http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html (บุพเพสันนิวาส) ในเส้นทาง..กรุงเทพ..กาญจนบุรี รถสปอร์ตคันหนึ่งวิ่งบึ่งมาด้วยความเร็วสูง จุดหมายปลายทาง.. คือเมือง... *แหล่งอารยธรรม แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก* รถคันนั้น.. ขับผ่านดงตาล..บึงบัว นาข้าว ดงข้าวโพด ไร่อ้อย ... พร้อม.. บทเพลงอ้อยสร้อยแสนตราตรึง ที่กำลังเปิดคลอรับซึ้งแลพลังใจ.. จาก.. สายแสงแรกแห่งดวงตะวันสีไพลเพิ่งแย้มผลิ มาพลี...ให้แด่..ทุกมวลมนุษยชาติบนผืนหล้า นก บนฟ้า..ปลาใต้น้ำ...ได้เริงรื่นชื่นฉ่ำ..รับวันใหม่ พร้อม.. ด้วยอวลสายลมหวานใสโบกโบย เธอ..ฮัมเพลง*พรหมลิขิต*เบาๆ ไปตามเสียงนักร้องน้ำเซาะทราย http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพ สันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์ คู่ ใคร คู่ เขา รักยังคอย เฝ้าชม คอยภิรมย์ เรื่อย มา ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้ ห่าง กัน แค่ ไหน เขาสูงบัง กั้นไว้ รักยังได้ บู ชา ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน รักไม่มี ศาสนา แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กันนา พรหม ลิขิต พาชื่นใจ รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้ ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้ รักจึงได้ แรม รา ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน รักไม่มี ศาสนา แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กัน มา พรหม ลิขิต พาชื่นใจ รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้ ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้ รักจึงได้ แรม รา... ........................ รถค่อยๆหยุดสนิท หน้าประตูรั้วไม้สักบานใหญ่ ที่มีตัวอักษรไทยในกรอบไม้แกะสลัก ตวัดลายเส้นอย่างแสนอ่อนช้อย.. กระท่อมทับเทวา เคียงกัน...คือต้นพญาสัตตบรรณ นับหลายสิบต้น ที่กำลังแผ่ช่อชั้นราวปราการไพรอันแสนร่มเย็น ที่.. เจ้าของคงหวังซ่อนเร้นตัวเรือน ให้รอดพ้นจากสายตาคนภายนอก...โลกภายนอก.. ไหน.. จะได้กลิ่นหวานหอมอ่อนๆเย็นๆจากดวงดอกไม้นานา ที่เธอ..กำลังรู้เพียงว่า คงมาจากอวลกลิ่นของพวงพะยอมหลากพันธุ์ อันยากจะบอกได้ว่ารวมกันมาจากดวงดอกไม้ใดบ้าง ตราบจนกว่า.. จะได้พิศพันธุ์ต้นไม้นั้นเต็มตา..ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอ..ลงไปกดกริ่ง..