http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html (ร้อยบุปผา..หนึ่งในร้อย) ................. นอนนิ่งนิ่งมองสายฝนหล่นพร่างกลางใบไม้ ส่องประกายคล้ายสายเพชรเก็จแก้วใส หยาดฝนพราวราวกระทบกลางกลีบใจ นั่นนกไพรไกวเปลอ้อนตอนอรุณ เห็นใบตองทองอ่อนราวสไบนางฟ้า เห็นลีลาวสันต์ฝันไกลทุกอุทัยโลกหมุน เห็นยอดไผ่ไหวรับแดดพร่างละมุน เห็นควันไฟกรุ่นจากกระท่อมชาวสวนล้วนแสนรัก เห็นการะเวกพร่างพ้อจากกอเศร้า เห็นจำปีเฝ้าเตือนใจไหวหวามนัก เห็นโมกกอค้อมคลอดินถวิลภักดิ์ เห็นลมทักยอดไม้ใกล้ชายคา เห็นหัวใจตัวเองบรรเลงบทเพลงเศร้า เห็นเรื่องราวหนหลังฝังห่วงหา เห็นวันนี้ชีวีแสนสั้นเต็มประดา เห็นเวลาของโลกโศกสะเทือนใจ ให้ลืมเรื่องราวร้าวรานเมื่อกาลก่อน แล้วหันย้อนมองดูใจให้สวยใส โลกอดีตเมื่อวานให้ผ่านไป เริ่มต้นใหม่ยังไม่สาย..ให้เมตตา... ทุกชีวีนิดน้อยต่างพลาดผิด ตามลิขิตกรรมเก่าวาสนา ให้อภัยด้วยน้ำใจแห่งเมตตา และหันมาเป็นมิ่งมิตรน้องพี่..มอบดีกัน โลกความจริงสรรพสิ่งกำลังโศก วิปโยคเกินกว่าเรื่องรักพักสับสน ลืมมายาฝันยิ้มรับตะวันเกื้อกมล หยาดสายชลสายธรรมนำทางใจ เป็นน้ำทิพย์น้ำทองจากหอมห้วง จากใจดวงอัญมณีไพรแสนไสว รักกันนะรักกันให้น้ำใจ จงอภัยจงรู้ค่ามรณารอ เป็นคำวอนจากใจดวงอ่อนหวาน ดวงโบราณดวงสงบมาร้องขอ สร้างสรรงามเป็นนิยามโลกเฝ้ารอ หวังคำพ้อถึงทุกดวงใจ....ทุกเรือนใจในร่มรัก.... ................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html ร้อยบุปผา..สุนารีราชสีมา ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน ร้อยดอกงาม เด่นตระการ แย้มบานในดวง ใจ ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์ ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์ มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์ ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก ร้อยสำนักประชันแข่งใจ มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน ร้อยดอกงาม เด่นตระการ แย้มบานในดวง ใจ ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน .................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html (หนึ่งในร้อย) พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง ความ ดี คนเรานี่ ดีใด ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง... Url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=287 (นัดพบ) ********* ปริม.. กำลังนอนคลี่ยิ้มหวานหวานบนเรือนจำปี เรือนรักเรือนใจ... เรือนที่ปริมชอบมานอนอิ่มขวัญ..