http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song496.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5303.html (ดอกหญ้า..หยาดรุ้ง) ..................... เป็นวันในฤดูร้อน ที่.. ดวงดอกไม้อรชรหลากสีสัน ทั้ง.. ส้มแดงเหลืองชมพู ร่ายฟ้อนอ้อนฟ้าสีน้ำเงิน แสนสดใสสว่างกระจ่างแจ่มไปทั่วทั้งผืนดิน ผม..ลาพักร้อนและได้คืนกลับท้องทุ่งนา ราวกับปลาผิดน้ำได้คืนถิ่น ดงดอกกระถินยังไหวระบัด โสนเหลืองพราวยังงามชัดตัดกับท้องทุ่งสีเขียวไพล ตาลเดี่ยวยังยืนต้นสงบ สยบสายลมร้อน มี.. เพียงบางคราวคอยพัดโบกโยกไกวเสียงแกรกกรากๆ นาผืนนี้ ที่*รอยไถยังไม่แปร* ยังไม่แพ้ นายทุนเงินงามงาบ ที่ผมพลีเพียรซื้อไว้ เพราะ.. ไม่ใกล้ไม่ไกลเมืองที่ผมทำงาน ให้.. ใจดวงละมุนหวาน ที่รักนาข้าว สายธารและบึงบัวเป็นชีวิตจิตใจ ได้มาเดินดุ่มดายเดียว ในท่ามม่านหมอกสลัวในยามเช้า ให้.. ดวงดอกน้ำค้าง..ดอกข้าวพราวพร่างเคลียระริมแก้ม และ เฝ้านอนตะแคงดู ดวงตะวันสีไพลดวงใหญ่เท่ากระด้งฝัดข้าว ที่ ค่อยๆลอยระเรี่ยเคลียยอดตาลทิวไผ่ แล้วค่อยๆทิ้งตัวหายลับฟ้าไปในยามค่ำ ทิ้งไว้เพียงสายแสงตะวันรอน อันแสนอ่อนอุ่น.. ไว้เอื้อโอบโลก ดั่งสอนโศก สอนสัจจะ ชีวาชีวิต ว่า.. ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ก็ ต้องตื่นมารับพลังใจไฟฝัน เพื่อสรรสร้างสิ่งแสนดีแสนงาม คืนกลับให้.. แด่ผืนดินนี้ ที่แสนร่มเย็น ให้ข้าวให้น้ำให้ปลา ให้ได้ต่อเติมดวงชีวาชีวินมิรู้สิ้น ผม... จัดการทำความสะอาดกระท่อมดอกหญ้า ที่แสนงามง่าย ที่ผมปลูกไว้เหนือเนินนา ด้านหนึ่งจะมีเรียวรวงข้าวกล้าสุกปลั่งสีทองในคลองตา อีกด้านหนึ่งนั้น คือดงดอกหญ้าที่งามไสว ชูช่อรับแสงตะวันสีไพล..โอนเอนไหวอ่อนในยามสนธยา กับ.. มากมีมวลหมู่นกกาภมรบินว่อนภิรมย์ ให้ผมนอนชมราวกับอยู่ในท่ามป่าดงอัฟริกา และ... กับ.. เครื่องเรือนภายใน ที่มีเพียงเตียงไม้ไผ่ลำใหญ่แบบโบราณ ฝีมือช่างชาวบ้านดิบหยาบ หากแสนดูดี ที่ช่างงามติดดินเสียนี่กระไร กับ เสื่อผืนหมอนใบ และตั่งเล็กๆข้างเตียงเคียงหัวนอน ที่.. ผมวางอุปกรณ์การเขียน กับเชิงเทียนที่สานด้วยไม้ไผ่ ที่ผมจะใช้จุด ให้.. พลังไฟฝันพลันบรรเจิดยามรจนาภาษาฝัน ใกล้ค่ำ ผม.. จึงเดินไปนอนเดียวดายใต้ตาลนา หยุดคิด ทิ้งทุกข์ทุกสรรพสิ่งไว้ณเบื้องนอกบึงใจ ไม่ไหวครวญหวนหา ในม่านตา มีเพียงม่านฟ้าแสนสวยแจ่มจรัส งามราวภาพฝันสีรุ้ง