http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song197.html สาวนา.. กำลังฟังบทเพลงนี้ ที่... อ้ายทิ้งไว้ให้ก่อนลาไกล...ไปรับใช้ชาติอีกคราแล้ว ด้วย...หยาดน้ำตาแห่งความคิดถึง http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song206.html อันเป็นดวงใจ ทูล ทองใจ ฉันมีเธอนั้นอันเป็นดวงใจ โอ้เป็นความรักยิ่งใหญ่ เหมือนดาวรักใคร่ฟากฟ้า เหมือน ดังแสงสุริยา สาดแสงส่องพื้นภพหล้า ลงมาจูบทานตะวัน เห็นใจเถิดฉันนั้นยังดำรง เทิดทูนความรักสูงส่ง ซื่อตรงไม่เปลี่ยนแปรผัน หวัง ใจได้คู่เคียงกัน ตราบนิรันดร์มั่นหมายสวาท เป็นทาสความรักเสมอ อันเป็นดวงใจมานานแรมปี เป็นราชินี แห่งใจฉันนี้คือเธอ ทุกๆ ค่ำเช้าเฝ้าละเมอ จิตใจพร่ำแต่เพ้อว่า รัก รักเธอรักจริง ฉันรักเธอเหมือนดังดวงชีวา ไม่เคยจะคิดเลยว่า สัญญาแล้วจะทอดทิ้ง เห็น ใจฉันบ้างยอดหญิง มอบหัวใจให้แล้วทุกสิ่ง ด้วยความสัตย์จริงเสมอ แด่เธอ ผู้เป็น ดวงใจ... ........... และ.. ยิ่งแสนโศกสะเทือนใจ เมื่อ.. ก่อนเดินทางไกล... อ้ายได้รับข่าวร้าย ว่า.. เพื่อนทหารพรานห้านาย..ได้มาพรากลา ลงอีกคราครั้งแล้ว *วีรบุรุษผู้ได้พลีชีพอย่างหาญกล้า*เพื่อผืนดินแม่มาตุภูมิ 1..ทพ.ณรงค์ นพพักตร์ 2.. ทพ.การันต์ ยวนแดง 3. .ทพ. สมรลักษณ์ นิติสัย 4. .ทพ.นที เขื่องแก้ว 5. ทพ.วายุ พัฒน์ฉิม และ.. บาดเจ็บอีก 1 นาย ชื่อ ทพ.เอนก ชุมบาล ที่แผ่นดินไทย..และผองชนคนไท ได้จารึกไว้ด้วยดวงใจแห่งความเทิดทูนคารวะ วีรชนผู้กล้า ผู้ได้ปะทะกับกองโจรก่อการร้าย ให้ธงไตรรงค์คลุมร่างอย่างสมชายชาตินักรบ..! อ้าย...นั่งเหม่อลอย..มองฟ้าไกลอย่างไร้จุดหมาย ถอนหายใจยาว..หากไม่เคยปริปากบ่น ถึง.. ทุกข์ยากลำเค็ญ กับชีวิตอันแสนเข็ญที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย ที่ต้องจากบ้านนาลาเมียขวัญเมียแก้วอีกแล้ว.. อ้าย...เพียงกระซิบสั่ง ให้สาวนานั้นต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอแพ้พ่าย.. เมื่อได้เกิดมามีผัวเป็นชายชาติทหาร จงได้ภาคภูมิใจ และ ให้เตรียมใจไว้ให้พร้อม.. ให้น้อมนึกถึงคำมรณาณุสติ ที่...ทุกชีวี.. ต้องมาพบพรากจากลากันเป็นธรรมดาๆ.. แต่.. จะด้วยเวลาไหนและด้วยในหน้าที่ใดก็ตามที หาก.. ต้องตายลงเพราะได้ทำหน้าที่ ปกป้องปักษ์พิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย ก็จงอย่าได้เสียใจ .. ไม่ต้องร้องไห้..คร่ำครวญอาลัยอาวรณ์ ให้.. ใจดวงสะออนอรชรของสาวนา ได้เพียรเข้มแข็งและรับรู้ว่า.. อ้ายมีความสุขและยินดีพลีชีวิต ทุกหยดหยาดเลือด และ.. ทั้งร่างและจิตวิญญาณ..ได้ทอดสถิต ได้หลับสนิท..ในเงื้อมเงาแห่งพื้นพสุธาไทย ใต้ร่มรัตนตรัย ร่มไตรรงค์ ใต้ร่มเศวตรฉัตร อันพิพัฒน์เรืองรองมาอย่างยาวนาน ให้ลูกหลานเหลนโหลนไทย..ภายภาคหน้าได้ภาคภูมิใจ ได้มีผืนแผ่นดินไทผืนดินทอง..ไว้ให้คงได้หยัดยืนอย่างทรนง จงอย่าถวิลเทวษ.. จงทำหน้าที่เมียหทาร ที่... ผ่านสมรภูมิเกียรติยศ..ให้อย่างสมศักดิ์ศรี มิให้อ้ายนี้ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะ.. คนเรานั้นเกิดมาก็ตายแค่หนเดียว เสี้ยวชีวิตนิดน้อย อยู่ที่เราจะเลือกใช้ลมหายใจให้คุ้มค่าแค่ไหน จะเพียงแค่เพื่อตัวเองและครอบครัวกระนั้นหรือ ฤา.. จะให้โลกลือ ว่าช่างสมค่าคน ที่ได้เกิดมา ให้พอเรียกได้ว่า..*เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐสุด*..ได้อย่างมิอายฟ้าดิน สาวนา..กอดคอ..เจ้าสายน้ำอย่างแสนรัก แทนใจดวงภักดี ที่ยังมี..อ้ายคนดี..ทอดทับในหอมห้วงหัวใจทั้งควายคน สาวนาจำคืนสุดท้ายได้ คืนที่อ้าย.. เปิดบทเพลงแห่งความรักภักดี พลีให้สาวนาฟัง จน... สาวนาต้องละหลั่งรินน้ำตาสะอื้นไห้.. ภายในในอ้อมกอดอ้ายอย่างแสนจงรัก.... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song202.html เสียงดุเหว่าแว่ว ทูล ทองใจ เสียงดุเหว่าแว่วมาเหมือนเตือนให้ สอง เรา ผวา จาก กัน ค่อน คืน ตื่น ฝัน เราเกี่ยวแขนกัน เที่ยวในแดนฟ้า พบวิมานเทวา ผ่านดาราน้อยใหญ่ปราสาทสีทองงามผ่องอำไพ โอ้เพลินใจในแดนสวรรค์ กอดกัน กระซิบกระแซะกัน ชวนชมนั่นดาว ระยิบระยับตา เพลินอยู่จนเสียงดุเหว่าแว่วมา เป็นสัญญาให้เราจากกัน อิงแอบ แนบ ปลอบใจ เสียงสะอื้น ยังจำได้ ร่ำอยู่จนใกล้ สว่าง ฟ้าสางแล้วเรา ต้องพรากจากกัน เสียง ดุเหว่า แว่วร้อง อยู่ กระตู้วู้ เมื่อครู่ เลือน หาย แสนเสียดาย สุดจะหมาย กลับ คืน. ............... ยามนี้... สาวนา... นอนเดียวดายริมลอมฟางลำพัง มีเพียงหัวใจดวงระริบหรี่ แม้นจัก.. มีแสงกระจ่างพร่างพราว จากมณีเดือนมณีดาวมาเคล้าคลอ มากระพริบพ้อล้อพราย หว่านสายแสนหวานตรงหน้า สาวนา..น้ำตาซึม เมื่อคิดถึง.. อ้อมกอดรัดรึงในคืนอำลา ก่อนอุษาฟ้าสว่าง.. ในท่ามดาวประกายพฤกษ์ กับ เรียวไผ่ในไรแสงรุบหรู่ไหวระบัดซัดส่าย ราว.. กำลังร่ายมนต์ช่วยปลอบประโลม สายน้ำ..ในลำประโดง..เงียบงัน! คืนที่..สิ้นไร้แสงจันทร์.. มีเพียงเงาเมฆหม่น... ทั้งในใจคนทั้งสองและคลองฟ้า ที่ณ..บัดนี้ สายพระพิรุณกำลังร่ำไห้สั่งลา..*ค่ำคืนแห่งรักนิรันดร์* คืนที่อ้าย..