บนแผ่นดิน..รัก..รัตนโกสินทร์..!

พุด

charkarn00.jpg
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html
บทเพลงรัตนโกสินทร์ 


แสงเดือนคืนเพ็ญพูนดวงกระจ่างฟ้า
แลกำลังพร่างสายทอแสงแสนหวาน..
หว่านลงมาอาบหล้า
ไล้ร่างนวล ที่กอดตระกองประคองเคียง
ด้วยร่างสุภาพบุรุษผิวสีทองแดงบนเตียงนุ่ม
ด้วยเครื่องนอนหมอนม่านมุ้งสีขาว...


ละอองละออหยาดน้ำค้างกำลังระรินระริน
กลมกลิ้งลงมาราวเพชรพราว
สู่ใบบัวกลางบึงกว้าง...
อย่างมิร้างแรมรักในทุกราตรี..ริมเรือนไทย


ริมหมอน..
มาลัยมะลิลา..มาลาสร้อยที่ร้อยรัด
ถักทอด้วยดวงดอกรักเป็นพวงภักดิ์อุบะ
ระย้าย้อยพร้อยพรรณรายด้วยดวงดอกกระดังงา
จนแปรกลายเป็นหอมอวล 
มาให้นวลอารมณ์ดายเดียวล้ำลึก
ในยามดึกน้ำค้างพรม
ที่..
ลมก็ยังระบัดพัดโบกอย่างแผ่วเบามาปลอบประโลม...

เธอ...จึงค่อยๆลืมตาอย่างช้าช้า 
พร้อมนัยน์ตารานโศกหวานเศร้า 
เมื่อยามกระทบเข้ากับแสงสะท้อนจากนวลจันทรา
และมวลหมู่ดวงดารา
ที่กำลัง..
กระพริบระยิบระยับราวกับปรายโปรยด้วย
เพชรจรัสจนเกิดประกายรัศมีสีรุ้งพุ่งพรายฉายฉาน
จาก..
ดารารายเรียงดวงนับพัน
ในว่ายเวิ้งฝันอนันตกาลกาแลคซี่


ดอกไม้ไทยหวานตรลบมา ในราตรี
ที่ยังได้ยินเสียงดุเหว่าแว่วแผ่วครวญหวนไห้
เรไรร่ำ 
อวลอากาศยังสดหนาวฉ่ำหากแสนเยียบเย็น


บทเพลงแห่งภักดิ์
ถูกขับขานด้วยพลังจากน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึก 
ฝากความรู้สึกซาบซึ้งตรึงตรา 
สลักค่ามาจากดวงจิตภักดี
ที่..
พร้อมพลีมอบให้
*แด่ หญิงเดียว..หนึ่งในดวงใจ*
ที่เขาเทิดทูนศรัทธาบูชา
จริงใจ มากค่าเกินกว่าปรารถนาใด..


ปานประหนึ่งคือ
*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์ฝันอันแสนยิ่งใหญ่
จากเทพไท้แห่งสวรรค์สรรส่งลงมากำนัล 
ให้เขานั้นได้พบ แล้วเคียงคู่ครอบครอง
เป็นเจ้าของไปตราบชั่วนิจนิรันดร


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html
รัตนโกสินทร์ 
รัตนโกสินทร์
คือแผ่นดิน ที่หล่อหลอม หัวใจ
ร้อยความรัก รวมผู้คน มากมาย
อาศัย อยู่ร่วมชายคา
เชื้อชาติไหน ก็พี่น้อง
ล้วนพวกพ้อง ข้องเกี่ยวนาน
เนิ่นมา
ทุกชีวิตมีสุขใจ ใต้ฟ้า
ใต้บารมี จักรีวงศ์
และเมื่อความรัก ของเราเกิดขึ้น
จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง
บนแผ่นดิน แห่งความรัก
ด้วยศรัทธาที่มั่นคง
รักย่อมยืนยง ตลอดไป
ขอแค่มี เธอกับฉัน
และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ
ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล
แห่งรัตนโกสินทร์
และเมื่อความรัก
ของเราเกิดขึ้น
จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง
บนแผ่นดิน แห่งความรัก
ด้วยศรัทธาที่มั่นคง
รักย่อมยืนยง ตลอดไป
ขอแค่มี เธอกับฉัน
และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ
ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล
แห่งรัตนโกสินทร์... 
 
