31 มกราคม 2546 12:33 น.

แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

กวินทรากร


อินทรวิเชียรฉันท์๑๑
โอ้ไทย สถานทูต................วรสูทธิเกรียงไกร
ถูกเดน เขมรใจ................ระยำจุด พระเพลิงผลาญ
ก่อเรื่อง กระเดื่องเหตุ........ทุกขเวทนาการ
คือสัตว์ ดิรัจฉาน................ฤดิไร้ มโนธรรม
พวกเวร เขมรถ่อย............สติต้อย บ่ค่อยยำ-
เกรงใน อำนาจกรรม........และสำเริง สำราญเลว
ชาติแห่ง แมลงเม่า............ขณะเข้า  เลบง เปลว-
ไฟลุก จะแหลกเหลว.........เพราะมิรู้ ประมาณตน

อภิธานศัพท์
วร แปลว่า งาม เลิศ / สุทธิ แปลว่าดี 
วรสูทธิ = วรสุทธิ ในที่นี้แผลงสระอุ เป็น สระอู แปลว่า ดีและงาม
เดน = เศษ , สิ่งที่เหลือ มักพูดรวมเป็น เศษเดน
ดิรัจฉาน = เดรัจฉาน 
ทุกขเวทนาการ =ทุกขเวทนา+อาการ = อาการที่เกิดทุกขเวทนา
ฤดิ = ฤดี แปลว่าใจ  (ในที่นี้ แผลงสระอิ เป็นสระอี เพื่อให้ได้คำ ลหุ ตรงตามฉันทลักษณ์)
เลบง (ภาษาเขมร) อ่านว่า ละ-เบง แปลว่า เล่น , คล้าย   เชวง อ่านว่า ชะ-เวง
 ยำเกรง =หวาดกลัว
เปลวไฟ = เพลิงที่กำลังไหม้เห็นเป็นเปลว
กรณีการเผาสถานทูตไทยในเขมร : แมลงเม่าบินเข้ากองไฟอุปมาก็คือเขมรเหมือนแมลงเม่า ที่เล่นกับไฟ ก็ต้องมลายชีพเพราะเปลวไฟ				
23 มกราคม 2546 22:27 น.

ดอกไม้แห่งสันติภาพ

กวินทรากร


โคลงดั้นบาทกุญชร
๏สาธุชนผ่องแผ้ว.............................จรรยา
ละชั่วโฉดชิงชัง.................................ชั่งไว้
คะนึงซึ่งอนัตตา...............................กำซาบ  ทรวงเอย
เพียรเพื่อพุทธไจ้ไจ้.........................แจ่มบุญ

๏พรหมวิหารฉาบห้วง......................หทัย
สืบสิริวสุนธ-.....................................เรศกว้าง
ปลูกปุษปะไม-..................................ตรีติด  ตรึงนา
โศกนิวรณ์สิ้นสร้าง...........................สุขศานต์

๏ใครจิตโสภิศล้ำ...............................คุณา กรเอย
ประภัสรัศมีฉาน................................แฉล้ม
ย่อมยึดพฤติภรา-...............................ดรภาพ
พักตร์ผ่องรอยยิ้มแต้ม.......................ติดใจ

๏เขานั้นย่อมหาบหิ้ว........................ศรัทธา  ธรรมเอย
หนักหน่วงจนบ่ไหว........................หวั่นเศร้า
เขาย่อมยื่นผกา-................................มาศมอบ  มิตรเอย
ลดกิเลศเร้า เฝ้า.................................ใฝ่ดี	

๏นรชาติกอปรเกื้อ............................งานกานต์
เกิดก่อสุขทวี....................................แน่แล้
วิวัฒนัสถาน......................................ชื่นมื่น	
สิ่งเสื่อมทรามซ้ำแพ้........................พ่ายสลาย

๏บุพผรัตน์ รื่นฟุ้ง............................ขจร-
กลิ่นประทิ่นพระพาย.......................พัดคล้อย
คณะภมรสลอน................................เสพย์รส
ปวงประชาใช้ร้อย.............................เลิศมาลย์

๏โอ้เด็ดดอกไม้หมด.........................โลกยะ
คงกระเทือนพสุธาร.......................... สะท้อน
บำเรอส่ำราคะ....................................จริต
หากตรึกตรองต้องร้อน.......................รุ่มทรวง	

๏อุปทานทฤษฎิท้น.............................ธานี
ประจักษนิยมทวง...............................ทักเส้อ			
สมมติมิ่งมาลี......................................ไปเรื่อย
ถูกเท็จเทียมแท้เพ้อ.............................พล่ามคำ

๏ทำดีอย่าได้เอื่อย................................อัธยา  ศัยเอย
ทำนุอุปภัมภ์........................................เทิดไว้  
ทำดีที่ถือถา-.........................................วรวัตถุ
ทำบ่ฉุดยื้อให้.......................................สู่สรวง

๏ภพไตร ระอุด้วย...............................อัคนี  แน่เอย
เมื่อมนุษย์นั้นลวง...............................เล่ห์ล้ำ
ดอกไม้แห่งสันตี-................................ภาพงอก  งามฤา
เมื่อมนุษย์นั้นห้ำ.................................หั่นกัน				
21 มกราคม 2546 23:24 น.

มองโลกใน แง่ดี มีคุณเอย

กวินทรากร

กิจกรรม ทำแล้วเหนื่อย เมื่อยและท้อ		
บางรายก็ นึกรังเกลียด ซ้ำเดียดฉันท์
เพราะคนมาก ปากดี มีร้อยพัน			
คนรังสรรค์ น้อยนิด ผลิตงาน
มือไม่พาย ใช้สองเท้า เฝ้าราน้ำ			
พวกแจวจ้ำ ล้ำลำเค็ญ เห็นสงสาร
ถ้าถีบคน บ่นพร่ำ จมลำธาร			
เป็นอาหาร กุ้งหอย ค่อยเบาแรง
อุดมการณ์ นั้นพูดง่าย ทำไม่ยาก		
แค่ทำจาก หัวใจ ไม่แอบแฝง
หาใช่ทำ อำพราง สตางค์แดง			
หรือทำแข่ง ขันใคร ให้เยินยอ
คนเลียแข้ง เลียขา อย่าอยู่ใกล้			
คนหน้าไหว้ หลังหลอก ออกห่างหนอ
คนคิดคด  ในข้อ คนสอพลอ			
คนยกยอ ปอปั้น หมั่นอยู่ไกล
ฝากคนเก่ง เร่งช่วย อำนวยผล			
ฝากคนบ่น เงียบบ้าง จะฟังไหม 	
ฝากคนอ่าน วานวินิจ คิดการณ์ไกล     		
มองโลกใน แง่ดี มีคุณเอย				
6 มกราคม 2546 10:36 น.

เสียงคลื่น (ไส้)

กวินทรากร



เสียงคลื่นใครคลื่นไส้............................วิงเวียน
เสียงร่ำไห้ปวดเศียร...............................รึ น้อง
เสียงใครเนาะมาเพียร.............................พากพจน์ ..ไว้นา
เสียงกวีหวานซ้อง.............................แน่แล้วจับใจ
....................................................................................................

เสียงครืนคลื่นซัดซ้ำ.............................ทรายใส
เสียงสมุทรโฆษไกร.............................กึกก้อง
เสียงฟังตดั่งดวงใจ................................เจียรขาด..แม่เอย
เสียงสะอื้นเรียมร้อง.............................เรียกเจ้าจอมขวัญ

เสียงคลื่นคระครืนหา...........................คณวาลุกาศัย
เสียงก้องคะนองใน..............................ชลธีวิถีจร
เสียงฟังก็ดั่งจิต.......................................ขณะหวิดจะขาดรอน
เสียงโศกวิโยคหลอน.............................ฤดิพร่ำคำนึงขวัญ



ดูสำนวนเดิมได้ที่ 
http://www.mthai.com/poetry/talk/webboard/01273.html				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวินทรากร
Lovings  กวินทรากร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวินทรากร
Lovings  กวินทรากร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวินทรากร
Lovings  กวินทรากร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวินทรากร