.. ๏ ตัวเล็กฤๅต่ำต้อย อัตตา มีกระโหลกห่อปัญญา ปกป้อง รู้จักรอดตัวนา ท่านว่า ดีนอ ดั่งหนึ่งพลพรรคพร้อง แกร่งก้องพองพรู ฯ ๏ เกียรติศักดิ์เกริกเศิกกู้ เศวตงค์ จิ้งจกขาวพราวพงศ์ ย่านย้าว เพี้ยงวัชรยังยง คงอยู่ คุณีพันธุ์ ใต้จตุรบาทจ้าว รกฟ้านฤบาล ฯ ๏ สบศึกภัยไล่ต้าน ทุรชน ตวัดร่ายปลายสกนธ์ เฆี่ยนคว้าง กี่สิบกี่ร้อนหน พาลพ่าย แพ้นา โชติช่วงเช่นสรวงสร้าง คู่พื้นปถวี ฯ ๏ ตำนานเขาเล่านี้ แต่บุราณ จริงเท็จสุดประมาณ เทียบได้ ตามแต่ปราชญ์บรรหาร เห็นต่าง เกลานา แลกุศลสืบใกล้ ส่งเกื้อกลอยนวล ๚ะ ******************************************************************* ศุภฤกษ์เบิกไพร ๏ จักกล่าวสู่สรวงฟ้ามหาสวรรค์ ทวยเทพาผ่องล้ำอำไพพรรณ บันดาลวันสรรค์สว่างกระจ่างตา จักรพรรดิมนทารอธิบดี ธ ทรงมีอัปสรสิเน่หา จำนวนนงอสงไขยคณนา กัลยายามยิ้มช่างพริ้มเพรา ให้ชวนชมฉมฉวีวจีแจ่ม ฉายแฉล้มแต้มสรวงดวงเฉลา แม้นงามกว่ามาเปรียบประเทียบเจ้า อาจจักเศร้าทรวงแดได้แค่ทราม เหล่าเสนาอมาตย์ราชครู เมื่อตรองดูตรึกได้จึงไต่ถาม นานแล้วหนอรอกุมารมาอาราม เกรงสิ้นยามตามฤกษ์อันเกริกไกร เจ้าจอมฟ้าสุราลัยไร้โอรส มาย้ำยศจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ บ้างตั้งครรภ์อันฑโกสมาสองใบ รอยจักได้เพียงศรีทาริกา นางสวรรค์จันทรอ่อนเสน่ห์ แสนขี้เหร่ผิดสนมชมผวา เพราะตัวนี้มีหนึ่งนัยนา หากแต่ห้วงบุญญามาหนุนอร ตกอัณฑสกุลฟ้ามาหนึ่งโกศ ธ ทรงโปรดทันใดในสมร อุ้มโอรสยศสวรรค์ครรโภทร พระหน่ออ่อนอมรเทพท้าวมนทาร โหราจารย์เทวนคเรศ กราบทูลเหตุเภทภัยในวิหาร ลักษณะอสุราอวตาร มาเป็นมารเทวากาลกิณี พระมนทารราชาสุราลัย เห็นพระทัยในพระราชมเหสี จึ่งรับสั่งให้ตัดหน่อพระภูมี เว้นชีวีศรีอัปสรบังอรนวล ครั้นเมื่อมองพระฟองสกุลยศ ทรงสลดลดกรรมละล่ำหวน ควรจะฆ่าแล้วหรือฤๅมิควร แลทบทวนครวญคิดพินิจไป อันอัณฑาเทวะหรืออสูร ออกอาดูรหยั่งคิดวินิจฉัย หากบุญญาธิสมภารยิ่งฉันใด ฉันนั้นไซร้จักได้มา ณ พิมาน จึ่งบัญชาเทพดาเทพารักษ์ โสฬสารักษ์อารักขาลาสถาน นำอัณฑสกุลฟองล่องดงดาน ฝังกุมารใต้หล้าพนาดร จึ่งก่อเกิดเวียงวังเวิ้งอสูร แดนอาดูรนูนเด่นเป็นศิงขร เพราะฤทธิ์มารดันพื้นพสุนธร หวังจักจรจวบชั้นสวรรคาลัย มหิศรมนทารราชันสรวง ปูนบำเหน็ดโหรหลวงอสงไขย ช่วยเทพาห่างพ้นพิราลัย ปลอดประลัยภัยมารพาลผจญ ทรงรับสั่งให้เชื้อชายนายอารักษ์ จงปกปักป้องสวรรค์ชั้นเวหน ถวายการอารักขาเทวชน อุทิศตนต่อเบื้องจตุรบาท ท้าวจันทรโศกศัลย์กรรแสงส่อง มาคอยจ้องมองกมลบนเวหาส น้ำตานางพร่างพราวราวระวาด ป็นหยดหยาดระยับยิบสิบหกพลอย กี่วันแล้วแก้วตาไม่มาบ้าน ฤๅเป็นมารเทพาพาถดถอย กระนั้นหนาเนตรนางยังรอคอย ให้ลูกน้อยกลับมายังธานี ๚ะ ..
8 พฤศจิกายน 2549 01:18 น. - comment id 624487
ผมแต่งเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เก็บไว้อ่านคนเดียวก็กลัวจะบูด เลยเอามาแบ่งกันยลดูบ้างน่ะครับ นี่เป็นต้นฉบับที่แต่งส่งในโครงการ young thai artist awards 2005 ของมูลนิธิเครือซีเมนต์ไทย แล้วได้รับเลือกให้ได้ทุนการศึกษาจากโครงการ แต่ก็ไม่ได้รางวัลอะไรติดไม้ติดมือมา จริงๆ เรื่องนี้มีทั้งสิ้น 16 ตอน(ไม่รวมตอนนี้เพราะเป็นบทนำ) แต่ส่งประกวดไปแค่ 14 ตอนไม่จบเรื่อง ผมใช้เวลา 3 เดือน นั่งปั่นมันแต่เวลาก็ยังไม่พออยู่ดี ผมแต่งกระทั่งวินาทีสุดท้ายเลย แล้วใจร้อนด่วนส่งไปหน่อย จนถึงบัดนี้ มันก็ยังมี 14 ตอนเหมือนเดิม นี่ก็ได้ฤกษ์จะกลับมาเขียนเพิ่มแล้ว อย่างไรเสีย.. ฝีมือผมยังไม่ค่อยดีเท่าไร หากเห็นจุดบกพร่องที่ใด ท่านผู้เป็นเลิศทั้งหลายโปรดชี้แนะด้วยนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับเวลาที่ท่านมานั่งอ่านงาน งงๆ ของผมชิ้นนี้ด้วย - - - - - - - - จะว่าไป ผมก็หายเงียบไปนานเลย ขี้เกียจด้วย มีธุระมากมายที่จ้องทำด้วย บ้านน้ำท่วมอีกต่างหากถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไประยะนึง กลับมาแล้ว เลยเข้ามาทักทายพี่น้องกวี-อนุกวีทั้งหลายด้วยเลย คิดถึงนะจ๊ะ รักษ์รัก ลักจ๊วบ
8 พฤศจิกายน 2549 08:44 น. - comment id 624544
อ่านในหนังสือเด็ก ๆ เล่มหนึ่ง เขียนถึงจิ้งจก.. อย่าเสียงดัง จิ้งจกทักจุ๊ ๆ แล้ว .. ทำไม มันต้องทักล่ะ .. ก็เพราะมันง่วงนอน .. สรุปว่า ที่จิ้งจกร้องทักแปลว่า จิ้งจกง่วงนอน .. ฮา