http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem86350.html แด่เธอคนดีที่ชื่อศศิมาฆะ.. ตอนที่1 http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem86384.html ศศิมาฆะน้อมดวงใจใสเย็น...ตอนที่2 และ.. ตอนที่สาม..ศศิมาฆะว้าเหว่ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html (เธอคนเดียว) ดึกแล้ว... น้ำค้างแก้วเริ่มหยาดเย็น เธอ..หยิบผ้าฝ้ายผืนงามมาคลี่คลุมไหล่ ค่อยๆเดินลัดเลาะเลียบเนินผากลับที่พัก แสงจันทรานวลนุ่มสาดสายมาทายทัก ให้.. ดวงใจยิ่งแสนสวยใสสงบงาม... หยาดน้ำผึ้งจันทร์ช่างแสนหวานนัก และ.. ช่างมีบทบาทให้มวลมนุษย์ทั้งหล้าต่างพากัน หลงฝันหลงมายา หลงรอท่ารอคอยฝันฝากใจ อย่างมิเคยสิ้นสุด หยุดคิดถึงในมนตราเสน่หาได้เลย หาก.. ตราบใดดวงใจยังมิสิ้นฝันสิ้นหวัง เธอ.. แหงนเงยวงหน้าซูบหากงามเศร้า รับหยาดสายพรายแสงจันทรา ที่มาแตะแต้มโลมไล้ให้คลายเหงาใจลำพัง ทั้งๆ.. ในใจเธอนั้น.แสนสงบงัน ไม่เคยฝันเคยหวัง..ถึงใครและสิ่งใด.. มานานวันมานานปี..แล้ว ...................... นับตั้งแต่นาที.. ที่เธอ..ได้รับข่าวร้าย คล้ายๆกับในคืนค่ำเช่นนี้ หาก.. เป็นคืนที่.. ฟ้าไม่มีจันทร์.. โลกมีเพียงมืดมิดหมองหม่นเงียบงัน ดั่งสีน้ำเงิน..สิ้นไร้งาม รับรู้...โศก...สะทือน เป็น... คืนฝนปลายวสันต์ ที่หยาดสายพรายพรมหนักมาก ราวหยาดลา... และ เสมือนหยาดน้ำตาละหลั่งรินมิสิ้นสาย ไปกับเธอ ยาม...ที่ทราบว่า... คนดีที่เธอแสนรักนักรักหนา ได้พรากลาไปแล้ว..กับอุบัติเหตุ..! อย่างไม่มีวันหวนคืน......... คืนที่.. ก่อนหน้าไม่กี่นาที เขาคนดียังโทรมาด้วยน้ำเสียงเริงร่า กระซิบบอกเธอว่า.... *เขาแสนคิดถึงเธอ..จนล้นใจ จนทนรอไม่ไหว ต้องตัดสินใจขับรถบึ่งมาจากกระท่อมกลางไพร ให้... เธอเตรียมเสื้อผ้าไว้ เขา..ตั้งใจจะมารับเธอ ไปสัมผัสกับบางสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่ ในคืนฝันวันพระจันทร์เพ็ญที่กำลังรอท่า.. หากทว่า*เขามาไม่ถึง...**มาไม่ถึง... วันที่มี.. ความหมายล้ำค่า*วันมาฆมาศ* วันคล้ายวันเกิดเธอ.. เพราะ... ทุกคราที่*เขา*มองจันทร์ *เขา* ก็จะฝันเห็นเธอละเมอหมาย *ดั่งกระต่ายน้อยหลงคอยจันทร์ * เมื่อ.. เธอยังละล้าละลังใจไม่ยอมตัดสินใจ รับคำขอแต่งงาน ที่เขาเพียรคุกเข่าเฝ้าขอ รอคอยมานานนับเกือบสิบปี.. เพราะ.. เธอ..บอก.. ยังหนีพันธะชีวิตและภารกิจหน้าที่มิพ้น เขา.. จึงได้แต่ทน...รอ รอ และรอ ให้กับกาลเวลาได้พิสูจน์ว่า เหนือคำพูด..