url http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=480 (คำมั่นสัญญา) ต่อจากภาคแรกค่ะ http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_63890.php ลอมบอค บาหลี ที่รัก! ********************** บาหลีคลี่ยิ้มแบบตลกในใจ ทั้งแปลกใจทั้งประหลาดใจ ทั้ง งุนงง ราวฝันไป และ ยิ่งตลกกันเข้าไปใหญ่ เมื่อเธอนั้นต้องหันหน้ามาทำหน้าที่บอกทาง ส่วนเขานั้นเล่าราวบทบันทึกที่แสนจะน่าจับใจจดจำ ศึกษาภูมิประเทศและประวัติศาสตร์มาอย่างช่ำชอง อย่างมากมายของเกาะแห่งนี้ไว้ ที่ราวกับ นักเดินทางผู้มากล้นประสบการณ์ ผ่านมาบอกเล่าให้บาหลีได้พลอยรับรู้ ทั้งคู่ค่อยๆแบ่งหน้าที่กัน บาหลีคอยบอกทางให้เขาขับช้าๆ ในขณะที่เขาก็คอยเล่าถึงประวัติอันแสนงดงาม ยาวนานของเกาะแห่งนี้..ด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน *เกาะแห่งนี้ราวเกาะบาหลี ย้อนหลังไปราวห้าสิบปี ค่าที่ยังมียังเหลือร่องรอยธรรมชาติ ความสงบงามกว่าอยู่มาก และสภาพภูมิอากาศจะแตกต่างกัน ทางตอนเหนือนั้น ยังอดุมสมบูรณ์คล้ายคลึงกับป่าทางซีกโลกตะวันตก ส่วนทางใต้นั้นจะร้อนชื้นแห้งแล้งคล้ายป่าทางเอเชีย นักท่องเที่ยวจึงพิศวงหลงใหล ในมนต์เสน่ห์นี้ ที่ดูราวกับจะมีธรรมชาติผสานผสม ให้มาทั้งสองแบบ ทั้งแบบป่าตะวันตก ที่เขียวขจี มีทุ่งนาผืนใหญ่ มีโตรกธาร ลำน้ำสวยใส ไหลผ่านบึงกว้าง ผ่านท่ามกลางป่าทึบรกเขียวสะพรั่งไพร และ พลันในพริบตา ก็อาจจะกลายเป็นภาพป่าเอเชียที่ร้อนแล้ง เต็มไปด้วยต้นไม้แห้ง แคระแกรนโกร๋นในทุ่งโล่งแลละลิบ กับ ความรกร้างราวเมืองทะเลทราย ที่มีเพียงเนินหินระเกะระกะ กระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ และ ลอมบอคนั้น ราวกับสวรรค์ราวกับบาหลีในสมัยอดีต ที่ยังไม่มีมนุษย์มากมายมากมี ที่พร้อมพลีกันมาทายทัก ให้พากันมาพักใจมาเสพย์งาม จนเป็นที่รู้จัก จนกระทั่งดังกระฉ่อนไปทั่วโลก ว่างามกว่างาม ราวสวรรค์สรวงราวโลกสามสวรรค์เยือน และ ความหมายของคำว่าบาหลี ที่แปลว่าได้ความว่าแข็งแกร่งดั่งภูผาหิน ราวกับกำลังหยัดยืนท้าทายสายลมแรง รับแรงกระแทกจากโลกอารยะ ด้วยศิลปะ ชีวิต วัฒนธรรม แรงศรัทธา ความเป็นอยู่ มีสาวงามทัดดอกลั่นทม พร่ายพรมร่ายมนตราระบำบารอง มีนาข้าวขั้นบันไดเขียวขจี มีผ้าบาติก..