http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html (เธอคนเดียว) http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem92243.html ภาคสอง ต่อจาก.. ตักศิลาฟ้าภิรมย์..! ส า ย รุ้ ง ส ล า ย..! สิบปีผ่านไปราวติดปีกบิน... ฟ้า.....กำลังครางครวญ พลางพาให้ย้อนหวนไปในทิวาหวาม แสนหวานในวันนั้น วันที่..*หทัยเทวี*ได้พบยอดรักคนดี*ตักศิลา* ที่แสนโอบเอื้อ อ่อนหวาน อ่อนโยน ผู้ชาย... ที่ฟ้าประทานมาให้เธอ...*ถือเป็นโชค* หลังจาก... วันพบวิปโยคที่เกิดอุบัติเหตุ ที่เขาได้พิสูจน์ให้เธอซึ้งใจด้วยการกระทำ ด้วยการดูแลและเข้ามาตามติดในวังวนชีวาชีวิต อย่าง... ยากจะหนีพ้น ตามแรงรักแรงอธิษฐานจิต ที่เธอคิดคิดดูคงเป็นวิบากรักตั้งแต่ปางก่อน มาจนถึงวันนี้ .... ที่สองชีวีได้หลอมรวมรัก ผ่านคืนฝันราตรีอันแสนเกษมซ่าน ผ่านทั้งสุขทุกข์ รู้หนาวร้อน รู้ผ่อนรู้ปรนรู้อดทนอภัย รู้มีใจดวงเมตตาปรารถนาดี รู้ที่จะปรับตัวเข้าหากัน รู้ปันแบ่งทั้งน้ำคำ น้ำใจ รู้ทะนุถนอมรักด้วยการแสดงความห่วงใยให้เกียรติ และ ที่สำคัญสร้างสีสันแห่งความพิศสวาทหวามเสน่หา ให้ทั้งสองดวงใจมิเคยเหว่ว้า มิเคยเบื่อซึ่งกันและกันเลย รีสอร์ทแห่งความฝันได้ถูกสร้างสรรขึ้น.. หลัง... วันหวานวันวิวาห์ไม่นาน ไว้รองรับแขกอาคันตุกะผู้มาเยือนจากแดนไกล และ.... สร้างขึ้นตามพลังดวงใจ ที่อยากเห็นโลกทิพย์ โลกธรรม ธรรมชาติ ให้.... ยังสวยสดสะอาด สว่างสงบ สยบโลกแล้งไร้ ภายนอกที่กำลังรานรุก ที่นี่... ยังแสนสงบสุขด้วยต้นไม้ นานาพรรณ และดวงดอกไม้ป่าดอกไม้ไทยไสวช่อ สลับสีสลับสวย ที่.... ช่วยให้โลกนี้ยิ่งดูแสนสดชื่นร่มรื่นงามยิ่งขึ้น เธอ หทัยเทวี และ ตักศิลา เพียรเพาะกล้าพันธุ์ไม้ ให้รีสอร์ทวิมานวนา งามดั่งคำว่า... *อัญมณีแห่งไพรพฤกษ์ * สมกับที่เจ้าของนึกนับวันรอสานฝันให้เป็นจริงมานานปี อย่างที่เธอ คนดีได้เคยฝันเอาไว้ เขาทั้งสองเนรมิตรที่ดินผืนงาม ที่ดินที่ลาดเอียง ลดหลั่น อิงแอบภูเขา มีหินงาม ที่ธรรมชาติให้มา แยกกระจัดกระจายไป.... เลือกวางตำแหน่งบ้านแบบบาหลีเป็นกระท่อมทับที่อาศัย และใช้หินก้อนใหญ่เป็นชานระเบียง ไว้นอนนับดาวเดือน แสนโรแมนติก เบื้องหน้า เมื่อมองแลลอดออกไป จากดงมะพร้าว และดงไม้ดอกใบ ที่มาปลูกเพิ่มเติมทีหลัง จะเห็น เกาะสมุยตรงหน้า และทะเลสวยใสไล่โทนสี เขียวอ่อน คราม เข้มจัด จนราวเขียวมรกต ... ทั้งสองเททุ่มใจใช้เวลานานปี มาเนรมิตรผืนดินนี้ ให้กลายเป็นดั่งสวนสวรรค์ สรวงสวรรค์ ดั่งภาพเขียนเมืองร้อน ของปอล โกแกง..... สร้างกระท่อม ทาร์ซานบนต้นมะพร้าว มีบันไดทอดให้ไต่ตามหาความฝันในวัยเยาว์ อย่างแสนสนุก แลเห็นทั้งวิว ทิวทัศน์ ทะเลสวยใสไกลตา...... มีกระท่อม เรียบโล่ง สไตล์บาหลี ที่ออกแบบ ให้มีห้องน้ำในฝัน เปิดโล่ง ท้าแสงจันทร์ และ แสงดาว พราวนวล ยวนใจยามโลมไล้ ร่างงาม จนน่าไหลหลงพิศวาส บาดใจ ... ดึงสายน้ำ ซ่อนในโขดหินธรรมชาติ และปล่อยให้แตกฝอยฟอง กระเซ็นซ่าน ซู่ซู่ ........ ราวอาบน้ำตกใสไหลเย็น กลางดงไม้หอม ส่งกลิ่นฉ่ำชื่น ชื่นใจ ทุกอณู กายใจ ... ทุกกระท่อมทับ และเรือนหลังงามของทั้งคู่ จะแยกตัว และบ้างเกาะกลุ่มไปตามโขดหิน แทรกไปตามดงไม้ไทย และ ไม้เมืองร้อน พันธุ์แผกแตกต่าง แต่หอมนวล หอมนาน หอมเย็น...... ... ที่เลือกคัดสรร ศึกษา มาลงไว้นานาพรรณ...... เลือกลั่นทม ขาวพราวดอก ตัดกับทองหลางดอกแดงจ้าทั้งต้น ยามหน้าร้อนมาทายทัก เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมือง ที่ทนแดด ทนฝน ยิ่งนัก...... คูน เหลืองทองสดใสสว่างตา ไหนจะ..การะเกด พะยอม ปีบ ลำดวน ที่ต้องดูแลพิเศษ..... และไม้เมืองร้อนที่สดใสสะพรั่ง หลากหลายพันธุ์... ชบาสีสด เฮลิโคเนีย แพงพวย กล้วยไม้.... เข็มอินเดีย ไม้พุ่ม ชมพู แดงม่วง และโกสนใบสวย......... พลับพลึง หอมอ่อนรวยรินในยามค่ำ ริมทางเดินหินงาม ที่ทอดตัวคดเคี้ยว เลี้ยวลับถึงกระท่อม ... ....... พันธ์ไม้เหล่านี้ เขาทั้งคู่ปลูกด้วยรัก รดน้ำด้วยชีวิต และตัดแต่งด้วยวิญญาณแห่งความเข้าใจที่รู้ จังหวะของการแตกกิ่งก้าน การผลิดอกใบ ด้วยการใช้ใจดวงละมุนเพียงนั้น ทุกวัน.....สวนสวยของวิมานฝันวิมานวนาจะงามแผกแปลกไป ไม่ใช่...อารมณ์เดียวกัน ..... ยามเช้า เมื่อแสงสวยสีทอง มาเยือน สวนสวยจะดูสดใส สดชื่น อ่อนหวาน ไม้ดอกใบจะเผยอแย้มกลีบแผ่วเบา ให้แสงแดดนวลนุ่ม แตะต้องน้ำค้างพราวราวหยาดเพชร ระเหยหายราวไร้ร่องรอย........ ยามบ่าย แดดเริ่มอ่อนอุ่น เหมาะกับบางมุมที่จะจิบน้ำชายามบ่าย และทายทักพิงพักใจกับหนังสือดี มีค่าในมือ เอนตัวแลลอด ฟ้าคราม งาม สดใส ใจสบาย....... ยามค่ำ จะโรแมนติกล้ำ ด้วยแสงจากไฟ ที่ซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ ในสุมทุมพุ่มพฤกษ์...... และจากคบไฟ จากเทียนหอมงาม ที่เลือกวางไว้ อย่างลงตัว รายรอบ กระท่อม และทางเดิน ที่ทอดตัวลดเลี้ยว เคี้ยวคด โค้งงามไปตามทางสู่ที่พัก.... ทุกราตรีแย้มเยือน.... จะมีมาลัยหอมงาม จากดงดอกไม้ในสวนสวยวิมานไพรวิมานวนา.... นำมาร้อยเรียง.... ด้วยสายน้ำใจเย็นฉ่ำ วางไว้ใกล้หมอน ให้แขกนอนหลับฝันดี....มีสุข.......... ส่วนที่เป็นแผนกต้อนรับ เป็นกระท่อมหลังคาสูง เปิดโล่งรับลมทะเลพรู.... ประดับประดาด้วยดอกไม้มากสีต่างพรรณ ส่วนหนึ่งจัดเป็นโต๊ะบุฟเฟ่ต์ มีอาหารไทย และอาหารทะเลนานาน่ารับประทาน...... พลอยจะกล่อมปาก ด้วยอาหารเลิศรส และกล่อมใจแขกด้วยเสียงเพลงจากเปียนโน... ที่หทัยเทวีจะบรรเลง ให้แขกฟังเอง ในยามค่ำที่อาจเงียบเหงา ให้ซาบซึ้งตรึงใจสำหรับแขกคู่ ได้สบตา กันท่ามกลาง.. เพลงแสนหวานหู กับแสงเทียนวับแวม หวามไหว..ในอารมณ์... และสำหรับแขกเดี่ยว เดียวดาย ที่คงอยากให้เพลง...แทนใจลอยลม ฝากรัก ฝากใจ ไปถึงใครบางคน แสนไกล ... พร้อมเสียงน้ำตกจากโขดหินใกล้ๆซัดเซาะ... ราวอยู่ในสรวงสวรรค์......สวรรค์สรวง .......................... เธอ..พบความสุขนิรันดร์ที่ได้ปันพลีปันดี แด่ผองชนแล้ว และ.. ใครที่มีดวงกมล ว้าวุ่นสับสน แค่มาพักใจสักสองสามวัน ก็ราวพบสวรรค์บนดิน ด้วย.. *ตักศิลา* จักเปิดคอร์สอบรมธรรม ที่เขาเคยอบร่ำฝึกจิตจนรู้นิ่งสนิท ด้วยการศึกษาพระอภิธรรม มาอย่างแตกฉาน พอที่จะมาใช้เยียวยาประสานบาดแผลใจ แด่ทุกผู้... ที่ต้องการน้ำคำน้ำใจ..น้ำใสใส..น้ำอมฤตธรรม มารินร่ำดับร้อนใจ ให้... รู้เลือกโลกย์วางโศกสุข ทิ้งทุกทุกข์ร่าง พลางไม่ระย่อท้อแท้ยอมแพ้พ่าย ได้เพียรเดินดำเนินตามรอยเบื้องพระบาท องค์พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อ... ลืมหนาวลืมร้อนใจ ไม่ยึดมั่นถือมั่นโลกมายาปรารถนาวัตถุสรรพสิ่งใด นอกจาก... มีจิตดวงไสวสว่างสะอาดสงบ ... พบสุขว่างกระจ่างแจ่มณ..กลางจิต ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์...ก่อนวันแห่งลมหายใจจะสิ้น... ........................... เสียงเด็กน้อยๆสองสามคน วัยกำลังซนกำลังถกเถียงกันแจ้วๆแว่วมาถึงกระท่อมทับแห่งเธอ หนึ่งในนั้น คือ...ลูกชาย*นามธนูเทวัญ * ใบหน้าคมคายผิวคร้ามแดด เพราะชีวิตแวดล้อมด้วยพลังแสงจัดจ้า ด้วย... บิดา ..*ตักศิลา ..*ชอบพาไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง อย่างสอนให้แล่นเรือใบในอ่าวตรงหน้า ในยามฟ้าสีคราม และทะเลสวยใสราวมรกตน้ำดี ส่วน.. อีกหนึ่งยอดเยาวนารีวัย6 ขวบที่แสนงามนามแสนน่ารัก ว่า*ขวัญหทัย* และเป็นดั่งยอดดวงใจของทุกๆคน เธอ มีรอยยิ้มหวานใสเสน่ห์ แสนเก๋ด้วยลักยิ้มบุ๋ม พริ้มพราย ละม้ายคุณแม่ผู้แสนงาม และ... เสียงอีกหลายเสียงที่ตามมา คือลูกคนงานพม่าสองสามคน...ที่มารับใช้ทำงานใกล้ชิด จนสนิทสนมเกลียวกลมดั่งคนในครอบครัวเดียวกัน และ... เป็นดั่งเพื่อนเล่น ที่ทั้งหทัยเทวีและตักศิลา ไม่เคยแบ่งชนชั้น แล้ว.. ยังสอนบทเรียนให้ลูกรักทั้งสองได้เรียนรู้การเป็นผู้ให้ รู้ปันพลีไม่ว่าข้าวของหรือน้ำใจ... วันนี้ ... ท้องฟ้าสว่างกระจ่างแจ่มพาให้อากาศแสนดี *ตักศิลา*...กำลังสั่งให้คนงานตัดต้นไม้ ที่ต่างพากันเลื้อยพันรกดกจนเกินงาม หาก.. ต้องคอยหันรีหันขวาง ด้วยกลัว*เจ้าแม่ในดวงใจ* *หทัยเทวี*...จะตื่นมาและยื่นคำขาด ให้ปล่อยไว้ให้รกเรื้อ เป็นธรรมชาติ ด้วยเธอมักจะบอกเป็น....*เสน่ห์วนา..