21 สิงหาคม 2552 23:49 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
ต้องบอกว่า ขอโทษอย่างแรงนะครับ ที่กลอนแนว ติ๊งตีอง ไร้สาระ แนวบ้าๆ หนังจีนของผมไม่อาจเสร็จภายใน 3 วัน ไม่ใช่ว่า ผมไปฝึก วรยุทธที่ไหนหรอกครับ เผอิญ เน็ตเน่าซะก่อน เลยห่างมา 3 วัน หวังว่า คงไม่ลืมกันนะครับ.....
เข้าเนื้อเรื่อง แบบจับประเด็นคร่าวๆ
หลังจากที่ จูล่งตี๋ในตอนที่ 2 ได้เจอกับ ตงฟาน (ฟุป้าย) ผู้ที่ลอบสังหารบิดา และสังหารแม่ของเขา ต่อหน้าต่อตา ตั้งแต่อายุ 15 ปี บริบูรณ์
จูล่งตี๋ นึกอยากจะฆ่าคนๆนี้ทันที แต่ด้วย ที่ ซัมโป จอมยุทธขี้เมา ต้องการจะมาล้างแค้นให้กับตระกูลปราบมาร อันมี คัมภีร์ ฟุเหว่ย 72 ท่า (พึงดูหนังจีน เรื่อง จอมยุทธเย้ยยุทธภพมา อิอิ เลยได้แนวคิด) แต่บิดาของเขาฝึกไม่สำเร็จ และตัวของเขาเองก็เป็นคนเกเร จึงฝึกไม่สำเร็จทั้ง 72 ท่า ได้เพียง 55 ท่า เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลปราบมาร จึงถูกฆ่าล้างตระกูลไปจนหมด...ยกเว้น จอมยุทธขี้เมา นามซัมโป ผู้นี้
ขณะที่ แม่นางเตียวเสี้ยน-ซัง คนรักของ จูล่งตี๋ ก็จำได้ถึงสัญลักษณ์ ที่เป็นเครื่องหมายในรอยหลังมือ ที่ตงฟาน เป็นคนทำลาย พรรคฟ้าทะลาย-มาร ได้อย่างแม่นยำ
ส่วนจูล่งตี๋นั้น แม่จะมีความแค้น ต่อตงฟาน เพียงใด แต่ความแค้นของเขาก็หาใช่มีแค่เขาคนเดียวไม่ และตัวเขาเอง จำเป็นต้องต่อสู้กับ องค์ชายเล็ก (ลูก กบฏ) ป๊วยคำเหล่ง ผู้อยู่เบื้องหลัง พรรคมาร และจอมมารที่แสนเย็นชา รวมถึง โหดเหี้ยมที่สุด ในยุทธภพ ขณะนั้น
ที่สำคัญ ฝ่ามือเหล็กไหล เป็นฝ่ามือที่เกิดจาก ธาตุไฟเข้าแทรก ขณะที่ ฝึกวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาล สามารถดูดพลังศัตรูเป็นของตน และดูดชีวิต ไปพร้อมๆ กัน ทำให้ฝ่ามือ เหล็กไหล ของเขา จึงเป็น วิชาที่มี พลังวัฏฏ์ ไร้ขีดจำกัด พอๆกับ ท่าดาบสายฟ้าคู่ ของจูล่งตี๋ เลยทีเดียว
ศึกครั้งนี้ แม้จูล่งตี๋ จะฝึกวิชา ฝ่ามือ อรหันต์สิบทิศ ได้สมบูรณ์ แต่ทว่า การจะเอาชนะศัตรูที่มีพลังวัฏฏ์ใกล้เคียง หรือ มากกว่า ด้วยวิชา ฝ่ามือเหล็กไหล ดูดจักรวาล คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย
ผลของการต่อสู้จะเป็นยังไง ติดตามชมได้ใน จอมดาบขี่ม้าขาว ศึกอัศวินสัญลักษณ์แห่งผู้กล้า.........การฟืนคืนชีพของจูล่งตี๋ และความตายของเจ้าแหงมาร
27 ทั้งซัมโปแลเตียวเสี้ยนต่างเคียดแค้น
กำหมัดแน่นหมายมั่นการฟันฆ่า
ศึกครั้งนี้ถึงตายวอดวายชีวา
อนิจจาสุดฟ้าเห็นและเป็นใจ
28 ขณะที่ชาวจอมยุทธสุดประหม่า
สมุนมารแกร่งกล้าโหมมาใส่
ทั้งค่ายกลหลุมพรางวางพิษไอ
ธนูไฟหมื่นเล่มเต็มประดา
29 ฝ่ายบู๊ตึ้ง หัวซาน บริวารพร้อม
เส้าหลินหลอมรวมใจไปแนวหน้า
ส่วนง้อไบ๊ ไทซาน ผ่านปีกขวา
คุณหลุน พา ปราบมาร ต้านปีกซ้าย
30 ป๊วยคำเหล่งมือทองผยองยิ่ง
ไม่ละทิ้งทีท่าวาจาหยาบคาย
จูล่งตี๋มองหน้าอย่างท้าทาย
ต่างคนหมายพิชิตให้นิทรา
31 พี่ซัมโปจิตใจเหมือนไฟร้อน
กงจักรร่อนแรงฤทธิ์หวังปลิดชีวา
ตงฟานหลบหลีกซ้ายย้ายขวามา
แล้วใช้ท่ามือ อรหันต์ สะท้านกาย
32 ถึงกับทำซัมโปโมโหหนัก
เลือดทะลักซวนซมระทมหงาย
เตียวเสี้ยนนึกคิดพินิจคลับคล้าย
ท่าไม้ตายจูล่งตี๋นี่หรือไม่
33 ฝ่ายซัมโปเข้าใจในท่ายุทธ
หัวเราะสุดเสียงดังระฆังใส
ตงฟานถามเจ้าบ้าหรือว่าไร
จึงตอบไป ท่าอรหันต์ตะบันทิศ
34 เตียวเสี้ยนจึงเหาะเหิรเดินเวหา
แล้วใช้ท่ามือยูไลวิไลนิมิต
ให้ตงฟานมีนเมาดลเข้าจิต
ฝ่ามือสิบทิศพลิกแพลงทะแยงกาย
35 แล้วรวบรวมพลังวัฏฏ์ซัดกระหน่ำ
ซัมโปถลำรุกโซ่ตรวนล้วนเหมาะหมาย
แต่พลังมืออรหันต์พลันทลาย
โซ่ขาดสายซัมโปอึ้งคะนึงนาน
36 เตียวเสี้ยนเห็นทีท่าไม่น่าไว้ใจ
ดาบวงเดือนเลื่อนไหลดั่งสายธาร
ไม้เท้าทองเก้าเงาเจ้าตงฟาน
ปัดดาบรานแหลกยับย่อยกับมือ
37 เมื่อซัมโปเห็นท่าไม้ตายโหดร้ายเหลือ
ดาบมังกรเถือแทงอกแล้วพกถือ
ขีดนิ้วตนรนร่ายมั่นหมายคือ
มังกรซื่อกำเนิดระเบิดวิชา
38 ดาบมังกรแกร่งกล้ากว่าขุนเขา
ไม้เทาเงาหลากทิศประชิดกายา
เตียวเสี้ยนหยิบดาบอ่อนที่ซ่อนมา
ดาบอิงฟ้าแสงวิบวับประทับตงฟาน
39 เสียงเพลงดาบกวัดไกวในเวหน
ตงฟานหล่นร่วงกรูสู้อาจหาญ
เลือดติดกายตายทรนงมิคงทาน
ไร้อาจต้านดาบอิงฟ้าผ่าอกเอย
40 สมุนมารเจอยอมยุทธเป็นชุดฉาก
เหมือนน้ำหลากไหลบ่าท่วมมาเฉย
จึงยอมแพ้ถ้วนหน้าน้ำตาเปรย
กล่าวชมเชยจอมยุทธสุดฝีมือ
41 แต่ศึกใหญ่ใกล้เข้ามาเวลานี้
จูล่งตี๋ใช้กระบวนท่าน่านับถือ
ป๊วยคำเหล่งเก่งสมคำชมลือ
ใช้ฝ่ามืออำมหิตคิดร้ายมา
42 อันฝ่ามืออรหันต์พลันสิบทิศ
เนรมิตทิศทางต่างเสาะหา
ใส่คำเหล่งเพ่งมองจ้องนัยน์ตา
พลังวัฏฏ์มารหนาพาดูดกลืน
43 จูล่งตี๋ถลำไปในท่ายุทธ
มิอาจหยุดพลังมารต้านสุดฝืน
เจ็บปวดตรมระทมกายมิคลายคืน
ยิ่งเเข็งขืนยิ่งกลืนกินสิ้นชีวา
44 เตียวเสี้ยนเห็นดังนั้นพลันร่ำร้อง
ซัมโปมองออกไปอาลัยหนา
ป๊วยคำเหล่งยิ้มย่องหัวเราะก้องฟ้า
พลังข้าเหนือใครในปฐพี
45 เพียงสักพักม้าขาวขนพราวสยาย
มาเคียงกายจูล่งปลงโศกศรี
จนอกตรมขมไหม้ไปทุกที
สิ้นชีวีเป็นแสงทองแก่ท้องฟ้า
46 ณแสงนั้นพลันกำเนิดเกิดอกซ้าย
มากลับกลายสัญลักษณ์สลักว่า
เมื่อตัวตายกายดับลับชีวา
ฝ่ามือข้าอรหันต์สิบทิศไร้จิตใจ
47 จูล่งตี๋จึงฟื้นแล้วคืนชีพ
ดั่งว่าบีบคำเหล่งเกร็งหมัดใส่
ด้วยฝ่ามือดูดจักรวาลผสานเหล็กไหล
เเผ่นดินไหม้เป็นผง ณ ตรงนั้น
48 จูล่งตี๋ยันฝ่ามือถือข้างซ้าย
ม้ากลับกลายเป็นเป็นมังกรร่อนเวหัน
สัญลักษณ์อัศวินบินเย้ยจันทร์
ฝ่ามือนั้นย้อนไปไร้อณู
49 สรรพสิ่งโลกร้อนยังอ่อนหวาน
ไทเก๊กกว้านร่ายรำทำสวยหรู
ฝ่ามือเหล็กหลากไหลไร้ท่าสู้
อ่อนรู้อยู่ต้านแข็งแรงผลักคืน
50 ป๊วยคำเหล่งร่างแหลกแตกกายยับ
โลกสดับรับรู้ยังชูชื่น
แผ่นดินไหวก้องสำเนียงเสียงคราครืน
จูล่งยืนปลายเขาเจ้าจอมยุทธ......
ขอจบลง เพียงเท่านี้ นะครับ เพรามากกว่านี้
ผมเห็นว่า ไร้สาระมากเกินไป ยิ่งแต่งยิ่งเพี้ยน กะเอาแค่ 32 บท เลยกกำหนด มานิดหน่อย และชดเชย หลายวันที่ไม่ได้แต่งเรื่องนี้ ปะติดปะต่อ
ขอให้มีความสุขมากๆ ครับทุกคน และขอบคุณสำหรับท่าน ที่แวะมาอ่านงานของผม จะมากจะน้อย ตามแต่ความชอบ
และอีกอย่าง ใช้ถ้อยคำ เกินกลอนแปด ไปหน่อย คงไม่ว่ากัน ถือว่าแต่งเอามันส์ ไว้ให้พัฒนากว่านี้ ค่อยให้เรื่องราว สละสลวย และน่าอ่าน......
