ณ. ปลายขอบม่านฟ้าเงาสลัว ไหวสั่นระริกรัวเหน็บหนาว. แสงสีทองส่องขอบฟ้าวับวาว นอกสั่นหนาวแต่ภายใน..ผ่าวร้อน * * ครุ่นคิดหวั่นใจในพันผูก สองเราร่วมปลูกสร้างเติมฝัน มาวันนี้มอดดับลงกลางคัน ปิดเขตแบ่งคั่น กั้นหว่างใจ * * หนักหน่วงล้นเหลือ..อกเอ๋ย ใยเจ้าทรามเชย ห่างหาย ปล่อยข้าฯ..รวดร้าวทุรนทุราย ฟูมฟายความหลังเก่า..เฝ้าปลอบโยน ************************************************* ในความรู้สึกที่..หนักอึ้งอบวนอยู่ในภวังค์แห่งความคิด ถ่ายเท..ปลดปล่อย อย่างน้อยพอได้ระบัดระบาย..บ้าง ปลายภู
13 มกราคม 2548 16:19 น. - comment id 405259
อีกวัน.. ที่ความทรมาน กัดกร่อน ไม่รู้สิ..นะ ก็ความรู้สึกนี้มันก่อเกิดขึ้น มาจริง..จริง.
13 มกราคม 2548 16:56 น. - comment id 405273
เข้าใจความรู้สึกนะคะ
13 มกราคม 2548 16:57 น. - comment id 405274
ระบายออกมาเถิดเพื่อนเอย
13 มกราคม 2548 17:39 น. - comment id 405317
....ในใจน้องห้องนี้มิแปรผัน แค่กลัววันเวลายามห่างเหิร พี่เป็นคนน่ารักมากเหลือเกิน กลัวพี่เมินรักมากไปใจแผ่วเบา... น้องค่อย ๆ เว้นวรรคความรักนี้ ให้พี่มีเวลาได้บรรเทา ให้รักเราค่อยค่อยมิเร่งเร้า ตัวน้องเจ้ามิได้คิดไกลห่างเลย... บางเวลาพันธะภาระมาก พี่ลำบากน้องก็กลัวนักพี่เอย กลัวพี่จะไม่สบายเพราะทรามเชย จึงอดใจเฉยเฉยให้ผ่อนคลาย... ถ้าหากน้องผ่อนมากไปก็ขอโทษ หากพี่นี้ขึ้งโกรธและวางวาย น้องคงมิข้องขัดแม้ใจสลาย เพราะให้อายไม่กล้ากวนพี่นักเอย... ...คิดถึงมากแต่ต้อองอดทนไว้เพื่อให้ต้นรักนั้นยืดยาวนาน...
13 มกราคม 2548 18:59 น. - comment id 405397
ชอบบทแรกจังค่ะ
14 มกราคม 2548 09:58 น. - comment id 405813
เมื่อฟ้าสลัว... ก้อ...กลัวใจตัว จะร้าวราน..