หน้ากากไม้ มีทิวเขาทะเลสาบน้ำตก มีป่าไพรยังรกนะกลางหุบเขากลางเกาะ และที่สำคัญ ประเพณี อันแสนงดงามล้ำค่ากว่าที่ใด.. และสำหรับลอมบาค.. แม้นจะไม่ห่างไกลมากจากบาหลี หากทว่าช่างมีความแตกต่างอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เช่นจากสัตว์ที่อาศัยและจากพืชนานาพรรณ ในป่าดงดิบ ที่มีนักธรรมชาติวิทยา *ท่านเซอร์ อัลเฟรด วอลเลซ*นักสำรวจชื่อดัง ได้ตั้งชื่อเส้นทางแห่งการแบ่งกั้นนี้ว่า*เส้นวอลเลซ* ซึ่งเป็นเส้นที่แบ่งว่าบาหลีนั้นอยู่ในทวีปเอเชีย ในขณะที่เกาะลอมบอค คือจุดเริ่มต้นของอาณาจักรออสเตรเลเชีย และ สิ่งที่ทำให้นักผจญภัยผู้พิชิต ต่างพากันมายังนะเกาะแห่งนี้ ก็เพราะมีสิ่งที่ตั้งตระหง่าน เหนือศูนย์กลางของเกาะลอมบอคคือ ปากปล่องภูเขาไฟรินยานี(Mount Rinjani) ที่เป็นยอดเขาที่สูงอันดับต้นๆของอินโดนีเซีย ที่ช่างงามท้าทายนัก บาหลี...ฟังเพลิน ราวกับฟ้างามกำลังเผยม่าน ให้ได้สัมผัสละมุนหอมให้ซึ้งในคุณค่าของ วิมานกลางผืนหล้า แดนดินกลางมหาสมุทรอันงดงาม ท่ามกลางวิวทะเลงามสีสวยราวไหมมรกต ท่ามกลางความซาบซึ้งดื่มด่ำ กับธรรมชาติชายหาดที่ทรายยังขาวละเอียด ช่างน่ายินดีนัก ในขณะที่เขาเล่าไปพร้อมกับแนะนำตัวเองไป ผม..ทำงานเกี่ยวกับการวิจัยพืชครับ และทำให้ผมสนใจที่จะศึกษาพันธุ์ไม้ทุกชนิด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในแถบนี้ *ประเทศอินโดนีเซีย* ที่มีภูมิประเทศทั้งสองแบบในประเทศเดียวกัน และ ผม..ยังไม่ได้แต่งงานครับ ชีวิตสงสัยมัวทุ่มเทกับงาน และผมมีแนวความคิด ที่ผุดเองมาตั้งแต่วัยหนุ่มแล้ว ว่าความรักคือความทุกข์ ไม่อยากเวียนว่ายในความทุกข์นี้ ผม..จึงน้อมนำใจใฝ่เพียรไปทางสายปฎิบัติธรรมครับ น้อมนำพุทธบารมีมาเป็นรัตนกลางดวงใจ มาน้อมนำจิตผมให้กระจ่างให้รู้รำงับดับวาง เพื่อรอพบว่างอันจักเป็นรักนิรันดร์ คุณอาจจะแปลกใจ ที่คนหนุ่มอนาคตไกล ยอมทิ้งความรักแบบครอบครัว หากทว่าผมกลับมีความสุขดี กับชีวิตแบบนี้ที่ผมเลือกครับ บาหลี..ทึ่งและงงงันอีกแล้ว ในชีวิตเธอนั้น..มักได้ประสพพบเจอ คนที่มักมีความคิดแผกผิดพิเศษพิสุทธิ์เสมอมา ราวกับว่าเธอนั้นมีสัมผัสที่หก หรือมีดวงตาที่สามราวมีฌาณหยั่งรู้ และคนไหนที่ไม่ใช่ ฟ้าดินก็มักมีอันดลให้ต้องพลัดพรากจากกันไป ตามกาลตามกรรม.. ............. บทสนทนายุติลง เมื่อมาถึงหมู่บ้าน ที่ลดหลั่นกันไปตามเชิงเขารินยานี ที่ราวภาพวาด กระจัดกระจายตัวลงมา อย่างเงียบงามสงบสุข เขาและเธอลงไปเดินดูงานเซรามิกที่ราคาถูกแสนถูก ดูการวาดภาพที่แสนงดงามในผ้าบาติก เธอได้ตะกร้าสานลายสวยฝืมือละเอียด ไว้ทำเป็นเป็นประเป๋าสะพายใบใหญ่ เขาได้ไม้แกะสลักประดับบ้านฝืมือช่างพื้นถิ่น ที่ตั้งใจจินต์ค่อยๆแกะออกมาเป็นหน้าเทพเจ้า และ เมื่อมาถึงตลาดปลาตันยุง ลูอาร์ ริมฝั่งอันแสนคึกคัก ก็ทำให้ได้บรรยากาศแสนงามอีกแบบหนึ่ง ที่เห็นชาวประมงยังคงคอยลากอวนขึ้นมาจากทะเล และ จากถนนสายตะวันตกจากกูต้า กับยามที่ตะวันใกล้ค่ำแล้ว เขาขับรถตามแผนที่ ที่เธอบอกทางมาจนถึงยัง *หาดมาวูน* อันแสนงดงาม มีดงปาล์มเรียงขนานชายฝั่งทะเลที่ไร้ผู้คนพลุกพล่าน มีเพียงเด็กออกมานั่งเล่นบนกองทรายกัน ทุกสิ่งยังดูไร้ร้าง ไม่มีโรงแรม ร้านอาหารใดใด ให้มาบดบังความงามสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติ ทันที่รถจอดเหนือชายหาด ที่มีทรายเนื้อนวลละเอียดงามราวแป้ง และ กำลังสะท้อนแสงเปล่งปลั่งระยิบระยับราวทองคำ รับพรายแดดสีทองในยามเย็น ที่งามเกินรำพันรำพึงนั้น และมีแหลมหินที่ยื่นออกไป เกิดเป็นภาพที่น่าหลงใหล ชวนพิศวงดั่งต้องมนต์สะกด เขามองเธอ..นิ่งนาน ในสายแสงตะวัน ที่กำลังสาดส่องย้อนแสงมาตกต้องร่าง ให้งามมลังเมลืองราวกันนางในฝัน ให้ผมสีอำพันดูสว่างโพลง สะท้อนพร่าง..พราวงามเกินคำรำพันรำพึง เธอ..ผู้มีดวงตาเศร้าซึ้งแสนหวาน ที่ดูดีมีบุคคลิกแสนเชื่อมั่น ในขณะที่เขาสังเกตว่า เธอมีความลึกล้ำลึกทางจิตวิญญาณ ยามพาทียามเจรจาที่ช่างแสนน่ารักนัก ค่าที่ไม่มีอัตตาพาให้ใครใครรำคาญ แม้นเธอจะยังดูมีความเป็นตัวของตัวเองสูง หากทว่าบางครั้งก็นิ่งงันเงียบราวลืมโลกภายนอก ยามที่เธอต้องการแยกตัวเอง ออกจากโลกแห่งความจริงชั่วคราว ราวตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ฝัน.. เขาแอบมองเธอแอบชื่นชม และยิ่งรู้สึกดื่มด่ำวาบไหวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เขายังจดจำได้ถึงบทกวีบางบท ที่มักกล่าวถึงความรักงดงามรักแรกพบว่า บางครั้ง ไม่จำเป็นต้องอาศัยเวลาระยะทาง หากเป็น..ลิขิตพรหม.. ถึงเวลา.. ฟ้าดินเบื้องบน ก็จะส่งเขาและเธอให้มาพ้องพานพบกัน ให้มาประสานต้องจิตต้องใจกัน ราวรู้สึกรัดร้อยผูกพันกันมายาวยืนแต่ปางก่อนภพก่อน ซึ่งผิดกับคนที่ทนฝืนใช้ชีวิตร่วมกัน เพียงเพื่อชดใช้วิบากกรรม ที่วันเวลามิเคยทำให้ได้รู้ค่าและได้รับความซึ้งใจ นอกจากรอเวลาแห่งชีวิตให้ผันผ่านไป หากยังรู้ทำใจอดทนเพียงนั้น เขา..ถอนหายใจช้าๆ เฝ้าคอยให้เธอเปิดใจรับอิ่มงาม เธอพาตัวเองไปทรุดตัวนั่งเหนือเนินทราย ในขณะที่เขาเดินเดียวดาย ใกล้ๆไม่ไกลห่าง..ราวผู้พิทักษ์ ค่ำแล้ว..พระอาทิตย์ดวงโต ค่อยๆโรยตัวลงเรี่ยเคลียผืนน้ำ ทิ้งเพียงความอ้างว้าง หากทว่ายังอาลัยอาวรณ์ ฝากแสงงามราวทองคำทาบทา แทนคำอำลาอ้อนอาบฉาบฉ่ำไปทั่วทั้งผืนน้ำทะเล ธรรมชาติงาม ฟ้างาม ใจงาม ทะเลงามและผู้หญิงงาม จะหาไหนใดเล่ามาเทียม มาตรแม้นจะเดียวดายร้างไร้ ราวอยู่ปลายโลกร้างก็ตามที เธอ..ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ และนะบัดนี้ นวลเนื้อผ่องผุดราวอาบทองทา ร่างงามกลมกลึงงามจับตากลายสี ราวประกายเพชรพร่าง งามระยิบไปทั่งทั้งร่างทั้งตัว เธอชวนเขากลับไปที่พัก.. และนัดกันดินเนอร์งามง่าย ใต้แสงเทียนในค่ำคืนนี้ ในโรงแรมที่แสนสงบเงียบ อย่างธรรมธาตินะกลางหาดสวย ที่ถูกออกแบบให้ซ่อนตัวกลมกลืน ผสมผสานไปกับทัศนียภาพ โดยใช้สถาปัตยกรรมท้องถิ่นมาบันดาลใจ ที่น่าจะได้รับแรงใจแรงฝัน จาก*ลุมบุง*หรือยุ้งข้าวหลังคามุงจาก ของชาวบ้านข้างเคียง.. ****** ก่อนอาหารมื้อค่ำ กับ ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเขา พร้อมกันกับที่ทางโรงแรมเตือนว่า คืนนี้อาจจะมีพายุฝน.. เขา..คว้าแจ๊กเก๊ตขึ้นมาสวมใส่ และตั้งใจจะออกไปเดินเล่น ตามชายหาดรอเวลาตามลำพัง ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี จากนาทีสักครู่ที่ผ่านมา ที่หวานแสนหวาน ปานประหนึ่งสวรรค์ลอย ราวสายรุ้งระเรื่อเจือสายแสงสีทองอันอ่อนอุ่น กลายกลับเป็นสีเทานกพิลาป หมองหม่น ให้กมลพลอยโศกซึม หากมิพึงระลึกรู้รำงับดับทุกข์ใจ มิให้เศร้าใจไปตามฟ้าฝน ฝูงนกพากันผกโผผินบินหนี ราวกับรู้ว่าต้องหาที่หนีหลบภัย ซ่อนซุกตัวจากโพยภัยจากพายุฝนและลมแรง ก่อนที่เขาพลันจะหันตัวกลับ ในเรียวตาเหลียวไปเห็น ร่างๆหนึ่งนอนเงียบงามในเนินผาหิน ที่ไม่สูงนักอยู่ในระดับสายตาเขาพอดี ในเงาฝนเงาฝันที่ใกล้ๆกำลังจะระร่ำริน เธอนอนเอนกายสยายผม หลับตาพริ้มทอดทิ้งร่างใจราวกับนางไม้นางไพร ไม่ขยับเขยื้อนไหวราวลืมโลกภายนอก..ไม่ไยดี ด้วยความห่วงใย ด้วยดวงใจอ่อนโยน เขาจึงค่อยๆหันหลังกลับๆไปยืนเคียงใกล้ พร้อมกับกระชิบปลุกเธอด้วยเสียงอ่อนโยนเบาๆ *คุณครับ..พายุ..กำลังจะมา..* เธอ..คนนั้นค่อยๆลืมตา และ ในพรายแสงงามจากสว่างวาบ ของสายฟ้าที่เริ่มคำรามแลบ ทำให้ทั้งเขาและเธอต่างพากันหัวเราะเก้อ *อ้าวคุณ..นี่เอง ตามฉันมาหรือคะ หรือว่าบังเอิญ..* *ไม่ครับ ผมเพียงอยากมาเดินเล่น เห็นเนินหินแถวนี้งามดี คิดว่าจะมานอนเล่นเหมือนคุณนั่นแหละครับ เขาหัวเราะ แต่คุณไวกว่า และพอดีพายุมา.. กลับกันเถอะครับ เดี๋ยวเราทั้งคู่ต้องเปียกมะล่อกมะแล่กอย่างแน่นอน* เขาหัวเราะ เพราะทันทีที่พูดจบ สายฝนก็เริ่มพร่างสายพรายพลิ้ว พร้อมกับลมแรงจนหนาวเยือก *อ้าวมาเลย ยังไม่ทันขาดคำ* เขารีบกุลีกุจอถอดแจ๊กเก๊ต มาบังร่างเธอ ที่นะบัดนี้ จำต้องเอียงเคียงไหล่เข้าไป แทบซุกในอ้อมอกอ้อมกอดเขา ด้วยแรงลมพายุ..