ที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน ก่อนที่.. บานประตูอัตโนมัติ... จะค่อยๆเปิดออกต้อนรับ*เธอ * อาคันตุกะ. ผู้ได้รับมอบหมาย ให้มารับบทอินทีเรียร์ดีไซน์เนอร์..ในวันนี้ หลังจากที่...ได้รับการติดต่อ มาเมื่อสองวันก่อน... อย่างช้าๆ...เธอกวาดตาทอดทัศนาทัศนียภาพไปรายรอบ และ..แล้ว เธอ...แทบเผลอร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นลืมตัว เมื่อมองเห็นว่า... ในม่านแสงแสนสวยยามเช้า ที่สาดส่องผ่องพรายผ่านใบไม้ระยิบไปทั่วนั้น ราว.. อาณาจักรแห่งสวรรค์*บ้านทรายทอง* ในเนื้อที่...ที่เธอกะประมาณคร่าวๆว่าหลายสิบไร่นั้น เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่อายุหลายสิบปี ทั้ง.... กัลปพฤกษ์ กาสะลอง กันเกรา กรรณิการ์ เกด จันทร์หอม จามจุรี..จิกทะเล ชิงชัน ทองกวาว ทองหลาง นนทรี บุนนาค ประดู่ ปีบ โมกลำดวน ศรีตรัง สารภี เสลา หูกวาง อินทนิล และ ยังอีกมากมี.. ที่เธอคงต้องสำรวจอีกที...ให้แน่ชัดว่ามีพันธ์อะไรบ้าง และ.. ต่างพากันอวดดอกใบไหวก้านกิ่งทิ้งตัวระริกระเริงร่า ราวกำลังต่างพากันแสนสเริงสราญ ไปกับฟ้ากว้างที่สดกระจ่างสว่างไสวไปทั่ว... ถัดจากแนวป่าโปร่งที่แสนงาม มองเห็นเรือนไม้สักทองทั้งหลัง...ที่เล่นระดับ ปลูกบนเนินหญ้าเขียวขจี ที่ดูแสนสงบสุขในท่ามแมกไม้ใบบัง เธอ.. ถูกนำไปยังส่วนต้อนรับ ที่จัดด้วยเก้าอี้หวายถักสานละเมียด ที่มีเบาะผ้าไหมสีสด แดง เขียว.. เหลืองทอง.ผ่อง.แจ่มประดับจนนวลนุ่มน่านั่ง ตั้งอยู่บนชานไม้...ใต้ซุ้มลัดดาวัลย์ ที่.. พันทอดตัวไปกับระแนงไม้สีขาว เหนือสระพราว ด้วยดวงดอกบัวงามแอร่มนับพันชูช่อประชันโผล่พ้นน้ำ.. และ.... ในท่ามสายแสงสุริยาที่กำลังพร่างพราย ใครบางคน... ก็.. ก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ... มา...ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ ก่อนกล่าวคำสวัสดี..ทักทาย.. หนุ่มใหญ่... หากใบหน้าคร้ามแดด..นั่น..เนียนใสราวเด็กน้อย เขา...ค่อยๆแนะนำตัวอย่างช้าๆชัดถ้อยชัดคำ ราววิถีชีวีที่ผ่านมาได้อบร่ำให้เขาแสนเป็นตัวของตัวเอง .... และ.. ไม่นานนาที... จาก..ถ้อยคำบอกเล่า ที่ค่อยๆพร่างพรูออกมาราวสายน้ำ ด้วยใบหน้าเงียบงามสงบ ราวรูปปั้นสีทองแดง แฝงด้วยพลังนัยน์ตาสีน้ำตาลโศกราวสะกดให้โลกทั้งโลก อยากหยุดหมุนคอยเงี่ยหูเฝ้าฟัง ตั้งใจรับรู้วิถีชีวิต..ทุกความรักความชอบ.. ในทุกเรื่องราว ราวเรื่อง.. ก่อน...ที่เธอคนดี จะได้รับมอบหมายให้มารับบท*นักตกแต่งภายใน* *กระท่อมไพรทับเทวาแห่งนี้* ที่.. เขาบอกว่าคงเป็นที่พำนักพักพิงครั้งสุดท้าย... ก่อนวันแห่งแสงตะวันชีวิต จะพรายลับหล้า..