19 สิงหาคม 2552 00:23 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
หลังจากตอนแรกออกสู่สายตา ท่านผู้ชมแล้ว
ตอนที่ 2 ซึ่งเกี่ยวกับเคล็ดวิชาของแต่ละท่าเริ่มออกลีลาการต่อสู้ ทางฝ่าย พรรคคุณธรรม อันมี จูล่งตี๋เป็นผู้นำ และทางฝ่ายพรรคมาร อันมี ป้วยคำเหล่ง จอมมารสะท้านพิภพ ได้เริ่มประจันหน้ากัน
เพลงดาบ และเคล็ดวิชา ฝ่ายไหนจะดุเดือดเผ็ดมันส์ ต้องติดตามชม มิฉะนั้น ท่านอาจจะพลาด....อิอิ
เคล็ดวิชาลับ ทางฝ่าย จูล่งตี๋ คือ วิชา 9 สุริยันจันทรา และ ฝ่ามือไทเก๊ก
เคล็ดลับวิชา ของ ซัมโบคือ ท่าหมัดเมา มือวานร และดาบฆ่ามังกร
ส่วนของ เตียนเสี้ยนซัง คือ ดาบอิงฟ้า
ส่วนพรรคมารนั้น
ป้วยคำเหล่ง มีอีกเคล็ดวิชาคือ วิชาฝ่ามือเหล็กไหล
ตงฟาน คือ ไม้เท้าทองเก้ามังกรเงา
แม่นางฮวงเหอ คือ ฝ่ามือลมกรดร้อยทิศทาง
ส่วนป๋วยก๊ายเซ้ง มีท่า ฝ่ามือเฮอริเคนดาวเสาร์ และกรงเล็บมังกรดำ
11 เมื่อสามสหายหมายมั่นเพื่อรันโรม
ออกกระโจมมุ่งหน้าฟ้าสดใส
รวมพลพรรคสมัครมุ่งผดุงไท
จากป่าไพรสู่ไทซานเพื่อรานรอน
12 ใช้เวลาเก้าวันพลันรีบเร่ง
หลายคนเคร่งเครียดเหนื่อยเมื่อยสลอน
เหล่าจอมยุทธผู้กล้าทำท่านอน
จึงพักผ่อนหยุดพักสักประเดี๋ยว
13 พี่ซัมโปขี้เมาเย้าแหย่สาว
เสียงเกรียวกราวจากทีท่าทำตาเขียว
จอมยุทธสาวยิ้มหยอกบอกใจเดียว
ซัมโปเกี้ยวพาราสีคนขี้เมา
14 สักตอนสายใกล้เที่ยงต้องเสี่ยงสู้
พลพรรคอยู่ถ้วนหน้าพาปีนเขา
ถึงไทซานแห่งนี้ฟ้าสีเทา
เพลงดาบเราจักกวัดไกวไล่ตะบัน
15 ซัมโปพี่ขี้เหล้าเมาไม่สุข
เหิรสนุกเจอฮวงเหองามเลอฝัน
แต่วิชาเข็มกรดพิษปลิดชีวิน
ซัมโปนั้นกงจักรหวนล้วนต้านลม
16 ทั้งสองฝ่ายสู้สุดจอมยุทธกล้า
หมื่นบุบผาสาดใส่ไล่ตะบม
กรงเล็บขาวยาวหยัดซัดจ่อมจม
หมัดเมาล้มระเนนาดเสื้อขาดกระเด็น
17 ฝ่ามือสูบวิญญาณประหารหัตถ์
โซ่พันลัดกายฮวงเหอเลือดเธอเห็น
ร้องกรีดร่ำโกรธเคืองเปลื้องไอเย็น
ลมกรดเร้นร้อยทิศทางพลางมืดมัว
18 ซัมโปใช้ดาบมังกรปลิวว่อนฟ้า
พสุธาแยกเคลื่อนเดือนสลัว
ฟันฮวงเหอหัวหลุดทั้งชุดตัว
มารหวาดกลัววิ่งหนีไปจนไกลตา
19 เตียวเสี้ยนซังพลั้งเผลอเจอป๋วยก๊ายเซ้ง
ป๋วยก๊ายเร่งเท้าสลาตันพลันหมัดเหิรฟ้า
เตียวเสี้ยนหลบหวุดหวิดประชิดกายา
ดาบสุริยันจันทราพาสะเทือน
20 ป๋วยก๊ายเซ้งโมโหด้วยโกรธา
ดรรชนี้ชั่วพริบตา มากลบเกลื่อน
แล้วใช้ดาบฟ้าลั่นประจันเตือน
ดาบวงเดือนลอยลิ่วปลิวคะนอง
21 ทั้งสองฝ่ายรุกรับขยับหลอก
ป่วยฯซ้ำซอกเลือดไหลใจผยอง
ฝ่ามือเฮอริเคนจัดเจนลอง
กรงเล็บของมังกรดำทำอุบาย
22 เตียวเสี้ยนซังระวังกลตนจึงรอด
จึงเริ่มถอดดาบอิงฟ้าโลกาหาย
รังสีวับแวมว่องล่องเสียบกาย
ถึงความตายป๋วยก๊ายเซ้งเพ่งชี้หน้า
23 ส่วนหนุ่มนาจูล่งตี๋ขี่ม้าขาว
ทั้งเดือนดาวเปล่งประกายเครื่องหมายฟ้า
เจอตงฟานฟุป้ายจำหมายตา
คนนี้หนาฆ่าแม่เราเจ้าคนถ่อย
24 แต่ซัมโปขัดขวางกล่าวพลางว่า
ขอเถอะหนาข้าจำเป็นมิเว้นปล่อย
เตียนเสี้ยนซังจำได้เครื่องหมายรอย
ตงฟานกร่อยเจอเสี้ยนหนามมิคร้ามเกรง
25 เพียงสักพักปุ้ยคำเหล่งบรรเลงวาด
ฝ่ามือกราดเหล็กไหลใส่ละเลง
จูล่งตี๋รับฝ่ามืออรหันต์ตะบันเพลง
สองคนเก่งเจอกันต้องบรรลัย
26 ตาต่อตาสบตาพาเคียดแค้น
ทั่วดินแดนเเคว้นเขตประเทศไหน
ต่างกู่ก้องร้องหาประชาธิปไตย
คำเหล่งไม่ใส่ใจในประชา......
17 สิงหาคม 2552 17:34 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
กล่าวลำนำ จอมยุทธ....เรื่องนี้ แต่งเอามันส์ และแบบมั่วมามั่วไป ใครทนอ่านได้ ก็คงจะบ้าหนังจีนเหมือนกัน ส่วนใครไม่อ่าน ก็ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ ขอบ้า และขอมันส์ ตามประสา อิอิ
ในขณะที่จอมยุทธทั่วหล้า ทั้งฝ่ายคุณธรรม และฝ่ายอธรรม มีการต่อสู้เพื่อความเป็นใหญ่อยู่นั้น หนุ่มน้อยที่เกิดตามบ้านไร่ปลายนา ก่อนรุ่งสางที่เขาจะถือกำเนิด แม่ของเขานามว่า สิล่งนึ้ง ได้นิมิตเห็นม้าขาว ที่มีรูปร่างสง่า กระโจนทะยานเหนือเหล่าม้าทมิฬ
และเขาได้กำเนิดออกมานั้น ได้มีนามว่า จูล่งตี๋ ซึ่งแปลเป็นไทยว่า ม้าขาวเจ้าเวหา ขณะที่พ่อของเขานั้น นามว่า อุ้ยกายยี้ ได้ไปต่อสู้ในฐานะ แม่ทัพฝ่ายคุณธรรม แต่พ่อเขาถูกลอบสังหาร เกือบจะสิ้นใจ
พ่อของ จูล่งตี๋ ได้รำลึกนึกถึงคำของภริยาสุดที่รัก ว่าให้กลับมาให้ทันวันลูกเกิด ดังนั้น แม้จะเจ็บสาหัสเพียงไหน พ่อของเขาก็กลับมา พร้อมกับถ่ายทอดเพลงยุทธ ฝ่ามืออรหันต์สิบทิศก่อนที่ตน จะสิ้นลมปราณ โดยที่เด็กน้อยเองก็หารู้ตัวไม่ แต่สัญลักษณ์แห่งเคล็ดวิชา จักปรากฏ กับเขาเมื่อ....ถึงวันที่โลกต้องการ....
จูล่งตี๋ เกิดมาพร้อมกับชีวิตชาวไร่ เนื่องจากแม่ของเขาต้องการที่จะ
ซ่อนตัวจากยุทธภพที่มีแต่ความสูญเสีย และอำนาจอันเลวร้าย เขาเองก็รู้สึกแปลกใจในตัวเองที่มีความเข้มแข็ง ว่องไว และพลังเหนือกว่าบรรดาเด็กๆด้วยกัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเขาอายุ 15 ปีบริบูรณ์ ขณะที่เขากำลังนำดอกไม้มาบูชาแม่ในฐานะวันครบรอบวันเกิด แม่ของเขาได้ต่อสู้กับเหล่านินจาหน้ากากดำ จำนวน 3 คน ก่อนที่แม่ของเขาจะถูกฆ่าตาย ต่อหน้าต่อตา ความแค้นทำให้เขาระเบิดพลังที่ซ่อนเร้นในตัวออกมา
นินจาหน้ากากดำ คนหนึ่งหวังจะมาจับหนุ่มน้อยผู้นี้ไป แต่แล้วเขาก็ใช้พลังฝ่ามือที่ไม่เคยรู้มาก่อน ซัดไปด้วยพลังแห่งความแค้น นินจาหน้ากากดำ ถึงกับกระอักเลือด และเขาก็จดจำใบหน้าของคนผู้นี้ได้ถนัดตา...
แต่ทว่าเมื่อเขาได้ซัดฝ่ามือที่ไม่เคยรู้มาก่อน เขาก็รู้สึกแปลกใจ และสัญลักษณ์แห่งม้าขาวในอกข้างซ้ายก็สะท้อนออกมา เพียงไม่นานนินจาหน้ากากดำ ถือไม้เท้าทองคำ ก็เดินเข้ามา แล้วเกิดการต่อสู้แบบที่เขาสู้ไม่ได้
ด้วยที่มีพลังวัฏฏ์เหนือมนุษย์และจิตใจที่ไม่ปรารถนาจะฆ่าใครตาย เจ้าม้าสีขาวก็วิ่งมาจากเขาลูกหนึ่ง แล้วหยุดยืนให้เขาได้ขี่ไป....
เหตุการณ์หลังจากนั้น หนุ่มน้อยผู้นี้ คือ 1 ใน 7 จอมยุทธ ที่ต้องเผชิญหน้ากัน ระหว่างฝ่ายคุณธรรม และฝ่ายอธรรม โดยที่เขาเองต้องการเพียงแค่ ฆ่าล้างแค้น คนที่ฆ่าเเม่เขาเท่านั้น
รายชื่อ ทั้งเจ็ดจอมยุทธ มีดังนี้
ฝายคุณธรรม
1 จูล่งตี๋ ผู้ฝึกวิชาจากถ้ำ ม้าเหิร มีวิชา ฝ่ามืออรหันต์สิบทิศ, ลูกเตะทลายมาร, ดรรชนีนิ้วฟ้า, วิชา กระบี่ไร้กระบี่ ที่ดัดแปลงจาก เทพกระบี่ หรือกระบี่อยู่ใจ, มีดสั้นแห่งปรมาจารย์ ลี้คิมฮวง และเพลงดาบ คู่ สายฟ้า อันเป็นท่าไม้ตาย และเห็นว่า คนนั้นคู่ควรต่อการชักดาบ....
2 เตียวลิ้มซัง คนรักของ จูล่งตี๋ มีวิชา ฝ่ามือยูไล, กระบี่สุริยันจันทรา และดาบวงเดือน
3 ซิมโป เพื่อนสนิทของ จูล่งตี๋ ทายาทแห่งตระกูลปราบมาร มีวิชา ฝ่ามือหมื่นบุบผา, กงจักรลมหวน, เพลงดาบฟ้าคะนอง และโซ่พันธนาการ
ฝ่ายอธรรม
4 องค์ชายเล็ก ปุ้ยคำเหล่ง หัวหน้าพรรคฝ่ายมาร มีวิชา ฝ่ามือเคลื่อนย้ายจักกรวาล, ฝ่ามือสูบโลหิต และฝ่ามือ อำมหิต
5 หัวหน้าพรรค ไทซาน นาม ตงฟาน (ฟุป้าย) ผู้เคยเป็นศิษย์น้องของพ่อจูล่งตี๋ มีวิชา ฝ่ามืออรหันต์สิบทิศ แต่ฝึกได้เพียง 7 กระบวนท่า, ไม้เท้าทองเทพจุติ, และฝ่ามือลมกรด
6 จอมมารหญิง คนที่แอบรักพ่อของ จูล่งตี๋ นาม แม่นางหวงเฮอ หรือ สมิงสาว ผู้ไม่เคยปราณีใคร มีวิชา เข็มกรดร้อยทิศ, ฝ่ามือกระดูกขาว, และ กรงเล็บสูบวิญญาณ
7 เจ้าสำนักน้อย ภูเขาเซียงซาน ลูกของกบฏ ฝึกวิชาจนเก่งกล้า แล้ว ฆ่าอาจารย์จนเป็นเจ้าสำนัก ตั้งแต่อายุ 19 ปี นาม สิงหนุ่ม ป๋วยก๊ายเซ้ง มีวิชา หมัดเหิรฟ้าลั่น, ฝ่าเท้าสลาตัน, ดรรชนีชั่วพริบตา และ ดาบฟ้าลั่น ที่เป็น ท่าดาบ รองจากดาบสายฟ้า
ขอเริ่มเรื่องกลอนเลย จะได้ไม่เสียเวลา ไตเติล มาเยอะ อิอิ
1 หลังจากจูล่งตี๋หนีการล่า
ฝึกวิชาถ้ำม้าเหิรสะเทินบก
ในหุบถ้ำสะอาดใสไม่รังรก
เหมือนกระจกแฝงฝังพลังวิชา
2 จบจนถ้วนกระบวนยุทธ์สุดดั่งหมาย
จึงเยื้องกรายจากถ้ำร่ำเสาะหา
เหล่าหมู่มารพาลโฉดโหดคณา
ชาวประชาเป็นทุกข์จนจุกแค้น
3 จึงขึ้นขี่ม้าขาวขนพราวสยาย
ในจุดหมายเขาไทซานมารนับแสน
ถึงตัวตายวายสิ้นในดินแดน
หวังขอแทนพระคุณแม่แก้แค้นมาร
4 พกกระบี่ดาบสายฟ้ามาหนึ่งคู่
แล้วจึงกรูควบขับขยับประสาน
เจ้าม้าขาวดีใจไม่รนราน
วิ่งทะยานเรื่อยเรื่อยไม่เหนื่อยแรง
5 ระหว่างทางพบหญิงสาวพราวเสน่ห์
ยิ้มสนเท่ห์ทักทายหมายแสวง
ตาต่อตาสบกันหน้าพลันแดง
นางจึงแกล้งเชื่อเชิญด้วยเขินอาย
6 ได้สอบถามชื่อแซ่จนแน่นอน
นางเริ่มย้อนเรื่องราวคราวสูญหาย
เคยเป็นเทพธิดาพรรคฟ้าทลาย
แต่สุดท้ายถูกล้างโคตรให้โกรธเคือง
7 เราสองคนต่างมุ่งมาดปรารถนา
เพื่อตามล่ามารใหญ่อยู่ในเมือง
เขาไทซานมารมากหลากนองเนือง
จะให้เปลืองเวลาช้าอยู่ไย
8 เพียงสักพักชายหนุ่มคล้ายกลุ้มโกรธ
สุราโปรดมือขวาบ้าไฉน
ได้ต่อสู้สมุนมารสำราญใจ
กร้าวคุยไปให้รู้ว่าข้ามาแล้ว
9 เราสองคนก็ทดลองประลองยุทธ
คนก็รุดมองลิ่วเป็นทิวแถว
บ้านก็พังหลังคาหลุดทรุดเป็นแนว
เขาเอ่ยแซวว่าเก่งกล้าวิชาดี
10 อันข้าน้อยนามจู่ล่งตี้นะพี่ท่าน
แม่นางนั้นเตียวสั้นซังนั่งอารมณ์ดี
พี่ท่านแซ่อะไรในปฐพี
เราสามคนพาทีให้ดีใจ
14 สิงหาคม 2552 23:01 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*เหม่อธาราไหลหลากเห็นซากรัก
ที่เหหักลบล้างเกินอ้างไข
นทีทองไหลลับไม่กลับใจ
เหมือนบางใครบางคนทำหล่นทิ้ง
*เหม่อมองเมฆสีเทาแสนเศร้าโศก
ดั่งว่าโลกภายในถูกใครสิง
เมฆไหลข้ามตามฟ้าหารักจริง
ฉันประวิงหารักแบบหนักใจ
*เหม่อดวงจันทร์สีหวานกำซ่านทรุด
กระต่ายหยุดรักจันทร์สักวันไหม
เหมือนตัวข้าเอกากายลมหายใจ
อ่อนเพียงใดยังหมายมั่นถึงจันทร์เพ็ญ
*เหม่อขุนเขาตระหง่านหน่วยก้านแกร่ง
แท้กลับแฝงความเศร้าไร้เงาเห็น
กลับทำเทียมชิดจันทร์คืนวันเพ็ญ
แม้อาจเป็นมายาหลงพะวงคอย
*เหม่อมองฟ้าแสนกว้างเส้นทางรัก
ให้ตระหนักในจิตจนคิดถอย
แผ่นฟ้ากว้างกว่าเอื้อมเงื้อมมือลอยลอย
หวังจะสอยแนบควงทำทรวงซม
*เหม่อพฤกษาพนาใหญ่ดงไพรลึก
กลับรู้สึกประหม่าแบบพร่าขม
เหมือนไข้ใจตกขุมเป็นหลุมจม
ป่าภิรมย์สมไพรไม่เหมือนเรา
*เหม่อนกนวลขันคูเคียงคู่รัก
เคล้าคลอภักดิ์ส่งแววตาไร้ท่าเหงา
เราสิคนจนใจไม่บรรเทา
เรียกคนเขลาเฉาจับให้อับจน
*เหม่อกระจกลึกเห็นเด่นตาเศร้า
เหมือนคอยเฝ้าธิดาฟ้ามากับฝน
เมขลานิ่มเนื้อเกื้อกมล
ชโลมบนใจอ่อนให้ผ่อนคลาย
12 สิงหาคม 2552 12:57 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
เป็นกลอนเกี่ยวกับวันแม่ ที่ผมตั้งใจแต่ง อยากจะให้ออกมาดีที่สุด...สำหรับผม แต่ส่วนหนึ่งคงทำไม่ได้เต็มที่ นอกจากเอาอารมณ์ และความนึกคิด บวกจินตนการ แทนอาการปวดหัว แบบสมองเบลอๆ
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ ผมตั้งใจจะแต่งกลอนวันแม่ ดังนั้น ผมจึงฝีนสังขารมาแต่ง บทกลอนบทนี้ เพื่อเป็นบูชา ยกย่อง และเทอดทูน พระคุณของแม่ ผมเชื่อว่า แค่ กลอนแปดบท ไม่อาจบรรยายความหมายของแม่ได้เลย ดังนั้น หากท่านใดเห็นว่า ความหมายยังไม่มากพอ ท่านก็เชิญบรรยายต่อได้เลยครับ
* แม่เปรียบเป็นเช่นพระอรหันต์
ทุกคืนวันคอยอบรมบ่มนิสัย
แนะทางดีชี้นำกระทำไป
ทางเหลวไหลหลบหลีกปลีกตัวมา
* นับนาทีลูกน้อยกลอยใจแม่
ร้องอุแว้จากครรภ์แม่หรรษา
คอยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา
หวังลูกยาเติบใหญ่จนได้ดี
* ถึงแม้จนเพียงใดแม่ไม่บ่น
ยังอดทนประคองคลายหมองศรี
ยังกัดฟันเหนื่อยยากลำบากชีวี
ตามแต่มีตามแต่จนทนเลี้ยงดู
* จนลูกน้อยกลอยใจได้ศึกษา
แม่เสาะหาสมุดทั้งชุดหรู
ให้หมั่นเรียนเขียนหัดปฏิบัติครู
จนเจ้ามีความรู้สู่มหาลัย
* ถึงไม่มีเงินทองเป็นกองหนัก
แต่ความรักสูงค่ากว่าสิ่งไหน
ยอมกู้เงินเดินเข่าอ่อนสะท้อนใจ
หวังเพียงให้อนาคตลูกงดงาม
* เมื่อลูกมีศรีศักดิ์ได้หลักยศ
ชื่อปรากฎเกียรติฟุ้งคนมุ่งถาม
แม่อิ่มเอมสุขสันต์เห็นฟันงาม
คือนิยามความดีใจหาใดปาน
* เมื่อถึงวัยครบบวชสวดมนต์ท่อง
น้ำตานองรินไหลเกินไขขาน
ได้กอดชายผ้าเหลืองเรืองธรรมกาล
แม่สำราญอิ่มอุ่นด้วยบุญใจ
* เมื่อสึกมาหาเพศด้วยเหตุรัก
แม่เป็นหลักหาคู่ครองยิ้มผ่องใส
จนมีลูกมีหลานบานตะทัย
เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรในบ้านเรา....