 

เธอ..จึงลืมตาตื่นมาอย่างช้าๆ 
ราวแสงแห่งนวลจันทรา
คอยไล้ลูบ..ปลุก ให้ลุกขึ้นเหลือบแลไปยัง..
เขา..คนดี..
*สุภาพบุรุษชายชาตรีผิวสีทองแดง*
กำลังหลับสนิทในนิทรา..
อย่างแสนสุขเสมอใจ
ใน...
ท่ามแสงเทียนทอกระทบจนเกิดเงา
ให้ใบหน้าดูงามสงบ
ราวรูปสลักนักรบโบราณ
ที่ผ่านการกรำศึกมาอย่างโชกโชน...


เขา...กลับคืนเรือนมา  
หลังรอนแรมราวนกไพรพเนจร
มาให้เธอกอดตระกองในอ้อมตักอ้อมใจ
ให้ดวงดอกไม้ไทยรายรอบเรือนรักปลอบประโลม


พร้อมพลีให้เขาเองเฝ้าดอมดมพรมจูบ
ทุกนวลตารางนิ้วแห่งร่างงามของนางในดวงใจ
อย่างทะนุถนอม...
หอม หอม หอม อย่างมิรู้เบื่อ..
พลางเพื่อรำพึงรำพันกระซิบสั่ง
ดั่งคำมั่นสัญญา...
 ว่า
*ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย
มีเพียงความตายเท่านั้น
จะมาพรากจากสองดวงจิต
ที่ดั่ง..
*หลอมรวมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวตราบไปชั่วกาล*


และ..
ทุกคำมั่น..
มิใช่เฉกเช่นดั่งคำหวานอันดาดดื่น
หากคือคำอธิษฐานสัจจวาจา
ที่ล้ำเลอค่าเกินกว่าผู้ใดจะล่วงรู้
นอกจาก..
ฟ้าดินอินทร์พรหม เท่านั้น
ที่..
คงพร้อมอวยชัยแลรับรู้
ในพลังแห่งรักอันยิ่งใหญ่งดงามนี้ 
ที่เกินกว่าจะมีสิ่งใดจะขวางกั้น
นอกจากสวรรค์จักร่วมสรรส่งให้กำลังใจ..
พร้อมอวยชัยเมตตาประทานพร


ให้เขา..
*สุภาพบุรุษชายชาติอาชาไนย 
ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจกล้าแกร่งเหี้ยมหาญ 
ที่ยอมหมายพลีร่างจิตดวงชีวิตแลวิญญาณ
เพื่อ..
ปกบ้านป้องเมือง ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน 
ยอมตาย..
อย่างหาญกล้าในหน้าที่....
ที่จักพลีแม้นหยาดเลือดหยดสุดท้าย
เพื่อทาแผ่นดิน..รักษาแผ่นดิน 
มิให้โบยบินสิ้นอิสราตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาติใด
ที่คิดไม่ซื่อ 
หวังยื่นมือเข้ามายึดถือครอบครอง


เขา..กระซิบ บอกเล่า
ให้เธอคนดี ที่เขาพลีใจได้พลอยร่วมรับรู้
ถึงชะตากรรมบ้านเมือง 
ที่กำลังเกิดการแตกแยกสามัคคี 
มีเพียงหวังอยากได้อำนาจ
มากอบโกยกินชาติ 
อย่างแสนชาญฉลาด..อย่างแยบยล 
จนเสียหายนับหมื่นล้าน
เสมือน*โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ*
ที่คนไทยภูมิใจได้ไม่นานก็ต้องอัปยศ
และ...
พลอยให้โลกทั้งโลกร่วมรานโศกสลดใจ ไปกับความน่าอดสูนี้ 


ที่คนไทยไม่เคยตระหนักชัด
ว่า...
ได้สร้างความวิบัติ ให้แก่ชาติบ้านเมือง
อย่างมิน่าให้อภัย 
ด้วย
การทำลายความเชื่อถือให้หมดสิ้นไป
จากสังคมชาวโลกนานาอารยะ
ที่อยากจะมาร่วมค้าขายลงทุน 
เมื่อ..
ชาติไทยเรานี้
มีเพียงกรุ่นกลิ่นแห่งความคอรัปชั่น
กันไปทุกหัวระแหง 
แถมบ้านเมืองยังไม่สงบด้วยรบกันเอง
บรรเลงกันในแผ่นดิน
ที่ให้ข้าวให้น้ำมานานเนิ่นจนเกินนับ
จนเกิน..
จักคิดแบ่งแยกด้วยคำว่าชาติศาสนาใด


นอกจาก..เพียง
มีหน้าที่สำนึกถึงพระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน
ที่ได้ฝากชีวินมาตราบจนถึงรุ่นลูกหลาน...
และ..
หวังนานเนาจนถึงรุ่นเหลนโหลนในภายหน้า
ใช่หันมาฆ่าแกงกันเอง 
บรรเลงเพลงกรรม ใส่ผู้บริสุทธิ์
แล้ว...
หวังฤาว่าจะหยุดโลกให้เลิกแล้งไร้ร้อนระอุ 
ปะทุด้วยควันปืนและไฟสงครามได้
นอกจาก..
ต้องสังเวยชดใช้บาปกรรม..ตายตกตามตามกันไป 
อย่างน่าวิปโยคโศกสะเทือนใจจนสุดทน


เขา...กลับมาบอกเล่า
ส่งข่าว...
ให้เธอได้ตระหนักชัด
ถึงความวิบัติจากการทำลายด้วยเงื้อมมือมวลมนุษย์
ที่..
แสนโหดร้ายหมายเพียงฆ่าฟัน
ห้ำหั่น แบ่งแยกอย่างไร้มนุษยธรรม 
คงจะยังโศกาจาบัลย์ไม่พอ..จากภัยธรรมชาติ
คงจะยังซาบซึ้งไม่พอถึงบทเรียนทุกข์เทวษ
ที่ไร้แท้เที่ยง...
กับความแปรเปลี่ยนที่โลกยากจะเลี่ยงหลบ
นอกจาก..
รอพบจุดจบพรากจากกันไปทีละมากๆ
กวาดล้างให้สิ้นซากแห่งความมืดดำ
ให้อธรรม หมดสิ้นไป
จากผืนดินทอง แผ่นดินไท แผ่นดินรัตนธรรม
แผ่นดินพุทธภูมิ 
ที่มี..
องค์พระบรมศาสดาเป็นดั่งฉัตรเพชรกางกั้น
มีองค์ในหลวงเป็นพระประมุขแก้ว..แสนงามล้ำ
เป็นที่พึ่งทางใจ..
ไปตราบชั่วลมหายใจแสนสั้น..จักสิ้น....


เขา..จึงกลับมา..คืนเรือนให้เธอรับขวัญ
และ..
ปันแบ่งความรักภักดี ที่จักพลีให้แก่กันและกัน
อย่าง...ผู้รู้เท่าทันความเป็นชีวิต 
ที่จักมีมรณานุสติสถิต..รอ..เป็นเที่ยงแท้
และ..อย่างแน่นอน ยากหนีพ้น


เขากอดเธอแนบแน่นเท่าแรงรัก
ด้วยอ้อมแขนชายชาตินักรบ
ที่หวัง..
จักสยบให้โลกร่มเย็นเป็นสุขเงียบงาม
ในท่ามวิถีไทยแบบชาวพุทธ
ผู้รักความสมถะพอเพียง 


ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร..ศรัทธา
ใต้ฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ที่ยังคงมี..เรียวรวงไสว
ข้าวกล้าที่สุกปลั่งระย้าย้อย
คอยหล่อเลี้ยงให้ทุกชีวีในแผ่นดินทองนี้
ได้มีกินอิ่มท้อง
ได้คิดปองหมายมาด สร้างสรรทำความดี 
ก่อน..
ชีวีจะสิ้นในท่ามตะวันโศกโลกแสนงามสงบนี้...
...............


และ...
กับราตรีนี้..
ที่โลก ยังคงหมุนไป..หมุนไป..อย่างไม่หยุดยั้ง
ในท่ามราตรีเพ็ญที่ยังแสนงาม
ในท่ามแสงจันทรา 
ดวงดารารายพรายแสงกระพริบวะวิบวับวะวาววาม
ในท่ามแสงเทียนทองทอดทอ
เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธในโบสถ์คร่ำทุกหนแห่ง
ท่ามกลิ่นระร่ำรินของดวงดอกไม้ไทย
ท่ามกลาง..
ความหวานไหวของเงาแมกไม้ในสายน้ำนิรันดร์
เขาและเธอ..
ขอเพียง...ได้เคียงครองคู่กัน
อยู่กับคู่ขวัญแม่ยอดรักยอดดวงหฤทัย


และ...
จักมิยอมพ่ายเลิกอธิษฐานใจ
เพียรทำความดี
พลีให้โลกนี้ก่อนชีวีวาย
ฝากไว้..ให้กับ..*แผ่นดินแห่งรักนี้*
ที่ชื่อ.
รัตนโกสินทร์


อัน..
หมายถึงแผ่นดินแม่....
แผ่นดินเกิด....
แผ่นดินที่ล้ำเลอเลิศ
ที่ทำให้เธอและเขาได้หยัดยืนอย่างทรนง
คงมั่นมาอย่างแสนสุขช้านาน
ได้รู้ซึ้งถึงค่าคำว่า
*รักแท้นิรันดร์เป็นเฉกเช่นฉันท์ใด*
แค่นั้น..ก็
แสนยิ่งใหญ่ 
เกินค่ากว่าสิ่งใด..ในชาติหนึ่งนี้..ชีวิตหนึ่งนี้...แล้ว!!!!!


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3740.html
เพื่อรักเธอ 
ฟ้า เกิดมาเพื่อดาว
เมฆบางและเบา
ล่องลอยคู่สายลม
เหมือน สร้างมาเพื่อชื่น ชม
ซึ่งกันและกัน คู่กันเรื่อยมา
ขาว ก็มีสีดำ
ทะเลสีคราม เกิดมาเพื่อฝูงปลา
หลาย สิ่งดูสวยงามจับตา
นั่นเป็นเพราะว่า เกิดมาคู่กัน
และฉัน เกิดมาเพื่อเธอ
เพื่อมีความรัก ให้เธอ เท่านั้น
สิ่งที่เธอสุขใจ
หากเป็นสิ่งที่ฉัน ทำได้
ย่อมทำให้เธอ
ฟ้า เกิดมาคู่ดาว
ยังเพียงชั่วคราว
ค่ำคืนจึงพบเจอ
แต่ฉัน เกิดมาเพื่อเธอ
เพื่อจะรักเธอ ตลอดเวลา
และฉัน เกิดมาเพื่อเธอ
เพื่อมีความรัก ให้เธอ เท่านั้น
สิ่งที่เธอสุขใจ
หากเป็นสิ่งที่ฉัน ทำได้
ย่อมทำให้เธอ
ฟ้า เกิดมาคู่ดาว
ยังเพียงชั่วคราว
ค่ำคืนจึงพบเจอ
แต่ฉัน เกิดมาเพื่อเธอ
เพื่อจะรักเธอ ตลอดเวลา... 
 

charkarn1.jpgcharkarn0.jpg				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    2 กุมภาพันธ์ 2550 22:06 น. - comment id 652129

    :) 
    
    *รักแท้นิรันดร์เป็นเฉกเช่นฉันท์ใด*
    
    รักที่เป็นไปจะเป็นดั่งนั้นหรือไหมหนอ
  • พุด

    2 กุมภาพันธ์ 2550 22:29 น. - comment id 652136

    36.gif16.gif
    ขอพลีเพลง*ชั่วฟ้าดินสลาย*
    แด่...คุณอิมและ
    กับเจ้าของเมล์นี้นะคะ
    36.gif
    Hello Darling,
    I am in the hotel lobby room 
    of La Quinta Inn San Diego 
    23:32 hrs.after call you.
    
    The distance of the half world 
    is not our barrier
    
     because the power of LOVE 
    is much more 
    and can feel deeply inside 
    to engage 
    and continueing fullfill 
    our love never die.
    
    My life is so lucky 
    that I can find you at last,
    
    you are the one that
     I can feel the real love,
    
    keep it in our world forever.
    
    LOVE you always,
    
    
    
    
    36.gif16.gif
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song12.html
    
    ชั่วฟ้าดินสลาย 
    
    ชั่วดินฟ้า รัก เธอ เสมอ ใจ
    ที่ ฉัน รำ พัน ทุก วัน ฝันไปถึงเธอ
    อยากให้เธอ หวาน ใจ อยู่ ใกล้
    พรอด รัก ร้อย เรียง ร่วมเคล้าเคียง
    ฉันและเธอ
    ก่อนเข้านอน ฉัน วอน ฝัน ไป
    เพ้อ ครวญ ภาพเธอหลอน ให้ชวน ละเมอ
    อยากให้เป็น ของ เธอ ชั่ว ฟ้า
    ดิน ได้ อย่า มี อันใดพรากไป ไกลกัน
    
    ก่อนเข้านอน ฉัน วอน ฝัน ไป
    เพ้อ ครวญ ภาพเธอหลอน ให้ชวน
    ละเมอ
    อยากให้เป็น ของ เธอ ชั่ว ฟ้า
    ดิน ได้ อย่า มี อันใดพรากไป
    ไกลกัน... 
     
    
    
  • จหมื่นไวย์

    2 กุมภาพันธ์ 2550 22:46 น. - comment id 652145

    
    แผ่นดินนี้รอกลบหน้าผู้กล้าหาญ
    รอร้าวรานเมื่อม้วยด้วยชีพสลาย
    ริมฝั่งน้ำแควคลองจักหมองมลาย
    เมื่อยอดชายชาญสกามาไพล่พลัด
    
    เก็บสไบแล่งทองคล้องสัมพันธ์
    ศกโศกผันผ่านรู้อยู่หลัดหลัด
    หากทัพหน้าปราชัยไร้อาณัติ
    กระจัดกระจายทรายดินจักสิ้นไป
    
    ดวงวิญญาณมาวนเวียนไม่เปลี่ยนแปร
    เป็นคู่แท้โฉมตรูคู่สมัย
    ตัดสวาทตัดบัวยังหรือใย
    ตัดชีวิตตัดใจอย่าได้หมาย
    
    อธิษฐานผ่านเดือนไพรในพฤกษ์ป่า
    หากตัวข้าณรงค์หาญวิญญาญสลาย
    จักสถิตย์แต่สไบทองก่อนวางวาย
    เป็นฤาตายต่อแต่นี้จักพลีแล้ว
  • The end of the universe

    3 กุมภาพันธ์ 2550 00:16 น. - comment id 652176

    12.gif16.gif36.gif16.gif16.gif
    Flying around the world without you
    means nothing but my heart stays close to my dear always.The winter hear chills my body but my heart feel warm forever.
  • จหมื่นไวย์ฯ

    3 กุมภาพันธ์ 2550 23:05 น. - comment id 652486

    16.gif36.gif
    พบพุทธบุญเพรงสยาม
    
    
    ๑) อยุธยายศล่มแล้ว..............ลอยสวรรค์ ลงฤา*
    โคลงสะอื้นรำพัน..........................ศึกแพ้
    แรมนิราศจาบัลย์.........................บุณย์รักษ์ เวียงแล
    อินนรินทร์ธิเบศร์แล้.....................ร่ำร้าวโคลงหวนฯ
    (*นิราศนรินทร์)
    
         (๒) เศวตฉัตรช่อฟ้า...............วงศ์สวรรค์
    เก้ารัชกาลบรร-...........................จบแล้ว
    รัตนวงศ์วรรณ.............................วัฏแผ่น ดินแฮ
    สันตติวงศ์แพร้ว..........................ร่วงรุ้งเรืองสยามฯ
    
         (๓)  แดง...ฤกษ์ไทฤกษ์ด้าว......ดำเกิง สุรีย์แล
    แดง...เลือดหลั่งเลือดเชิง...............ศึกเชื้อ
    แดง...มารมอดมารเพลิง...............พ่ายพุทธ
    แดง...ชาดหรคุณชาดเกื้อ..............เลือดแก้วละเลงสยามฯ
    
         (๔) น้ำเงินงามรามร่มเกล้า.......เครือกษัตริย์
    กษัตริย์เกษมวิวรรธน์.....................วรทล้ำ
    ล้ำแผ่นสุพรรณบัฏ.........................บรมราช- วงศ์แล
    ราชธรรมเพียบพร้ำ.......................พุทธพร้อมพรสยามฯ
    
         (๕) เขียว..กระทงตองท่องท้อง....ธารทอง
    เขียว...ทุ่งข้าวรวงรอง.....................ระบัดกล้า
    เขียว...ผักคละครองคลอง................เครียวยอด 
    เขียว...พระมรกตหลักหล้า..............เหล่านี้มณีสยามฯ
    
         (๖) ขาว...กลีบแก้วพุดซ้อน.........แซมทรวง
    ขาว...หยดน้ำค้างยวง.....................หยาดน้ำ
    ขาว...ข้าวดอกมะลิรวง....................หุงใหม่ 
    ขาว...ดอกบัวไป่ช้ำ.........................ผ่องแผ้วพุทธถวายฯ
    
         (๗) เหลือง...รวงพวงพุ่มข้าว.........โพสพสรม
    เหลือง...พัสตร์สงฆ์รงค์ลม.................รุ่งคุ้ง
    เหลือง...อรุณแรกขานขรม................ขมิ้นเพรียก 
    เหลือง...บุปผาร่วงรุ้ง.........................เรื่อแล้วลานสยามฯ
    
         (๘) แว่วตะโพนแผ่วพ้น...............เพลบุญ
    โพ้นวรรษาราพิกุล............................เกี่ยวข้าว
    ปรางค์สางรุ่งอรุณ...........................ระดะยอด อวดแฮ
    บุญสยามค่ำเช้า...............................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ 
    
         (๙)  ขึ้นสิบห้าค่ำไหว้.....................วิสาขา
    เทียนรุ่งร่ำเรียมตา............................ตาดเคื้อ
    นวลเดือนอาบปฏิมา...........................มณฑป 
    อาบโบสถ์เทียนอาบเนื้อ.....................นุชหน้าพัสตร์สงฆ์ฯ
    
         (๑๐) ไขประทีปประดับต้น..............รัตติธรรม
    สงฆ์แว่วแจ้วลำนำ..............................นพน้อม 
    เพลาพร่าจันทรารำ-...........................ไรยอด โพธิ์แล
    โบสถ์ค่ำพัสตร์ภายพร้อม.....................พร่างพื้นแขไขฯ
    
         (๑๑)  ข้าวออกรวงดกแล้ว...............ละลานตา
    ไหวว่ายตะเพียนปลา...........................ผุดปลื้ม
    พลบค่ำเพรียกวิหคนา.........................นางเพรียก ละเมอฤา
    แรมล่าอริราชครึ้ม..............................ศกคล้อยเรือนหายฯ
    
         (๑๒) ทองหยิบเคยหยิบป้อน............เพลา เสมอนอ
    เรียมหยาดหวานหยาดตา....................ขยิบซึ้ง
    เรียมหยอดรักหยอดยา........................หยดพิษ
    แรมรักร้าวรักทึ้ง.................................หยิบแย้มแซมขมฯ
    
         (๑๓) รอนตะวันลับเศร้า..................บึงอุบล
    จันทร์แจ่มแย้มนวลยล........................เยี่ยมฟ้า
    ขิมครวญดั่งครางคน............................ครวญพี่ นะแม่
    นิราศเรียมห่างหน้า............................ห่อนได้แลเห็นฯ
    
         (๑๔) ปรารถนาภาพลึกล้ำ...............ละเลงบุญ
    เกล็ดทิพย์ลิบละมุน.............................ม่านน้ำ
    อารยธรรมค้ำจุน.................................จวบค่ำ
    เจ้าพระยาพาข้าม...............................ล่องฟ้าสวรรค์สยามฯ
    
         (๑๕) ทอดสะพานล่องข้าม..............แขนงชล
    ระยับหมอกดอกอุบล...........................เบ่งใต้
    บัวเรียมระเมียรยล.............................หยั่งย่าน ชเลแล
    บัวสี่เหล่าเนาไซร้................................สร่างสิ้นธรรมสรรค์ฯ
    
         (๑๖)  พรพรหมธรรมแต่เบื้อง.........บุราณกาล
    สืบแผ่นดินระรินมาลย์.........................อะคร้าว
    ข้าวจวักตักถวายทาน..........................ทรวงบาตร อรุณแล
    พบพุทธบุญเพรงข้าว...........................กนกเนื้อนาถสยามฯ
    
         (๑๗) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ................รวีอรุณ
    พุทธุปบาทกาลบุญ...............................เบิกฟ้า
    พุทธศาสนิกละมุน................................พุทธชาด สยามนอ
    พุทธบุตรโชติชวาลหล้า.........................สว่างเพี้ยงพันแสงฯ
    
         (๑๘) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง........พะไลทราย
    พันพร่างธรรมทองพราย.....................พิจิตรฟ้า
    มะลิหล่นร่วงโรยวาย...........................วัฏจักร
    เบิกรุ่งบุญระบายหล้า..........................โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ 
    
         (๑๙) บัวบังใบตะไคร่ครึ้ม.............บัญจรงค์
    บังอุบลจตุวงศ์..................................เวี่ยน้ำ
    เบญจภูตโพชฌงค์............................ฌาปนกิจ บังฤา
    เบญจขันธ์กิเลสล้ำ............................ยากยั้งบังไฉนฯ 
    
         (๒๐) เบญจขันธ์กิเลสรั้ง................ยามโยค ญาณเอย
    ทุกข์สร่างหมางเศร้าโศก....................สร่างสิ้น
    วิปัสสนาวิโมกข์.................................วิมุตติ
    เบี่ยงบ่วงอบายหวิ้น............................วิวัฏโพ้นพรหมสวรรค์ฯ
    
         (๒๑) ปราชญ์ใดในโลกร้าง.............ธรรมา
    แสวงสว่างศาสนา...............................เสน่ห์น้อม
    ฤาประลาตพันธนา..............................เนืองยศ 
    กิเลสรัดมายาย้อม..............................ขุ่นข้นใจถลำฯ
    
         (๒๒) ปวงปราชญ์ปรัชญ์ก่อเคื้อ.......กวีนิพนธ์
    เพาะบ่มอักษรมนตร์............................มิ่งแก้ว
    ค่าคำรดเหล่าอุบล...............................บริพัตร ทวีปนา
    สงฆ์สะแบงกลดแล้ว............................เกียรติคล้อยครืนหลังฯ
    
         (๒๓) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง..................ไพหาร
    พุทธะหลั่งวิญญาณ..............................หยาดไว้
    ชะรอยพุทธเพรงกาล..........................มาล่ม ลงแล
    ธารพระธรรมผากไร้...........................ร่อยร้างมลายขวัญฯ
    
         (๒๔) พรายน้ำวาววับน้ำ.................นองพระยา
    เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา...........................ลิ่วลื้น
    ไหลลอยล่องชีวิตมา.............................มาดมุ่ง เมืองแล
    จมคลื่นกระแสไป่ฟื้น...........................ฝากน้ำซากสลายฯ
    
         (๒๕) ปณิธานไพร่ฟ้า.....................กวีไพร
    พลีหลั่งเลือดละไม...............................มุ่งฟื้น
    ปลุกสำนึกดื่มดวงใจ............................ชนชาติ กวีนอ
    กราบแผ่นดินน้ำตารื้น..........................รักษ์ร้อยชาติสยามฯ
    
    ..............................
    
    อรุณเบิกฟ้าสยามอีกครั้งกับวสันตฤดูที่ข้าพเจ้าหลงใหล
    บทเพลงแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยายังบรรเลงอยู่นิรันดร์
    ชีวิตผู้คนเริ่มต้นที่ริมสายน้ำนี้ และดำรงอยู่ในห้วงเอกภพ
    และฝังความทรงจำไว้ริมฝั่งแม่น้ำสายโบราณสายนี้
    ทุ่งนาข้าวกล้ากำลังระบัดใบเขียวไสวรับสายวสันต์
    ไหวว่ายตะเพียนปลา คือความอุดมสมบูรณ์แห่งแผ่นดิน
    กับอารยธรรมที่สืบต่อหล่อหลอมมาจากอดีตกาล
    จนกลายเป็นเอกลักษณ์แห่งสยาม
    
    บุญเพรงอยุธยาจวบรัตนโกสินทร์ได้พบพุทธศาสนา
    อันหล่อหลอมจิตใจดวงดีของผู้คนมาหลายทศวรรษแล้ว
    ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว จะหาแผ่นดินไหนเทียมเทียบได้อีก
    
    กาลเวลาเดินทางอย่างเงียบๆ สรรพสิ่งกำลังรอการแตกดับ
    แตกดับไปพร้อมๆ กับจิตสำนึกผู้คนท่ามกลางกระแสวัฒนา
    ข้าพเจ้าได้แต่หลั่งน้ำตาเงียบๆ เมื่อประหวัดถึงอดีตอันรุ่งโรจน์
    และฉากภาพอันเกรียงไกรแห่งอยุธยา.....
    
    จักงดงามอะไรในโลกนี้
    เมื่อสายธารนทีไม่รี่ใหล
    สรรพสิ่งรอแตกดับอับครรไล
    แม้นเวียงชัยช่อฟ้าวัดอาราม
    
    ตะวันรอนลับปรางค์อย่างเงียบเหงา
    สิ่งใดเล่าจักเชิดชูชาวสยาม
    เมื่อวันพรุ่งรุ่งฟ้ามาอีกยาม
    ฤาปล่อยข้ามเปลี่ยวคืนล้มครืนไป
    
    ใบไม้ร่วงชีวิตร้างอย่างบรรพบุรุษ
    แห่เผ่าพันธุ์มนุษย์ผุดเกิดใหม่
    มาอับจนหนทางระวางวัย
    ถมความโลภเอาไว้พูนแผ่นดิน
    
    หลงกระแสอันใดในโลกเล่า
    เมื่อต้องเฝ้าวิญญาณสุสานหิน
    ใยมิหว่านแก่นมนุษย์พุทธชีวิน
    ตราบสุดสิ้นยุคศรีอาริยเมตไตรยฯ
    
    -----------------------------------------------------
    ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
    พลีปณิธานบูชาบรรพบุรุษแห่งสยามและผองผู้กล้า
    ชาติเชื้อหน่อนักสู้ ด้วยน้ำตาและจิตวิญญาณ
    เยี่ยงทาสฟ้าข้าแผ่นดินแห่งเศวตฉัตรจักรี
    จากต้นธาตุอยุธยาสู่รัตนโกสินทร์ไว้ดังนี้แล้ว
    
    
    เพลงรัตนโกสินทร์
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html 
    36.gif16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน