http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html (ม่านไทรย้อย) หฤทัย..ตื่นขึ้นมาด้วยความอิ่มเอม กับอรุณรุ่งที่แสนงามในยามเช้าวันหยุดนี้ ที่ยังมี..เสียงนกเขาไพรเจ้าเก่าตัวเดิม มาร้องขันคู..จู้ฮุกกรู จู้ฮุกกรู ปลอบประโลม หฤทัย...เริ่มเช้าวันใหม่ ด้วยใจดวงเอิบงาม เริ่มขยันจัดโน่นนี่ ไม่มีหยุดและแสนสุขใจจัง ที่วันนี้ได้จัดสวนรายรอบบ้าน*วิมานไพรวิมานดิน* หฤทัย..ตัดกิ่งจำปีที่พันพ้อล้อเลื้อยมาจนถึงเรือนจำปีให้ดูโปร่งตา ด้วยกลัวงู ที่ไม่ได้รับเชิญจะเลื้อยเพลินตามมากอดรัด และ.. ในปรารถนาอารมณ์หฤทัยช่างแสนเงียบสงบงาม ในยามที่ได้นอนนิ่งนิ่ง เอนอิงหมอนขวานหลังเสร็จงานแล้ว ทิ้งทอดตาใจสัมผัสเขียวไพลเขียวพร่าง ในท่ามความกระจ่างของท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม กล้วยไม้ไพรหลากสี ลีลาวดีกำลังผลิพราวตระการ ตัดฉับกับนภาภิรมย์ ที่ดูอ่อนหวานเสียจนกลายสีตามกลีบดวงดอกไม้ หฤทัย..ได้ยินเสียงบทเพลงหวานแว่วแผ่วมากับฟากฟ้ากว้าง ราวใครบางคนกำลังครางครวญหวนหานางใจนางแก้วนางในฝัน ที่สวรรค์เมตตาสรรส่งลงมาให้... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song211.html นางแก้ว ทูล ทองใจ นางแก้ว นางแก้ว สวรรค์ สร้าง นางแก้ว สมใจของพี่ แล้ว แก้ว พี่ เอ๋ย เทวีของพี่ได้ชื่นเชย พี่จะขอเอื้อนเอ่ย แต่ คำ ว่ารักจนตาย สวรรค์ สร้าง ให้ พี่ สมใจในชาติ นี้ ที่ มั่น หมาย วัน คืน ขอชื่น มาแนบกาย พี่จะรักไม่หน่าย สุข ใจ พี่ จริง เหลือบ ไร ยุงริ้น นิดเดียวมิให้ราคิน จะสิ้นหมองทุกสิ่ง อ้อมอกพี่นี้จะปกป้องให้น้องอิง อุ่น นอน ไอ ผิง ให้เป็นมิ่งขวัญนางแก้ว สวรรค์สร้างนางให้ ขอรักจนสุดดวงใจ ไม่ คลาด แคล้ว ยามประคอง จะร้องเพลงเพียง แผ่ว โอ้นางเอ๋ยนางแก้ว ผ่อง แผ้ว คู่ชีวี... .................... หฤทัย..นอนฟังเสียงลม เสียงนก หลบมุมโลกย์แสนวายวุ่นภายนอก แล้ว... เปิดบานประตูหัวใจ*บ้านภายใน* รับธรรมชาติสวยใสด้วยใจแสนสุข..สุขสุขอย่างเรียบง่ายที่สุด จิตดวงงามกระจ่างว่างพร่างพราย คล้ายทุกข์ทุกสิ่งละลายมลายลาเลือน เหลือ.. เพียงเพื่อนไพร เพื่อนใจ ดวงตา ดวงใจหฤทัย เห็นสีไสวในโลกนี้ที่ธรรมชาติพลีกำนัลมอบให้มา สีอันเฉิดฉันท์ของท้องฟ้า มวลเมฆ ต้นไม้ พรายกลีบละมุนของดวงดอกไม้นานา สีผีเสื้อ สีป่า สีท้องนายามข้าวกล้าสุกปลั่ง สีแห่งความหวัง ชมพูพิไล สีแห่งกระแสธารใจที่ใสเย็น สีแห่งรัก ด้วยหัวใจเต้น ดั่งกลีบกุหลาบแดงแฝงฝังพลังรักที่แสนหวาน สีสราญอันเอื้ออุ่นด้วยอวลอากาศสดชื่นสว่างกระจ่างแจ่ม สีแฉล้มของดินนวลประดับด้วยไคลหญ้า สีนานาแห่งทุกสรรพสิ่ง ที่เป็นพลังสดฉ่ำพิสุทธิ์ที่ได้โอบเอื้อ เผื่อแผ่แด่ทุกดวงใจผู้ซึ้งค่าธรรม ธรรมชาติชิดใกล้ และ.. หมายสอนให้ผสานผสมลมหายใจแสนสั้นเป็นหนึ่งเดียว...!!! ....................... เสียงกระซิบจากดวงดอกไม้.. ดึกดื่นคืนนี้ดอกไม้หวานบานรับฝน ท่ามลมบนพัดหวนทวนรอยหวาน ดอกรักร้อยสร้อยเสน่หาผลิกลีบบาน ผ่านกัปป์กาลเวลามาเนานัก.. *จำปี*ปิติพลีกระซิบกับ*ดอกโมก* เจ้าของสวนโศกแย้มยิ้มมาทายทัก นานเท่าไร*ผกาแก้ว*พ้อ*กอดอกรัก* *กุหลาบ*ภักดิ์จึงผลิบานตระการใจ... *มหาหงส์*คงศักดิ์ยิ่งชีวิต ไม่อยากชิดดั่งดอกไม้ริมทางแม้นหวามไหว กลัว*สายหยุด* มิหยุดหอมเสน่หากลางดวงใจ ให้หวั่นไหวไม่สราญดั่ง*บานบุรี..* *กล้วยไม้ไพร*ไหวพรายร่ายมนต์รับ ใช่..ติดกับพันธนารู้หลีกลี้ ใช่ไหมแม่*ดอกพะยอม*หอมทั้งปี รักศักดิ์ศรีดั่ง*พุทธรักษา*วอนฟ้ารู้ หาก*ดอกวาสนา*เกิดมาใช่คู่ทาษ พิสวาทไม่ร้างราชาติหน้าคู่ ถึงพระพรหมกั้นสวรรค์เมินมิเอ็นดู ยอมระทมอยู่คู่*ลั่นทม*ตรมเพียงใด.. แล้ว.. เหตุใดไยคืนนี้คนดีจึงยิ้มหวาน ยอมรับรานได้แล้วฤาไฉน ดวงดอกไม้รายรอบวิมานไพรไม่เข้าใจ ด้วยเหตุใดจึงเลิกเศร้าหนาวกมล ราวรับรู้เสียงกระซิบห่วงปวงดอกไม้ เธอยิ้มพรายท่ามละอองดวงดอกฝน ดอกไม้ใดไหนเล่าจักหวานเท่าดอกกมล รู้อดทนรู้ภักดิ์รู้รักแท้....! ...................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html ม่านไทรย้อย ....อรวรรณ เย็นพูนสุข ลืม ลืมหมดแล้วหรือไร แม้จันทร์ ที่เคยเป็นใจ หลบบัง ร่มไทรย้อยกิ่ง กระซิบรำพัน แฝงจันทร์ เคยแอบเอนอิง หนาวลม แนบอกเธอผิง สุขซึ้งใจจริง หาใดปาน ลืม ลืมหมดแล้วน้ำคำ ซึ้งจำ ติดรอยใจพิมพ์ เคยชิม ว่าเป็นน้ำตาล ยังหวานตรึงใจ รสใด จะเปรียบประมาณ แท้จริง ลมปากเธอหวาน หลอกฉันมานาน ร้อยหมื่นอย่าง กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้ ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง ไทรเจ้ากางใบบัง งามเหมือนดัง ม่านทอง ลืม ลืมหมดแล้วสายลม แม้ไทรที่เคยชื่นชม รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง ไทรเอ๋ยเคยเอน พักเป็น แดนสุขเคียงครอง เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้ ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง ไทรเจ้ากางใบบัง งามเหมือนดัง ม่านทอง ลืม ลืมหมดแล้วสายลม แม้ไทรที่เคยชื่นชม รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง ไทรเอ๋ยเคยเอน พักเป็น แดนสุขเคียงครอง เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา
19 สิงหาคม 2549 18:27 น. - comment id 599279
หอมกลิ่นปาริชาติ... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html (คำมั่นสัญญา) ...................... แสงสูรย์ก่ำดวงแดงด้วยแสงสีมณีฉาย ส่องกระจายพรายพร่างในท่ามไม้ไทย เรือนไทย..ริมโขงแบบลาวโซ่ง หญิงสาว... เรียวหน้าซูบ นวลนิ่ง... นอนราวรูปสลัก เธอหลับตา...ราวกับว่า.. ได้ตกอยู่ในหอมห้วงแห่งภวังค์ฝัน... ฟัง... เสียงสวนและดวงดอกไม้คุยกัน *เธอมาที่นี่แล้วนะ ลีลาวดี* มาถึง...ที่ที่เธอฝันมาแสนนาน.. *ราตรีริมชานเรือน กระซิบบอก* *น่าเสียดายนะ ลำดวนดงหลงเพ้อคราง* เขา..พรากไป...ไกลแสน....แสนไกล.... ........ น้ำตาเธอไหล ย้อน ลงเข้าไปในห้องหัวใจ อย่างช้าช้า ทว่าราวได้ยินเสียงอบอุ่นละมุนปลอบมากับฟ้ากว้าง .... *สไบ...นวล... อย่า..ร้องไห้... ข้ายังอยู่ใกล้ๆเจ้าเสมอมา... ดั่งคำมั่น.. อ้อมแขนข้า....กำลังตระกองประคองกอดร่างเจ้า ที่กำลังหนาวเหน็บ..ในใจ ข้ารู้.. คนที่ข้าฝากเจ้าไว้ในมือเขา คนที่เจ้ารักปราถนาดี กำลังทำบางสิ่งที่ เชือดเฉือนนวลเนื้อใจเจ้าให้ร้าวลึก ทำให้เจ้ารู้สึกปวดร้าวหนาวเยือกแสนสะเทือนใจ..* *อย่าเสียใจ..สไบนวล เจ้าทำดีที่สุดแล้ว ใจดวงแก้วของเจ้ายังแสนงามนัก หากแค่คำ.. เขาจักไม่อภัยไม่เข้าใจไม่ทะนุถนอมใจเจ้า ที่คอยเฝ้าเป็นห่วงเป็นใย ก็... จงให้มันผ่านไป อย่าเสียขวัญ... เสียใจ* *ข้ารู้..ข้าเห็น ไหนจะ ฟ้าดินอินทร์พรหม ยมพญา ที่เป็นพยาน เจ้าปิดทองหลังพระ เจ้า..อย่าโศกาพิไรร่ำ ร้องหาความรักความเข้าใจ จากคนที่ไม่มีน้ำใจให้เจ้า จงหัดเฉยรู้วาง ..พาตัวห่างออกมา เพราะ.. มิฉะนั้น ใจดวงงามของเจ้า จะครองรานร้าวเศร้าหมองนานแสน...นาน ไปตราบชั่วกาลกัป์ปกัลป์เลยทีเดียว*... *เจ้า ได้กลิ่นดวงดอกปาริชาติริมเรือนไหม แม่สไบคนดี ... ลองดอมดมสิแม่ยอดเสน่หาแห่งข้า แล้ว... บางที...