รับเรียวเมฆ ที่.. เสกสายแสนหวานหว่านฉาบอาบไปทั่วทั้งท้องนภา บึงนาของผม ยังพอมีน้ำ เพราะระบบชลประทานจะกักเก็บน้ำ เอาไว้ให้พอเพียง ตั้งแต่ฤดูฝนพรำ แล้ว.. ค่อยๆปล่อยมาในยามสายวสันต์ลาช่วง ในยามหน้าร้อน ผม.. เห็นช่อผักบุ้งอรชรทอดยอดโอบพรายงามเขียวไปทั่วทั้งบึง เห็น.. ลูกควายสายน้ำนอนเคี้ยวเอื้องอย่างช้าๆ ในปลักโคลนแสนเย็น เริ่มเห็น.. จันทร์เพ็ญทอดวงแย้มบาน..หวานเหนือราวฟ้า ขับนภาสีกำมะหยี่ให้งามพลีด้วยพรายแสงสีทอง ที่.. กำลังจะสาดส่องมาโอบหล้าแทนพระอาทิตย์ เห็น.. ความมืดมิดค่อยคลี่คลุม มาให้ทุกดวงใจได้ไหวร่างหลับนอนผ่อนพัก เพื่อสู้ฝันรับวันใหม่ เป็นวัฎฎใจวัฎฎจิตวัฎฎชีวิต ที่ยากจะหนีพ้น หากตราบใดยังต้องมีหน้าที่มีความรับผิดชอบ.. เห็น.. ดงตะแบกออกพวงม่วงละมุนพราว ไปทั้งราวกิ่งจนแลไม่เห็นใบ พาให้.. หัวใจผมแสนสุขนัก..ในยามนี้ มาตรแม้น... ผม.. คนเบื่อโลกเมืองลวงเมืองหลวงเมืองบ่วงกิเลสมาร เมืองที่ยังต้องหมุนไปตามกระแสโลกภายนอก หาก.. มิใช่โลกภายใน โลกแห่งงามจิตใจ จิตวิญญาณ บ้านภายในของผม ที่.. ต้องการเพียงแค่ความสมถะสงบงาม ท่ามโลกวายวุ่น ชุลมุนด้วยกรุ่นกลิ่นการเมืองเรื่อง ที่เราพลเมืองหนีไม่พ้น ต้องทนๆไปวันวัน รับรู้รับฟังเรื่องราว ที่ราวยากจะทวนกระแส ที่.. มากแรงบ่าโหมให้ทุกข์มวลมนุษย์ยากหยุดนิ่ง อยู่กับความพอดีพอเพียง เลี่ยงกิเลสแห่งความอยากมากมี ที่... บางทียากจะเติมเต็ม หากไร้ใจดวงใสเย็น ดวงรักเงียบงามรักความสุขสงบมาแต่ดั้งเดิม ผม..นอนทบทวน หลากเรื่องราว มากมายในโลกหล้าใต้ฟ้าเมืองไทยเมืองทอง เมืองธรรม แดนดินแห่งพุทธธรรมแห่งการพ้นทุกข์ ที่.. กำลังสุดแรงร้อนด้วยกระแสการเมืองที่วนไปวนมา ราวกับจะกลับไปหวนหาเหตุการณ์ในอดีตอีก ที่หาความสงบไม่มี ที่ทำให้แผ่นดินนี้ยากที่จะพัฒนา เพราะ... ปัญหาสารพันอันเกิดมาจากความไม่สมานฉันท์ ไม่รู้รักสามัคคี ไม่มีความพอดีพอเพียง ผม... หนาวเหน็บในใจนัก เบื่อโลกเต็มทน เบื่อคน เบื่อทุกสิ่งอย่าง ใจดวงอ้างว้างของผมได้แต่ละเมอเพ้อรำพัน ฝันหา... เพียงแต่ชีวิตสงบเย็น ภายใต้ร่มรัตน์ร่มฉัตร แบบคนโบราณแต่กาลก่อน หากยากเข็ญที่จะเป็นไปได้... ผม... จึงแสนเดียวดายแปลกแยก ยิ่งขึ้นทุกวัน จะมีก็ที่นาในฝันแห่งนี้ ที่ ให้ผมพอมีที่หลบซ่อนตัว มา..เติมไฟฝัน และ... นอนนิ่งงันรับงามเงียบได้ในทุกยาม ผม... เดินไปตัดกล้วยน้ำว้าเครืองามและ เก็บมะม่วงเขียวเสวยลูกโต ตั้งใจ.. จะนำไปฝากเพื่อนร่วมงาน ให้ได้ลิ้มรสอันแสนสดสุดมันส์จากสวน แถมได้วิตามินล้วนๆ เพราะผมปลูกตามวิถีธรรมชาติ วันนี้.. ผมจะนอนฟังเสียง..ความเงียบ ฟังเสียงกบเขียดเรไรจิ้งหรีดกรีดร้องผสาน พร้อม.. กับนอนนับดาว ดูเดือนดวงหวาน หยาดสายน้ำผึ้งพราย ตรงนอกชานเรือนเพียงลำพัง และ..หวังจะร่ายบทกวีสักบท พลีกำนัล.. แด่ผืนดิน ด้วยความดายเดียวเงียบงามสงบใจ.... .................... เมื่อวันนั้นแปรผันเป็นวันนี้ ความรู้สึกดีดีที่เกิดก่อ เป็นต้นไม้แตกฝันพลันแตกกอ แตกต้นตอผลิฝันพรั่งเงาใจ เงาตะวันเงาใดใคร่รู้จัก เป็นเงารักอบอุ่นกว่าเงาไหน ยัดหยัดอยู่สู้ท้ากว่าเงาใด เป็นเงาใจแฝงฝังกับวันวาน ดั่งดอกไม้เบ่งบานกลางขุนเขา สะท้อนเงาดอกฝันอันไหวหวาน เหมือนต้นกล้าเพาะไว้เพิ่งไม่นาน ฤดูกาลผ่านมา...กล้าเติบโต พร้อมตะวันระวีคลี่สาดส่อง เป็นครรลองประกายให้ท้าโถม ยังงามงดแม้อ่อนแสงแรงประโคม อัสดงชมเงางาม....ว่าพร่างพราว...ราวตะวัน ............. เพชรน้ำค้างวูบหล่นพรมไพรพฤกษ์ ยิ่งยามดึกหรีดหริ่งยิ่งสรวลสันต์ ขับแสงนวลชวนใจในเงาจันทร์ หยาดสวรรค์พร่างมาจากฟ้าไกล หอมระรินกลิ่นบัวทั่วคุ้งน้ำ สายชลงามร้อยดาวพราวไสว จิตดึกด่ำล้ำลึกผลึกเงาใจ หมู่มวลไม้ร่ายรำจันทร์เดือนเพ็ญ ดั่งน้ำค้างกลางฟ้าที่ปรากฏ หล่นงามงดกระทบใจในแรกเห็น ชโลมโลกพรมฤทัยให้ฉ่ำเย็น รักระเด่นรออุษามาเนิ่นนาน จนดาวเลือนเดือนลอยคล้อยเคลื่อน ยิ่งย้ำเตือนมั่นรักอักษรสาสน์ จะอยู่เคียงเรียงข้างนางนงคราญ ดุจน้ำค้างเกาะเกี่ยวเรียวบุษบง ตราบอรุณทอแสงแห่งขอบฟ้า สกุณาเจื้อยแจ้วแว่วเสียงหลง มวลดอกบัวคลี่ใบในแดนดง น้ำหล่นลงบ่มงามกลางบ่วงใบ เผยผลิค่าน้ำฟ้าอุษาส่อง ตามครรลองระเหยเปรยรักไว้ จากหยดน้ำเกาะพรายกลายเป็นไอ น้ำค้างไพรดั่งรักร้างตามเตือนมา เห็นดวงจิตเห็นสัจความพลัดพราก รอยร้างจากพรากไปให้ห่วงหา แม้นงามหยดรดใจให้ตรึงตรา ถึงเวลาต้องปลิดพรากไปจากใจ อีกความนัยซ่อนเร้นเช่นหยดน้ำ ระบัดงามครองทั่วบัวน้ำใส กลิ้งเกลือกกลอกยอกย้อนบอนบัวใบ ล่อดวงใจให้หลงตามนานชั่วกัลป์ .............. ณ..คิมหันต์วันระวี...ที่ผันผ่าน ดอกหญ้างามบานรับ...กับวันใหม่ ดอกต่ำต้อยร้อยไออุ่น...กรุ่นพงไพร อวลอุ่นไอไล่ลมหนาว...ร้าวดงดอน เป็นดอกหญ้าน้อยนิด...จิตคิดหวัง ฝันถึงวันพันธนา.....ท้าผยอง จะโรยกลีบหว่านไหว...ไรละออง ไปเกลือกกลอนรอยไถ.....ในดงดิน จะยืนหยัดท้าสู้.....อยู่บนฝัน บ่มเพาะพันธุ์เมล็ดงาม....สืบสานกิ่ง ระบัดใบระยับย้า..... หญ้าแผ่นดิน ชุบชีวินผองคนจน....ระทมกาล มิใช่หรือคือดอกหญ้า.....ที่กล้าแกร่ง สู้ลมแรงแผ่วแผ่วว่า.....ล้าความหวัง คืนเหน็บหนาวพราวน้ำค้าง...นานเนิ่นวัน ดอกหญ้านั้นฝันไปว่า......ฟ้าคือดิน ......................... บทกวีโดย*ลำน้ำน่าน* http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html ข้าวคอยเคียว ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย ปีเคลื่อนเดือนคล้อย รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์ ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5303.html เพลงดอกหญ้า ดอกหญ้า ดอกนี้ ไม่มี คนปอง สายตา ที่มองต่างชั้น ต่ำต้อย เจียมตน เพราะความจนกั้น ก็เพียงแค่ชั้น ดอกหญ้า ไม่มีกระถาง เพชรทองรองรอ ต่างกันกับกอ ดอกฟ้า ประดับ พงไพร ท้องไร่ท้องนา ตามวาสนาที่ มี สาวบ้านนอก อย่างฉันนั่นหนา คล้ายดอกหญ้า ริมบาทวิถี แมลงคงหอม ตอมบ้างบางที แต่กลิ่นและสี ไม่เคยเผลอให้แทะเล็ม เก็บซ่อน ความสาว แผลคาวไม่มี ไม่มี แม้เท่าปลายเข็ม หม้อแกง หม้อนี้ น้ำเนื้อยังเต็ม ชอบหวานหรือเค็ม ต้องเต็มใจเติม เก็บซ่อน ความสาว แผลคาวไม่มี ไม่มี แม้เท่าปลายเข็ม หม้อแกง หม้อนี้ น้ำเนื้อยังเต็ม ชอบหวานหรือเค็ม ต้องเต็มใจเติม...
3 มีนาคม 2549 07:52 น. - comment id 564261
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song496.html หยาดรุ้ง หยาดรุ้งงามราวดวงดาวรุ่งจิต รุ่งความโสภิต รุ่งชีวิตชายแม้เงา ดวงตาคมซึ้งซึ้งดังเพชรวาว เนตรงามอคร้าว หยาดรุ้งราวหยาดน้ำริน หยาดรุ้งคนดีปราณีพี่หน่อย อย่าลอยสูงนัก พี่ปองรักยอดยุพิน ลมครวญคำหวานเสียงธารระริน คร่ำครวญถวิล ว่ารักยุพินเช่นกัน เธอหอมความดี เป็นที่คละคลุ้ง ประหนึ่งสายรุ้งรุ่งดวงตะวัน ยามยิ้มแย้มยวน ชวนให้ชายฝัน สยบใจนั้นรักเหลือคณา หยาดรุ้งงามราวดวงดาวกระจ่าง รุ่งดังน้ำค้าง ที่ยังค้างตามพฤกษา เธอคือความหวังฝังใจทุกครา พี่ครวญใฝ่หา พี่รักบูชาหยาดรุ้ง เธอหอมความดี เป็นที่คละคลุ้ง ประหนึ่งสายรุ้งรุ่งดวงตะวัน ยามยิ้มแย้มยวน ชวนให้ชายฝัน สยบใจนั้นรักเหลือคณา หยาดรุ้งงามราวดวงดาวกระจ่าง รุ่งดังน้ำค้าง ที่ยังค้างตามพฤกษา เธอคือความหวังฝังใจทุกครา พี่ครวญใฝ่หา พี่รักบูชาหยาดรุ้ง...
3 มีนาคม 2549 09:31 น. - comment id 564270
แวะมาอ่านงานงามๆค่ะ เพลงดอกหญ้ามีความหมายดีนะคะ
3 มีนาคม 2549 11:26 น. - comment id 564302
อ่านแล้วคิดถึงเพลง รอยไถค่ะพี่พูด โอ้ทุ่งบางเขน แท้จริงเคยเป็นทุ่งรัก
3 มีนาคม 2549 11:42 น. - comment id 564307
แอบบอกอะไรให้นะ เคยคิดว่า คุณน่าจะเขียนจดหมายถึงคุณพุดพัดชา เพราะคุณพุดพัดชาก็เขียนอะไรซึ้งๆได้มากมาย ทีนี้ล่ะ .. กำไร อยู่ที่คนอ่าน อัลมิตรา 28 ก.พ. 49 - 23:29 IP 58.64.103.88 .............. ขอบคุณครับคุณอัลมิตรา ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ แต่คงไม่กล้ารบกวนให้คุณพุดปวดหัวหรอกครับ คำซึ้งๆและใจสวยๆ เป็นอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ของคุณพุดอยู่แล้ว มีแต่วันที่อิ่มสุขนะครับ แทนคุณแทนไท 01 มี.ค. 49 - 09:27 IP 61.19.227.2 แทนพี่พุด..ซึ้งใจ กับทั้งคำคุณอิมและแทน ที่เพิ่งเห็นค่ะในงานที่แสนโศกสะเทือน http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story6506.html ด้วยรักห่วงใย จากใจ พี่พุด
3 มีนาคม 2549 11:45 น. - comment id 564309
แด่น้องเพียงพลิ้วด้วยรักค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2068.html ทุ่งนาแดนนี้ ไม่มีความหมาย เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาบควาย เห็นซาก คันไถแล้วเศร้า เห็นนาที่ร้าง นั้นมีแต่ฟาง แทนรวงข้าว เห็นเคียวที่เกี่ยว เหน็บติดเสา เล่นเอาใจเรา สะท้อน ทุ่งนาแดนนี้ ข้าเคยไถทำ สองมือ ข้าเคย หว่านดำ ฤดู ฝนพร่ำ หน้าก่อน แต่มาปีนี้ ฤดี ข้าแสนจะสะท้อน เพราะมา ไร้คู่ กอดเคียงหมอน ทิ้งให้เรานอน ระกำ รอย ไถเอย ข้าเคยไถถาก เดี๋ยวนี้ เจ้ามา คิดจาก ฝากให้ เป็นรอย ไถช้ำ เปลี่ยนรอย ไถใหม่ ทิ้งรอย ไถเก่า ระกำ อกใคร ใครบ้าง ไม่ช้ำ เมื่อยาม เห็นรอย ไถแปร ทุ่งนาแดนนี้ คงร้างไปอีกนาน ข้าเอง ก็เหลือ จะทาน เพราะมัน แสนสุด จะแก้ หมดกำลังใจ แล้วเรียมเอ๋ยข้า คงตายแน่ จะไถไปอีก ก็กลัวแพ้ เพราะรอยมันแปร เสียแล้ว เรียมเอย ทุ่งนาแดนนี้ คงร้างไปอีกนาน ข้าเอง ก็เหลือ จะทาน เพราะมัน แสนสุด จะแก้ หมดกำลังใจ แล้วเรียมเอ๋ยข้า คงตายแน่ จะไถไปอีก ก็กลัวแพ้ เพราะรอยมันแปร เสียแล้ว เรียมเอย...
3 มีนาคม 2549 11:51 น. - comment id 564312
น้องไรไก่ ที่แสนรัก และแสนซาบซึ้งนักในน้ำใจน้องค่ะ สังเกตมั้ยคะ พี่พุดเพียรรจนาวนซ้ำซาก ในวิถีงามเงียบสงบสุข ราว ย้อนยุค เพื่อพาทุกดวงใจ ให้ หนีไกล .. จากกังวล ในวงเมือง..กรงเมือง การเมือง ที่กำลังเร่าร้อน รุนแรงค่ะ และ ที่สำคัญ พี่พุดไพรก็ รักวิถีชีวีอันแสนสงบเงียบนั้นด้วย จากใจจริง..ค่ะ หวัง ให้งานพี่พุด นำพาทุกดวงใจ ให้พบเย็นใสฉ่ำเย็น และ รู้ค่ารัก อันแสนงามง่าย มิพักต้องใช้เงินงามคว้าไขว่ค่ะ ใจก็แสนจะสุข..นะคะ
4 กรกฎาคม 2552 18:44 น. - comment id 1009970
กระท่อมดอกหญ้า ยังดีหน่อยนะครับ ไม่เศร้าแล้ว จะได้พบกับความชุ่มฉ่ำเย็น รักแลเคารพ พี่สาวสวยงามแสนดีที่หนึ่งเสมอ