27 พฤษภาคม 2546 17:36 น.
กวินทรากร
อาริยาคีติ คาถา
อติมาโน อธิโกโธ
อวมาน กโรนํ เวสุ อภวุฑฺเฒ สุ
โย พหุสุโตมิ โสปิน
บณฺฑิโต พาลํ สมฺมโต อธิโลเก
มานะมีมากครั้ง................เคืองเคียด
ใจจะหยามหมิ่นเกียรติ.....ทุกผู้
แม้นเรียนร่ำละเอียด........เอกอุ
ปากที่ฝากกระทู้.................ถ่อยสิ้นโลกธรรม
คนผู้ใดมีทิฐิมานะใหญ่ยิ่งนัก มีความโกรธเคืองเคียด
ย่อมดูหมิ่นบุคคลอันหนุ่มและแก่กว่าตน
แม้นผู้นั้นจะเป็นพหูสูตร (ผู้ร่ำเรียนมากเท่าใดก็ดี)
จักถือเป็นบัณฑิตก็หามิได้ (เพราะความพาล) ขึ้นชื่อว่าเป็นคนใบ้คนหนึ่งในโลกย์
25 พฤษภาคม 2546 22:05 น.
กวินทรากร
อุปคีติ คาถา
ปาเณสุ น การุญฺโญ
ทลิทฺทเกสุ จ วิเหทูยติ
อาธมฺเม นโร ภวติโลเก
โย นโร นหิ สาธุ โส
ปาณาฆ่าสัตว์สิ้น............กรุณา
เบียนเบียฑปวงประชา..ยากไร้
ลืมธัมมะนำพา...............ภพสุข
หาสิ่งดีได้ไหม้................หม่นพื้นโลกา
คนผู้ใดไม่มีความกรุณาในสัตว์และคนทั้งหลายผู้เข็ญใจ
ย่อมเบียดเบียนผู้อื่นให้เป็นทุกข์
คนผู้นั้นจักเป็นผู้หาดีไม่ได้
ชื่อว่าเป็นคนอธรรมในโลกย์
24 พฤษภาคม 2546 12:39 น.
กวินทรากร
คีติคาถา
โมหวนทฺโธ พาโล
ตณฺหา วสมา คโต จ โกธวสํ
ปาเป สาหส กาลี
อปายภูมี นิวาส คติ มสฺส
พาโลโมหะคลุ้ง..............ครอบงำ
ตัณหราคะกรรม.............โกรธแค้น
คิดบาปหยาบช้าทำ...........กระลีโทษ
มี นรก รอแม้น................มอดม้วยมรณา
ชนพาลอันโมหวิชชาครอบงำ
ลุอำนาจแห่งตัณหา
โกรธแค้นร้ายหนักหนาในบาปกรรม
มีอบายภูมินรกเป็นที่อยู่ที่ไปแห่งชนชั้นแล
23 พฤษภาคม 2546 17:56 น.
กวินทรากร
จปลาคาถา
ทานํ ธนพีชํ เส
สีลํ สุขพีชํ มิธ มนุชานํ
ตสฺมา สุทานทาตา
สิยา สุสิโล สหิทกาโก
ทานังดั่งพืชให้................โภคทรัพย์
ศีลดั่งพืชให้สรรพ...........สุขแผ้ว
ชนใดใคร่ลองลัพธ์..........รมเยศ
พึงปลูกหน่อธรรมแล้ว.....จึ่งรู้รสทำ
ทานเป็นพืชอันบังเกิดข้าวของสมบัติ
ศีลเป็นพืชบังเกิดสุขในใจแก่คนทั้งหลายในโลกย์
เหตุนั้นผู้ใดปราถนาข้าวของสมบัติอันดีแก่ตน
พึงให้ทานด้วยความศรัทธาแลมีศีลอันดีเถิด
13 พฤษภาคม 2546 21:50 น.
กวินทรากร
รักนั้น อันที่จริง
แจ่มยิ่งแสง ชวาลา
อันโชติช่วง ชุติมา
ประดับดวง ฤดีงาม
เมื่อความรัก ประจักษ์จิตร
ด้วยแรงฤทธิ์ อนงค์* นาม
ย่อมยากแก้ แผลพิษ กามเทพะ กระหน่ำยิง
เกาทัณฑ์ท่าน คือคันอ้อย
มีผึ้งห้อย เป็นสายสิง
แม้นผิดหวัง หรือชังชิง
ก็หายได้เพราะไฟรัก
ความรัก อันที่จริง
อาจมืดยิ่ง กาฬปักษ์
ยามหน่าย แลไร้รัก
ย่อมห่วงหา ทุกข์อาทร
รักจึง ประหนึ่งดาบ
อันกำราบ ทุกนาคร
คงอยู่ คู่ นีกร
แทงทิ่มใน หทัยเอย
อนงค์ แปลว่าไม่มีตัวตน เป็น อีกนามนึงของ พระกามเทพ เพราะกามเทพถูกไฟจากดวงตาที่สามของพระศิวะเผาทำลายถึง ไม่มีร่าง (อนงค์)