เจ้าอาจจะเห็นข้า.. รำลึกนึกถึงข้าได้ ราวในเรื่องกามนิตวาสิฎฐี ย้อนรอยทวิภพ ราวนิทราฝัน..ไป ได้พบกับ*ลูกผู้ชายชาตินักรบ* ผู้ที่รอพบเจ้ามาทุกภพชาติ..พิสวาทมิคลาดคลา ยอมถวายแม้นจิตวิญญาญ์... เพียงเพื่อ...รอรอและรอรักเจ้า* ราวกับ.... *วันที่ดวงจิตกามนิตลาล่วง ไปสู่ห้วงแห่งหอมงามในท่ามสวรรค์สรวง ในท่ามสระปวงปทุมทิพย์..แดนดินแห่งสุขาวดี..* *เจ้า..สไบคนดี ข้ารู้... จิตเจ้าดั่งมณีรุ้งใส..ไสวชัชวาลย์แจ่มกระจ่าง ดั่งรัตนมณีแก้ววะแวววับ ที่พร้อมแล้ว ข้าจักพาเจ้าไปสัมผัส..มหัศจรรย์รัก..ปาฏิหารย์รอ ที่เจ้าอาจจะเคยขอคิดแค่ว่า..คือความฝันอันแสนงาม หากทว่า.. น้อยผู้นัก..จักมีบุญญาบารมี มาท่องแดนสุขาวดีนี้ตั้งแต่ดวงชีวีมิทันดับดวง...!* *ตามข้ามาสิ...! แม่สไบยอดรัก เจ้ายิ้มทายทักข้าแล้ว... เจ้าเห็นข้าแล้วใช่ไหม... ลูกผู้ชายในดวงใจเจ้า ผู้เฝ้าจงรักรอ..และรอ แต่...! ทำไมเจ้า.... จึงโผผวามาโอบกอดข้าราวทารกน้อย พร้อม หยาดน้ำเต็มนัยน์ตาเจ้าราวหยาดเพชร เกร็ดแก้วร่วงพราว ราวเหล่าดวงตาสุธาสินี กำลังหลั่งน้ำตา ราวเกร็ดมณีร่วงรุ้งดุสิตาขจรกระจาย ลงอาบหล้าล่ะ*แม่สไบนวลคนดี*.. อย่าร้องไห้...นะ.. แม้น...ข้าจักรับรู้ว่าเป็นน้ำตาแห่งปิติ แต่... เจ้ารู้ไหม ..! หัวใจข้ากำลังจะสลาย.....! ในชีวิตข้า ... ไม่เคยเลย... ที่จะทำให้เจ้าระรินหลั่งน้ำตาด้วยอาดูร.. มีเพียงวันที่ข้าสิ้นใจ... ที่... หยาดเลือดข้าไหลหลั่งท่วมปฐพี แห่งแผ่นดินแม่มาตุภูมินี้ ที่ข้าแสนรักแสนหวงยิ่งกว่า ดวงชีวิตข้าแลเจ้า เพื่อพลีปกบ้านป้องเมือง จนหยาดสุดท้าย.... เจ้าแอบร้องไห้ โดยไร้ร่างข้า.. มีเพียงวิญาณ์นี้ที่แสนหนาวเหน็บ เมื่อมิอาจโอบประคองตระกองกอดปลอบประโลม เจ้าไว้ในอ้อมแขน.. และ... พลีใช้มือที่กำดาบหยาบกร้านนี้ไล้ละมุน เช็ดน้ำตาให้เจ้าได้...* *จริงสินะ... มีหลายคราที่ข้ารู้ว่าเจ้าพลีน้ำตาให้ข้า แต่หาใช่แบบนี้ไม่ ... เพราะ.. คือน้ำตา...ที่มาจากใจเจ้า ที่คละเคล้า ด้วยความภาคภูมิปนปิติใจและแสนห่วงใย ยามข้าต้องพรากลาไปเพื่อการศึก หาก ทว่า... มิใช่แบบมาจากผู้ใด ที่ทำร้ายใจเจ้า มิเฝ้ารู้รักรู้ถนอม ทั้งๆที่เจ้า..ยอม..เจ็บ ยอมเหน็บหนาว เพราะเพียงเจ้า..ปรารถนา อยากรังสรรค์โลก ผ่านคนที่โชคชะตาส่งมาให้พานพบเจ้า หากเขาไม่ซึ้งค่าซึ้งน้ำใจ ไม่รู้กระทั่งความเมตตาอภัยที่แท้จริง...* *แม่สไบ... เจ้าจำได้ไหม... ที่เราสองเคยปองใจ... เคยอ่านในเรื่องกามนิตวาสิฎฐี ยามที่ เรานี้หวังจักได้พานพบจบพรากกัน *ที่แดนดินสุขาวดีแห่งนี้...* อย่างที่เราให้คำมั่นสัญญาแด่กัน ในฉากฝันที่พลันบัดนี้มีจริง...* แดนดินที่ ท่านเสฐียรโกเศศและท่านนาคะประทีปได้แปลไว้ อย่างงามงดแสนหมดจดใจ มามะข้าจะเล่าให้ฟังนะยอดดวงใจ... ******************************** *กามนิตชายอาคันตุกะผู้จาริกแสวงบุณย์ดับจิต แล้วไปตื่นขึ้น ณ สวรรค์สุขาวดี อันว่าสุคติภูมิที่สำคัญยิ่งนัก คือมหาสระปทุมทิพยสถาน เป็นอุบัติภพสำหรับรองรับวิญญาณ แห่งบรรดาสาธุชนผู้ประกอบกุศลจรรยา มีใจผ่องแผ้วสุจริต ให้ถือเอาซึ่งปฏิสนธิจิตเป็นอุปปาติกชาติย์โดยธรรมนิยม แล้วและเสวยสุขารมณ์เกษมศานต์โสมนัส เป็นศุภผลสนองกัลยาณสมบัติที่ประพฤติไว้ในไตรทวาร จึ่งกามนิตผู้ตื่นขึ้น ณ สระมโหฬารรุจิราลัยนี้ บังเกิดมีสรีราพยพห่อหุ้มด้วยรัตกัมพลวิภูษิต มีเชิงชายระบายวิจิตรรุ่งเรืองระยับตา ห้อยย้อยเป็นระย้าระยาบอยู่รอบตัว สีสดชื่นเฉกกลีบบัวบาน และอ่อนละมุนเป็นอันดี ส่วนอาการวิธีมีผิดแผกจากครรภไศยกสัตว์ กล่าวคือ กำลังนั่งขัดสมาธิบัลลังก์อยู่บนดอกบัว อันส่งสีรับกับผ้ากัมพลนั้น ชูก้านลอยเด่นเป็นสำคัญกลางสระใหญ่กว้างขวาง ก็และดอกบัวอย่างที่กามนิตสถิตนิสีทนาการ ย่อมมีอยู่ไสวในสระไพศาลเหลือคณนา ทรงสีสัณฐานต่างกัน ตามเวลาช้าหรือเร็ว ที่บังเกิดเพราะเป็นผลบุณย์อันประเสริฐแห่งกัลยาณชน ขึ้นไปอุบัติคอยท่าเจ้าของ เมื่อถึงคราวบ้างแดง บ้างเขียว บ้างขาว ที่เพิ่งผลิแต่ยังตูมอยู่ก็มากมี ชนิดขยายกลีบเต็มที่แล้ว เหมือนอย่างดอกซึ่งกามนิตนั่งอยู่ ก็นับไม่ถ้วน แต่ละดอกล้วนมีสุขุมสรีระทรงพัสตราภรณ์งดงามอร่ามตา ปรากฏอินทรีย์โผล่ออกมาจากกลีบบัวบาน ณ พื้นชานตลิ่งอันลาดเอนขึ้นไป เป็นลานหญ้าผืนใหญ่ราบรื่นขจีเขียว ระดาดาษด้วยไม้ดอกบ้างกอบ้างชะลูดเรียวสารพัดพรรณ ชูช่อบุปผชาติเป็นชั้นๆ สลับสีสดชดช้อยอรชร เสมือนรัตนากรกองแก้วมณี บรรดาสีหลากประหลาดในมนุษย์โลกทั้งใหญ่น้อย และมาลอยขึ้นไปรวมสลอน ณ ลานนั้นแลสล้าง แต่ทว่าความเข้มแข็งกระด้างแห่งดอกไม้ ดุจลักษณะที่มนุษย์รู้อยู่เดิมที มาเป็นของอ่อนละมุน แม้นสำลีนุ่มนิ่มน่าสัมผัส ส่งกลิ่นอบอวลหวนหอมจัดยิ่งกว่าความหอมแห่งน้ำหอมวิเศษ ที่บรรจุไว้ในภาชนะแก้วเจียระไน และ ทรงความหอมตามธรรมชาติดอกไม้อันสดชื่นบริบูรณ์ทุกประการ ถัดชายตลิ่งปานว่านิรมิตไว้นี้ และมองแลขึ้นไปก็ทวีความเพลิดเพลินมิรู้เบื่อ มีป่าไม้เป็นขนัดไปทางเหนือสะพรึบพรั่ง ด้วยพฤกษชาติดาษดา มียอดเยี่ยมฟ้า บ้างใบหน้าเป็นพุ่มใหญ่ บ้างสูงเรียว มีใบเขียวอย่างมรกตสดสะอาดเย็นนัยน์ตา บ้างแตกดอกออกช่อตามสาขาดูดั่งดวงมณี เชิดเด่นเป็นช่อๆ บางทีก็โน้มเข้ารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วก็แหวกเป็นช่องเป็นแนวทางในกลางวนันดร แลเห็นโล่งโปร่งตลอดตอนไป กระทั่งถึงภูเขาอันงามยวนตายวนใจเหลือพรรณนา กอปรด้วยแก้วมณีศิลาอ่อนขาวสะอาด มีพรรณไม้ต้นเตี้ยๆ ขึ้นเป็นพืด เพียงว่าอากาศเป็นผืนผ้าม่านเนื้อบาง มีบุปผชาติเป็นดอกดวงปกคลุมอยู่ แต่ในที่ตอนหนึ่ง อันเว้นว่างจากสุมทุมพุ่มไม้ และหินผาปานว่าจะแหวกทางไว้ให้แก่กัน ที่ตอนนั้นคือแม่น้ำมีกระแสไหลเอื่อยๆ เป็นทางไป คล้ายแสงดาวเดียรดาษ ในท้องฟ้าทอดลำลงไปสู่สระมหามณฑล เบื้องบนแดนอันตระการ เป็นท้องฟ้าโค้งคล้ายครอบไว้ด้วยเพดานสีน้ำเงิน ซึ่งค่อยจัดเข้าเมื่อถึงตอนขอบฟ้า และ ภายใต้ขอบฟ้าครอบนี้ มีก้อนเมฆสีขาวสะอาดเป็นเงินยวงก้อนน้อยๆ ห้อยย้อยเป็นกลุ่มๆ เกลื่อนคัคนัมพร แต่ละก้อนมีอัปสรทรงโฉมวิลาสสถิตเอนอิง ขับสังคีตทิพยดนตรี เสียงไพเราะเสนาะมี่ หวานซ่านคะครึ้มไปทั่วแดนนั้น อันบนท้องฟ้า หามีดวงสูรย์ส่องแสงไม่ อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องมี เพราะ ที่ก้อนเมฆที่เทพอัปสร ที่ภูเขาและดอกไม้ ที่น้ำและสระบัว ที่พัสตราภรณ์ของผู้อยู่ในแดนนั้น ตลอดจนดวงหน้าเทพบุคคล ล้วนมีรัศมีฉายแสงสว่างรุ่งเรืองยิ่งกว่าแสงสูรย์ แต่ว่า.. ไม่บาดตาทั้งอากาศที่อบอุ่น ก็มีละอองน้ำอันหอมชื่นมาปรุงโปรย โชยให้สดชื่นรื่นเริงสำราญใจ ซึ่งในมนุษยพิภพหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อกามนิตค่อยรู้สึกคุ้น กับอารมณ์ในสุคติภูมิอันสง่างามนี้ สร่างความพิศวงงงงวยมีความรู้สึกเป็นปกติแล้ว มองดูเหล่าผู้อื่นอันมีลักษณะคล้ายกับตน ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก็ในดอกบัวที่ลอยอยู่ ก็สังเกตเห็นว่าผู้ที่มีเครื่องนุ่งห่มแดงเป็นเทพบุตร ส่วนที่นุ่งห่มขาวเป็นเทพธิดา พวกที่นุ่งห่มสีน้ำเงินก็มีบ้าง