ผืนทรายว่างกว้างไกลไม่เห็นขอบ ลมพัดหอบเม็ดผงลงกัดกร่อน มิมีร่มเงานักให้พักร้อน มิพอผ่อนผายแรงแห่งสุรีย์ เป็นอาณาน่ากลัวทั่วทุกย่าน แสบสะท้าน แดดสะท้อน กร่อนวิถี จะหางามงดใดที่ไหนมี ร้อนฤดี ใจกาย แทบวายวาง ผืนน้ำว่าง กว้างไกล ไม่เห็นฝั่ง คลื่นหลั่ง ไหลกรู สู่เบื้องล่าง โหมลม โถมถั่ง ดั่งครวญคราง ณ กึ่งกลาง ห้วงนที มิสวยงาม ระลอกแล้วระลอกใหม่ ก็ไล่หนุน ฟองขุ่นคลั่งขู่ ดูล้นหลาม ระลอกแล้วระลอกเล่าเฝ้าติดตาม จนกว่าน้ำ จะสิ้นสุด ตรงจุดนั้น เวิ้งทรายกลับกลายเป็นชายหาด คลื่นสาดกลับกลายเป็นพรายผัน น้ำร้ายทรายแล้งรู้แบ่งปัน กลับคืนชื่นชีวันในทันที จุดบรรจบครบครรลองทั้งสองสิ่ง ความนิ่งและเคลื่อนไหวในดิถี หยุดแล้งคลายร้ายได้พอดี สัจธรรมที่มีล้วนชี้ทาง สรรพสิ่งในโลกล้วน ควรพึ่งพา พิจารณาถ้วน ควรกระจ่าง ละลด โกรธขึ้ง ณ กึ่งกลาง เพื่อสร้าง ความพอดี เท่าที่ควร (ม้าก้านกล้วย)
24 ตุลาคม 2548 00:23 น. - comment id 531267
บทกวีที่เป็นเอกลักษณ์ อ่านเมื่อไหร่ก็ทราบว่าฝีมือ ม้าก้านกล้วยครับ
22 ตุลาคม 2548 20:41 น. - comment id 533127
คง เป็นเช่นนั้น แล ฯ
22 ตุลาคม 2548 21:19 น. - comment id 533132
ทุกสิ่งอย่างล้วนไม่จีรัง เป็นสัจธรรมนะคะ
28 ตุลาคม 2548 13:41 น. - comment id 535577
ทรายปลิว ริ้วน้ำ ฉ่ำชื่น ตาตื่น รื่นใจ ไม่หลง วงวัง ชังชอบ ขอบบ่ง ปักลงตรงทางสายกลาง