วอนขออ้อนรักรำพันจนรุ่งสาง ในท่ามน้ำตาของสาวนา เปียกอกรดระริน.. ด้วยแรงรักแรงรัดร้อยมิรู้สิ้นสายสวาทเสน่หา ดั่งสร้อยโซ่ปรารถนา ... ที่รู้ซึ้งค่า.. ถึงวันคืนแห่ง..*การอำลา*จากกัน อันคืบคลานมาอย่างมินานช้า ใกล้เข้ามา ใกล้เข้า มา... ที่รอเวลาให้หัวใจทั้งคู่นับถอยหลัง .............. ................. อ้ายพรมจูบละเมียด เนิบนาน ลาสาวนาริมกระท่อมอย่างถนอมนวล.. ดวงดอกไม้รายล้อม..ราวพร้อมพลีเลิกผลิบาน มีเพียงรานเหงา จูบแล้วจูบเล่าเฝ้าวนรอย และ.. ก่อนจะถอย...เดินลาจาก ไปอย่างช้าช้า... ไม่...หันหลังมา..มองดูร่างของสาวนา..อีกเลย...! ที่ณ..บัดนั้น พลัน... ทรุดร่างลงกับพื้น...พลางร่ำไห้ อย่างสิ้นไร้หวังใด.. ในชีวาชีวิตอันนิดหนึ่งน้อยนี้แล้ว ลมหายใจ.สาวนา..เริ่ม..ขาดห้วง.. ก่อนที่..ราวกับ จะได้ยินเสียงอ้าย..ก้องกังวานมาจากปวงป่าฟ้ากว้าง และ.. กับสายลมที่กำลังพร่างรินมาโอบกอด *เป็นเมียทหารไทย ต้องใจสู้ต้องรู้เข้มแข็งกลืนกล้ำ รู้คำอดทน รู้ค่าคำเกียรติศักดิ์รักแห่งตน ที่แสนยิ่งใหญ่ จง...เชิดหน้าภาคภูมิใจนะคนดีนะดวงใจ.. ที่ชีพอ้ายนี้... ได้พลีเพื่อพสุธาทองแผ่นดินแม่ขอเงราทั้งคู่แล้ว...!!!! ................... .............................. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song197.html จูบมัดจำ ทูล ทองใจ ต่าง วิงวอน อ้อนรัก พรอดพร่ำ รัก แสน หวานฉ่ำ พี่จูบมัดจำ ตลอดทั้งคืน กอดนวลไว้ แนบกายฝังใจระรื่น ไออกอุ่นหนุนรักชื่น พี่กอดขวัญยืน มิจางห่างน้อง จะ มีใครที่ไหนกันเล่า สวยงามเกินเจ้า พี่เฝ้าเล้าโลม โฉมนิ่มเนื้อทอง สุดจะสรรค์ เนินถันเจ้างามขาวผ่อง ดังหนึ่งพิมพ์ ยามยิ้มมอง สวาทรักปอง น้องนางนั่งชม จวนแจ้ง แล้ว หนา เดือนตกจะลับตา นกกาต่างกู่ หาคู่ภิรมย์ นกกู่ พี่กอดเจ้าไว้มิให้ระทม สองเราต่างเฝ้าเชยชม จนสิ้นแสงโดมแห่งจันทร์ พี่ ต้องลาก่อนฟ้าสว่าง น้องนวลแนบนาง เฝ้าจูบสองปราง เพื่อฝากสัมพันธ์ แต่คืนนี้ พี่ไปอย่าได้ไหวหวั่น คืนใหม่เราค่อยพบกัน เพื่อสร้างวิมานฉิมพลีที่คอย...
9 ตุลาคม 2548 12:05 น. - comment id 525285
คนมีเป้าหมายแห่งชีวิต มีความมุ่งหมายเพื่อภารกิจของชาติและประชาชน ความตายย่อมหนักกว่าขุนเขา................. แวะอ่านครับ......
9 ตุลาคม 2548 15:31 น. - comment id 525318
แวะมาอ่านผลงานของพี่พุดสาวบ้านนา แสนเศร้าอีกแล้วกับการลาไกลเพื่อรับใช้ชาติสาวบ้านนาเป็นแรงใจให้อ้ายเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินบ้านเกิดของเราและลูกหลาน สู้ตายค่ะขอเป็นสาวบ้านนาด้วยคนอิอิ