ลำพัง ใต้ร่มไม้สายใจใต้ใบบัง ใต้เขียวไพลเขียวพร่าง เขียวสอ้านสะอาดพิลาสพิไล เขียวที่สอดผสานกัน ราวร่มพฤกษ์คันใหญ่ มาต่อสายใจมาเติมใยรัก มาเติมไฟฝันนักรักรจนา มาฝากฟ้าฝากดิน ดูดาว มาเหน็บหนาวดายเดียว และ มาชิดใกล้ธรรม ธรรมชาติ มาฝากร่างให้เอนอิงพิงพัก มากระซิบรักกับ อ้อมกอดดวงดอกจำปี อ้อมฝันที่เลื้อยพันมาเกาะเกี่ยว ราวอ้อมแขนแน่นเหนียว ปลุกปลอบใจให้มีพลัง... กับทุกเช้าที่เฝ้าดู... ตะวันดวงกลม ในยามเช้า ที่เฝ้าเพ่งพินิจ ด้วยรักแสงตะวันจัดจ้า และจะชอบทำทุกครา ยามบอบช้ำจากโลกและชีวิต ราวแสงมหัศจรรย์สามารถปลุกชีวิต ให้มีชีวาท้าทายโลกอีกสักหน สักครั้ง.... ทุกนาทีที่ตะวันเยือน แย้ม ค่อยๆโผล่พ้นทิวสน เบื้องหน้า ผ่านดงไม้ ขึ้นมาอย่างช้าช้า เคลียเคล้ากับแสงฟ้าสวยใส สดชื่น อ่อนหวานสว่างไสว.. ดวงตะวันสีส้มเปลือกบาง อ่อนอุ่น ดวงกลมสวยงามเจิดจรัส รัศมีจ้าจับตาเป็นยิ่งนัก.. พลังตะวัน กำลังรินไหล เข้าสู่ใจดวงกลม ดวงบอบช้ำ ดวงช่างฝันนี้ที่พยายาม มองฟ้าท้าตะวัน ปลุกไฟฝัน ปลุกหัวใจให้อย่าท้อ รอรับฝัน วันแสนดีให้คืนกลับ หยาดน้ำค้าง ละออ ตกต้องค้างงาม ตามดอกใบ สวยใส บริสุทธิ์ เกิดประกายวับแวม ราวหยาดเพชรพราว รอระเหยหาย........ มวลหมู่นกกา เริ่มถลาบิน ออกจากรวงรัง ทำหน้าที่ หาอาหาร ว่อนวน ..เคียงข้าง... เป็นฉากละคร..ของสัตว์โลกทุกชีวิตทุกปากท้อง.. ประจำวันซ้ำๆซากๆ เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด ปลอดภัย ได้มีใจดวงทั้งดีและร้ายมาหมุนวน ตามโลกที่หมุนเวียน.ไปวันวันมิสิ้นสุด. ดอกเข็มขาว เริ่มแทงช่อ ออกจากกระเปาะเขียว เป็นพวงขาวระย้าเต็มต้น เต็มตื้นหัวใจดวงนี้ ที่ชอบเฝ้าดู. .ตั้งใจคืนนี้จะน้อมนำไปบูชาพระ และภาวนาขอให้มีสติปัญญาบริสุทธิ์แหลมคม พ้นบ่วงกรรม ตามติดมาให้ชดใช้...... ขอให้มีสมองสองมือนี้ ได้เขียนสิ่งดีดี อันเป็นที่รัก ไว้พักใจ ยามดายเดียว ไปตราบนานเท่านาน ในจิตวิญญาณที่ยากที่ผู้ใด จะเข้าใจและหยั่งถึงก้นบึ้งแห่งจิตใสงามนี้... ที่บานสะพรั่งดั่งดวงดอกไม้ในราวไพร บานท้าตะวันฉาย แม้บางครั้งจะโรยราร่วงหล่นปนเปื้อนดิน ก็จะผลิฝันหวานหวาน บานกลับมาใหม่ มิมีวันมอดสิ้น... ตะวันดวงกลม..หมุนวน ไม่เคยท้อแท้ มิรอรา รู้หน้าที่ เพื่อธำรงอยู่ ยังประโยชน์ให้มวลมนุษย์ ฉันท์ใดก็เฉกนั้น ขอให้ดวงใจ ดวงฝัน จงอิ่มเต็ม ด้วยความฝันสล้างสวยงาม ด้วยงามแห่งปัญญา สมบูรณ์ หมุนพาใจตนก้าวข้ามผ่านพ้น เรื่องหมองหม่นทดลองใจให้ฝ่าฟัน เรื่องธรรมดาๆโลกที่มี โศกมากกว่าสุข มาคลุกเคล้าให้เปรียบเทียบสอนใจ.. ในทุกโมงยาม..