แต่ว่าเป็นชายก็มีหญิงก็มาก ทิพยบุคคลเหล่านี้ล้วนอยู่ในวัยหนุ่มสาวทั้งนั้น และดูเป็นผู้มีใจดีทั่วไป ผู้อยู่ใกล้กามนิตผู้หนึ่งสวมเครื่องสีน้ำเงิน มีกิริยาอาการแสดงว่าน่าจะปราศรัยเป็นมิตรกันได้ กามนิตก็เกิดความกระหายที่จะสนทนาด้วย จึ่งคิดว่า นี่เราควรจะไต่ถามผู้มีสุขคนนั้นดีหรือไม่หนอ? เพราะอยากจะรู้เหลือเกินว่าเวลานี้เราอยู่ที่ไหน ทันใดนั้น กามนิต เกิดความประหลาดใจเป็นที่สุด เพราะมีคำตอบ ซึ่งไม่ปรากฏเสียงหรืออาการเคลื่อนไห วแห่งริมฝีปากของผู้สวมเครื่องสีน้ำเงิน ว่า ดูก่อนผู้นฤทุกข์ ท่านนั้นอยู่ในสวรรค์สุขาวดีแดนบรมสุข กามนิต เผลอตัวนึกถามต่อไปว่า ดูก่อนท่านผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง เมื่อข้าพเจ้าลืมตาก็ได้เห็นท่านทันทีอยู่ในที่นี้แล้ว ท่านลืมตาตื่นในคราวเดียวกับข้าพเจ้า หรือว่าอยู่ที่นี่มานานแล้ว? ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มานานจนจำไม่ได้ ถ้าไม่ได้เห็นดอกบัวบานและมีผู้เกิดมาใหม่อยู่เนืองๆ และถ้าไม่ได้กลิ่นหอมแห่งดอกปาริชาต ข้าพเจ้าก็คงเชื่อว่าได้มาอยู่นับเวลาเป็นอนันตกาลแล้ว กลิ่นหอมอะไรนะ ที่ท่านกล่าว? ท่านจะพบและทราบเองในไม่ช้า ปาริชาต เป็นต้นไม้น่าพิศวงยิ่งใหญ่ มีอยู่ในสวรรค์นี้ เสียงดนตรีทิพย์แห่งนางเทพอัปสร ซึ่งฟังเหมาะเจาะเข้ากับการสนทนา ที่ปราศจากปากพูดนี้จริงๆ เป็นเสียงที่คอยผสานรับ ไห้เข้ากับจังหวะสนทนาทุกประโยค กระทำให้การไต่ถามและตอบมีความหมายเข้าใจได้ลึกซึ้ง อันวาจาสามัญมิสามารถจะทำได้ เป็นเหตุให้กามนิตนึกสาวถึงความหลังได้เงาๆ แต่ก็ไม่สามารถจะระลึกได้ตลอดอยู่ที่ ได้หยุดนึกไปครู่หนึ่งแล้วก็นึกพูดว่า สิ่งที่น่าพิศวงยิ่งใหญ่คือสิ่งไหน? ข้าพเจ้าคิดว่าบรรดาสิ่งน่าพิศวงทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ที่นี่ อะไรน่าพิศวงที่สุดเท่ากระแสลำธารอันงามที่ไหลลงสู่สระของเรานี้ เทพบุตรเครื่องน้ำเงิน คงคาสวรรค์ กามนิต นึกพูดคล้อยตาม คล้ายความฝันว่า คงคาสวรรค์ แล้วเหมือนจะนึกถึงความหลังขึ้นได้ แต่แล้วเค้าเงื่อนก็กลับหายไปหมด นึกไม่ออก เสียงดนตรี ทำให้ซาบซึ้งคล้ายๆ จะนึกได้ แต่แล้วก็เลือนๆ ไป* ................................................ สไบนวล..คนดีแม่ยอดชีวีแห่งข้า *เจ้าเชื่อหรือยังล่ะว่า แดนแห่งฝันนิรันดร์รักนิรันดร์สุข..มีจริง.... และ... จงแน่แน่วเพียรตามรอยพระบาทพระบรมศาสดา และ จงอย่าหลงรอยทางธรรมทางทอง.. ทางที่สาดส่องประกายเจิดจรัสแผ่รัศมีไพศาล ให้เพียง..ผู้เพียรพยายาม รักษาศีล ฝึกสมาธิ ได้มีปัญญา ได้ตามรอยมาอย่างมิเสียชาติเกิด นะคนดี ...* *ยอดดวงใจแห่งข้า ถึงเวลาที่.. ข้าจำต้องลาจากเจ้าอีกคราคราวแล้วสินะแม่ยอดรัก* ขอข้า..พลีจูบ..ซับหยาดน้ำตาเจ้านะแม่จอมใจ และ.. *จำคำข้าไว้...นะแม่ยอดรักยอดดวงหฤทัย... อย่าร้องไห้... อย่าให้คำคนคำใคร มาทำให้จิตใสเจ้าหมองไหม้ เจ้าตั้งใจใช้เวลาอธิษฐานภาวนานะ.. และ อย่าลืม*รักของข้า...ที่แสนยิ่งใหญ่กว่าใดทั้งปวง* *ที่หวงแสนหวงรักแสนรักเจ้าแน่นหนักนัก และจักมั่นคงดั่งหินผาตราบชั่วฟ้าดิน.. เหนืออนันต์ค่าอนันต์กาลผ่านภพ เหนือดวงวิญญาณใดใด ทั้งในสามภพภูมินี้แล้ว... นะเจ้าดวงแก้วเจ้าจอมใจแม่สไบนวล...*..!!!!! .................................................. ลีลาวดีมณีรุ้ง สไบนวลสไบนาง http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html คำมั่นสัญญา พิ้งค์ แพนเตอร์ ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป...