คำมั่นสัญญา เหนือปรารถนาใด... ระหว่างคนสองคน คือ *ความเป็นพื่อนทางจิตใจทางจิตวิญญาณ* ที่คือรักแท้ยิ่งใหญ่เหนือค่ากว่าการครอบครอง หลายครา.. ที่เธอคิดว่าเขาคงทนความเหงาไม่ได้ เมื่อไร้เธอเคียง และ.. คงเสี่ยงพวงมาลัยรับหญิงสักคน ไปเป็นนางใจไพรเทพีแทนที่เธอ ผู้หญิง.. ที่เขาเคยเพ้อ ตราบวันตายจะไม่มีวันลืม ผู้หญิงที่ติดดินจนเขาปลื้มนักปลื้มหนา ว่าช่างหายากหาเย็น หาคนที่เป็นทุกสิ่งในชีวิตเขา ให้เขามีพลังมิสิ้นฝันว้าเหว่ คนดี... ที่เธอ..ได้แต่กล่อมเห่เขาคนดีในอ้อมตัก ยามที่เขายังมีลมหายใจและรักแสนรัก เธอเป็นยิ่งนัก... ชี้กันชวนชมดาวพราวไสว ยามดึกดื่น ให้ตื่นตาชม ในยามน้ำค้างพรายพรม ยาม.. *เขามีเธอมาแนบสนิทชิดใกล้ มาใช้ชีวิตในวันหยุดทุกฤดูฝนที่ปรายปรน พร่างโปรย..ให้หอมงามใจ ณ..กระท่อมกลางป่าไพร ที่.. ได้หลอมรวมวิญญาณทั้งสองดวงให้ราวหนึ่งเดียวกัน.. เขาเพียรลงแรง นำร่างห่างไกลความศิวิไลซ์แสงสี มาพลีหยาดเหงื่อ เม็ดเงิน เนรมิตรผืนดินอุดมริมบึงธารหวานใส ที่ไหลรินมิสิ้นสายมาจากเทือกเขา ที่.. รายเรียงโอบล้อม ดั่งปกป้องอาณาเขตแห่งรักแห่งฝัน ให้.. พลันแปรเป็นทุ่งทองรวงเรียวระย้าระยับ ดั่งอาบทองทา ไปจนไกลสุดตาดั่งผืนพรมสวรรค์ ที่... นับนานวันนานเดือนนานปี ที่เขาเททุ่มสุดตัวสุดใจ พลิกฟื้นป่าไพร ให้มีชีวิตชีวา ด้านนึงคือบึงบัวกว้างไกล ที่มีแดงดอกนับหลายพัน เป็นเวิ้งน้ำธรรมชาติเขตป่าสงวน อีกด้าน... ชิดเชิงชายเขาเป็นไร่สวนผสม มีผลไม้หลากพันธุ์ ให้เก็บกินไม่ทัน ผลัดกันป้อนปรน จนเขาต้องนำมาใส่ชะลอมหอมหวาน ไปไล่แจกญาติมิตรเพื่อนฝูง ไหนทั้ง.. ผลไม้พันธุ์ยืนต้นที่ให้ผลราวทองคำน่าอัศจรรย์ใจ เช่น.. ทุเรียน เงาะ ลองกอง มังคุด กระท้อน มะม่วง และ ยังมีสวนสมุนไพรแทบทุกชนิดที่หายาก จนพ่อค้าคนกลาง..ต่างพากันมารับซื้อ ส่งเป็นสินค้าออก... ไม่ว่าเปล้าน้อยรากต้นหางกระรอก..... หัวอัญชันป่า .. พนมสวรรค์(ดอก, ต้น) ใบบุนนาค ประยงค์ป่าใบผักคราดทะเล ใบผักบุ้งทะเล ................. และ... อีกมุมหนึ่งริมเรือนกระท่อม เขาเพียรปลูกดอกไม้ไทยหอมๆ แล้วน้อมเด็ดมาวางไว้ริมหมอน ให้เธอดอมทุกคืนค่ำ..ได้ระร่ำรินแสนชื่นใจ ไม่ว่าจะ.. ลำดวน..ปีบ..จำปีสูงใหญ่ เคลียชายคา มะลิวัลย์...มะลิลา..ลีลาวดี โมก... ที่พลีน้อมให้หอมดอกค้อมลงดินแบบถ่อมตัว บัวดอกบานในบึง พวงชมพู... ดอกกระจิ๊ดนิดน้อยห้อยย้อย แสนน่ารักนัก ไหน.. จะมาลัยสวรรค์ นมแมว รสสุคนธ์มาทายทัก ถึงเตียงนอนนวลนุ่ม ที่.. ให้หอมอวลปนมากับดวงดอกราตรีกลิ่นการะเวก ที่เสกมนต์หวานหว่านงามไปทั้งกอ พ้อพร่างมากับเล็บมือนางสามสวยสามสีสลับ ไหน.. จะยังมีกุหลาบนานาพันธุ์ดอกใหญ่กลีบหนา ที่มีทั้งตูมตั้ง ทั้งเบ่งบานตระการตาตระการใจ พากันแย้มบานไสว ทั้งเหลืองแดงชมพูสีโอลด์โรส ที่.. ต่างพากันชูช่อล้อลมไพรมาทายทัก ยามเธอนอนหนุนตักหนุนแขนเขาอย่างแสนรัก ณ..นอกชานเรือน.. ไหนจะยัง แม่ดวงดอกพุดซ้อนกลีบอ่อนหวาน ให้ซาบซ่านซ่อนซึ้งหอมให้ค้นหา ให้เขาคอยเด็ดมาเสียบริมแก้มไรผม แล้ว.. คอยเวียนดอมดมแกล้มอย่างแสนชื่นใจ ไหนจะดงผักพื้นบ้านนานา ทั้งค้างแตงกวา แตงร้าน แตงไทย ฟักแฟง บวบ ลูกอวบใหญ่ห้อยย้อย ตำลึง ผักบุ้งในท้องนา ทั้งปลาในหนองน้ำ ที่.. มากมายวนว่ายอย่างแสนเสรี ที่เขาให้ชีวีมันทุกตัวได้เริงร่า ใช่เลี้ยงไว้บริโภค เพราะเขา เลือกมีชีวินกินเพียงข้าวผักถั่วแทนโปรตีนแบบชีวจิต เขาคนดี.. ที่พลีไถ่ชีวิตวัวควายที่ใกล้ถูกเชือด ให้เลือดแดงที่เคยพลีหลั่งรินเคียงคู่มิรู้สิ้น กับหยาดเหงื่อชาวนาไทย ในพื้นพสุธา ได้ยังคงดำรงธำรงวิถีข้าวกล้ายังมานาหว่านไถ ใช่แปรไปเป็นผืนดินของนายทุนพลิกเป็นทิวตึกไสวแทน จน.. หมดเงินทองที่เคยสะสม หากเธอกับเขาต่างมีอุดมคติ ที่คิดว่าชีวีของสัตว์เพื่อนยาก ย่อมสำคัญกว่าทรัพย์อนันต์ค่าใด ในเมื่อ.. ตราบใดยังมีลมหายใจ ชีวียังไม่สิ้น ต้องดิ้นไป หากยังมีเรี่ยวแรง มีสมองสองมือมีปัญญา ไม่ตายก็คงหาใหม่ได้ เพราะ..... ชีวิตวัวควายที่อยากไถ่ คงไม่รอหายใจ...หวนมาให้ได้ทำสิ่งแสนงาม อย่างน่าภาคภูมิปิติใจ สิ่งที่จะตามติดเป็นรอยบุญหนุนใจ นำทางใจให้แสนสวยไสว อิ่มเอมแสนปิติเกษมเป็นยิ่งนักยามหวนคิด และ... จักสถิตทอดเป็นนิรันดร์ในดวงใจอันใครยากแย่งยื้อ ............ และ.. นี่คือวิถีสุภาพบุรุษไพร ที่แสนยิ่งใหญ่ในดวงใจเธอ ดั่งคู่กรรม คู่ธรรมคู่ทอง ... หาก.. มิทันได้ครองคู่... ราวสวรรค์ไร้เมตตารับรู้.. มาพรากลาคนดีที่เธอประจักษ์ค่า และถึง... มาตรแม้นว่าจะมิได้เคียงร่าง หาก ทุกอณูนึกยังเต็มพร่างในหอมห้วงหัวใจเธอ อย่างยากที่จักหาใครมาเทียบเทียม ............ วันที่*เขา*พรากลาไป...กับคืนฝนพรำ แม้นฟ้าดิน ยังมิสิ้นโศกศัลย์กำสรวลสะอื้นไห้ ราว.. หยดเลือดหยาดน้ำตาระร่ำรินมิสิ้นสาย รวมกับจิตแลกายเธอ .. ที่เทวษถวิลทุกข์โทมนัสเกินกว่าจะมีน้ำตา มี.. เพียงชุกตัวเหว่ว้า ลำพัง จนใครๆพากันเป็นห่วงเป็นใย ทุกคืนค่ำ...ที่วัด ทุกคน.. จะสัมผัสร่างบอบบางราวลมจะพัดปลิว ในชุดดำนั่งนิ่งเงียบสนิทราวรูปสลักไร้ชีวิต ทอดตาสงบงันไปยังผู้เป็นที่รัก ใน..