ลาโลกไปตราบชั่วนิจนิรันดร.... .............. เธอ..เงียบงัน กับทุกถ้อยคำ ที่เขาเพียรเทใจถ่ายทอดราวถอดจิตถอดใจ ถึงชีวิตที่*ราวนกไพรพเนจร* จำพรากเรือนรังรอนแรมไปทำงาน อย่างอ้างว้างณ..แดนดินทะเลทราย.. และ.. หมายเพียงเก็บเงินสักก้อน มาใช้ชีวิตผ่อนพักในบั้นปลายอย่างดายเดียว ลำพัง.. เพราะ... จนถึงวันนี้ ที่เขามีพร้อมทุกสิ่ง เขาก็ยังคงยืนยัน *บอกไม่อยากหลงยึดมั่นกับทุกข์พันธนารัก* ที่.. หวังจักต้องมีใครสักคนมาเติมเต็มในชีวิต เพราะ.. เขายังมิพบผู้หญิง*สุภาพสตรีในฝัน* ที่ใช่.. ที่อยากใช้ชีวิตร่วมด้วยไปจนตราบวันตาย และ.. หวังฟ้าคงได้ลิขิต ให้เขาหลีกหนีพ้นได้จริงๆ เขา...เพียงอยากมีชีวิตสงบงามอยู่ในท่ามพงไพร และ.. ได้พลีทำในสิ่งที่รัก เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาลุกขึ้นผายมือ..เชิญชวน ให้เธอได้ก้าวล่วงล้ำ เข้าไปรับรู้สัมผัสบางสิ่งในร่มรักเรือนใจ เรือนนอนของเขาที่มีอะไรจะให้เธอดู.. *ผู้หญิง* ที่เขาแย้มประตูใจบอกกับตัวเองว่า.. มีอะไรบางสิ่งสื่อสะท้อนออกมา ผ่านทางแววตาโศกรานราวสีอำพันน้ำงามอันแสนลึกล้ำ ที่ทำให้เขาแสนประทับใจ และ.. เขา..บอกกับใจ... ราวกับเคยพบเจอกันมาแสนนานผ่านภพชาติในปางก่อน.. .............. สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้ คือตู้หนังสือรายรอบ..*ห้องสมุด*ที่สร้างจรดเพดาน จน.. ต้องมีบันได้ไม้ไว้ให้ป่ายปีน..หากจะเลือกหยิบจับ..มาอ่าน ราว.. กับร้านหนังสือโบราณที่แสนใหญ่โต ที่ได้รับการจัดวางไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ไว้อย่างมีระเบียบ.. เขา... บอกเธอว่าจะเชื่อมั้ยนะ หากจะบอกว่าชีวิตเขาจบแค่มัธยมสาม และ.. แถมแทบจะเรียนไม่จบ เพราะสมองในยามเยาว์วัยนั้น ไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย.. เขาสารภาพแบบติดตลก หากทำให้หัวใจเธอแสนอ่อนโยน เมื่อได้ยินคำว่า.. *คงเพราะความยากจนจนขาดสารอาหารที่จะมาบำรุงสมอง* เพราะ.. ชีวิตทั้งชีวิตยามนั้นฝันเห็นแต่อาหาร พาลคิดคำนึงถึงแค่เพียงเรื่องปากท้องน้องพี่ ที่ร้องหิวโหยตลอดเวลา จากชีวี..วิถีลูกชายชาวนา ที่แม่พ่อเกิดมากับคำว่าหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน กับหยาดเหงื่อไหลรินราวสายเลือด..มิแห้งเหือดสาย ที่.. พรายรินลงบนผืนนาผืนหล้า หากหาได้หาพอมีพอกินไม่.. ด้วยความที่มีลูกหลายคน.. เขา..บอกนาทีนั้น วันเวลาทำให้เขาได้ใกล้ชิดความจนเสียจนแทบเป็นหนึ่งเดียว ราว.. เกรียวพันฝังแน่นในแก่นกระดูก ที่..ผูกหลอมให้ร่างกายเลือดเนื้อหัวใจ ของเขามิเคยยอมอ่อนแอแพ้พ่ายในทุกข์สรรพสิ่ง ไม่กลัวความยากลำบากยากแค้นใดอีกเลย ไม่ว่าคำอดมื้อกินมื้อ หรือ.. เรื่องราวรานร้าวเศร้าทุกข์ใดที่ผ่านมา ยิ่งกลับพาให้ชีวีเขายิ่งกล้ากร้าวแกร่ง แข็งแรงพอกับ..*วัวควายเพื่อนยาก* ที่.. เคียงข้างกันพบลำบากตรากตรำ อย่างราวกับมีจิตดวงเดียวกัน.. เขาบอก.. พ่อจะให้ออกจากโรงเรียนตลอดเวลา หากมีคุณครู ผู้มีหัวใจดวงเมตตาดวงทองดวงผ่องผุด..ได้ฉุดรั้งเอาไว้ ด้วย...การได้เพียรให้เหตุผลหว่านล้อม ให้พ่อเขา..ยอมรับว่า อย่างน้อยกับการเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย น่าพอที่จะเขียนจดหมาย *อักษรลายสือไท*กลับมาบ้านได้บ้าง หากต้องไปใช้แรงงาน...อยู่..ณ..ที่ใดยามไกลบ้านไกลเมือง... ในวันนี้.. ยามที่เขา..เอ่ยเอื้อนออกมา.. ถึงพระคุณอันแสนมากมหาศาลของคุณครู แต่ก่อนกาล เธอสังเกตเห็นหยาดน้ำใสใสคลอคลองในดวงตาของเขาตลอดเวลา ดวงตา... ที่สื่อสะท้อนถึงความอบอุ่นอ่อนโยนแฝงฝัง หากลองเทใจ เข้าใจ ก็ดูราวกับมี พลังเวทย์มนต์ จนแทบสกดเธอให้จังงัง ด้วยพลังแห่งความเป็นสุภาพบุรุษอาชาไนย..หัวใจนักสู้..เกินร้อย และ เขาบอก.. ในกาลเวลาต่อมาอาจจะเป็นเพราะชะตาฟ้าดินบันดาล และ.. อาจจะเป็นเรื่องราวในชาติแต่ปางก่อน ที่อาจได้ย้อนวนมา หลังจากที่.. เขาอาจจะสะสม*เสบียงบุญ...ทุนทานบารมี*ไว้มากพอก็เป็นได้ จึงมีอันทำให้.. เขานั้น..ต้องพลันดั้นด้นพาตัวเองเข้าไปอาศัยในวัดวาอาราม ใต้ร่มเงารัตน์พระบวรศาสนา ด้วยความคิดว่าขอแค่มีข้าวกิน ขอไปอาศัยชายคาวัด คอยเช็ดถูปัดกวาด เพื่ออาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงตาพอได้ประทังท้อง ไหน.. ยังอาจจะได้นำมาแบ่งปันโอบเอื้อให้น้องๆผู้หิวโหยได้พลอยอิ่มอุ่น เขา..จึงเททุ่มทำทุกสิ่ง อย่างรู้ซื่อสัตย์ผู้ขยันอดทน และ.. ณ..ที่นั่น...พลันชะตา.. พาให้เขาได้พบเห็น*พระฝรั่ง* ที่.. อุตส่าห์ฝ่าฟันข้ามน้ำ..ข้ามทะเลโลกย์หนีโศกทุกข์ มาค้นหา*ความสุขสงบนิรันดร์* ด้วย..พลังแห่งศรัทธาปสาทะอย่างแรงกล้า และ.. ได้มายึดร่มเงาพระพุทธศาสนาพุทธเป็นที่พึงพิง อิงบุญที่แสนบริสุทธิธรรม นำพาตัวเขาให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งผอง ที่.. มวลหมู่มนุษย์มากหน้า ยังหลงลอยล่องในครรลองครองน้ำตา เพื่อ.. เพียรพาร่างจิตใสให้ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน หากแม้นจะใช้เวลานานแสนนานสักกี่ชั่วกาลกัปป์กัลป์ก็ตาม ท่านก็จะไม่ท้อจักขอเพียรตั้งสัจจาธิษฐาน และ.. นั่นคือ.. สิ่งที่เขาสัมผัสและงงงันเฝ้าค้นหาคำตอบให้กับชีวิต จึงค่อยๆหยิบจับพระไตรปิฎกมาศึกษา และเริ่มพกพาไปไหนต่อไหน จนถึง.. ยามมาตรแม้น..ร่างใจต้องจำพรากจากบ้านไป...ไกลจนสุดขอบฟ้า หลายปี.... ที่*เขา*ไปทนทุกข์ยากแสนลำบาก เพื่อปากท้องแม่พ่อน้องพี่... ขอมีเพียงเงินงาม นิยามที่ใครต่อใคร..หมายใจจะได้นำกลับมา.. เพื่อใช้บันดาลดวงชีวาชีวิตที่ดีกว่า หากทว่า.... สำหรับ*เขา*..ส่วนหนึ่งนั้น ได้น้อมนำด้วยแรงจิตกตเวทิตาต่อพระศาสนา ได้ส่งมาถวายเป็นปัจจัยไทยธรรมให้พระภิกษุ ได้ไปศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม จนสอบได้เปรียญธรรมก็หลายองค์ เพื่อ.. หวังท่านยังได้ดำรง ธำรงสืบทอด... *ยอดแห่งคำสอนของพระบรมศาสดา* อันคือ.. *ความจริงแท้ แน่นอน* ที่จักผ่อนเพลาให้มวลมนุษย์ ได้หยุดอยาก มากกิเลส.. จน.. เพียรพาจิตตนให้พ้นทุกข์ พบเพียงสุขเกษมว่างแสนกระจ่างแจ้งใจ และ... ปัจจัยส่วนหนึ่งได้นำมาซื้อที่ทางเอาไว้ จนกลายมาเป็นวันนี้... ที่เขามากมีพอที่จะไม่ขอกลับไปอีกแล้ว เขาบอกเธอ... ที่นี่เขาจะแบ่งที่สักห้าไร่อุทิศให้ใช้เป็นที่*ปฏิบัติธรรม* อีกส่วนนั้น.. ก็ คือ..*กระท่อมทับเทวา*..หลังนี้.. ที่..*เขา*ต้องการตกแต่งให้เรียบง่ายกว่าเดิม เพิ่มเติมซ่อมแซมบางส่วนหลังจากทิ้งร้างไว้หลายปี หลังจากที่..เจ้าของเดิมขายให้เขาพร้อมที่ดิน.. และ.. *เขา*..เพิ่งเข้ามาอาศัยจริงๆจังได้แค่ไม่นาน จะมีก็เพียงห้องทำงานและห้องหนังสือ ที่.. เขาได้ลองใช้สมองและสองมือของเขา แก้ไขและตกแต่งเอง เพื่อรองรับการเป็นนักอ่านตัวยง หลังจากที่คงมีปมด้อยมานานปี ที่ฝังใจว่า... ตัวเขาเองนี้ช่างแสนสมองทึบ แต่.. ใครจะรู้เล่าว่า ในทุกข์แห่งความรู้สึกกดดันนั้น เขา..มิเคยยอมแพ้พ่าย คล้ายท้อแท้หยุดฝัน ยอม..กระทั่งจุดเทียน.. เพียรนั่งท่องอ่านพระธรรมในพระไตรปิฎก จน.. ราวจะรินร่ำเป็นสายธรรมธารา อันพาให้เขาแสนเกษมซ่านซึ้ง..ปิติใจ.. ให้.. เขาได้ค้นพบคำ*ปาฏิหารย์รักอันแสนยิ่งใหญ่ว่ามีจริง* เมื่อ.. ในวันหนึ่งเขาได้ลองพึงนั่งสมาธิ.. ศึกษาวิธีสมถกรรมฐานภาวนา... ผ่านความทรมาทรมาน นานนับหลายปี จึง... สามารถจดจำแทบทุกราวเรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ หากทุกตัวอักษรานั้นพลันได้ผ่านตา.. และ.. นั่นคือที่มา ว่า.. ทำไม... ในวันนี้ เขาจึงได้อยากมีห้องสมุดส่วนตัว ที่อุดมไปด้วยหนังสือดีดี ที่.. เขาได้น้อมนำพลี มาอบร่ำพร่ำสอนจิตภายใน ให้ยิ่งสงบสะอาดสว่างไสวแสนงามยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น.. . นานนัก... ที่เธอ..ทิ้งจิตดวงใสใจดวงดีพลีนิ่งฟัง.. ด้วยพลังแห่งความทึ่งศรัทธาในความใฝ่ดี แถม.. เขา คนนี้..ยังมีหัวใจดวงทองดวงธรรม ที่สำหรับเธอแล้วดั่ง*ดวงอัญมณีอันล้ำค่า* ที่คงเสน่ห์คุณค่า มากกว่าทรัพย์สินนอกกายใดใดในโลกามนุษย์นี้ ที่.. สรุปแล้ว...คงหาใครอายุยืนได้เกินร้อยปี..แสนยากนัก.. นอกจากนั้น.. อาจจะยังพบ.. จบจากพรากลา...ด้วยอุบัติเหตุเภทภัย พบวิบากกรรมใจ มาพาให้ลมหายใจแสนสั้น..สิ้นสุดลงก่อนถึงวัยวันอันควร และ.. ไหนจะยังมากล้วนผองภัยที่พากันดาหน้ามาโรมรัน ให้คนทุกวันนี้แสนฝันร้าย.. ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับความเครียด จากเหตุแห่งการชอบเบียดเบียนธรรมชาติอย่างขลาดเขลา ไม่ว่า.. จะจากอวลอากาศที่เต็มไปด้วยมวลสารมีพิษภัย การตัดต้นไม้ทำลายป่าไพรอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้สายธารธรรมชาติอุทกภัยน้ำป่ามาบ่าโหมทำลายบ้านเรือน ให้ย่อยยับ .. และ.... ไหนกับการค้าที่แสนเอาเปรียบผู้บริโภค ด้วยการเติมสารเร่งในสัตว์พืชผักผลไม้ ให้ได้ผลเร็ว หากฝากพิษร้ายให้เราตายผ่อนส่งเช่นเฉกเดียวกัน เธอ... ฟังเขา..ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำ.. ยิ่งเพิ่มพลังศรัทธา ในคำว่า*ค่าของคน*ที่คงอวลอยู่ในเนื้อนวลกมล ที่คิดดี พูดดี..ทำดี พร้อมพลีเพื่อผู้อื่น และ.. มีความเป็นผู้ตื่นผู้รู้ผู้เบิกบาน ราวดอกบัวบานเหนือน้ำ รอรับสายแสงทองแสงธรรมอันแสนฉ่ำเกษมเย็น.. ......... *หัวใจ...เธอ*..แสนอิ่มเอมเปรมปรีดา เมื่อได้พบและได้รู้จักลูกค้าคนดีคนนี้ ลูกผู้ชายคนดี ที่มีจิตพลีถึงพร้อม ดวงทองดวงผ่องพรรณราย ที่..นับวันจะ...แสนหายาก ราวงมเข็มในมหาสมุทรอันแสนลึกล้ำกว้างใหญ่ และ... เต็มไปด้วยผู้ที่ยังเวียนว่าย ชดใช้กรรม ยากจะพบคนเพียรปีน*บันไดธรรม* เพื่อขึ้นสู่ฟากฝั่งอันแสนสุขหมดทุกข์ภัยไปตราบชั่วนิจนิรันดร์.. เขา..เดินนำเธอ...มายังบึงบัวท่ามฟ้าสลัวโพล้เพล้ และ.. ในท่ามเสียงจั๊กจั่นจิ้งหรีดเรไรกรีดเสียงรายรอบ ดั่งดนตรีไพรดนตรีทิพย์ธรรมแสนหวาน.. เขา...วอนขอ..ให้เธออยู่..เป็นเพื่อน. เพื่อเป็นเกียรติ...แด่เขา เฝ้ารอดู...พระจันทร์จากที่ตรงนี้ ที่... กำลังจะหยาดสายหวานราวกับน้ำผึ้งในเดือนห้า... ที่เขาหวังว่า... จะทำให้เธอแสนสุขสงบใจ..ในท่ามโลกที่แสนแล้งไร้.....!! ..
20 เมษายน 2549 15:08 น. - comment id 572591
สวัสดีค่ะพี่พุด บัวอ่านแล้วบรรยายไม่ถูกรู้แต่ว่าความรู้สึกมันวิ่งขึ้นมาในหัวใจปลื้มปิติยินดีอย่างสุดซึ้งค่ะ
20 เมษายน 2549 17:27 น. - comment id 572605
อยากเป็นนางเอกที่เขาพาไปบึงบัวจังค่ะพี่พุด
21 เมษายน 2549 12:11 น. - comment id 572702
ขออนุญาติด้วยรักบทกวีนี้นักค่ะ จึ่งนำมาวางประดับใจนะคะคุณหมอคนดี +++ พุดซ้อน +++ วฤก ๏ แพรไหมผืนใหม่ซ้อน..........สอดวาง เว้นสลับสับผืนขวาง................แผ่ไขว้ พุดซ้อนแผ่แพรกาง................เผยกลีบ พาดก่ายกลดอกไม้.................ดั่งแม้นแพรไหม ฯ ๏ โชยไกลฉมกรุ่นหั้น............หอมเย็น นาสิกแนบสูดเป็น..................ปราศร้อน ลืมทุกขุกลำเค็ญ....................ลาขาด คล้ายเสพทรัพย์สรวงซ้อน.......ซ่อนร้อนรอนหาย ฯ ๏ ราวฉายพุทธิแจ้ง.................กระจ่างเจต ทุกข์-สมุทัยสังเกต..................ก่อนแล้ว กลซ้อนซ่อนกิเลส....................ลวงขุ่น........ไขพ่อ โดยนิโรธแลมรรคแคล้ว..........หมดข้องทุกข์ขัง ฯ ๏ แม้ยังธรรมะย้อม.................อยู่กมล เหมือนพุทธซ้อนซ่อนผล..........แผ่ป้อง ปัดทุกขุกเข็ญดล.....................ดาลสุข สันติสู่ตนข้อง..........................ขุ่นร้อนรุมไฉน ๚๛
21 เมษายน 2549 12:16 น. - comment id 572703
น้องดอกบัวคะ พี่พุดรักชื่อน้องมากค่ะ เพราะชีวีพี่พุดผูกพันกับดอกไม้บูชา บัวบูชา มาแสนนานแล้วค่ะ และ..ผ่านการรจนา เกี่ยวกับดอกบัวมามากมายนักค่ะคนดี36%และ พี่พุดก็ไม่ผิดหวัง ที่ชีวีได้พบ ดอกบัวงามที่แสนน่ารักนัก ที่พี่พุดสัมผัสได้จากคำที่คงมาจากนวลใจ ใสงาม ดั่งบัวพร่างพราวเหนือน้ำแล้วนะคะ ด้วยขอบคุณซึ้งใจนะคะ
21 เมษายน 2549 12:28 น. - comment id 572704
น้องเพียงพลิ้วคนดีของพี่พุด พระเอก.. คงรอคอยเธอมาแสนนานแล้วนะคะ และ.. จริงๆงานพี่พุดแค่ความเรียงสั้นๆ ไม่ให้รายละเอียดมาก เพราะจะให้เหมาะกับที่นี่ค่ะ แต่ ทุกงานพี่พุด สักวันอาจจะนำพล็อต ไปรจนาเรื่องยาวก็เป็นได้.. พี่พุดรจนาเร็วมาก เพราะ ด้วยความรัก และ อยากปันแบ่งแด่ทุกดวงใจ ให้ค้นพบอะไรๆ สักนืดสักหน่อยก็แสนดีแล้วค่ะ พี่พุด..หวังให้พระเอกของพี่พุด มิหลงโลกมายา ค้นหาธรรมชาติภายนอกใจ ไปเริงรื่นชื่นฉ่ำใจ แล้วแท้จริงไซร้ เขาลืมเวลาค้นหาความสุข ภายในที่ประณีตกว่า ละเมียดกว่า เป็นสุขนิรันดร์ค่ะ หากเพียรทำกรรมฐานภาวนาแล้วค้นพบ หลงฝันใฝ่หาพันธนารัก จะมิต้องจบด้วย คำว่าเสียเวลาไปอบ่างเปล่าดายไร้ค่า กับหนึ่งค่าแห่งลมหายใจนิดน้อย ในชาตินี้นะคะ เรื่องหน้า..จะพาพบพระเอก ในอีกแนวค่ะ พระเอกปากว่าตาขยิบ รักธรรม แต่ไม่เคยก้าวล่วงล้ำ อยู่คนเดียวได้เลย..ไม่สนใจสมาธิภาวนา ไม่พาตัวเข้าวัด.. ลองอ่านนะคะ ด้วยรักค่ะ
21 เมษายน 2549 13:22 น. - comment id 572721
พี่พุดค่ะ บัวกราบขอบพระคุณพี่พุดค่ะ กับสิ่งที่ พี่พุด พูดให้กำลังใจบัวได้ก้าวต่อไปในโลกใบนี้อย่างแสนมั่นคง กับคำที่บัวพิมพ์ลงไปแล้วพี่พุด สัมผัสได้กับความจริงใจของบัว โดยแท้จริงค่ะ บัวไม่มีแม่สอนแต่บัวได้รับ รู้ผู้มีน้ำใจรอบข้างบัวชี้นำทางให้บัวเห็นสัทธรรม บัวจดจำไว้ทุกอย่างเพราะบัวหวังไว้ว่าถ้าบัวต้องเกิดมาอีก กุศลที่บัวทำ คงจะช่วยให้บัวได้มีแม่อยู่กับบัวจนให้บัวได้ตอบแทนพระคุณท่านก่อนค่ะ
21 เมษายน 2549 22:40 น. - comment id 572767
ทับเทวา เทวะประทับ มิประดับ เกินพอเพียง เงียบงัน ฝันสดับเสียง ร้อยเรียงเพียงพุ่มไม้ทอง วิมาน มิเลิศเลอ แต่ท้าวเธอเลิศกว่าผอง ซึ้งซ่านรสครรลอง สันโดษสดับ ตรับความจริง คารวะ ทับเทวา ประทับค่าตราสรรพสิ่ง ลึกซึ้งพักพึ่งพิง ดำเนินรอยตามพุทธองค์
21 เมษายน 2549 23:19 น. - comment id 572773
อยากไปถึง กระท่อมทับเทวาจังค่ะ พี่พุด ที่นั่นจะมีความรักของพี่พุดรออยู่ด้วยมั้ยน๊อ .. แวะมาทักทายและขอที่อยู่ค่ะ จะได้จัดส่งรวมเล่มไปให้ ยังไง พี่พุดอย่าลืมอีกนะคะ และแจมขอโทษที่ต้องปิดเล่ม ก่อนรอบหนึ่ง สงสัย เมล์ที่แจมส่งไป คงไม่ถึงพี่พุดแน่ ๆ เลย ถ้ายังไง ขอพี่พุดส่งที่อยู่มาให้แจมอีกทีนะคะ คิดถึงมากค่ะ