแบ๊ะแบ๊ะพลันฉันรักเธอ
///////////////////////////////////////////////////////
http://www.oknation.net/blog/kondee007/2008/10/15/entry-1
วันพุธ ที่ 15 ตุลาคม 2551
กลบท ธงนำริ้ว
Posted by หยาดกวี , ผู้อ่าน : 207 , 00:00:59 น.
หมวด : วรรณกรรม/กาพย์กลอน
กลบท ธงนำริ้ว
มีข้อบังคับให้ใช้คำหน้าวรรคซ้ำกันวรรคละหนึ่งคู่ ดังตัวอย่าง
โอ้โอ้หนา อนิจจา น่าสงสาร
ยุคยุคนี้ มีอะไร ที่ใดปาน อยู่อยู่นาน การค้า มิน่าแพง
กลบท ธงนำริ้ว
โอ้โอ้หนา อนิจจา น่าสงสาร
ยุคยุคนี้ มีอะไร ที่ใดปาน อยู่อยู่นาน การค้า มิน่าแพง
ใครใครบ่น จนจิต จะคิดหนี หนี้หนี้มี มากมาย ได้แถลง
ช่างช่างเขา เราทุกข์ สนุกแรง ฝึกฝึกแข็ง ขืนใจ ไม่ไหวติง
เห็นเห็นโลก เลื่อนลอย ให้พลอยคิด เลื่อนเลื่อนผิด แผกผาย นะชายหญิง
มันมันหมอง มืดมัว น่ากลัวจริง มืดมืดยิ่ง หญิงหมาย ให้ชายมอง
หญิงหญิงชาย หมายรัก ก็มักผิด เพี้ยนเพี้ยนจิต คิดดู เป็นคู่สอง
หญิงหญิงคู่ ดูขำ ผิดทำนอง ชายชายลอง ลักเพศ ทุเรศกัน
เรียนเรียนรู้ ดูเถิด ที่เกิดผล ยิ่งยิ่งหม่น หมองมัว ให้หัวหัน
ลืมลืมตัว ชั่วดี ใช่ชี้กัน ต่างต่างผัน ผิดผู้ จงดูเอา
มองมองผิด จิตเห็น กลับเป็นชอบ แลแลขอบ เขตคิด เหมือนจิตเฉา
เพ่งเพ่งดู รู้คิด พินิจเรา ดูดูเอา เราเป็น ดังเช่นไร
ชะชะเด็ก เล็กนั่น น่าขันเหลือ สอนสอนเบื่อ เบี่ยงหน้า ให้ว่าไฉน
ไม่ไม่จำ คำสอน จะวอนใคร ช่วยช่วยใจ จูงกัน ให้ฉันที
นำนำคน พ้นทุกข์ ก็ทุกข์หนัก ไหนไหนจัก จี้หลอก บอกวิถี
เข็นเข็นครก ยกเอา ยังเบาดี แต่แต่นี้ หนักคน ฝึกฝนกัน
ข่มข่มโค โอ้สิ้น เรื่องกินหญ้า โคโคมา ไม่กิน สิ้นกระสัน
ทั้งทั้งดอน อ่อนหญ้า น่ากินมัน เหมือนเหมือนกัน กับคน ก็จนใจ
มามาพบ พระธรรม ที่ล้ำเลิศ ช่วยช่วยเถิด ที่เห็น เข็นไม่ไหว
ลากลากให้ ใช้ทำ ระกำใจ ธรรมธรรมใส ไม่ประพฤติ ลองนึกดู
วางวางใจ ในโลก ถ้าโศกหนัก หลงหลงรัก เริงรส เรื่องอดสู
คิดคิดแล้ว ควรนับ สัพพัญญู ให้ให้รู้ เรื่องล้ำ พระสัมมา
นอนนอนลับ หลับตา เสียนะน้อง อย่าอย่าร้อง ร่ำไร โอ้ใจหนา
เดี๋ยวเดี๋ยวแม่ และพ่อ รอเวลา ใจใจหนา จงหลับ ระงับใจ
โศกโศกใด ในโลก จะโศกเหมือน เสียเสียเพื่อน พึงจิต พิสมัย
จากจากรัก แรมร้าง ทุกข์ข้างใน พูดพูดไป ไม่คิด เหมือนจิตลอย
สุขสุขใด ในหล้า จะมาเหมือน ใช่ใช่เตือน เหมือนตะขอ ติดคอหอย
หยุดหยุดคิด ริษยา ใช่ว่าน้อย ให้ให้ถอย ค่อยลด ก็หมดลง
ยังยังมี กิเลส สมเพชนัก ไหนไหนจัก หลุดลุ่ย เป็นผุยผง
รู้รู้ทุกข์ สุขเพลิน ให้เดินตรง ใจใจจง จึงถึง ธรรมซึ้งกัน
ซาบซาบซึ้ง ซึ้งนาน นิพพานหนา ช่วยช่วยมา พาไว้ ที่กายขันธ์
สุขสุขจริง ยิ่งสุข ขึ้นทุกวัน ทุกข์ทุกข์พลัน ลอยหาย สบายเอย.