มิแน่มินอน.. ให้แสงตะวัน แรงกล้า นำพามนุษย์ทุกดวงใจ ทำหน้าที่งดงาม สู่เส้นทางชีวิตยาวไกลข้างหน้า รู้จักลืมตามองโลกให้เป็นเห็นงาม. .และแบ่งปัน..ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ในวันนี้และวันหน้านะดวงใจ *************** เช้าหวังเช้าหวานก่อนอุษาสาง ที่จะมีนกมากมายมาร้องเพลงธรรมชาติให้ฟัง มี*นกเขาขันเสียงใสราวระฆังแก้ว* แว่วหวานวิเวกมาปลุกราวนาฬิกาปลุก..ดั่ง*นกตะวัน* ค่าที่มาพร้อมกันกับสายแสงแรก สีทองอันอ่อนอุ่นโอบเอื้อ ที่.. ปริมขอเรียกชื่อเพื่อรำลึกนึกถึงพี่ชายผู้แสนดี ผู้ที่รักนกราวชีวิตจิตวิญญาณ พอกันกับเจ้าของเรือนหอมหวานหอมงามแห่งนี้ และ นกตัวนี้จะมาร้องขันคูคู่วิมานไพรวิมานดินทุกวันค่ะ ราวดงดอกดวงจำปีล้ำค่าเตือนสอนใจ ให้มั่นคงให้ตรงมั่นราวนกตะวันรักท้องฟ้า ราวปลารักน้ำ ไฉนฉะนั้นเลย.. และ ทุกเช้าที่เจ้าของเรือนรักหนักแน่นใจ จะมิเคยลืมที่จะส่งจูบส่งใจข้ามขอบฟ้า มหาสมุทร ผืนแผ่นดิน ทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพรแมกไม้ สายชลระรินไหลให้กระซิบรักถึงทุกดวงใจ ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งผองเรา ปริม.. ขอส่งกมลอันปรารถนาดี ประดุจดังดอกไม้แรกแย้มในยามดึก ที่ค่อยค่อยคลี่แย้มเกสร ออกรับผลึกเพชรเกล็ดแก้วหยาดละออละอองน้ำค้าง ที่พรายพร่างพฤกษ์ ราวกันจะดื่มกินได้ ให้สายแสงแดดสีทองส่องผ่านมา ในยามอุษาสางอุษาแก้ว ยามฟ้าผ่องแผ้วรำไรรำไรราวรัศมีรุ้ง กระจายพรายแพร้วเพริศเฉิดฉาย พร่างพรรณรายทุกถิ่นที่ ฝาก กมลดวงดีดวงหวานหอม ราวหยาดน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวานในยามราตรี หวังให้น้องพี่ ที่มีหัวใจดวงทองผ่องผุดพิสุทธิ์ละมุน ได้มีใจดวงงามหอมกรุ่น ได้รจนาภาษารักภาษากวีภาษาดีดีงามๆ ฝากพลีบรรณาการแด่โลก ดับร้อนผ่อนเพลา ให้เย็นฉ่ำราวน้ำคำคือน้ำค้าง รินนะกลางใจ..ไม่มีวันแห้งเหือดหาย วอนให้ใช้ปลายปากกา ราวมาจากปัญญาจิตมิมุ่งคิดร้ายผู้ใด มีใจดวงเที่ยงธรรม มีฝันมีรักมีร่มธรรม อันคือเครื่องคุ้มกันภัยกันใจไปตราบชั่วกาล มีเมตตา และหวังว่า ทุกดวงใจจะพบงามทองในหอมห้วงแห่งดวงใจ มีงามแท้งามธรรมงามขวัญอันแสนยิ่งใหญ่ มาประดับใจประดับหล้าประดับนภากวี ที่ยังมีที่ว่างอนันต์ รอผู้กล้าผู้ฝันใฝ่ พาดวงใจราวรวงดาว มาเรียงพราวเฉิดฉายแสงพร่างสุกใสสว่าง มานำทางใจแด่ผองชนนะคะ ขอให้เป็นเฉกเช่นดวงดอกไม้หวานตระการ จะบานประดับหล้าอยู่นะที่ไหน ในราวป่า..ในราวไพร ..ในราวเมือง ขอแค่ให้สร้างประเทืองประทับใจ ด้วยหยาดน้ำใจที่ใสเย็นดั่งหยาดฝนหยาดน้ำค้าง เข้าใจ และคอยเมตตาเคียงข้างเสมอไป ในทุกผุ้คนที่ยังค้นหาตัวเองไม่พบเจอ ยังลอยเก้อกลางทะเลโลกย์ทะเลโศกสุข ใช้กุญแจจิตกุญแจธรรมกุญแจธรรมชาติ กุญแจวาดหวังดีมีน้ำใจรักอันใสฉ่ำเย็น มา เปิดบานประตูหัวใจ ค่อยๆช่วยเก็บกวาดห้องห้วงใจให้สะอาด หยิบขยะวัตถุมากมีมากมาย ค่อยๆกวาดให้ออกไปไม่รกรัดรึงรุงรัง อันจะพาให้จิตเดิมใสนั้น ถูกห่อหุ้มด้วยกิเลสใจ แห่งความอยากได้ใคร่มีจนเคยชิน มิรู้สิ้นรู้จบตามกระแสโลกย์ ที่ สอนให้ยึดมั่นถือมั่น ว่าความสุขนั้นมาจากภายนอกหลอกไปวันวัน จนใจกายนั้นหนักดั่งศิลา เพราะต้องพาให้ค้นหามาเติมเต็ม เค้นเฟ้นหาจนพาเครียดเฉียดตายจึงได้สำนึกระสึกรู้ ว่าแม้นแต่ตัวกูมิใช่ของกู.. ให้มีสติมีสมาธิมีปัญญา อย่าให้ใจมา คอยปิดบังจิต และคอยเป็นนาย มิให้จิตเดิมที่งามใสได้คลี่ฉายแสงเบาสบาย ว่างพรายไร้ร้างพร่างคล้ายแก้วประภัสสร ได้ส่องประกายกล้า พาให้มืดมัวในใจมลายหายวับ ดับทุกทุกข์ได้..ก่อนสายเกิน.. และนาทีนี้นะคนดี ดวงใจ ปริม... ขอมอบดอกไม้จริงดอกไม้จิต ดอกไม้ชีวิต รักธรรม ธรรมชาติ มาวางฝากไว้ในอ้อมตัก อ้อมใจ แด่มิ่งมิตรสนิทเนา จงเปิดใจรับเอาดอกไม้เพชรพร่าง ที่จะพรายพร่าง ดั่งแสงแก้ววะวาววับดับทุกสรรพสิ่ง จากขุมทรัพย์ภายในอนันตกาล ที่จะบานรอ ผู้รู้ ผู้มีศีลสะอาด เพียงเพียรพร้อมน้อมพลีภาวนา และค้นหาดอกไม้จิตนิมิตจริงแท้ที่งามแน่นอน กว่า...ทุกดวงดอกรักดอกทุกข์ใด ในโลกหล้าค่ะ ขออวยพร ให้ทุกดวงใจใสทอง ประคองตนพาพ้นน้ำ ดั่งดอกบัวบานรับแสงอรุณธรรมนะคะทุกคนดี.. สวัสดี ************ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song287.html นัดพบ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี : : Key A ถ้าเราจะนัดพบ กัน เมื่อตะวันลับไม้ ฉันไม่หลอกจะบอกให้ อย่าเอ็ดไป สิจงฟัง ฟัง สิฟัง สัก นิด แล้วอย่าคิดว่าฉันสอน ว่าฉันสั่ง ฟังสิฟัง ฟังกันเล่นเพลินเพลิน แต่มันสุขเหลือเกิน ไม่เชื่อเชิญ ลองจำ ถ้าเราจะนัดพบ กัน เมื่อตะวัน พลบค่ำ ธรรมชาติชุ่มฉ่ำ ฉ่ำชื้น ชื่น ใจ ใต้ ร่มไม้ใบบางบาง แสงสว่างรำไรรำไร ไม่ต้องระวังไม่ต้องระไว จะอายทำไมกับพระจันทร์ ถ้าเราจะนัด พบ กัน ควรให้จันทร์ เห็น ใจ ลมอ่อนอ่อนพัด ผ่าน ชูกิ่งก้านช่อใบ บ้างก็แกว่งบ้างก็ไกว บ้างเขยื้อนสะเทือนไหว สะบัดใบไปตามลม ผสมน้ำค้าง พร่าง พรม เรไรจิ้งหรีดหวีดผสม ต่างคลอต่างคล้อต่างล่ออารมณ์ เรา ให้ชมให้ชื่น ใจ นี่แหละถิ่นนัดพบ แต่เราไม่พบกับใคร เพียงแต่พบกับธรรมชาติ แล้วเราก็อาจจะสุขใจ ไม่ต้องไปพบ กับใคร ที่ไหน เพลินใจ เพลิน ตา...
14 ตุลาคม 2548 10:41 น. - comment id 527162
พุดพัดชาได้รับเมล์นี้ที่ฟอร์เวิร์ดมาค่ะ เห็นว่าน่าสนใจ เลยมาเผยแพร่ให้อ่านกัน และ สุดแล้วแต่วิจารณญาณนะคะ FW: จุดจบเมืองไทย (ที่ควรทราบโดยสังเขป) >ปี 2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย >เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้.....ประเทศต่างๆในโลกนี้มีเกิดมีดับตลอดเวลา.....ประเทศไทย >ก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน สืบเนื่องจากการบรรยายของ >คุณนิติภูมิ >ซึ่งเป็นสื่อมวลชนจบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยมอสโค >ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง >เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่าประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น >6-14ประเทศ ซึ่งในตอนนั้นนักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ >หัวเราะจนฟันกระเด็นแต่ต่อมาพอปี2542 >เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง!ประเทศอินโดฯ >ได้เริ่มแตกเป็นติมอร์และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ >และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมาในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 >ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม > >ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯคุณนิติภูมิได้บรรยายว่า >ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - ...ประเทศ แน่นอน! >ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญแต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ >โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี2553 >ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลงGATTsจะเริ่มมีผลสมบูรณ์การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์สินค้าเกษตรต่างๆ >จากต่างประเทศ จะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล >ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกันและสินค้า >เกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ >ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง >เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยวทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย >จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน >คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม >กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน > >เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ >เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน >เนื่องจากสินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว >เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๊ยของต่างประเทศพันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ >เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจากGMOs >และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ >วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยรัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้ >เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว >ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น >โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว >เค้าสามารถตั้งราคา >ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่าเขาจะไม่มีกำไร >ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำตัดไฟ >ตัดโทรศัพท์ >คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้ >ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบๆๆเมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ >การขายที่ดินราคาถูกๆและจำนวนมหาศาลจะตามมา >คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ >ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้าน >ซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว >เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ >เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้วไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ >ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus, >Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอ >เสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ >ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก >เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้...รัฐจะอยู่ได้ฤา? >4 >จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย > >เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรมในปี2553 >คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศเพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย >การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลงการสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น >จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหารก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย >ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้วการแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นานจากนั้น >ภาคตะวันออก >บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา >จะขอแยกตัวตามมาเนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว >เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ >ทั้ง สมุนไพร อาหารต่างๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ >การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยากนั่นหมายถึง >การซื้อประเทศไทยคล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ >Alaska จาก >Russiaเราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร? >ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 >เกือบทุกวันนั้น >ไม่น่าเชื่อเลยว่าหนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงาน >เขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ >ในการวิเคราะห์บ่อยครั้งที่นิติภูมิ >มองการค้า การเมือง >สังคมไปพร้อมกันรวมทั้งประวัติศาสตร์เขามองอาเจนติน่า >ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง...เขาทำนาย >การเกิดสงครามอเมริกากับอิรัค >ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ ผมว่า >สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของ >คนไทยแทนที่ไปเดิน big-c, lotus, >careflour,เพราะผมบอกแม่บ้านและลูกๆว่า >เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน >ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไรเพราะเราไป >คาร์ฟูร เงิน 100 บาท ที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส >86บาทเหลือให้คนไทย14บาท >เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี >โลตัสเหมือนกัน >นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง >ผมตกใจมาก >และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้นเพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า >90 เปอร์เซ็นต์ >แล้วบางห้าง 86ปอร์เซ็นต์สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท >ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 >บาทก็ซื้อที่นี่เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทยกลับมาหาลูกเอง >ผมคิดแบบนี้จริงๆๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 >บาทมันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท >ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง >มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียวห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง >ทั่วประเทศ คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง >คาร์ฟูส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน >จึงไหลไปหมดในประเทศจึงไม่เหลืออะไรทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ >ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfcและพยายามทานให้ลดลง >และจำนวนหนต่อปีน้อยสุด ผมอธิบายวิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน >และลูกฟังหัดให้ลูกมาทานบัวลอย >ขนมชั้นข้าวเหนียวเปียกแทนถั่วดำข้าวเหนียว > >ดีครับได้ผล...ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย... เปลี่ยนไปได้มาก >พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้างลูกเดือยบ้าง >ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ >ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้า มา 3ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ >แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกันราคาต่างกันลิบเลย >ผมก็อธิบายคำว่า license (ค่าลิขสิทธิ) ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 >บาท > >ค่าไก่ 15บาทที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธไก่แม่ค้า >ที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ >ใบตองที่ห่อขนมไทยไม่มีลิขสิทธิ มันเป็นวัสดุธรรมชาติ >ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน >ขนมต่างชาติ ห่อสวยแพงเพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ เวลามันหล่นที่พื้น >ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน200 ปี >ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว >ปล.ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ >ยาวไปหน่อยแต่อยากให้อ่าน เพื่อที่ไทยเราจะได้อยู่รวมเป็นชาติไทยต่อไป >** เมื่อกี้ดูที่นี่ประเทศไทย >เปิดเพลงชาติให้ฟังไม่เคยฟังแล้วรู้สึกว่าอยากร้องไห้เท่าวันนี้เลยฟังแล้ว >เห็นภาพที่คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ >แต่อยากจะขออีกอย่างหนึ่งคือรักชาติหน่อยช่วยกันหน่อยครับ >ซื้อสินค้าไทย >เลิกได้แล้วกับการซื้อของแบรนเนมมันจะทำให้ชาติล่มจม >เป็นไงครับเสียเวลาในการอ่านสักหน่อย >แต่ก็พอจะรู้อะไรได้บ้าง >ขอบคุณครับ >
14 ตุลาคม 2548 11:10 น. - comment id 527170
บทกลอนไพเราะมากเลยครับ งดงามในทุกตัวอักษร และอ่อนละมุน
14 ตุลาคม 2548 11:34 น. - comment id 527180
ได้ยินมาว่าไม่สบายหายดียังคะพี่พุด รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
14 ตุลาคม 2548 12:17 น. - comment id 527197
.....เเวะมา เยี่ยมค่ะ พี่พุด ...... ไม่สบายเหรอคะ........ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ... ที่นี่ ฝนตกค่ะ...... ใกล้เทศกาล ชักพระเเข่งเรือ เเล้วนะคะ......มาเที่ยว ไหมคะ คิดถึงค่ะ
14 ตุลาคม 2548 12:29 น. - comment id 527203
หยาดน้ำทิพย์น้ำทองชโลมใจให้กับคนทั้งโลก งามจิตใจงามทั้งกาย ขอบคุณที่ให้ได้รู้จัก ขอบคุณที่ได้รับการทักทาย ขอบคุณคำแนะนำที่มีค่ามากหลาย ขอบคุณมิเสื่อมคลายจากน้ำใจมิตรไตรี
14 ตุลาคม 2548 13:12 น. - comment id 527225
^J^ ....อ่านแล้ว อิจฉา มวลหมู่ไม้ วิหกไพร ที่ขับขาน ประสานเสียง ทะเลใจ พงันงาม ยามอยู่เคียง แม้ได้เพียง อ่านกวี ที่รจนา.....ฯ
14 ตุลาคม 2548 13:34 น. - comment id 527232
สวัสดีค่ะ พี่พุดสุดรัก มาส่งความคิดถึง ให้พี่พุด และมารับความสดใส ในบ้านพี่พุด รักษาสุขภาพนะค่ะ คิดถึงคะ
14 ตุลาคม 2548 16:20 น. - comment id 527301
สวัสดีค่ะ....พี่พุด มาชื่นชมงานงาม....หยาดน้ำทิพย์น้ำทองค่ะ............
14 ตุลาคม 2548 16:24 น. - comment id 527306
มาอ่านและแอบมาร้องเพลงเก่าๆที่ไพเพราะจากพี่พุดจ้าาาาา
14 ตุลาคม 2548 17:05 น. - comment id 527328
ชอบชื่อปริมที่สุด เหมือนคนรู้จัก สวัสดีครับคุณพุด อ่านเพลินเลยครับ
14 ตุลาคม 2548 17:53 น. - comment id 527340
ร้อยบุปผาและหนึ่งในร้อย..เป็นเพลงที่พี่ดอกแก้วชอบมากค่ะน้องพุด.. มาอ่านภาษารักภาษากวีภาษาดีดีงามๆ..และรับสัมผัสความปรารถนาดีจากใจสวยๆดวงนั้นด้วย
14 ตุลาคม 2548 18:19 น. - comment id 527354
เป็นบทกวีที่เป็นกำลังใจได้เป็นอย่างดี ในการที่จะประสานสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และยังแถมเรื่องก้าวไกลครอบจักรวาลมาฝากด้วย สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือความไม่แน่นอนครับ