*อีกแบบหนึ่ง เขาเองซึ้งใจ เข้าใจเธอดี ที่เธอคนดีแสนรัก แสนประทับใจวิถีไพร หาก.. บางคราบางใคร มักเตือนเขาว่าอย่าประมาท อาจจะมีงูพิษมาเพ่นพ่านก็เป็นได้ หากไม่คอยดูแล.. และ... อาจจะเป็นอันตรายกับแขกและกับเด็กๆ เพราะ... ละแวกนี้เคยเป็นดงหญ้าป่าใหญ่ไพรกว้างมาก่อน... ร่างอรชร...นอนคลี่ยิ้มหวานรับอรุณ ก่อนที่... จะมีร่างเล็กๆสองร่างอันหอมกรุ่นด้วยเลือดเนื้อใสวัยบริสุทธิ์ มาโอบกอดรัดร้อยด้วยรักแสนรักเอาไว้ ให้... เธอหอมแก้มฟอดๆก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงแสนหวาน... ว่า... *คุณพ่อละคะลูก ทำอะไรอยู่ วันนี้มีนัดกับลูกไม่ใช่เหรอคนดี ว่าจะพาไปดู*ลูกช้างกลางทะเล* ว่าแล้วเธอก็หัวเราะ สงสัยมั้ยคะทำไมมีลูกช้างมาผุดกลางทะเล..คะ มามะ แม่จะเล่าให้ฟังนะคะ ลูกช้างคือหินปูนในทะเลค่ะ ที่งอกขึ้นมา และคงถูกกระแสลม กระแสน้ำค่อยๆพัดหลอมให้ดูราวรูปช้างหมอบเลยค่ะ และ ชาวเรือชาวเลจะทราบนะคะว่าหินลูกช้างนี้จะเป็นรอยต่อ ระหว่างทะเลน้ำตื้นกับน้ำลึก ซึ่ง... สีน้ำทะเลก็จะแปรไปเป็นเขียวมรกตเข้มจนเกือบดำ จะไม่ใช่โทนสีฟ้าสว่างใส อย่างริมชายฝั่งอีกแล้วละค่ะ... สองร่างน้อยตอบเกือบพร้อมกัน *คุณพ่อให้มาชวนคุณแม่ไปด้วยกันครับ.. และ.. เราตั้งใจจะล่องเรือไปจนถึง..*หาดเทียน* แล้วจะให้*ทิพย์*เขาเตรียมข้าวห่อไปด้วยครับ* คุณพ่อบอกว่าเราจะไปปิคนิคกันที่นั่น และให้ลูกเล่นน้ำกันจนเย็นเลย จะได้ทันรอดูพระอาทิตย์ตก และเราค่อยๆวกแล่นเรือกลับมา คุณพ่อบอกว่าจะสวยมากเลยครับ .... *ขุนเขา*หรือธนูเทวัญพี่ชาย เพียรกระซิบเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น *เงาขวัญ*หรือน้องน้อย..กลับค่อยๆหรี่ตา หลังจากโถมถาทั้งตัว ไปนอนซุกอกแม่คนดีที่แสนรักแล้วทำเป็นหลับราวไม่ได้ยิน *แม่..ไปไม่ได้ดอกค่ะ นะคะลูก เพราะว่า.. วันนี้จะมีกลุ่มทัวร์จากอเมริกามากันสิบคน..จำได้ไหมลูก ที่จะมาอยู่กับเรา ประมาณสองอาทิตย์ และ.. จะให้คุณพ่ออบรมจิตสอนวิปัสสนาให้ไงคะ* *ไม่เป็นไรนะคะ แม่สัญญาจะไปวันหลัง อย่าลืมนะคะ.... เตือนให้คุณพ่อรีบกลับมา อย่าให้ทันมืดค่ำนะ.. เพราะเรามีนัดจะทานดินเนอร์พร้อมกันกับแขกค่ะ ไปเตรียมตัวกันได้แล้วค่ะลูก สักพักแม่จะตามไปดูพี่ทิพย์... ว่าเตรียมตะกร้าปิคนิคพร้อมหรือยังนะคะ อย่าลืมเอาเสื้อผ้าไปด้วยนะคะ เผื่อตัวเปียกค่ะ ............... เธอ....ยิ้มหวานก่อนจะค่อยๆโอบสองร่างซ้ายขวา และ.. จูบประทับรับขวัญลงบนกระหม่อมเจ้าจอมขวัญจอมใจทั้งคู่ อย่างแสนรักแสนทะนุถนอม... ไปอาบน้ำและแต่งตัวนะคะ รอคุณพ่อ จะได้ไม่สายมาก เดี๋ยวแดดพาลจะร้อนมากไปค่ะ ว่าพลาง... เธอค่อยๆรุนหลังไหล่ให้สองดวงใจ รีบวิ่งออกไปอย่างเริงร่า..ก่อนจะหายลับตาไป เธอ...ทิ้งตัวนอนนิ่งๆด้วยดวงใจแสนสุขสงบ ทอดตาดูดวงดอกปีบพราว ที่กำลังพร่างใบระยิบระยับ ยามกระทบกับดวงดอกแดดสีทองอันอ่อนอุ่น นอกหน้าต่าง ฟ้ากระจ่างใส และเมฆนวลไสวราวสายไหมอันอ่อนนุ่ม จากที่ตรงนี้.... บางคราเธอจะมานอนดูตะวันลา..*สีกลีบดอกไม้ * และ... พลัน...ราวได้ยินเสียงบทกวีที่เธอนี้รักแสนรักแสนประทับใจ ก้องมาจากฟากฟ้ากว้าง..ไกลแสนไกล ราวกับ... มีใครบางคนกำลังขับลำนำพร่ำปลอบประโลม.. ................ เอาดิถีมาฆะฤกษ์วรทาน แย้มมิติวิญญาณสาส์นรังสรรค์ ร้อยวลีอักษรบวรพรรณ มอบกำนัลสุมาลีกวีมิตร เอาพระพุทธเจิมใจจนใสนิ่ง เชิญสัจจริงหิ้งพระมาสถิต ทิวากรว่อนเวียนเปลี่ยนชีวิต นฤมิตครบปีที่บรรจง เด็ดดอกไม้ร้อยป่ามาร้อยรวง เป็นดอกดวงร้อยใจให้ใหลหลง ยกวิมานรุกขเทวาจากป่าดง อีกสายน้ำนามวงก์วสุนธรา มาร่อนเรียงเคียงใจสู่ไกวัล มาปกป้องคุ้มกันวัลย์พฤกษา มาหล่อเลี้ยงอัศจรรย์นัยนา แทนอวยพรวิจิตรามาลินี ดูรา-กาลโยกคลายโศกเศร้า ประจักษ์เงาพระพุทธวิสุทธิ์ศรี ตราบปาริชาตดอกฟ้ามาลาตี ยังโปรยปรายสายนทีนิรันดร์กาล เพียงหนึ่งพิศมองไปใคร่จักแจ้ง เห็นเริงแรงทิพยรสกฎสถาน ทั้งไตรโลกอาจสิ้นไปไร้ตำนาน ปลาสนาการกวีแก้ววิเศษศิลป์ บทนิพนธ์คือค่าอมตะโลก อุปโลกมโนจิตนิมิตถวิล ชีพจรอ่อนไหวจากใจดิน จดมณฑลเทวินทร์พรหมวิมาน เหล่าไพฑูรย์รัตนาค่าอักโข ทุกมโนเจียระไนเพชรไพศาล ทั้งโลกธาตุไกวัลชั้นบาดาล หอมกำยานธูปกวีสุคนธพจน์ เพราะเสน่ห์สง่างามท่ามกลางชน ด้วยดอกผลกุศลกรรมนำกำหนด ทุกผัสสะแห่งจิตนิมิตอรรถรส ให้ปรากฎเฟื่องฟ้าสุธาสินี นำมาลัยร้อยรสพวงพจน์ทิพย์ เพียงหนึ่งจิบอมฤตวิจิตรศรี เพื่อต่อลมชีพจร...อรชรกวี ยามมงคลสวัสดีมาฆะบูชา รัตนชาติแห่งไพรสมัยเสมอ จงบำเรอผองมนุษย์ทุกทิศา ด้วยมณีบัวบุษย์พุดพัดชา ประดับโลกโตรกป่าแวววิเชียร อมตะไพรพรูสุวรรณศิลป์ ปณิธานกวินคุมบังเหียร รัตตัญญูแท้จมดินสิ้นแสงเทียน ทุกภพเปลี่ยนอสงไขย...ฤาไร้กวี... ..................... เธอ..นอนนิ่ง หลับตานึกถึงเสียงสังคีตดีดสี นึกถึง..*สายธารานิรันดร์*เจ้าพระยาแห่งงามฝันระรินล่อง* นึกถึง... เสียงเสภาก้องคุ้งน้ำ แสงเทียนพราวพร่างจับสีจีวรสงฆ์ในโบสถ์คร่ำยามพลบ จบด้วยใจที่แสนสุขเกษมเปรมปรีย์ เมื่อจิตดวงดี ดวงทองผ่องผุดพิสุทธิ์พราว ราว...บัวบาน..ในบึงใจ ยามประหวัดรัดร้อยด้วยรื่องราวโบราณ ที่ใจดวงงามยิ่งหวานตระการ... ราวเคยได้เป็นส่วนหนึ่งในอดีตอันงามงดนั้น ให้ฝันซึ้งตรึงตรา พาให้ใจดวงจินตนา ช่างแสนหวาน ยามได้หลับตาย้อนรำลึก..อย่างลึกล้ำดำดื่มในห้วงอารมณ์ อันแสนละไมละเมียด.. เสียงบานประตูกระจกเปิดออก พร้อมกับร่างคุ้นตา ของ*สุภาพบุรุษไพรชายในดวงใจ* ค่อยๆก้าวเข้ามา และ.. เธอแกล้งทำเป็นหลับตา เสมือนว่ากำลังนิทรารมย์อย่างแสนสุข เขาคนดี..ค่อยๆใช้วิธีปลุกเธอ อย่างเคยชิน ด้วย.. การไล้จูบไปที่หน้าผาก เปลือกตา ไล้มาริมหู เรียวแก้ม และ... นิ่งนานตรงริมฝีปากหนานุ่ม อย่างแสนรักทะนุถนอม แม่จอมขวัญจอมใจ*หทัยเทวี* ด้วยเนื้อชายชาตรีที่แสนหอมกรุ่นด้วยกลิ่นโคโลญจ์ ในยามเช้า เฝ้ารับอุษาวดี ที่กำลังคลี่ยิ้มอิจฉาสองดวงใจ เธอ..ค่อยๆหรี่ตา และ.. พลางใช้สองมือรัดร้อยตระกองกอดร่างเขาแนบแน่น ด้วย.. อ้อมแขนแสนรักใคร่ อย่าง...ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาพูดใดใดระหว่างกัน ใช้เพียงเสียงสวรรค์ ภาษากายแทนภาษารัก อย่าง.. คนที่เคยฟังเสียงหัวใจเต้นประสานกัน มาอย่างเนานานปี .. อย่างคู่ที่รู้คุณค่ารักภักดี มิมีวันที่จะเบื่อหน่าย... ด้วยคล้ายเข้าใจโลกโศกสุข.. มิยอมให้เรื่องรานร้าวใดมาล้ำรุก จนเกิดรอยแผลใจ... *คนดี....นอนต่อนะครับ สักพักผมจะไปแล้ว.. และ.. สัญญาครับจะกลับมาทันมื้อค่ำ ผม...สั่งรายการอาหารชีวจิตให้แขกแล้วนะครับ สำหรับสองคู่ที่ระบุมา..* และ... อย่าลืมตรวจตราดูความเรียบร้อยอีกทีนะครับ ให้เด็กร้อยมาลัย เพิ่มคืนนี้อีกสักสิบพวง เพราะ.. ต้องเปิดกระท่อมไว้ให้หัวนอนหอมงาม อย่าลืมวางเทียนไว้ด้วยนะครับ และ.. โคมไม้ไผ่สาน ผมให้..คนงานสานเพิ่ม วางตามมุมต่างๆให้สว่างรำไรๆ ทุกทางเดินเลี้ยวลัดไปกระท่อมแล้วครับ* หาก.. ผมกลับมาช้า ให้.*.วีร์..*เปิดไฟส่องไปที่กระท่อมทาร์ซาน ด้วยนะครับ จะได้บรรยากาศบรรเจิด...มากกกก.... เขาลากเสียงอย่างอารมณ์ดี... ก่อนที่... เธอ..ยิ้มรับพร้อมกับเผยอตัว โน้มคอเขาลงมาประทับจูบริมเรียวปาก ช่างสั่งอย่างแสนดูดดื่ม อย่างแสนหวานชื่น อย่างแสนรักนักรักหนา กับทุกลีลาแห่งความเป็นสุภาพบุรุษ ผู้มิเคยหยุดดูแล ทุกสิ่งเคียงข้างเธอ มาอย่าเสมอต้นเสมอปลายนานปี และ.. อย่างที่ใครๆต่างพากันนับถือชื่นชม นิยมในงามใน*ความดี*จนเป็นที่เลื่องลือว่าเขาคือสามีตัวอย่าง ผู้ที่รู้วางตัว รู้ค่าคำว่าครอบครัว *คือสิ่งสูงค่ามากค่า* ที่จะต้องเททุ่มเวลาเสียสละ และ ให้ทุกสิ่งอย่าง..อย่างมิเคยทำให้เธอว้าเหว่ใจ เธอ...กระซิบรักบอกเขาด้วยเรือนร่างเร่าร้อน ด้วยแรงรักแรงฤทธิ์พิษสวาทหวามเสน่หา ให้.. เขาค่อยๆเบียดหน้าเบียดร่างลงมาแสดงบทรักอย่างละเมียดละมุน คลอเคล้าเคลียไคล้หลอมรวมร่างใจ.. ไปกับพลังสายแสงแดดอ่อนอุ่น และ.. กับกมลที่แสนหวานปานดวงดอกไม้รายรอบวิมานดิน และ. กับโลกนี้ที่แสนซึ้งถวิลหยุดหมุนเฝ้ามองด้วยอิจฉา..ไปพร้อมๆกัน ....................... ......................................... ฟ้า.....ใกล้ค่ำแล้ว... กับทะเลที่เริ่มมืดดำไปทุกทิศทางด้วยพายุตั้งเค้า เรือสีขาว... กำลังเร่งเครื่องลอยลำฝ่าฟองคลื่นจนแตกพร่าง กระสานซ่านเซ็นไปรายรอบลำเรือ... สามชีวิตพ่อลูก... กำลังลอยคว้างท่ามทะเลโลกย์ทะเลกรรมแสนล้ำลึก เกินหยั่งถึง... ราว.. ถูกกระหน่ำซ้ำซัดด้วยแรงวิบากรักวิบากกรรม *แห่งการพรายพลัดพราก* จาก.. ชะตาพรหมแลฟ้าดิน ที่ต่างพากันโปรยสายร่ำไห้อย่างหนักหน่วง อย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น *ตักศิลา*... แหงนเงยดูฟ้า... ที่หยาดสายพราวพร่างราวไร้สิ้นเมตตา..! ด้วย... ใบหน้าที่แสนวิตกกังวล ลูกชายหญิงสองคนเริ่มขวัญเสีย.. เมื่อคลื่นยักษ์..เริ่มถาโถมโจมจับหนักหน่วง.. มาแทบทุกทิศทาง...! ให้เรือลำน้อยลอยคว้างยิ่งดูราวไกลห่างฝั่งออกไปทุกที..ทุกที ราว.. ถูกจับเหวี่ยงโยนไปมา เสียงร้องไห้กระซิกกระซี้อย่างน่าสงสาร จากร่างที่ถูกน้ำทะเลซัดจนเปียกโชก ให้ตักกศิลาชะโงกดูสองลูกน้อยอย่างละล้าละลังใจ เขาแสนเหน็บหนาวใจเมื่อมองไปมิเห็นฝั่ง ในความมืดมิด แล.. หัวใจดวงดี กำลังเกิดนิมิตลางสังหรณ์...!!!! ก่อน.. ที่จะเข้าไปตระกองกอดปลอบประโลมลูกให้เลิกหวั่นกลัว ในท่ามม่านหมอกเทาทึมสลัว เสียงเครื่องยนต์สำลัก..และดับลง..อย่างช้าช้า.. และ.. พร้อมกับ..คลื่นยักษ์... ที่ถาโถมมา...อย่างรุนแรง.. พาให้... เรือลำน้อยพลิกคว่ำ...!!! พร้อมกับเสียงฟ้าร่ำไห้อย่างโศกสะเทือน และ.. เสียงกรีดร้องหวีดร้องอย่างตกใจของสามชีวิต ที่กำลังถูกฟ้าดินลิขิตให้สิ้นสุดลมหายใจไปกับกาลเวลา... อย่างยากจะหนีพ้นเพรงกรรม...!!!!! .............................. .................................. ภิกษุชรา ......... ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากวาดใบไม้ในลานวัด จำต้องหยุดชะงักนิ่ง.. เมื่อ เห็นร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น*คุณเดือน* หญิงวัยกลางคน ที่กำลังก้มตัวลงพนมมือไหว้ท่านอย่างอ่อนน้อม *เจริญพร นะโยม มีธุระอะไรกับอาตมาหรือเปล่า.. เรื่องงาน มีอะไรขาดตกบกพร่องบอกมาได้นะ* ท่าน..กล่าวอย่างเมตตา ก่อนที่จะทันเห็น.. ปลายหางตาคุณเดือนเริ่มจะมีหยาดน้ำตาคลอครองพร้อมจะหลั่งริน ท่านคะ... สามวันแล้วค่ะที่หทัยไม่พูด ไม่รับประทานอาหารเป็นเรื่องเป็นราว ดิฉันได้แต่เฝ้าเคียงข้าง กลัวเธอจะตัดสินใจคิดสั้นทำร้ายตัวเอง ลูกเป็นไข้ด้วยค่ะ ตั้งแต่วันนั้น วันที่ผลุนผลันขับเรือออกไปกลางทะเลเอง หลังทราบข่าว แต่ยังดีนะคะ... ที่ *วีร์.*.และคนงาน*เขาวิ่งตามออกไปทันขึ้นเรือไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้น... ดิฉันก็ไม่รู้จะเกิดโศกนาฏกรรมอะไรขึ้นอีก ดิฉันคงหัวใจสลาย ... *วีร์*เล่าว่า ลูกร่ำไห้ครวญคราง อย่างสัตว์บาดเจ็บ ที่..วีร์..และคนงาน ต่างได้สัมผัสค่ะ วีร์ บอกว่าเธอพยายามที่จะกระโจนลงทะเลให้ได้ เหมือนจะ เสียใจ จนแทบสิ้นไร้สติพอที่จะควบคุมตัวเองได้ จน.. *วีร์และคนงาน* ต้องตัดสินใจแล่นเรือกลับฝั่งทั้งๆยังงมไม่พบสามพ่อลูกเลยค่ะ *ท่านคะ...และ...นั่นคือน้ำตาหทัยครั้งสุดท้าย ที่เราทุกคนทราบค่ะ จนวันนี้แล้ว.. ที่ลูกยังนอนแซ่วไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกาย มีดิฉันคนเดียวเท่านั้น ที่ต้องคอยเคียงใกล้และพยายามดูแลขอร้องลูกให้ยอมทาน อาหารสักนิดสักหน่อยเพื่อแม่ก็ยังดี...* ท่านคะ... เมตตาลูกและดิฉันด้วยเถอะค่ะ ดิฉันทราบว่าเหตุการณ์นี้ มันนักหนานักที่เธอจักผ่านพ้น แม้นจิตเธอ จะฝากในร่มรัตน์ร่มธรรม และเคยฝึกหนักถูกอบร่ำให้รู้ค่าคำมรณานุสติมาอย่างไม่ประมาท หากคราวนี้มันเกินคาดคิดค่ะท่าน ดิฉันขอนิมนต์ท่านนะคะ ได้โปรดเมตตาลูกนกลูกกาเวทนาครอบครัวดิฉันด้วยเถิดค่ะ ครอบครัวเราไม่มีที่พึ่งทางใจที่ไหนแล้วค่ะท่าน...* ภิกษุชรา ทอดตาด้วยแววเมตตา ปรานี ก่อนที่รับปากคุณเดือน *สายๆอาตมาเสร็จภารกิจที่วัดแล้ว อาตมาจะไปนะ และ.. โยมก็เหมือนกันนะ อาตมาห่วงใย ต้องหนักแน่นเข้มแข็ง ตอนนี้ต้องเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรหลักใจให้เขานะ วิบากกรรมนี้มันหนัก แต่จักผ่านพ้นไปได้ อาตมา รู้..ว่า ลูกสาวโยมนั้นเป็นยอดหญิงที่มีดวงตาเห็นธรรม และมีดวงใจดั่งอัญมณี มีหรือที่ฟ้าดินจะไม่นำทาง นะ ทำใจให้สบาย..ทุกเรื่องราวเหมือนกระแสน้ำ ยามที่มันพัดมาแรงก็ต้องเผชิญกับมัน แล้ว.. ทุกสิ่งอันไม่เที่ยงนั้นก็จักผันผ่านไป* อย่ากักเก็บไว้ในใจ เสมือนกระแสน้ำต้องยอมให้มันไหลผ่านไป ใจจะได้โล่งโปร่งเบาสบาย ได้เข้าสู่กระแสสายพระนิพพาน อันคือความว่าง อย่างผู้ถึงพร้อม ผู้รู้สึกตัว ว่า แท้แล้วไซร้ ไม่ว่าทุกข์ฤาสุข ใช่จะเที่ยงเท่าธรรม..นะโยม* ................................. ............................................ ร่างผอมบาง ในชุดดำ ที่ขับให้ใบหน้าเรียวซูบนั้น ยิ่งดูนิ่งงันแสนเศร้า..ราวไร้ชีวิต หาก..ยังคงให้งามสงบ ราวรูปสลัก ผมถูกพันตลบพับขึ้นไป เผยให้เห็นนวลคอและไหล่ระหง ที่ยังคงตั้งตรงราวสิ้นไร้ความรู้สึกรับรู้ใด... ไม่...มีแม้นกระทั่งหยาดน้ำตา... นอกจากดวงตารานโศก ที่พรางทุกข์เทวษผู้คนทั้งโลกอย่างไรก็ไม่มีวันมิด ผู้คนทะยอยมาเต็มศาลาวัด พร้อมกับมาโอบกอดรัดเธออย่างปลอบประโลมใจ ในศาลา ที่ณ..บัดนี้.. มีเพียงดวงดอกพุดซ้อนและพวงมาลัยดอกรักสีม่วงอ่อนบานไสว ประดับไปตั้งแต่ราวบันไดศาลา จนถึงรูปในขาหยั่งที่วางเรียงชิดกันอย่างผูกพันรัดร้อย แม้นยามสิ้นไร้ลมหายใจแห่งชีวิตแล้วก็ตามที และ.... ราวกับกำลังแย้มยิ้มยินดีอย่างอิ่มเอมเปรมปรีย์แสนสุขสงบ เสมือนเสมอพบสุขนิรันดร์ ภายนอกนั่น เสียงฟ้าครางฝนครวญ หวนไห้ ราวเสียงกระซิบกระซิกๆร่ำไห้แห่งสายฝน ที่กำลังปรนพร่างอย่างมิสิ้นสาย ทั้งภายนอกใจและภายในกมลแห่งเธอ ที่ไร้สิ้นใคร จะรับรู้... เสียงใบระกากระทบกันกรุ๋งกริ๋งๆไปตามแรงลมพายุ ที่ดูจะยิ่งหนักขึ้น หนักขึ้น ทุกที เธอ..คนดี..ได้ยิน เสียงพระสงฆ์กำลังเทศน์แว่วมา.. *มรณานุสติ นึกถึงความตาย คือสภาวะที่จริงแท้อันหนึ่ง ซึ่งเมื่อมาสู่ชีวิตแล้วทำให้ชีวิต ขาดสะบั้นลง แต่ก่อน เคยไปมาได้ ดื่มกินได้ นั่งนอนได้ ทำกิจต่างๆได้หัวเราะและร้องไห้ ได้ ครั้นมรณะมาถึงแล้ว กิริยาอาการเหล่านั้น ย่อมอันตรธานไปทันที มรณะนี้มีอำนาจใหญ่ ยิ่งที่สุด ไม่มีมนุษย์คนใดเอาชนะมันได้ นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุด ก็ยังไม่สามารถเอาชนะมันได้ พระบรมครูของเราได้รับยกย่อง ว่าเป็นยอดปราชญ์ มีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งมวล ทรงยืนยัน พระองค์ว่าบรรลุ ถึงธรรมอันไม่ตาย ก็ยังทรงต้องทอดทิ้งพระสรีรกายไว้ในโลก ให้เป็นภาระแก่พุทธบริษัท จัดการถวายพระเพลิง มีพระบรมธาตุเป็นสักขีพยานอยู่ในปัจจุบันนี้ ใครเล่าที่ไม่ต้องตาย ? ตลอดกาลอันยืดยาวนานของโลกนี้ มีคนเกิดคนตายสืบเนื่องกันมา จนนับประมาณไม่ถ้วนแล้ว มีใครบ้าง ซึ่งเกิดแต่แรกมีมนุษย์ในโลก แล้วอยู่ยั่งยืนมาจนถึงบัดนี้ อนึ่ง ความตายนี้ จะมาสู่ชีวิตของบุคคล โดยไม่มีนิมิตบอกเหตุล่วงหน้าด้วยไม่มีใครกำหนด รู้วันเวลาตายของตนได้ล่วงหน้านานๆ ที่จะได้มีเวลาเตรียมตัวและกะการงานให้ทันกำหนด ฉะนั้น จึงไม่ควรวางใจในชีวิต กิจใดที่ควรทำ ควรรีบทำกิจนั้นเสีย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง การนึกถึงความตาย แล้วเกิดใจฝ่อหมดเยื่อใยในชีวิต ไม่อยากจะทำกิจอะไร งอมืองอเท้ารอ คอยความตายเช่นนี้ ไม่สำเร็จประโยชน์ เป็นการคิดผิด พึงกลับความคิดเสียใหม่ พึงนึกถึงความตาย แล้วเตือนสติตนให้ตื่นตัวขึ้น ไม่ประมาทหลับไหลอยู่ รีบทำกิจที่ควรทำ ให้ทันเวลา รีบพากเพียรชำระล้างจิตใจของตนให้สะอาด ปราศจากกิเลส ก่อนความตายมาถึง ดังนี้จึงจะสำเร็จประโยชน์ตามความประสงค์ของลมหายใจนี้ ที่ได้มีบุญเกิดมาพบพระพุทธศาสนาและพระบรมศาสดา ผู้สอนสัจจธรรมอันยิ่งใหญ่ ให้เราได้เพียรพาจิตไปพบความใสสว่างสะอาดสงบ พบยอดพระนิพพาน...อย่างผู้รู้สึกตัวถึงพร้อม ยอมน้อมรับ ความจริงว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เท่าธรรม....* .................... ................................ และ... เสมือนว่าดวงหน้าสามดวงใจ กำลังลอยอยู่ในฟากฟ้ากว้าง ท่ามกลางม่านหมอกสลัว หากดูแสนมีความสุข...สิ้นทุกข์โศก และ... ราวโลกธรรมทั้งโลกกำลังลอยลงมาตรงหน้าเธอ มาสอนสัจจะแห่งชีวิต ให้.. หยุดคิดคร่ำครวญ หยุดหวนไห้อาลัยอาวรณ์รอนร้าว ให้รู้รับรานรับเศร้า รับหนาวเหน็บในดวงใจ และ... รู้วิธีทำใจปล่อยวาง วิธีให้จางคลายคล้ายยอมรับความจริงแท้แน่นอนของชีวิต ไปตามลิขิตชะตากรรม ดั่งคำสอนของพระบรมศาสดา *การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์* และ... ไม่ว่าสุขเศร้าหนาวร้อน ก็แค่มายาสมมุติ หาก.. จะเหลือก็เพียงฝากรอยจิตพิสุทธิ์กระจ่าง ที่จักพร่างไสวดั่งอัญมณี เมื่อตัวเรานี้ ... ถึงเวลาลมปราณกาลเวลาแตกดับลับลาเฉกเช่นกันฉันเธอ และ.. ไม่ว่าจะรักกันสักปานไหน... ก็ช่างหาสิ่งใดจีรังดั่งคำรักนิรันดร์ฤาก็หาไม่... .......................... เสียงอ่อนโยน นวลนุ่ม กระซิบมาจากฟากฟ้ากว้าง ราวกำลังมาเคล้าคลอพ้อปลอบประโลมอยู่ริมหู *ยอดรัก..อย่าร้องไห้ นะคนดี คนเก่ง คนเข้มแข็ง จำไว้นะ.... ยอดดวงหฤทัยของผม.. หัวใจเราทั้งสี่ดวงหลอมรวมกันไปเสมอ.. และ.. ไม่ว่าร่างเราจะพลันพรากจากลาไปไหน หาก.. ใจเราจักเป็นดั่งรักนิรันดร์..ณ..กลางใจกันและกัน และ... คนดี จงอยู่กับลมหายใจอันแสนสั้นทว่างดงาม ที่ฟ้าดินได้เมตตาประทานพรให้.. ได้หว่านโปรยระรินร่ำสายธารธรรมธารา เป็นดั่ง..*วิทยาทาน* แด่ผองชนคนผู้ตกทุกข์ได้ยากเสียยิ่งกว่าเรา ฝาก..*กตเวทิตา*คืนไว้ให้โลกหล้า และ.. นั่นคือความล้ำค่า แห่งงามจิตงามใจ พาจิตให้ยิ่งไสว ได้สะสมเสบียงบุญด้วยทุนทานศีลภาวนาให้ถึงพร้อม อย่างยอมน้อมพลี ที่จะเป็น*ผู้ให้*นะที่รัก และ.. จงหาญกล้าทายท้าโลกย์โศกสุขรู้เพียรละวางทุกข์และ ให้รู้จักวางว่างเพื่อความกระจ่างใส ให้ใจดั่งดวงอัญมณีทองอัญมณีธรรม เพื่อ... น้อมนำมาสอนมาพัฒนาจิตเราเอง ให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของกาลเวลา ที่นำพาให้เราได้มาพบกันรักกันนะยอดรัก...* และ.. สามดวงใจเรา...จักรอ.. วันเวลาผ่านภพ...ณ..ในว่ายเวิ้งฝัน *สุดปลายทางอนันตกาล ทางช้างเผือก* เพื่อ เกี่ยวก้อยไปด้วยกัน สู่สวรรค์ทิพยพิมานแมนแดนดินแห่งรักศรัทธา ที่สิ้นทั้งโลกหล้า ฟ้าดินอินทร์พรหมยมพญา รออวยพรแด่เรา... ไปตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์ตราบชั่วนิจนิรันดร นะแม่ยอดหญิงคนดียอดหทัยเทวี...ของตักกศิลา....ผู้จงรัก...! ................................... ................................................. ติดตามตอนต่อไป.... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html เธอคนเดียว ฮืมดาวทั้งฟ้า ริบหรี่และมืดลงไป และเธอรู้ไหมหัวใจฉันมันจะขาด เมื่อเธอและฉัน ต้องจากต้องพรากกันไป ต้องทรมาน ต้องห่างกันไกล จากวันนี้จนสิ้นใจ จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเวลา หากวันนี้ยังพอมีหวัง ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว เธอรู้ไหม ฉันอยากให้ย้อนเวลา ให้เดินช้าช้า ให้อยู่ด้วยกันนานนาน อยากมีเวลา ทำสิ่งที่ต้องการ ไม่มีอะไรที่ทรมาน เท่ากับการจากพรากกัน จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเธออยู่ และไม่สายไปสำหรับฉัน ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว ไม่มีอะไรที่ทรมาน เท่ากับการจากพรากกัน จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเธออยู่ และไม่สายไปสำหรับฉัน ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว ฮืม...
23 สิงหาคม 2549 00:33 น. - comment id 600456
เป็นบทกวีร้อยแก้วที่งดงาม ล้ำลึกยิ่งนัก ให้อรรถรสที่ละเอียดอ่อน นุ่มนวล ชวนฝันดุจได้ไปเยือนด้วยตนเอง ความรักที่งามสดใส อ่อนหวานปานจะกลืน เห็นซึ้งในคความผูกพันธ์อันบริสุทธ์ รวมความโรแมนติค ได้อารมณ์ละเมียดแสนหวานจับใจ สอดแทรกด้วยธรรมะที่ล้ำค่ายิ่ง มรณานุสติ ทั้งหลายทั้งปวง เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่พึงยึดมั่น ความตายนี้สิ แน่แท้ จะละคลายความเกาะเกี่ยวแห่งภพชาติ รักที่แสนงามก็มีวันจาก เช่นรักที่ไม่สมหวัง ก็มีวันร้างราเช่นกัน หากละทุกข์ที่ใจคือกิเลส คือความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น แล้วทุกข์(ใจ)จะมาแต่ไหน ขอชมผู้เขียนว่ายอดเยี่ยม.......
23 สิงหาคม 2549 05:46 น. - comment id 600484
สวัสดีค่ะ พี่พุด ไม่ค่อยได้แวะมากทักทายบ่อยนัก พี่สบายดีนะคะ
23 สิงหาคม 2549 07:29 น. - comment id 600496
ชอบชื่อนี้จังค่ะพี่พุด ธนูเทวัญ อยากไปเยือนสถานที่จัดงานในฝันของพี่พุดจังค่ะ
23 สิงหาคม 2549 10:06 น. - comment id 600549
สวสดีค่ะ พี่พุด... งดงาม หวามไหวจังค่ะ... เหมือนอยู่ในฝัน ในสวรรค์...
23 สิงหาคม 2549 12:44 น. - comment id 600649
พี่พุดค่ะ...ในเมื่อชีวิต..สมหวัง..มีบ้านมีครอบครัวอบอุ่นเหตุไฉนใยพรัดพราก..ไม่มีอะไรเป็นของเราที่แท้จริงกระนั้นหรือ...อ่านงานพี่พุด...ถ้อยวลีที่เขียนสอนกลายๆทุกข์สุขความเป็นไปของคนโชคชะตาเป็นผู้กำหนดกระนั้นหรือ...ทำให้ปล่อยวาง...ได้บางเรื่อง..ขอบคุณน่ะค่ะพี่สาวที่น่ารักของระต่าย..ที่ให้ข้อคิดดีๆ...ความสุขสงบทางใจ ด้วยรักและนับถือ กระต่าย
23 สิงหาคม 2549 12:55 น. - comment id 600657
อ่านแล้วสะท้อนจิตใจ คนเราทุกคนยอมพบกับการเกิดเจ็บและ ตายเป็นธรรมดาแต่ถึงจะรู้บ้างครั้งก้อดที่จะเศร้าหมองไม่ได้ต้องเข้าพึงพระรรมนำทาง ให้คลายความเศร้าหมอง
24 สิงหาคม 2549 17:05 น. - comment id 601084
สวัสดีค่ะ พี่พุด สุดท้าย เรื่องราวของ ตักศิลา กับ หทัยเทวี ก็ถึงตอนจบ ก็เหมือนคงจะเหมือนกับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ที่สุดท้ายก็ต้องจากพลัดพรากกันไป สิ่งที่แน่นอนของชีวิตทุกชีวิตไม่ช้า ก็เร็วเราหนีไม่พ้นอยู่กับตรงนี้ ไม่ว่าในปัจจุบันที่เราดำเนินชีวิตมาตลอด ในเส้นทางที่ดีพร้อมกับการที่เราจำความได้ อยู่ในศีลในธรรมมาตลอดเวลา แต่เราก็ยังหลีกหนีกับกองทุกข์ไปไม่ได้เลย ชาตินี้ที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เรารู้ตัวว่า เรากระทำแต่สิ่งที่ดีงาม แล้วทำไมเราต้องมาเจอกับความทุกข์ แต่จริงๆแล้วความทุกข์ ที่เราได้รับเขาตามเรามาตั้งแต่ปางก่อน ต่างหาก เราไม่รู้ เพราะฉะนั้นเราถึงต้อง เตรียมตัวไว้ ไม่ให้ภพต่อไปเราต้องไปเจอกับกองทุกข์นั้นอีกครั้ง และถ้าต้องเจอก็ให้เบาบางลงไปบ้าง การดำรงชีวิตทุกชีวิต มีกรรม วิบาก กิเลส เป็นตัวกั้นธรรมหรือป่าวค่ะพี่พุด บัวเลยไปฟัง พระรูปหนึ่งท่านบอกว่า มีคำถามอยู่ 3-4 ข้อ ที่ท่านไม่ให้ถามท่าน เพราะท่านก็ตอบเราไม่ได้ คำถามนั้นคือ เราจะตายเมื่อไร และตายไปแล้ววิญาณ จะไปที่ไหน ถ้าต้องไปเกิดอีกครั้งเราจะไปเกิด เป็นอะไร และอีกกี่ปีกี่ชาติเราจะเกิดมา คำถามแบบนี้หาคำตอบไม่ได้เลย ท่านบอกว่าเพราะฉะนั้นเราเลยต้องเตรียมตัวให้ทั่วพร้อมอยู่เสมออย่าประมาท เราต้องมีสติ รู้ตัวเองอยู่เสมอ เดินให้เป็น ยืนให้เป็น นั่งให้เป็น นอนให้เป็น สุดท้ายตายให้เป็น และกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ พ่อแม่เป็นพระองค์แรกของเรา ก่อนที่เราจะปฏิสนธิขึ้นมา พ่อแม่ญาติพี่น้องรู้ว่าเราจะเกิดมาเมื่อไร แต่ยามที่เราจะต้องระทิ้งสังขารไป เราหรือใครๆไม่สามารถรู้ได้เลยค่ะ ท่านบอกมาแบบนี้แหละค่ะพี่พุด พี่พุดดูแลตัวเองดีๆนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ บัวคิดถึงพี่เสมอค่ะ
30 เมษายน 2552 21:06 น. - comment id 979458
ฝันเอยสลายเหมือนสายรุ้ง ที่ทอพุ่งทาบทาฟ้าแสนสวย ในเหตุการณ์เร็วจังยังงงงวย เป็นเพราะด้วยไม่อยากให้พรากไป ฟ้าเอ๋ยฟ้าช่างกระไรใจร้ายนัก มาแกล้งชักสะพานฝันกันใช่ไหม ก็เราสานสะพานฝันไม่ทันไร สะพานใจท่านทำลายไม่เหลือรอย เหลือไว้เพียงสะพานร้างกลางสายหมอก ไม้บางดอกเป็นเพื่อนให้ใจดวงน้อย ปาดน้ำตาเปื้อนปรางข้างผมปอย ใจลอยลอยคว้างคว้างอย่างหมดใจ . มาเยี่ยม และเป็นกำลังใจให้ นะครับ คุณ พุด
26 กรกฎาคม 2552 02:04 น. - comment id 1019329
พี่พุดคะ ได้อ่านเรื่อง สายรุ้งสลาย แล้ว ดื่มด่ำไปกับเนื้อเรื่องนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกในนี้ ให้ทั้งรักสมหวัง และผิดหวัง ทุกอย่างก้าวเดินไปเสมอเหมือน ปรางได้อ่านแล้ว สัมผัสได้ว่า ผู้ประพันธ์ ต้องการถ่ายทอด ความรัก การให้ การสูญเสีย ที่สุดคือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า งดงามยิ่งแล้วค่ะ สมกับนามปากกา พุดไพร สาวงามบ้านนา ด้วยรักมากมาย