...หยาดกวี...
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๑
/////////////////////////////////////////////////////////////////////
http://www.pantown.com/board.php?id=44013&area=
3&name=board1&topic=6&action=view
กลบทธงนำริ้ว
...เพียงใจเรา...
คนคนหนึ่งซึ่งใจใฝ่ฝันหา
คนคนนี้ที่นำพาความสุขสันต์
แต่แต่นี้คงสดชื่นทุกคืนวัน
เพราะเพราะเขาคนนั้นยังมั่นคง
ขอขอเพียงพร้อมใจกันร่วมฟันฝ่า
แม้แม้ว่ามีทางใดชวนไหลหลง
เชื่อเชื่อว่าหากยึดถือความซื่อตรง
รักรักเราจะยืนยงตลอดไป
พฤหัสบดี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๐
โดย: แก้วกานติ์เมืองคอน (เจ้าบ้าน )
[18 ก.ค. 52 19:25] ( IP A:116.58.231.242 X: )
12 พฤศจิกายน 2552 22:32 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*ในในใจครุ่นคิดจิตใสใส
แม้แม้นานปานใดใฝ่ฝันฝัน
เพ้อเพ้อพล่ามยามหวั่นพรั่นวันวัน
ขอขอเธอมีฉันนั้นพอพอ
*รักรักเธอเพ้อไปไม่หยุดหยุด
ไม่ไม่เคยสิ้นสุดหยุดหนอหนอ
ห่างห่างกันแค่ไหนใฝ่รอรอ
ค่ำค่ำคืนยืนจ้อพ้อลอยลอย
*จนจนคำพร่ำเอ่ยเคยบอกบอก
คล้ายคล้ายย้ำซ้ำยอกออกหงอยหงอย
เมื่อเมื่อเธอเจอใครใฝ่คอยคอย
กลับกลับลืมปลื้มร้อยรอยจำจำ
*จริงจริงหรือคือรักภักดิ์ไหนไหน
รอรออยู่รู้ไหมใครพร่ำพร่ำ
เจ็บเจ็บแปลบแสบเศร้าเจ้าอำอำ
แท้แท้เห็นเช่นทำคำลวงลวง
*เชื่อเชื่อใครไหนหนาคราหอมหอม
ดั่งดั่งเทียบเปรียบพร้อมยอมหวงหวง
มีมีไหนใจหญิงยิ่งควงควง
ยิ่งยิ่งรักภักดิ์ทรวงห้วงใจใจ
คำอธิบาย
กลบทมยุราฟ้อนหาง
เป็นกลบทที่มีกฎบังคับง่ายๆคล้ายกลบทธงนำริ้ว
ต่างแค่กลบทนี้บังคับซ้ำหน้า-หลัง๒คำไม่ใช่แค่ต้นวรรคอย่างเดียว
ตัวอย่างกลอนที่เกี่ยวข้อง
16 เมื่อรักแล้วควรง้อได้(ด้วยกลบทมยุราฟ้อนหาง) โอเลี้ยง
คิดคิดเคลิ้มอยากได้สุขมาห่มห่ม
เพ้อเพ้อบ่นข่มความใฝ่ไล่ขื่นขื่น
เมียงเมียงดูดวงดาวเดือนตาชื้นชื้น
ทุกทุกคืนคะนึงถึงคนไกลไกล
หวั่นหวั่นหวังอยากเคียงข้างคนนั้นนั้น
ร่ำร่ำรั้นดันฤทัยสั่นไหวไหว
ดูดูดาววันใจเหงารุ่มไชไช
คล้ายคล้ายไข้รมกวนจิตให้รอนรอน
ซึ้งซึ้งสุขสลับโศกรุกคล้ายคล้าย
กรายกรายใกล้ใครคนนั้นก่อนหลอนหลอน
ร้อนร้อนเร้าเพราะวันนี้ต่างงอนงอน
หม่นหม่นไหม้จึงร่อนลอยมาเคียงเคียง
กวนกวนจิตอยากง้อเธออยู่นิดนิด
ไล่ไล่มาคือคิดรอคอยเกี่ยงเกี่ยง
ร้าวร้าวรู้สู้หงอยเหงาเริ่มเอียงเอียง
เหม่อเหม่อเหมือนคล้ายเสียงใครมาง้อง้อ
ร้อนร้อนร้าวรุมล้อมรุกกวนบ่อยบ่อย
ช้าช้าหน่อยอย่าหุนหันไปปร๋อปร๋อ
คนคนนั้นเรารักจริงหรือล้อล้อ
ชั่งชั่งจิตก่อนก่อเกิดคิดเคืองเคือง
มองมองหม่นท่ามอารมณ์กวนขุ่นขุ่น
กรำกรำกรุ่นรอยกร่อนเจ็บใช่เชื่องเชื่อง
จดจดไว้เตือนสติอยู่เนืองเนือง
ทุกข์ทุกข์ทักต้องเปลื้องปลดปัดเร็วเร็ว
//////////////////////////////////////
ตัวอย่างบรมครู(ศิริวิบุลกิตต์)
หวลหวลเจ้าครวญหาว่ากำม์กำม์
อกอกเอ๋ยเวรมาจำจองผลาญผลาญ
ให้ให้เราร้างรักอยู่นานนาน
จอมจอมนาฎราชกุมารคลานเมียงเมียง
มองมองแม่แลเห็นยิ่งหวลหวล
จิตรจิตรร้อนอ่อนไรรวนครวญเสียงเสียง
ก้องก้องแจ้วแก้วลูกเจ้ากล่าวเอียงเอียง
หมอบหมอบแม่แลเมียงเสียงอ่อนอ่อน
...........................................................
ตัวอย่างบรมครูอีกคนหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)
ดูดูท่า อย่าเลินเล่อ เผลอบ่อยบ่อย
คุมคุมใจ ไว้อย่าปล่อย ไปปร๋อปร๋อ
เหมือนเหมือนอย่าง ทางที่เป็น เช่นพอพอ
ตรองตรองใจ ที่ในข้อ ให้ควรควร
เปรียบเปรียบว่า บุตรภรรยา คนใช้ใช้
ปล่อยปล่อยปละ ละให้ ฮึกหวนหวน
เฉยเฉยเสีย ไม่สั่งสอน ข้อนชวนชวน
กล้ากล้านัก มักก่อกวน จะแรงแรง
มีมีแต่ ต่างจะดื้อ ถือปึ่งปึ่ง
ข้อนข้อนข้าง วางข้อขึง ขึ้นแข็งแข็ง
คล้ายคล้ายช้าง ห่างขอ มักแคลงแคลง
ชวนชวนชัก มักระแวง จงจำจำ
……………………………………………..
http://www.oknation.net/blog/kondee007/2008/09/16/entry-1
กลบท มยุราฟ้อนหาง
มีข้อบังคับให้วรรคหนึ่ง มีคำซ้ำกัน สองคู่ คือ
อยู่ต้นวรรคคู่หนึ่งและท้ายวรรคคู่หนึ่ง
ดังแผน
ที่โยงข้างล่าง คือคำซ้ำกัน ดังตัวอย่าง
เบื่อเบื่อจริง หญิงชาย ให้ขืนขืน
ไหนไหนใจ ไม่สันต์ วันคืนคืน หลับหลับตื่น หมื่นเจอ เพ้อเลยเลย
กลบท มยุราฟ้อนหาง
เบื่อเบื่อจริง หญิงชาย ให้ขืนขืน
ไหนไหนใจ ไม่สันต์ วันคืนคืน หลับหลับตื่น หมื่นเจอ เพ้อเลยเลย
ไหนไหนป่า เขาว่า ป่าไหวไหว มีมีใคร ในป่า อย่าเฉยเฉย
รีบรีบแจ้ง แถลงมา อย่าเชยเชย ไม่ไม่เคย คอยใคร ในวันวัน
ชักชักช้า ใช่ว่า จะเสร็จเสร็จ คอยคอยเคล็ด ลับลึก นึกขันขัน
ใช่ใช่โชค ชะตา มาพันพัน ทุกข์ทุกข์ขันธ์ ขืนขลุก ทุกข์จริงจริง
ใช่ใช่มา รำพัน ผันผิดผิด นึกนึกคิด ผิดเพื่อน เตือนหญิงหญิง
หาหาคน พ้นทุกข์ ทุกข์จริงจริง ถึงถึงวิ่ง ไวว่อง ร้องฮือฮือ
ร้องร้องหา พาเคือง เรื่องโลกโลก จากจากโศก เศร้าบ้าง ครางหือหือ
เราเราทุกข์ เขาทุกข์ ขลุกคือคือ คนคนถือ ดื้อเห็น เป็นคนคน
คิดคิดแล้ว แก้วตา ว่าส่งส่ง ไม่ไม่ปลง ลงปลิด คิดฉลฉล
ปล่อยปล่อยใจ ไหลหลง ลงวนวน ใช่ใช่คน คิดเป็น เห็นดีดี
เร่งเร่งเรียน เพียรพา หนาเด็กเด็ก ยังยังเล็ก ขยัน หมั่นถีถี
เพียรเพียรทำ กรรมไว้ ให้มีมี อย่าอย่าหนี หน่ายกรรม ทำเร็วเร็ว
หญิงหญิงชาย ขายร่าง ทางผิดผิด ชวนชวนคิด ริษยา พาเหลวเหลว
มัวมัวเดิน เพลินย่าง ทางเลวเลว เหมือนเหมือนเหว ห้วงลึก นึกกลัวกลัว
หลงหลงใหล ไม่ไหว เสียจริงจริง ชายชายหญิง ยิ่งเคือง เรื่องผัวผัว
รักรักไป ไหนมา พามัวมัว ลืมลืมตัว ชั่วช้า ว่าในใน
มองมองหน้า ทำท่า ตาหวานหวาน เพ่งเพ่งนาน นัยน์ตา พาใสใส
ทำทำตี สนิท คิดไวไว พูดพูดไป ไหลลิ้น สิ้นวันวัน
เสียเสียมา เวลา มาหมดหมด เขียนเขียนจด บทกลอน สอนขันขัน
แก้แก้เหงา เราอ่าน ผ่านวันวัน สุขสุขสันต์ เสริมสร้าง ทางดีดี
ทางทางชั่ว ชอกช้ำ กำทิ้งทิ้ง เพื่อนเพื่อนหญิง อย่าทำ กรรมผีผี
ห่างห่างตัว ชั่วเว้น เป็นทีที รีบรีบหนี ห่างเห็น เป็นไมล์ไมล์
คนคนมี ดีดี ที่ชั่วชั่ว น่าน่ากลัว ตัวมา ว่าไหนไหน
เว้นเว้นได้ ให้ห่าง ทางไกลไกล จักจักไม่ มองกลับ ลับแลแล
ทำทำดี หนีชั่ว กลัวผิดผิด เพียงเพียงคิด ขึ้นได้ ตายแหงแหง
หยุดหยุดเถิด ทำชั่ว ตัวแลแล อย่าอย่าแส สร้างที หนีไกลไกล
เลิกเลิกละ ยึดถือ หลือหวาหวา หันหันมา พาทำ กรรมใสใส
รีบรีบเร่ง เล็งดู รู้ใครใคร คนคนไหน ใครทำ กรรมดีดี
พ้นพ้นโศก โรคภัย ไม่โศกโศก เหนือเหนือโลก โศกใน ไม่หนีหนี
หมดหมดทุกข์ โทมนัส สัตว์มีมี เจอเจอดี ได้สุข หมดทุกข์เอย.
...หยาดกวี...
๑๖ กันยายน ๒๕๕๑
11 พฤศจิกายน 2552 22:58 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*ฝัน...อันใดไหนเล่าจะเท่า...ฝัน
หวาน...ทุกวันครั้นตื่นท่ามคืน...หวาน
นาน...แค่ไหนไม่แคร์ถึงแม้...นาน
ปี...เลยผ่านนานวันไม่หวั่น...ปี
*คราว...ที่ห่างร้างตากี่ครา...คราว
หนี...ความหนาวยาวเยิ่นจำเดิน...หนี
มี...ร้อยคำเก็บไว้ในใจ..มี
เธอ...คนดีที่รักภักดิ์เพียง...เธอ
*ฝัน...ร่ำไรต่อไปไฉน...ฝัน
เผลอ...รำพันข้อความทุกยาม...เผลอ
เจอ...เพียงเงาเศร้าจังแอบหวัง...เจอ
คืน...ละเมอเก้อเขินเกินกว่า....คืน
*ไหว...หวั่นในใจนักความรัก...ไหว
ฝืน...ยิ้มให้ความตรมระทม...ฝืน
ยืน...เดียวดายกายเหงาที่เรา...ยืน
กาล...กล้ำกลืนยืนกร่อยหงอยตาม...กาล
*ฝัน...ต่อไปนานปียังมี...ฝัน
หวาน...ปานนั้นคงดีคราที่...หวาน
นาน...รู้ไหมให้เพ้อละเมอ....นาน
ปี....เลยผ่านแผลซ้ำมาย้ำ...ปี
*หวล...นึกถึงวันเก่ายังเฝ้า...หวล
หนี...ความป่วนปรวนแปรได้แค่...หนี
ดี...ไม่พอก็เศร้ากล่าวไม่...ดี
รัก...คำนี้ดีไม่พอโอ้หนอ....รัก
คำอธิบาย
กลบทครอบจักรวาล
กำหนดให้คำแรกและคำสุดท้ายในแต่ละวรรค
เป็นเสียงเดียวกัน(คำเดียวกัน
ตัวอย่าง บทกลอนที่เกี่ยวข้อง
โลกาพาเหงา(ด้วยกลบทง่ายๆ ๓ แบบ) โอเลี้ยง
คมในฝักแบบที่๑
ฟ้าดำคล้ำฟ้าหม่นดูหงอยเหงา
เร้าช้ำเศร้าเร้าโศกให้ฉงน
ลมระรวยลมพลิ้วปลิวปะปน
คล้ายร่ำไห้คล้ายคนสะอื้นทรวง
เหงาวุ่นวายเหงาเผาให้สงสัย
จิตเปี่ยมนัยจิตจมตรมทุกข์ถ่วง
ฤาตัวเราฤาฟ้าถูกล่อลวง
จิตจับจ่อมจิตร่วงจมบ่อรอน
เห็นฟ้าคล้ำเห็นฝนปลิวโปรยลิ่ว
ใจเจ็บกิ่วใจรัวราวถูกถอน
หรือโลกาหรือหล้าสร้างบทตอน
ให้ต้องร้าวให้ร้อนตอนฟ้าครวญ
กลบทจักรวาฬ
กับวิถีชีวีราวติดกับ
ป่วน-แปร-ปรับสุขเศร้ามักพาป่วน
กวน-เผลอ-เพ้อเหม่อหม่นเหมือนเกาะกวน
คอยไล้ร้าวอวลรุกสุขที่คอย
สุขบางหนเคล้าทุกข์ขัดคาสุข
ถอยบางคราก่อนปลุกรุกทุกข์ถอย
ร้อยร่ายร่ำชีวิตดังถูกร้อย
ทางต้าน-ลี้ปลดปล่อยเจอทุกทาง
ต่างแค่วันชีวิตยังแตกต่าง
สร้าง-สุข-ซุกรุกคว้างจึงต้องสร้าง
กาง-กัก-กัดทุกข์ร้อนจึงควรกาง
พาชีวีห่างสิ่งใดควรนำพา
กลบทครอบจักรวาล
แม้บอกได้ใช่ทำได้ไร้ข้อแม้
ท่าทีคนที่แท้เปลี่ยนทุกท่า
ตาที่มองพาอารมณ์จมตามตา
ร้าว-รอน-ล้าจึงลากจิตเจ็บร้าว
ฉันหงอยเหงาเหมือนหลายคนที่เหมือนฉัน
ก้าวไม่ยาวเพราะพรั่นตามเหยียบก้าว
ราวทุกวันช้ำรอต่อเรื่องราว
จิตจ่อผ่าวย้ำเหม่อเพ้อในจิต
เบื่อรสเหงาเหมือนกันใช่ไม่เบื่อ
ชิดเกินเหลือพื้นที่ไร้เหงาชิด
ฤทธิ์เงาเหงาแนบติดเกินสู้ฤทธิ์
เรียงร่ายกลอนจึงสะกิดเหงาร่วมเรียง..
*********************----------------------------********************
เลิกรัก...(ด้วยกลบทครอบจักรวาล+รักร้อย) โอเลี้ยง
เศร้าเพราะเผลอเผลอหวังจึงโศกเศร้า
ไหวรุมเหงาเหงาซ่อนเจ็บหวั่นไหว
ใจเริ่มเงียบเงียบนิ่งเหมือนขาดใจ
เดียวดายเปลี่ยวเปลี่ยวใจอยู่คนเดียว
สูงเกินใฝ่ใฝ่ฝันด้วยหวังสูง
เที่ยวชักจูงจูงใจหวังหลายเที่ยว
เลี้ยวหลายหลายเส้นทางก็ยังเลี้ยว
ใจเบี้ยวเบี้ยวคิดใกล้คนในใจ
เพ้อพ้อพ้อหลายหนว่ารักเพ้อ
ไม่ตอบเลยเก้อเก้อพบแต่ไม่
ไปนั่งรอรอนานไม่เห็นไป
รอสิ้นใจใจจางหมดแรงรอ
จบสิ้นแล้วแล้วไปรักต้องจบ
ก่อรักรบรบรักสิ้นแรงก่อ
คลอเคียงคู่คู่กันไม่อยากคลอ
คอยเตือนตนพอพอเลิกคิดคอย
//////////////////////////////////////////////////
...เผลอรัก... .เพียงพลิ้ว
เห็นเธอแล้วรู้สึกแปลกเมื่อแรกเห็น
ฝืนซ่อนเร้นกลัวหมองจำต้องฝืน
กลืนความไหวใจกลัวช้ำทนกล้ำกลืน
กลัวสะอื้นหากหลงคงน่ากลัว
เจ็บลึกลึกผนึกในหทัยเจ็บ
หัวใจเก็บรักไม่ไหวไม่เจียมหัว
มัวแต่คิดถึงเธอเพ้อเมามัว
ล้ำพันพัวคบไปจนใจล้ำ
รักหมดใจได้คุยกันฉันเผลอรัก
ขำยิ่งนักคุยแล้วสุขมุขเธอขำ
คำเอื้อนเอ่ยเหมือนปราชญ์ตอบนึกชอบคำ
พลิ้วใจถลำตามลมที่พรมพลิ้ว
เผลอปล่อยรักออดอ้อนตอนใจเผลอ
ผิวใจเพ้อตามบรรเลงบทเพลงผิว
ปลิวละล่องใจน้องปล่อยลอยฟ่องปลิว
ทรวงละลิ่วตามคำรักจนหนักทรวง
ไหนลองทวนให้ประจักษ์รักตรงไหน
หวงแหนใครจึงเขลาเฝ้าห่วงหวง
ลวงให้กันฝันเก้อเพ้อภาพลวง
ใจตกบ่วงรักมารร้าวรานใจ
หวานน้ำคำแรกสบตาวาจาหวาน
ไหวดวงมานจนสะบั้นอกหวั่นไหว
ไกลมาลวงให้รักแล้วแก้วจากไกล
ทนหมองไหม้เลือกจะช้ำต้องจำทน
////////////////////////////////////////////////////
ร้าว..กลบทครอบจักรวาล กุ้งหนามแดง
จ็บของใครบางเบาเทียบเราเจ็บ
แผลเก่าเก็บเคลื่อนคล้อยยังรอยแผล
แลด้วยใจปวดปร่าทุกคราแล
ไยรังแกตัวตนบนเยื่อใย
อีกเมื่อไรเลือนหายไม่กรายอีก
ไหวเมื่อหลีกชิดตามยิ่งหวามไหว
ใจจึงป่วยเรื้อรังเพราะทั้งใจ
ยอมยกให้เชยชมด้วยสมยอม
หาความผิดกับใครคงไม่หา
ถนอมค่าความรักจักถนอม
ตรอมจนตายให้สาสมอารมณ์ตรอม
รับรักปลอมจึงเศร้าร้าวผลลัพธ์
..
///////////////////////////////////////////////////
กลบทครอบจักรวาล กลบท..ด้วยรัก.::: มุตา
ก่อน..เธอเคยมีใครในเก่า..ก่อน
ฉัน..คิดย้อนอดีตกรีดใจ..ฉัน
วัน..เคยชื่นคืนสุขทุกคืน..วัน
จำ..จากกันตัวฉันยังจด..จำ
เก็บ..เรื่องราวเราไว้ให้กลืน..เก็บ
ช้ำ..ใจเหน็บเจ็บทนจนบอบ..ช้ำ
คำ..ก่อนเก่าเล่าเรียงเพียงรอย..คำ
ยอม..ถูกย่ำกล่ำกลืนฝืนทน..ยอม
รัก..คำเดียวเหนี่ยวใจให้คง..รัก
ถนอม..หนักแน่นฤทัยใคร่..ถนอม
ตรอม..ยังตรึงซึ่งรักจักทน..ตรอม
ใจ..ก็พร้อมยอมรั้งเธอทั้ง..ใจ
//////////////////////////////////////
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem18638.html
หนีอย่างไรใจมีเธอ (กลบทครอบจักรวาล) น้ำแข็ง
รักรันทดหมดแรงใจใคร่ร้างรัก
สิ้นความภักดิ์หักสวาทตัดขาดสิ้น
บินลับหายมลายจากอยากโบยบิน
ลงแดดิ้นคลี่กลิ่นไอคลายช้ำลง
ซ่านซึ้งในใจรักเอยเลยฟุ้งซ่าน
ไหวหวั่นพลั่นรั้งรอนจิตคิดหวาดไหว
ใจระกำช้ำชอกตอกย้ำใจ
ทนหมองไหม้ใยจำฝืนกลืนกล้ำทน
หลีกหนีไปไกลเท่าไหร่ให้หลบหลีก
เผลอไผลอีกหลีกกี่คราพาใจเผลอ
เธอยังชิดสนิทในใจใกล้เธอ
ใจละเมอเพ้อฝากลมขมขื่นใจ
นับจากวันผันเลยผ่านเนิ่นนานนับ
หลงเจ่าจับกับความเศร้าเฝ้าลุ่มหลง
คงรอฝันวันเก่าก่อนย้อนมั่นคง
เอยใจยื้อซื่อตรงตามความรักเอย
////////////////////////////////////////
กลอนกลบทครอบจักรวาล เบรฟฮาร์ท
ความรักคือ อะไร ใคร่รู้ความ
หานิยาม ได้ไหม ใครช่วยหา
มาเถอะนะ เร่งกัน สรรหามา
ใครรู้ว่า ความรัก เกิดจากใคร
ตาเป็นสื่อ สัมพันธ์ นั้นหรือตา
ไฉนนา จึงรัก มากไฉน
ใจสัมผัส หัดรัก สุดหักใจ
เธอทำไม ชอบนัก เรื่องรักเธอ.
อัน นี้เป็นกลอนกลบทน่ะครับ ก็เลยนำมาแนะนำให้รู้จัก
เป็นการเล่นคำ โดยใช้คำเดียวกันของหัวท้าย
ของวรรคเดียวกันครับ ลองติชมกันดูนะครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
///////////////////////////////////////////////////////////////
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=komyen&date=14-07-2006&group=4&gblog=16
คมเย็น
กลบทครอบจักรวาล
รู้ ความน้อยคอยเรียนเพียรไฝ่ รู้
หวัง คอยดูครูไว้ใจมุ่ง หวัง
ฟัง ครูสอนกลอนไทยตั้งใจ ฟัง
ยาม ยืนนั่งยังนึกตรึกทุก ยาม
ผิด เป็นครูรู้ระบอบในชอบ ผิด
ถาม ความคิดคอยใส่ใจหมั่นไต่ ถาม
นาม และรูปร่วมทุกข์ทุกรูป นาม
เรียน รู้ตามแต่ตนคนไฝ่ เรียน
/////////////////////////////////////////////
http://www.praphansarn.com/new/forum/forum_posts.asp?TID=6333&PN=41
ธนา ไพศาล
สมาชิกดีเด่น
โลกมนุษย์ เริ่มเสื่อมทรุด ทุกข์ล้นโลก
หลงทางผิด สัตว์ร่ำโศก คนโลภหลง
งงแทนโลก ไยคนคลั่ง ข้างั่งงง
ยัดจนล้น พวกคนทราม มันชอบยัด
เกิดเป็นคน ดิ้นรน ทนแต่เกิด
สัตว์ประเสริฐ ไยเลิศกว่า นานาสัตว์
วัดเสื่อมโทรม คนเสื่อมทราม ไฟลามวัด
อามนุษย์ ชอบฟาดฟัด สัตว์!เอือมระอา