http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html เมขลานั่งนิ่งๆ ปล่อยให้หยาดน้ำนัยน์ตาซึม เมื่อใจดวงซึ้งโศกสะเทือน กำลังเห็นภาพในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ที่.. กำลังถ่ายทอดภาพพี่น้องผู้คนจนยากจากหลายจังหวัด บนพสุธาไทย พสุธาทองนี้ ที่กำลังเจ็บร้าวหนาวลึก ด้วยความรู้สึกแสนเศร้าวิปโยค โศกแสนสะเทือนใจ เกินคำบรรยาย เมื่อชีวิตพวกเขาคนหาเช้ากินค่ำ ต้องมาพบกับสายน้ำอันล้นหลั่งไหล จนท่วมทับ...ไปทั่ว ทั้งท้องนา ข้าวกล้า เสียหายนับหลายแสนไร่ ไหน... จะวัวควาย หมู ไก่ ที่เจ้าของฟาร์มถึงกับร่ำไห้ ต้องปล่อยให้นอนหงายท้องตายอย่างน่าเวทนา เพราะว่า.. เตรียมการอพยพขอความช่วยเหลือไม่ทันการณ์ ภาพที่สื่อสะท้อนให้เห็นความทุกข์ถมจมโศก ราวโลกสิ้นไร้หวัง แม้นจะมีการประดังช่วยเหลือจากพี่น้องร่วมแผ่นดินเดียวกัน จากสายน้ำใจไทยทุกถิ่นที่ เพื่อพลีปลอบประโลมให้ทุกคนฝ่าฟัน พร้อมมีพลังใจที่จะลุกขึ้นมาสู้ใหม่ อย่างไม่ย่อมพ่ายแก่พรหมชะตา เมขลา... เศร้านัก ได้แต่หวังตั้งใจจักบริจาคเงินทองข้าวของ รวบรวม ส่งไป และ.. ยิ่งเศร้าใจเมื่อวันนี้ฟังข่าวว่า เด็กๆแทบร้องไห้เมื่อได้ยินคำว่า *มาม่า และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกยี่ห้อ* ที.. หลายคนเททุ่มใจจัดส่งไปให้ ด้วย.. ความรักปรารถนาดี หวัง.. ให้ได้รับประทานช่วยเยียวยาชีวีชีวิตยามขัดสน หาก.. ทว่ามันคงมากล้นไป ที่ทั้งเช้าสายบ่ายเย็นเขาทุกคนต้องพยายามรับประทานเข้าไป เพื่อกันความหิวโหย... ทั้งๆเคยเป็นอาหารที่เด็กๆคิดว่าอร่อยที่สุดในโลก หากทว่า.. ในวันนี้ นาทีนี้ทุกคนแทบเมินปากหนีให้แสนไกล แต่... จะทำอย่างไรได้ เพราะฟืนไฟไม่มีที่จักหุงหาอาหารที่ดีกว่านี้ และ.. นี่คือความทุกข์เทวษโทมนัส ของน้องพี่เลือดเนื้อคนไทย ที่... เราทุกคนไทยหัวใจหกสิบล้านดวง ได้แต่ต้องหลอมรวมใจเข้าด้วยกัน ด้วยพลังสามัคคี เพื่อ.... ที่จะกอบกู้วิกฤตการณ์..ภัยธรรมชาติครั้งนี้ ให้ผ่านพ้นไปได้ อย่าง...มิสิ้นแล้งไร้น้ำใจ ... อย่างที่...ไท ไทย ผู้มีหัวใจทอง..พึงทำ...!!! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html ลุ่มเจ้าพระยา ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น จง ผูกพันรักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
30 ตุลาคม 2549 17:31 น. - comment id 621251
http://mekhala.dwr.go.th/mekhala/situetion/rp_main.asp http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.thaifolk.com/image/mekkala/word.gif&imgrefurl=http://www.thaifolk.com/doc/mekkala.htm&h=109&w=98&sz=2&hl=th&start=14&tbnid=aWf8wqVOSil54M:&tbnh=80&tbnw=71&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%26svnum%3D10%26hl%3Dth%26lr%3D%26sa%3DG ตำนานนางเมขลา คนทางประเทศตะวันออก