19 สิงหาคม 2549 18:37 น. - comment id 599283
อยากจะเป็นสไบนวลอยู่ในเรือนหฤทัยพี่พุดจริงๆค่ะ ทั่งสุขสงบ กับธรรมชาติ และอ่อนโยนกับความรู้สึก...รักในบทคำพูดที่พุดจริงๆค่ะ
19 สิงหาคม 2549 18:39 น. - comment id 599284
พี่ครับบบบบบบบบบบบบบบบ ม่านบังครับ อิอิ เลยอ่านไม่ครบ อิอิ เดี๋ยวกลับมาอ่านอีก ไปทำการบ้านก่อน อิอิ
19 สิงหาคม 2549 20:06 น. - comment id 599294
เสียงของนกที่มาทักทายที่ริมหน้าต่าง กอปรกับกลิ่นของดอกปีบ ทำให้ตื่นขึ้นมาอย่างงงงง ด้วยความไม่คุ้นเคยกับสถานที่ แฟ้มเอกสารที่พามาด้วย ยังคงอยู่บนโซฟา มันเป็นความน่าเบื่อหน่ายชนิดหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่า จะหนีงานไม่พ้นสักที ทว่า.. ก็ยังดี ณ ที่ตรงนี้สัญญาณโทรศัพท์ไม่มี ไม่งั้นคงปลีกวิเวกไม่สะดวก ฝนที่พรำเมื่อคืนก็ไม่รู้ว่าซาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กลิ่นดินหอม ๆ ละมุนลอยมาตามลม นกยังคงร้องเพลงอยู่บนต้นไม้ พื้นห้องไม้กระดานขัดเงาวาววับ ยามที่เท้าสัมผัสรู้สึกถึงความแปลกใหม่ กลิ่นหอมของกาแฟกรุยทางมาแต่ไกล .. แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน \"ตื่นแล้วหรือครับ คนดี โอวัลตินหรือข้าวต้มดีครับ\" \" อืมม หลับสบายดีจัง ฝนหยุดนานแล้วเหรอคะ \" \"ก็เกือบเช้าเหมือนกันล่ะครับ ซาไปก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง ว่าไง หิวมั๊ย\" ฉันยืนอยู่ตรงหน้าเขา ด้วยชุดเครื่องนอนของเขา เสื้อแขนยาวที่ดูรุ่มร่าม หลวมโพรก และกางเกงนอนที่ฉันต้องพับขาหลายตลบ \"ขอบคุณมากค่ะ\" \"ขอบคุณอะไรครับ ตกลงว่าจะรับอะไรเป็นอาหารเช้าดีครับ เด็กดื้อ\" ฉันไม่ตอบหรอกว่า ฉันขอบคุณเขาด้วยสาเหตุอะไร การที่จะมีใครสักคนรักฉันอย่างบริสุทธิ์ใจ และไม่คิดหวังสิ่งอื่น ๆ จากฉัน ฉันคิดว่า สมควรแล้ว ที่จะกล่าวขอบคุณเขา .. ................. แหะ แหะ สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ คุณพุดพัดชา อัลมิตราหนีไปเที่ยวมาหลายวัน ได้มีโอกาสไปทำบุญถวายผ้าไตรให้พระสงฆ์ หลังจากที่เตร็ดเตร่ พักผ่อนหย่อนใจ ก็ต้องพร้อมกับโปรเจคงานใหญ่ ความจริงยังมีพักร้อนเหลืออีกหลายวันนะคะ เล็ง ๆ ไว้อยู่เหมือนกันค่ะว่า จะหาคิวไปดำน้ำ อัลมิตราเคยไปสมุยนะ สักสามปีที่แล้ว .. แต่คราวนี้ปลายทางน่าจะเป็นตรัง ว่าจะแวะไปเยี่ยมคนหนึ่งที่นครศรีธรรมราชก่อน เธอต้องหัดเดินค่ะ อัลมิตราสัญญากับเธอเอาไว้ว่าจะไปเยี่ยมเธอบ้าง ไม่รู้ว่า สองปีที่ผ่านมา เธอฝึกเดินไปถึงไหน กายภาพทุกวันหรือเปล่า อัลมิตราอยากให้เธอเดินได้นะ อยากให้เธอมีชีวิตเหมือนคนทั่วไป แล้วอัลมิตราจะมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
19 สิงหาคม 2549 20:46 น. - comment id 599308
พลี... แด่คุณอิมก่อนเลยค่ะ บนที่นอนขาวนวลนุ่ม ริมหมอนผ้าลินินหอมกรุ่น ที่มีตัวอักษรไขว้ปักดุนด้วยลวดลายไหมสีทอง อย่างอ่อนช้อยอ่อนหวาน อ่านได้ความว่า*ทีเค* มีสองร่างกำลังสนิทนิทราด้วยดวงหน้าเปี่ยมสุข ร่างฝ่ายชายผิวสีทองแดงไหล่กว้างอย่างชายนักกิฬา ในชุดนอนเสื้อยืดเนื้อเบาสบายสีขาว และ.. ตามมาด้วยร่างอรชรในชุดนอนยามกรอมเท้า ผ้าไหมนุ่มเนียนแนบเนื้อสีเดียวกัน ที่มองให้ดีนั้นจะเห็นปทุมถันหนั่นแน่น ในเงาเงื้อมแห่งแสงตะวันรำไร ที่กำลังทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกปีบใบระยิบ ที่กำลังพลิกพลิ้วระบัดใบรับละออดวงดอกแดดสีทองอันอ่อนอุ่น เธอพลิกร่างกอดก่ายอีกฝ่ายหนึ่งอย่างง่วงงุน และราวกับจะปลุกให้อีกฝ่ายจะค่อยๆหรี่ตาแสนรัก มาแย้มยิ้มทายทักอย่างแสนอ่อนโยนอ่อนหวาน ให้กับร่างน้อยอรชรในอ้อมกอด ที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างอิ่มสุข เขากอดเธอกระชับแนบแน่น ก่อนจะลูบผมที่แผ่สยาย คล้ายแพรไหมเส้นงามอย่างแผ่วเบา และ.. ค่อยๆ..ตระกองใบหน้านวลงาม ด้วยมือแข็งแรงอย่างแสนรัก แล้ว.. ค่อยๆจูบไล้ตรงเปลือกตา ลงมาริมหู ริมแก้ม แถมจบที่เรียวปากงาม อย่างแสนภักดิ์แสนทะนุถนอม แม่จอมขวัญจอมใจจอมไพรเทพี ยอดหญิงที่เขาพลีใจ ใน..*รักเดียวนิรันดร์..* ................. ติดตามตอนต่อไปค่ะ
19 สิงหาคม 2549 22:34 น. - comment id 599313
๕๕๕๕ .. ขำตรงนี้จัง ตามมาด้วยร่างอรชรในชุดนอนยามกรอมเท้า ผ้าไหมนุ่มเนียนแนบเนื้อสีเดียวกัน ที่มองให้ดีนั้นจะเห็นปทุมถันหนั่นแน่น ในเงาเงื้อมแห่งแสงตะวันรำไร .... ต้องวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอน สำรวจร่างกายหลายรอบเชียวค่ะ ๕๕๕
19 สิงหาคม 2549 22:38 น. - comment id 599315
อ้อ ... ทำไมปลอกหมอนต้องปักคำว่า ทีเค คะ หมายถึงยี่ห้อหรือเปล่าเอ่ย ? อัลมิตราว่าจะลองหัดเขียนอย่างคุณพุดพัดชา จนแล้วจนรอด ยังไม่ได้เริ่มต้นซักที คือ อัลมิตราเป็นโรคจี้เส้น ขนาดเขียนแค่นั้น ยังขำ ยังอายตัวเองเลยค่ะ ตะกี้ก็หัวเราะก๊ากออกมา .. เพราะนึกถึงหน้าอกของตัวเอง ขำจัง .. แต่อัลมิตราไม่ได้หมายถึงว่า คุณพุดพัดชาเขียนขำนะ อัลมิตราหมายความว่า อัลมิตราชอบคิดไปไกลกว่านั้นค่ะ .. เหลือบตาขึ้นไปอ่าน บรรทัดนั้นอีกแล้ว และก็ขำตัวเองอีกรอบค่ะ ๕๕๕
19 สิงหาคม 2549 22:58 น. - comment id 599318
คุณอิมคะ ภาษาศิลปรักค่ะ ที่จักรจนาให้บรรเจิดบรรจง ละเมียดละมุนแค่ไหนอย่างใจฝันก็ได้ค่ะ และ.... บางคราพุดพัดชาคิดนะคะว่า บางทีในโลกจริง อาจจะงามละไมเสียยิ่งกว่าอีกค่ะ และ.... ขอพลีจากสร้อยโซ่รักอักษรา จากงามเงาอดีตของผู้รจนาเองค่ะ จาก *เสี้ยวนึงในตะวันลา*ค่ะคุณอิม http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem33679.html ตะวันลา ที่รักของผม........... ใกล้วสันตฤดูแล้ว..อากาศที่นี่เริ่มหนาวนิดๆ.....ต้นไม้แข่งกันออกดอกพราวสะพรั่ง ...แลดูสดชื่น สดใส ผู้คน และ ทุกสิ่งรอบข้างดูสดชื่นเบิกบาน ราวกับ จะรอวันเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาเยือน....... .........ยกเว้น...ใจของผู้ชายคนนี้ของคุณ.......ที่เดียวดาย..หม่นหมอง....สุดจะทานทน............ ทุกเช้า....เมื่อผมตื่นขึ้นมา.....ผมจะนอนนิ่งๆมองแแลลอดบานหน้าต่างออกไป...... เห็นต้นปีบแสนรักของคุณที่กำลังออกดอกงาม...ท้าทายลมหนาว....ทองกวาวอวดดอกแดงสะพรั่ง ลำดวนส่งกลิ่นหอม แย้มบานรับแสงอาทิตย์.....สดใส......ผิดกับใจผมที่น่าจะสดชื่นกว่านี้....... เพียงแต่ถ้ามีคุณนอนเคียงข้าง ให้ก่ายกอด ....และชวนให้ชี้ชมทั้งเนื้อตัวคุณ.....และนวลหอมของดอกไม้ ต้นไม้รายรอบ... ในยามเช้าที่แสนหวาน....ยากที่ผมจะลืมเลือน.....เหมือนดังเช่นคืนวันเก่าก่อน.............. ที่รัก.........คุณทิ้งผมนานเกินไป......จนใจดวงนี้เริ่มชินชา.....และตายด้าน............. ..................... ........................... ตามอ่านต่อเอาเองนะคะ ทุกดวงใจ
19 สิงหาคม 2549 23:08 น. - comment id 599320
..\" ฉันมีเวลาอีกไม่มากนัก พรุ่งนี้ฉันต้องเดินทางกลับ....\" ..\" ครับ...\" ..\" ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า..คุณยังมีคำพูดใดที่อยากจะบอกฉันไหม..\" ..\" ผม รัก คุณ ..\"
19 สิงหาคม 2549 23:13 น. - comment id 599321
มากระซิบบอกคุณอิม ถึงที่มาชื่อ *ทีเค*ค่ะว่า วิมานดินของพระเอกนางเอกนั้น คือบ้านเรียบโล่งกระจกสูงรายรอบ ที่มองเห็นดาวเดือนดวงดอกไม้ได้ค่ะ และ.. ห้องนอนจะมีเพียงยกพื้นแล้วปูด้วยที่นอน หนานวลนุ่มเพียงนั้น กับที่วางเชิงเทียนและมาลัยหอมกรุ่น ในทุกค่ำคืน และ จะได้กลิ่นชื่นจากดวงดอกไม้ไทยระรินรายรอบมากับสายลมบางเบา ค่ะ ปลอกหมอนปักชื่อย่อ* ทีเค* ภาษาอังกฤษลวดลายอ่อนหวานไขว้กันค่ะ คือชื่อย่อเราค่ะ ตัวหน้า..อุ๊บอิ๊บไว้ก่อน ตัวหลัง มาจากKWANค่ะ
19 สิงหาคม 2549 23:21 น. - comment id 599322
มีอะไรจะกระซิบบอกอีกแล้วค่ะ สงสัยค่ำคืนนี้ เรามาคอยตอบถ้อยร้อยรักกันดีกว่านะคะ เชื่อมั้ยคะว่ามีคนสารภาพรักพุดพัดชา และบอกรัก รักรักนิรันดร์ เชื่อไหมไม่ทันสามวัน เค้าพาผู้หญิงอื่นไปหวานชื่นในที่ๆ เคยชวนพุดพัดชาไป ทำให้ซาบซึ้งใจว่า คำว่ารักนั้นใช่จะสัจจะ ใช่จะศักดิ์สิทธิ์เสมอไป หากเขาคบเราอย่างมิจริงใจ อย่างไม่อภัย เปิดใจ และรักเหนือรัก ที่จักไม่ยอมแพ้พ่าย กับกระบวนท่าทดลองใจ ทดสอบใจ ที่เขามิเคยสำนึกผิด กับคำ*ไม่มีเวลา*ให้เรา หากเอาเวลานั้นไปปันแบ่งกับใครต่อใคร อย่างคนที่ใจไม่จริงค่ะ
19 สิงหาคม 2549 23:25 น. - comment id 599323
มากล่าวคำซึ้งใจ ถึง น้องกระต่าย ผู้รดน้ำใจรักน้ำคำ มาให้พี่พุดชื่นฉ่ำแสนสุขเกษมค่ะ ที่จักปันพลี สร้อยโซ่ภาษาไทยภาษารักนี้ที่แสนสัตย์ซื่อ มาอย่างยาวนานค่ะ พี่พุดขอกอดทีนึงนะคะคนดี ด้วยรักนักซึ้งใจนักแล้วค่ะน้องรัก
19 สิงหาคม 2549 23:28 น. - comment id 599324
น้องอัสสุคร๊าบ... พี่พุด ว่างานพี่พุดน้องค่อยมาเสพสุนทรีย์ ตอนนอนไม่หลับดีกว่านะคะ จะพาให้ง่วงงุน โงกเงก ระวังหัวจะเขกจอคอมค่ะ อิอิ รักรักรักน้องนะคะคนดี สุภาพบุรุษหนุ่มน้อยผู้มีน้ำคำน้ำใจแสนงาม
20 สิงหาคม 2549 00:05 น. - comment id 599330
เดานะคะ T K ย่อมาจาก Talaykwan หรือเปล่าคะ แล้วสำหรับหมอนั่น เจ้าคนที่พูดพร่ำเพรื่อ คุณพุดพัดชาอย่าไปสนใจเลยนะคะ โป้ง โป้ง ไปเลย คนที่บอกว่ารักแล้วก็ดันรักได้ทีละหลาย ๆ คน อัลมิตราคิดว่า ปล่อยให้ความรักของเขากระจัดกระจายไปที่อื่น ๆ ดีกว่า อย่าไปรับรักเขาเลยค่ะ ทุกข์ใจเปล่า ๆ อัลมิตรานั่งดูทีวีไปด้วย แต่ก็จะเข้าห้องนอนแล้วล่ะค่ะ ว่าจะไปอ่าน มังกรคู่ สู้สิบทิศต่อ เพิ่งจะเล่ม ๔ เอง เหลืออีกตั้งสิบกว่าเล่ม สงสัยจะอ่านยาวข้ามปีค่ะ .. บรรณารักษ์คิดไงก็ไม่รู้ จัดมาให้อัลมิตราอ่าน เอ๊า .. อ่านก็อ่าน อ่านฟรีไม่เสียตังค์ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
20 สิงหาคม 2549 09:57 น. - comment id 599363
สวัสดีค่ะ พี่พุด บัวคิดถึงพี่พุดเสมอค่ะ ในเรือนหฤทัย ของพี่พุด ความรักช่างอ่อนหวานมากมายนะค่ะ แต่ความรักของลูกผู้ชายตัวจริง คงจะได้รับกับผู้หญิงที่มีคุณค่าสูงส่ง เท่านั้นแหละค่ะ เพราะเธอต้องเป็น กุลสตรีที่เพียบพร้อมอยู่ในกรอบ ของประเพณีที่ดีงามเสมอมา สวรรค์ถึงมีตาส่งสุภาพบุรุษที่ดีมาให้แด่เธอ ไม่ว่าจะอยู่กันคนละภพเขาก็ยังมาคอยดูแลเธอเสมอ เธอคงจะเป็นกุลสตรีที่รักเดียวใจเดียว นะค่ะพี่พุดเธอถึงได้รับความรักที่แท้จริงตอบกลับมานะค่ะ บัวชอบอ่านเรื่อง สี่แผ่นดินค่ะพี่พุด พี่พุดสบายดีนะค่ะ พี่ดูแลตัวเองดีๆนะค่ะ บัวเป็นห่วงค่ะ
20 สิงหาคม 2549 15:40 น. - comment id 599450
อยากเป็นลมพัดผ่านบ้านหวามไหว มีหัวใจใครกระซิบให้หยิบฝัน หอมทิวาราตรีที่ผูกพัน นึกถึงใครคนนั้น....ลั่นทมนัก คงไปไม่ได้ไกลกว่านี้แล้ว หอมปีบแก้วแผ่วโมกยิ่งโศกหนัก หอมผกาผาไพรไม่อาจรัก หลงจมปลักศักดิ์คนเมืองจนตาย
20 สิงหาคม 2549 17:44 น. - comment id 599483
แวะเยี่ยมเรือนพุดพัดชา
20 สิงหาคม 2549 13:13 น. - comment id 599535
สวัสดีค่ะ พี่พุด... คิดถึง... งานของพี่พุด งดงาม...ทำให้อารมณ์หวาบไหว คล้ายตัวเองล่องลอย อยู่ในห้วงฝันแห่งรัก... คิดถึงรักษาสุขภาพนะคะ
20 สิงหาคม 2549 22:09 น. - comment id 599592
แวะมาชื่นชมงานคุณพุดค่ะ อ่านมาหลายบทหลายตอนแล้ว มิได้รจนาใดไว้เลย ได้แต่ชื่นชมอยู่ในอารมณ์เพียงฝัน อ่านไปเคลิบเคลิ้มใจ ลอยไปกับอักษราที่สวยงามยิ่งนัก เจ็บแปลบลึกๆ เศร้า..เหงาในจินตนาการ สุขใจ สดชื่นตอนสุดท้ายทุกครั้ง เห็นแสงธรรมส่องใจให้ตื่น สว่างในทันใด้ เมื่อได้อ่านจนจบ อดใจไม่ได้ที่จะขอจารึก คำชื่นชมนี้แก่แม่หญิงผู้มีจิตใจสะอาด ยากยิ่ง จะหาผู้ใดเสมอเหมือน ข้าพเจ้าขอชื่นชมยิ่งนัก
22 สิงหาคม 2549 22:20 น. - comment id 600413
มาฟังเพลงนะครับ ปิดหู ปิดตาไปซะนาน ถูกใจทุกเพลงเลยคร้าบบบบ