24 มีนาคม 2546 23:07 น.
กวินทรากร
นารายณ์วายเว้นจาก.................อาภรณ์
อากาศขาดสุริยะจร.....................แจ่มหล้า
เมืองใดบ่มีวร.............................นักปราชญ์
แม้นว่างามล้นฟ้า........................ห่อนได้งามเลย
(โลกนิติคำโคลง)
สหัสนัยน์ไดเว้นจาก.....................วิเชียรธร
เวหาศขาดอับสร............................ซิ่นข้า
เมืองไทยไฉนวอน.........................ต่างชาติ
แม้นว่ารวยล้นฟ้า...........................ห่อนได้รวยเลย
(โลกย์กระจิ๊ดคลำโคลง)
ไป่ถามปราชญ์บ่พร้อง........................พาที
เปรียบดั่งเภรีตี..................................จึ่งครื้น
คนพาลพวกอวดดี...............................จักกล่าว
ถามบ่ถามมันฟื้น.................................เฟื่องถ้อยเกินถาม
(โลกนิติคำโคลง)
คนเกลียดเขียดตะปาดพ้อง..............พาที
คนขลาดหวาดกลัวผี..........................ภูติเส้อ
คนบ้าด่าดนตรี..................................ต้อยต่ำ
คนงี่เง่ากล่าวเก้อ................................ก่อนรู้ลัพธ์คำ
(โลกย์กระจิ๊ดคลำโคลง)
24 มีนาคม 2546 23:06 น.
กวินทรากร
เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม.............ดนตรี
อักขระห้าวันหนี..................เนิ่นช้า
สามวันจากนารี...................เป็นอื่น
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า.............อับเศร้าศรีหมอง
(โลกนิติคำโคลง)
เจ็ดวันหมั่นดีดซ้อม..............ดนตรี
อักขระละเลยหนี...................เนิ่นช้า
สามวันกกสตรี.....................เต็มตื่น
แจ้งบ่ได้ล้างหน้า...................อับเศร้าหมองศรี
(โลกย์กระจิ๊ดคลำโคลง)
กระเหว่าเสียงเพราะแท้.........แก่ตัว
หญิงเลิศเพราะรักผัว..............แม่นหมั้น
นักปราชญ์มาตรรูปมัว............หมองเงื่อน..งามนา
เพราะเพื่อรสธรรมนั้น............ส่องให้เห็นงาม
(โลกนิติคำโคลง)
กาเหว่าเสียงเพราะแพ้-...........ภัยตัว
หญิงโสดโลดหาผัว....................เพื่อหมั้น
บังทอง ม่องเท่ง หัว....................ขาดหล่น..ล่วงนา
เพราะฤทธิ์อิจฉานั้น..................ส่องให้เห็นทราม
(โลกย์กระจิ๊ดคลำโคลง)
24 มีนาคม 2546 16:39 น.
กวินทรากร
ลูกสะเดา น้ำผึ้งซาบ...............โทรมปน
แล้วปลูก ปองรสคนธ์................แอบอ้อย
ตาบเท่า ออกดอกผล................พวง ดก
ขมแห่ง สะเดาน้อย...................หนึ่งรู้โรยลา
(โลกนิติคำโคลง)
สะเดา ผ่าเหล่าเพี้ยน................พิกล
หวานเมล็ด สุคนธ์.....................ข่มอ้อย
แต่งพันธุกรรมผล.....................พวงดก
ขมแห่ง สะเดาน้อย......................หนึ่งนั้นฤามี
(โลกย์กระจิ๊ดคลำโคลง)
ภูเขา ทั้งแท่งล้วน........................ศิลา
ลมพยุ พัดพา...............................บ่ขึ้น
สรรเสริญ และนินทา.....................คนกล่าว
ใจปราชญ์ ฤาเฟื่องฟื้น...................ห่อนได้จินต์จล
(โลกนิติคำโคลง)
ภูเขา ทั้งลูกล้วน..............................สิขรา
ลมพยุ ฝนหนา.................................หนักขึ้น
น้ำหยด รดหินผา...............................ผุ กร่อน
ใจปราชญ์ อาจเฟื่องฟื้น......................ฟ่องได้โดยจินต์
(โลกย์กระจิ๊ดคลำโคลง)
23 มีนาคม 2546 18:00 น.
กวินทรากร
รู้น้อยว่ามากรู้..................เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน...............สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล................กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย................มากล้ำลึกเหลือ
(โลกนิติคำโคลง)
รู้น้อยหากรู้ร่า-....................เริงใจ
รู้รสทะเลไหล......................ละห้อย
ไป่ปองคะนองไป..................กลางสมุทร
ชมว่าสระกระจ้อย.................จืดล้ำลึกเหลือ
(โลกย์กระจิ๊ดคลำโคลง)
หมาใดตัวร้ายขบ...................บาทา
อย่าขบตอบต่อหมา.................อย่าขึ้ง
ทรชนชาติช่วงทา-...................รุณโทษ
อย่าโกรธทำหน้าบึ้ง..................ตอบถ้อยถือความ
(โลกนิติคำโคลง)
หมาใดตัวร้ายขบ......................แขนขา
ไม่เตะต่อยตอบหมา..................ไม่ซึ้ง
คู่กรณีครา.................................กล่าวโทษ
เป็นโจทก์โกรธหน้าบึ้ง................บอกฟ้องถือความ
(โลกย์กระจิ๊ดคลำโคลง)
22 มีนาคม 2546 11:36 น.
กวินทรากร
อ่อนหวาน มานมิตรล้น.............เหลือหลาย
หยาบ บ่ มีเกลอกราย.................เกลื่อนใกล้
ดุจดวง ศศิฉาย...........................ดาวดาษ..ประดับนา
สุริยะส่อง ดาราไร้.......................เพื่อร้อนแรงแสง
(โลกนิติคำโคลง)
อ่อนหวาน หาญมิตรล้าง...............ลาหาย
หยาบย่อม เกลื่อนเพื่อนตาย..........ตราบม้วย
จันทร รัศมีฉาย............................ชนหลับ..แล้วนา
สูรย์ส่อง แสงแรงฉ้วย....................ปลุกให้คนเห็น
(โลกย์กระจิ๊ด-คลำโคลง)
อย่าปอง สิ่งแก้วไป่........................ควรปอง
เขาบ่ ตรึกอย่าตรอง..........................ตริบ้า
เร่งคิด คิดแต่ของ...............................ควรคิด..นะพ่อ
การที่ สูญเปล่าอ้า...............................อย่าได้ควรปอง
(โลกนิติคำโคลง)
ลองปอง สิ่งแก้ว ที่..............................ควรปอง
เขาบ่ ตรึกจงตรอง.................................ตริบ้าง
ความคิด สิทธิของ.................................ปัจเจก..นะพ่อ
ไอแซค ไอน์ สไตล์อ้าง........................อวดรู้เลวไฉน
(โลกย์กระจิ๊ด-คลำโคลง)