เช่น ประเทศอินเดีย จีน ประเทศในแหลมอินโดจีน รวมทั้งคนไทยมีความเชื่อกันว่า เมื่อใดที่ฝนตกฟ้าคะนอง ฟ้าแลบเป็นประกายเจิดจ้า ตามด้วยเสียงฟ้าร้องสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน และบางครั้งฟ้าก็ผ่าลงมาดังสนั่นหวั่นไหว ถูกอะไรก็พังพินาศ ไหม้เป็นจุล ไม่ว่าคนหรือสัตว์ โดนฟ้าผ่าก็ตายทันที ปรากฏการที่กล่าวมานี้ คนชาวอาเซียเชื่อกันว่า เกิดจากอำนาจ แก้ววิเศษของนางฟ้าเมขลา และขวานวิเศษของอสูรเทพรามสูร ดังรายละเอียดของเรื่องว่าไว้ดังนี้ เมขลา เป็นเทพธิดาผู้รักษาน่านน้ำ และนางผู้ถือดวงแก้วล่อให้รามสูรขว้างขวานทำให้เกิดฟ้าแลบและฟ้าร้อง (ดูรามสูรด้วย) นิยายพื้นบ้านของไทยยกเรื่องฟ้าคะนองขึ้นมาเล่าว่า นางเมขลาหรือมณีเมขลามีดวงแก้วประจำตัว รามสูรพอใจในดวงแก้วและความงามของเมขลา จึงเที่ยววิ่งไล่จับนาง เมื่อจับไม่ทันก็ใช้ขวานขว้าง แต่ไม่ถูก เพราะเมขลาใช้แก้วล่อจนเป็นฟ้าแลบ แสงแก้วทำให้ตารามสูรมัวจึงขว้างขวานไม่ถูก เรื่องเมขลารามสูรนี้ในวรรณคดีเก่า ๆ เช่น เฉลิมไตรภพ ว่า มีพระยามังกรการตนหนึ่งอมแก้วไว้เสมอ จะไปไหนก็เอาดวงแก้วทูนศีรษะไว้ มังกรการได้แปลงเป็นเทวดาไปสมสู่กับนางฟ้ามีบุตรีชื่อ เมขลา เมื่อเจริญวัยขึ้นมีความงามยิ่ง มังกรการได้นำบุตรีและดวงแก้วไปมอบแก่พระอิศวร ครั้งหนึ่งเมขลาได้ขโมยดวงแก้ววิเศษนั้นไป ราหูผู้มีครึ่งตัวเพราะถูกจักรพระนารายณ์เมื่อครั้งแปลงเป็นเทวดาไปดื่มน้ำอมฤต ได้อาสาไปจับเมขลา และได้ชวนรามสูรผู้เพื่อนไปด้วย รามสูรได้ขว้างขวานจนกลายเป็นฟ้าลั่น เรื่องรามสูรเมขลาในวรรณคดีสันสกฤตไม่มี แต่ในรามเกียรติ์กล่าวถึงรามสูร (เพี้ยนมาจากปรศุราม) ว่าเป็นอสูรเทพบุตร มีขวานเพชร ในเทศกาลวสันต์ เทวดาและอัปสรเล่นจับระบำกัน รามสูรเจ้าไปไขว่คว้านางอัปสร และไล่ตามนางเมขลาไปพบพระอรชุน ได้ท้ารบกัน รามสูรจับอรชุนสองขาฟาดเหลี่ยมพระสุเมรุตาย นางเมขลาฝ่ายบาลีนั้นว่ามีหน้าที่รักษาน่านน้ำมหาสมุทร คอยช่วยเหลือผู้มีบุญที่ตกน้ำ เช่น ช่วยพระชนกและพระสมุทรโฆษ เมขลาของอินเดียมีคำว่ามณีอยู่ด้วยรวมเป็นมณีเมขลา จึงรวมเป็นองค์เดียวกับเมขลาที่ถือแก้วในนิยายพื้นบ้านไทย เรื่องฟ้าคะนองนี้มีอีกว่า เป็นเพราะรามสูร เมขลา และพระประชุนมาชุมนุมรื่นเริงกัน พระประชุนคือพระอินทร์ในสมัยพระเวทที่มีหน้าที่ทำให้เกิดพายุฝน พระอินทร์ในหน้าที่นี้เรียกว่า ปรรชันยะ หรือ ปรรชัยนวาต ไทยเรียกเป็นพระประชุน เมื่อมีการชุมนุมรื่นเริงกันของเทพแห่งฝน เมขลาผู้มีดวงแก้วและรามสูรผู้มีขวานจึงทำให้เกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เป็นเรื่องเอานิยายไทยมาปนกับอินเดีย เมขลาของจีนมีชื่อว่า เง็กนิ้ง แปลว่า นางหยก บางทีก็ชื่อ เตียนบ๊อ แปลว่าเจ้าแห่งสายฟ้า แต่ไม่ได้ถือดวงแก้ว หากถือธงหรือกระจกเงาทำให้เกิดแสงแวบวับ (อุทัย สินธุสาร 2520:3500-3501) ...............
30 ตุลาคม 2549 17:36 น. - comment id 621254
รามสูร เป็นยักษ์ถือขวานเป็นอาวุธ เป็นผู้ทำให้ฟ้าร้อง เรื่องรามสูรมักมีคู่กับเมขลา (ดูเมขลา) บางแห่งว่ารามสูรเลือนมาจากปรศุราม ในนารายณ์สิบปาง ปางที่ 6 กล่าวว่าปรศุรามเป็นพราหมณ์ ลูกฤษีชมทัศนีกับนางเรณุกา มีขวานเป็นอาวุธ ปรศุรามได้บำเพ็ญตบะจนบรรลุอริยผลหลายชั้นเหลือแต่ชั้นสูงสุดคือ ปรพรหม ปรศุรามโทโสร้ายจึงมีฉายาว่า นยักษ์ แปลว่า ต่ำ เมื่อพบกับพระรามก็ท้ารบแล้วรบแพ้พระราม ๆ ไม่ฆ่าด้วยเห็นว่าเป็นพราหมณ์ แต่ให้เลือกว่าจะให้แผลงศรไปทำลายมรรค (ทางดำเนินสู่อริยภูมิ) หรือ ผล (อริยภูมิที่จะบรรลุด้วยบำเพ็ญตบะ) ปรศุรามเลือกให้ทำลายผล ในรามเกียรติ์ว่า รามสูรเป็นอสูรเทพบุตร มีขวานเพชรเป็นอาวุธมีฤทธิ์มาก ในเทศกาลวสันต์ เทวดาและอัปสรเล่นนักษัตรฤกษ์จับระบำกัน รามสูรเข้าไปไล่จับนางเมขลาพบพระอรชุน เกิดรบกัน รามสูรจับสองขาอรชุนฟาดเหลี่ยมเขาพระสุเมรุตาย คราวหนึ่งได้พบพระรามที่กลับจากอภิเษกสมรส จะไปกรุงอโยธยาเกิดรบกับพระราม แต่ยอมแพ้เมื่อรู้ว่าเป็นพระนารายณ์ แล้วถวายศรที่พระอิศวรประทานแก่ยักษ์ตรีเมฆผู้เป็นอัยกาตน รามสูรถวายศร นิยายชาวบ้านว่า รามสูรเป็นยักษ์ถือขวานเพชรเป็นอาวุธ เป็นเพื่อนกับพระราหู เมื่อพระราหูไปดื่มน้ำอมฤตที่พระนารายณ์ชักชวนไปกวน แล้วถูกพระนายรายณ์เอาจักรขว้างตัดร่างขาดครึ่งตัวแต่ไม่ตายเพราะดื่มน้ำทิพย์ รามสูรก็คิดจะขอพรพระอินทร์ให้พระราหูกลับมีร่างดังเดิม บังเอิญนางเมขลาไปลักดวงแก้วพระอินทร์จึงจะจับนางไปถวายเพื่อได้ความชอบก่อน แต่เมขลาก็หลบหลีกโยนแก้วล่อหลอกรามสูร รามสูรจึงขว้างขวานเพชรไป แต่อำนาจดวงแก้ววิเศษคุ้มครองนางเมขลาไว้ ต่างวนเวียนไล่ล่อกันจนเกิดเป็นฟ้าแลบเพราะแสงแก้วของเมขลา และมีเสียงฟ้าร้องเพราะรามสูรขว้างขวาน รามสูรจีนชื่อ ลุ่ยกง หน้าตาน่าเกลียดหัวมีผมพนมขึ้นไปเหมือนลิง หน้าเหมือนครุฑ ผิวเนื้อดำหรือเขียว มีปีกอย่างค้างคาว ที่ตีนมีเล็บอย่างเหยี่ยว เอากลองมาร้อยกันสวมคอเป็นสร้อยสังวาลย์ เสียงฟ้าร้องนั้นเกิดจากลุ่ยกงรัวกลอง บ้างว่ามือหนึ่งของลุ่ยกงถือสิ่ว อีกมือหนึ่งถือขวานและฆ้อน ลุ่ยกงมีหน้าที่ลงโทษผู้มีใจชั่วโดยให้ฟ้าผ่า ครั้งหนึ่งไปผ่าคนผิดโดยผ่าชายคนหนึ่งซึ่งโยนเปลือกแตงโมทิ้ง โดยเข้าใจว่าโยนข้าวที่มีประโยชน์แก่มนุษย์ทิ้ง เรื่องรู้ถึงลุ่ยโจ๊วหัวหน้าใหญ่จึงบัญชาให้เง็กนิ้ง (แปลว่านางหยก) หรือบางทีเรียกว่าเตียนบ๊อ ซึ่งเป็นนางเมขลาของจีนนำกระจกมาคอยฉาย และคอยโบกธงให้ลุ่ยกงรู้ก่อนว่าผู้ใดมีใจชั่วควรลงโทษ คราวหนึ่งลุ่ยกงทำให้ฟ้าผ่าถูกลูกชาวนาตาย พ่อเด็กจึงทำพิธีบวงสรวงลุ่ยกงเพราะเชื่อว่าลูกตนไม่มีความผิด ลุ่ยกงพิจารณาแล้วเห็นว่าเด็กไม่ผิดจึงทำให้ฟ้าผ่าอีกครั้ง ให้เด็กนั้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ และอีกครั้งหนึ่งลุ่ยกงทำงานพลาดแล้วตนเองไปติดอยู่ในง่ามไม้ที่ตนให้ฟ้าผ่า ถูกไม้หนีบออกไม่ได้ ต้องขอให้คนตัดฟืนช่วย คนตัดฟืนต้องเอาหินทำเป็นลิ่มตอกตรงรอยแยกให้ไม้ถ่างช่วยลุ่ยกงออกมาได้ ลุ่ยกงจึงมอบตำราศักดิ์สิทธิ์เรียกฝน และรักษาโรคภัยความเดือดร้อนต่าง ๆ ได้ คนตัดฟืนได้อาศัยตำรานั้นช่วยผู้คนจนร่ำรวย วันหนึ่งคนตัดฟืนกินเหล้าเมาไปนอนในศาลเจ้า เจ้าเมืองจับตัวไป ชายนั้นก็ขอให้ลุ่ยกงช่วย ลุ่ยกงจึงบันดาลให้ฟ้าผ่า เจ้าเมืองจึงต้องปล่อยตัวไป (อุทัย สินธุสาร 2520:3500-3501)
30 ตุลาคม 2549 18:05 น. - comment id 621263
พี่พุดค่ะ กระต่าย ต้องลงพื้นที่ด้วยเรื่องนี้ หลายครั้ง คนไทยมีน้ำใจ แต่ก็มีอีกส่วน ที่เห็นแก่ตัว หลวงแจกของ ช่วยคนน้ำท่วมจริงๆ มีเป็นร้อย ที่น้ำไม่ท่วมบ้านหรือแม้แต่ไร่นา มารับของแจก มากกว่า คนที่น้ำท่วมออกมาไม่ได้ บางครั้งเราต้องหลับหูหลับตา ตามนาย เพราะว่า บางครั้งการเมือง เป็นเรื่องของการรักษาฐานเสียง เห็นแล้ว อนาถใจจัง ที่คนรวยขับรถเก๋งมารับของแจก ขนกันเข้าไป ส่วนคนจนๆๆเราต้องนั่งเรือหาเขา ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง ให้เท่าไร แจกเท่าไหนก็พอใจเท่านั้น ปัญหาที่ตามมาคือ โรคตาแดง โรคซึมเศร้า โดยเฉพาะคนแก่ ที่ไม่อยากจากบ้าน นั่งเรือไปทุกวัน สนุกดีค่ะ แต่ตอนนี้น้ำลดแล้ว ไร่นาเสียหาย หลวงชดเชยให้แค่ไร่ ละ400บาท ต้องเตรียมเอกสารกันวุ่นวาย มาม่า กว่าจะถึงพวกเขา ป่นค่ะ ข้าวที่แจก บางครั้งปนข้าวท่อนและหุงไม่ได้ แววตาของแต่คน แห้งแล้ง แห้งผาก กระต่ายฏ้เพียงหวังว่า แต่ละคน จะแข็มแข็งที่ห่วงคือ คนแก่ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เยี่ยมเยือนกันเสมอค่ะ ต้องให้มาอาศัยรวมกันที่วัด รัฐบาลช่วยได้เป็นบางจุด เพียงหวังว่า น้ำตาคงจะเหือดหาย พร้อมสายน้ำค่ะ รักและเคารพพี่พุดเสมอ กระต่ายใต้เงาจันทร์
30 ตุลาคม 2549 18:46 น. - comment id 621291
พี่พุดค่ะบัวดูข่าวติดตามข่าวตลอดเวลาค่ะ บ้านพี่ที่ทำงานอยู่ด้วยกันอยู่อยุธยา โชคดีบ้านเค้าน้ำไม่ท่วมค่ะ เพราะอยู่พื้นที่สูงแต่รอบๆท่วมหมดค่ะ แล้วก็ที่ ผักไห่ บ้านนั้นเป็นญาติกัน ท่วมแต่ก็ยังดีเพราะบ้านสูงมาก เคยท่วมมาแล้วเค้าเลยทำบ้านให้สูงขึ้นค่ะ แต่ก็เดือดร้อนกับการเดินทางเข้าออกมาก และส่วนมากของที่ไปแจกจ่ายจะถึงแค่ คนที่เข้าไปถึงเท่านั้นที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน ก็ไม่ได้รับ แต่ก็ยอมรับว่ามันท่วมจน เขาไม่รู้ว่าจะไปช่วยตรงไหนดีแล้วค่ะ ก็น่าเห็นใจทั้งคนที่เอาไปให้และคนรอรับ เราคงต้องช่วยกันสวดมนต์ภาวนาขออย่าให้ลูกใหม่ที่จะมานี้รุนแรงอีกเลยค่ะ อย่าให้มาถึงประเทศเราเลย เหมือนที่มีคำทำนายไว้ ว่าเขากำลังกวาดต้อนไปทีละชุดทุกรูปแบบ พอผ่านตรงนี้ไปยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก นะค่ะพี่พุด น้ำตาฟ้า ทำให้เมขลา ระทม รวมทั้งพี่น้องคนไทยจะทั้งประเทศอยู่แล้วค่ะ
30 ตุลาคม 2549 19:57 น. - comment id 621326
มาเยี่ยมครับ ......คนเช็ดเงา.........
31 ตุลาคม 2549 13:33 น. - comment id 621577
สวัสดีค่ะ พี่พุด... รักษาสุขภาพนะคะ
31 ตุลาคม 2549 22:06 น. - comment id 621886
ให้ความรู้เป็นประโยชน์ดีครับ เมขลาบนฟ้า กับแมขลาบนดินช่างต่างกันลิบลับ ธรรมชาติเป็นของมนุษย์ทุกคน เมื่อเราไม่รักษามัน มันย่อมลงโทษเราเช่นเดียวกัน ดีใจครับทียังได้เจอชื่อนี้ประดับอยู่บ้านกลอน