กรอบรูปอันงามนัก ในจำหลักพักตร์พริ้มรอยยิ้มซื่อใสแสนไร้เดียงสา หนุ่มชาวนา ผู้เกิดมากับท้องฟ้านากว้างแสนกระจ่างแจ่ม กับในอ้อมแขนมีเพียงฟางข้าว หมวกสานผานไถ และ.. กับหัวใจที่แสนซื่อใสบริสุทธิ์ พอกันกับหยาดน้ำค้างจากฟ้า หยาดน้ำฝนหล่นลา ไหลรวมบ่ามากับสายธารระริน มาฝากรอยถวิลให้อาวรณ์เทวษ อย่างยากจะเลือนลืม *เขา* ผู้ชายชาติไพร ที่มีนวลเนื้อใจแสนพิเศษพิสุทธิ์ หาก.. ทว่ามิอาจหยุดเพรงพรหม เพรงกรรมมาพรากลา..จากฟ้าดินเบื้องบนได้... ............. นั่นคือ.. อดีตทรงจำ... ที่ฝังใจ ที่แสนงดงาม เมื่อกาลเวลาผันผ่านลาเลยล่วง รอยแผลใจ.. ที่.. กลายเป็น*แผลเก่า*ฝากเพียงเหงาให้งาม ในทุกยามรำลึกนึกย้อน มาตรแม้น.. ทุกฉากตอนมิหวนกลับ หากคือ.. ความรักภักดิ์พลีที่แสนดีที่แสนสว่างไสว ใช่...จะเศร้าใด เมื่อเธอมีธรรมในดวงใจ มานำทางพร่างสว่างไสว... สอนสัจจะให้ระลึกถึง คำว่า**มรณานุสติ* เสมือนคำ.. ที่เขาเคยคอยย้ำเตือนเธอเสมอมา *อย่าละเมอหลงไปวังวนในทุกข์กระแส อย่ายอมแพ้พ่าย อย่าตกหลุมพรางที่ขุดล่อบ่อบ่วงกิเลสไว้ ลวงหลอนมวลมมนุษย์มากมายมากมี ให้.. หลงติดกับความยึดมั่นอยากได้ใคร่ดี มีเพียงโลภโกรธ หลง พะวงเพียงสุขภายนอก ที่มายวนยั่วหยอกเย้า ให้ได้ก้าวเท้าไปสู่บ่วงห่วงพันธนา และ... สุดท้าย ทุกชีวาชีวี ใช่หมายผัดผ่อนพญามัจจุราชได้ฤาก็หาไม่.. หาก... ใช้ชีวิตเปล่าเปลืองไปโดยประมาท ยัง.. .มิทันหันมาวาดวง รับ*สายทองแสงธรรม* พร่ำเพียรภาวนา หาหนทางก้าวข้ามห้วงมหานทีสีทันดร ก่อนวันที่สายเกิน... มิมัวหลงเพลินรูปรสกลิ่นเสียงเพียงนั้น.. และ.... ให้รู้ปันร่างใจใฝ่งามธรรม ไปด้วยกัน มาตรแม้นยังมีวังวนมิพ้นวิบากรัก อันหนักแสนหนักราวศิลา .. ก็ เพียงให้รู้ค่า.. รู้จำรู้จัก เลือกเส้นทางธรรม นำชักพาคู่ชีวิต... ให้.. นำพาดวงจิต มาสถิตฝากไว้ในเอื้อมหัตถาแห่งพระพุทธาสวรรค์ อันคือ.. เส้นทางกระจ่างพร่างพรายสู่ความว่างนิรันดร์เกษม อันคือรักที่แสนอิ่มเอม อย่างยากหารักใดเทียมเทียบ.. ................ ณ..ราตรีนี้ ที่แสงเดือนยังแจ่มจ้า ยังคงหยาดมาโลมหล้า ปลอบประโลมเธอ.. *ศศิมาฆะคนนี้* คนที่เพียรเพียงรอวันเวลา ที่จะข้ามมหานที เพื่อไปสู่ฝั่งฝันสำนักวิปัสนา ที่.. รอท่าเธอเลือกตัดสินใจ.. จะ *ฝากชีวิตเลือดเนื้อจิตวิญญาณดั่งอัญมณีไพร อันแสนไสวพรายพร่าง เลือก..สู่เส้นทาง... *สายสว่างสะอาดสงบ* เพียงรอพบบานประตูพระนิพพาน ที่แย้มบานรอท่า... ทุกผู้มีบุญวาสนาใต้หล้าโลกไปตราบจนชั่วชีวิต ให้ลืมโศกลืมสุข สิ้นทุกข์หยุดคิด... ตั้งใจอธิษฐานภาวนาจิต ดั่งบัวบุญ ในทิพยนิรมิต ผ่องพราวราวบัวเพชร ยอมเด็ดกิเลสทิ้ง แล้ว.. ผลิบานตระการชูช่อพลีรอสายแสงธรรม อันคือ *ความเป็นนิรันดร์เกษม...* มาตรแม้นหนทางยังแสนห่างไกล ที่.. ถึงอย่างไรอย่างไร เธอมิเคยท้อใจ ที่จะเพียรภาวนา ตราบจนกว่าลมหายใจจะสิ้น.... .................................. ติดตามตอนต่อไป.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html เธอคนเดียว เธอรู้ไหม ฉันอยากให้ย้อนเวลา ให้เดินช้าช้า ให้อยู่ด้วยกันนานนาน อยากมีเวลา ทำสิ่งที่ต้องการ ไม่มีอะไรที่ทรมาน เท่ากับการจากพรากกัน จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเธออยู่ และไม่สายไปสำหรับฉัน ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว ไม่มีอะไรที่ทรมาน เท่ากับการจากพรากกัน จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเธออยู่ และไม่สายไปสำหรับฉัน ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว ฮืม...
12 กุมภาพันธ์ 2549 08:59 น. - comment id 560392
สวัสดีค่ะ
12 กุมภาพันธ์ 2549 10:24 น. - comment id 560396
สวัสดีค่ะพี่พุด แวะมาเยี่ยมพี่พุดค่ะ ไม่เยี่ยมเฉย ๆนะ อ่านงานด้วย แล้วจะรออ่านตอนต่อไปค่ะ ดูแลสุขภาพนะค่ะ เหมียวเป็นห่วง คิดถึงพี่พุดนะค่ะ มาก ๆ ๆ เลย รัก....
12 กุมภาพันธ์ 2549 12:09 น. - comment id 560415
ชี้กันชวนดาวพราวไสว ผมว่าน่าจะ ชี้กันชวนชมดาวพราวไสว มากกว่านะ แม่ดอกพุดไพรเห็นว่ากระไรฤา มาอ่านงานที่คุ้นเคย งิงิ
12 กุมภาพันธ์ 2549 13:05 น. - comment id 560423
13 กุมภาพันธ์ 2549 00:28 น. - comment id 560471
ธมกร ธรรมประชุม เหลืองแสงจันทร์จับฟ้า เหลืองผ้าไตรจีวร เหลืองเรืองรองเทียนไท ธมกรคือดวงโพยมน่านฟ้า เป็นดังประทีปไขแสง เสมือนการรู้แจ้งแห่งเรือนฤทัย ผ่านเวลามืดมนอนธการมา สู่จันทร์ส่องหล้าจรัญสนิทวงศ์ คืนแห่งเพ็ญวิถี น้อมนโมกราน รักเศร้าเหงาซึมร้างแรมไกล ธมกร ธรรมประชุม พาจิตประพัสรารมย์ จะใครเล่า แค่เราสังขารา เป็นเงาภาพมายา ประเด๋วก็ปราศนาการ ละวางอัตตา โอ้องค์พระสัมมา ธมกร สอนว่า ข้างขึ้นมีได้คล้ายจันเพ็ญ ก็ละได้เป็นจันทร์แรมเดือนเสี้ยว ไม่มีอะไรแน่นอน ปลง ปลง ปลงสังขาร
14 กุมภาพันธ์ 2549 12:43 น. - comment id 560737
สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะครับ พุดพัดชา
3 กรกฎาคม 2552 04:43 น. - comment id 1009099
สมกับเป็น วิถีสุภาพบุรุษไพร จริงๆ ครับ น่าสงสาร มากๆๆ