แรงรัก ที่กำลังหวานฉ่ำรอเวลาละหลั่งรินหยาด หัวใจสองดวงต่างเต้นตึกตักๆราวกับรัวกลอง โอ้ฟ้าดินหนอฟ้าดิน หากหยั่งรู้จิตมนุษย์ภายในได้ คงเฝ้าหัวเราะตลกด้วยความเมตตา เพราะทั้งเขาและเธอต่างคิดแบบตลกไม่ออก เหมือนๆกัน กับความรู้สึกลึกล้ำนี้กับฉากแสนหวานนี้ ที่*ไม่เอาพระเจ้าก็แจกราวให้ลองรัก*..ไฉนนะนั้นเลย เป็นความพันผูกอบอุ่นอ่อนโยน ที่ลีลาวสันต์พร่างมาทันเหตุการณ์ มาปันแบ่งมาปันหอมราวอยากหลอมละลาย ให้ทั้งสองนวลเนื้อใจ ของผู้พิสุทธิ์ใสแสนดีได้มาร้อยรัดกัน ในวันที่พอเหมาะพอควรราวจับวาง ราวสวรรค์เจตนาฟ้าดินร่วมรับรู้เมตตามาเป็นใจ มาเติมต่อจุดใจให้พบไสวพร่างในทางสรรสร้าง มิใช่เพียงหวังรสรักแลกเปลี่ยน เพราะสำหรับบาหลี..ผู้มีชีวีงาม ผู้เพียรบูชาความรัก และผู้เป็นที่รักราวพระเจ้า เธอ..เฝ้าทำดีเฝ้าให้น้ำใจรัก หากทว่า..สิ่งที่ได้กลับมาคือความเลวร้าย ที่ทำให้ให้หัวใจเธอมีบาดแผลและ หมดหวังและหมดศรัทธาในรักอีกต่อไป ไม่เคยแม้จะคิดแสวงหา เพราะว่าเตือนตนมานานนักกับคำรักคือทุกข์ ดั่งคำสอนของพระพุทธองค์ ที่เธอเพียรนำมาพร่ำบ่มห่มหอมใจ ให้มิไหวหวั่นกับรักนี้อีก ที่เธอทราบว่า ก็คือการวกวนว่ายเวียนให้รับวิบากกรรมย้ำรอย หากทว่าเธอเคยคิด หากฟ้าดินจะสั่งตรงคนดีมาให้เธอ พร้อมพลีจิตบูชาอีกสักคราครั้ง เธอหวังให้ดวงตาภายใน จงนำทางใจให้เธอและเขา ได้มาพบมารักกัน แบบกัลยาณมิตรทางธรรม ให้มาน้อมนำ ความดีความรักแบบหอมงาม หอมหวานจนเกินกว่าใครจะหยั่งรู้ แบบคู่ใจคู่ธรรมคู่ทองพากันโอบประคอง ลอยล่องเหนือทะเลโลกย์โศกสุขนี้ ให้มีพลังใจทำสิ่งดี มีแต่พลีน้ำใจงามดั่งหยาดน้ำค้าง มาพร่างพรมห่มรินให้แก่กันและกัน ประดุจดั่งสายธาราใจไม่มีวันแห้งหายสลายลา ตราบชั่วฟ้าดินสิ้นกี่ภพชาติ ใช่พิสวาทเพียงเนื้อหนังอันไร้จีรังยั่งยืน เพื่อเป็นพลังสรรสร้างสิ่งดี คืนกลับให้โลกนี้ก่อนที่ชีวีจะล่วงพ้นบ่วงกรรม ให้พบทางแห่งความงามอันว่างเปล่าเป็นนิรันดร์รัก ตราบจนกว่าร่างจะแหลกจะลับลาลงสู่พื้นพสุธารัก ............................... และ ในท่ามกลางคืนฝันวันลมฝนปนพายุ ที่ผ่านไปในราวสองสัปดาห์ ให้เธอและเขาได้ใช้เวลาร่วมกันได้ศึกษาใจกัน ได้ตักตวงเกี่ยวเก็บประสบการณ์ทั้งจากสถานที่ มากมายภายในเกาะนี้ ไปเล่นกระดานโต้คลื่น ไป ดำน้ำตื้น ดูปะการัง ไปดูการใช้ชีวิตอย่างไม่เร่งรีบ ไปดูภูเขาไฟรินยานีที่งามและหยุดพิโรธแล้ว ดูนักผจญภัยปีนขึ้นไป ที่ต้องเใช้เวลาราวสามวัน ไปเที่ยวน้ำตกเซินดัง ยีเล่ ทางฝั่งตอนเหนือ ดูแมกไม้นานาพันธุ์สัมผัสกับละอองน้ำอันฉ่ำเย็น ดูเนินเขาแห้งแล้งราวลูกคลื่นสลับ กับทิวทัศน์เส้นทางฝัน อันงามคดเคี้ยวบรรเจิดใจ ยามเอนไหล่พิงกันชมยามพระอาทิตย์ดวงสีไพล กำลังจะลาลับฟ้า เหนือเนินผาหินอันระเกะระกะกระจัดกระจายราวภาพวาด ดูกระท่อมหลังคามุงจาก ใน*ซาเดเมืองทางตอนใต้ของเกาะ* ดูสุเหร่าเก่าแก่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ดูหมู่เกาะราวไข่มุกที่ซุกอยู่ท่ามกลางท้องทะเลไหมมรกต แล้วไหนยังนั่งอิงกันดูเรือหาปลากลับคืนฝั่ง ยามค่ำคืน นั่งดูโคมไฟถูกจุดขึ้นด้วยฝือนางฟ้าทีละดวงๆ จนพราวพร่างไปทั่วทั้งผืนฟ้าระยิบระยับ ไปนอนเคียงผาพากันนับดาว คอยเฝ้าดูทะเลยามค่ำ ฟังเสียงคลื่นกระซิบ และสายลมที่พัดพากลิ่นหอมของดอกราตรี เบื้องหน้ามีดวงไฟเล็กๆหลายดวง ดุจประทีปลอยอยู่ริมขอบฟ้า ดูงามวิถีชีวิตของชาวประมงเริ่มต้นขึ้น ได้ยินเสียงกังสดาล ที่แขวนลงมาจากชายคา ส่งเสียงกังวานแว่วหวาน ราว เสียงกระซิบของหญิงสาวคนรัก ยามที่พรานทะล พาดวงไฟจากพรายท้ายเรือลาล่วง ห่างจากฝั่งจากผืนดินไปทีละนิดๆ ไปนั่งเชยชิดชมคลื่นคลอทราย แล้วให้เขาร้องเพลงนี้ให้ฟังด้วยเสียงทุ้มนุ่มหวาน ทรายกับทะเล *จะเหนื่อยเพียงไหน จะทุกข์เพียงใด โปรดรู้ตรงนี้ยังมีฉันอยู่ พร้อมจะดูแลหัวใจ หากมรสุม จะทำให้เธอเหน็บหนาวใจ พายุจะแรงแค่ไหน จะคอยอยู่ข้างเคียงเธอ * หากมีวันไหน ที่เธอไปไกลจากฉัน ในหัวใจไม่เคยหวั่น และจะคอยเธอย้อนมา ก็ใจมันรู้คลื่นลมจะคอยพัดพา คอยชัดทะเลเข้าหาหาดทรายแห่งนี้ดังเดิม *คือผืนทรายที่โอบทะเลไว้ จะวันใดมั่นคงเหมือนดังที่เป็น อยู่เคียงข้างเธอไป ใจไม่ไหวเอน และยังคงชัดเจนอย่างนั้น หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน จะมีเพียงฉัน รักเธอตราบนานเท่านาน มีรักในใจผสาน ดังทรายอยู่คู่ทะเล ******* ให้เขาเห่บทกวีเจ้าฟ้ากุ้ง ซึ่งซึ้งหรือไม่ซึ้งก็ตรึงใจจนน้ำตาริน เอนอิงกันซึ้งใจ ในลีลาการแสดง ศิลปะอันศักดิสิทธิ์ของชาวซายัคและชาวบาหลี ในคืนฝันวันพระจันทร์เต็มดวง ให้หอมห้วงฝันอิ่มเอมราวสวรรค์ลอย ให้เขาเล่าถึงความหลังในเมืองหนาว ยามพรากลาไปไกลบ้าน ให้เขาเล่าถึงประสบการณ์แห่งชีวิต ที่เลือกลิขิตเดินไปในร่มธรรม แทนที่จะนำพาชีวิตไปว่ายวนในวงกรรมกาม ฟังเขาฝากถ้อย ร้อยรสบทพระธรรม อันพึงเพียรนำมาน้อมใจให้ไหวปิติ ให้คิดดีคิดได้ให้คิดเพียรภาวนา ฟังความรู้สึกเหว่ว้าของดวงใจ ยามที่ยังไหวไม่ทันมิรู้ดับทัน ฟังความหวามหวานหวั่นในรสรัก ที่จักต้องรู้หักใจ ประคองใจ รู้สร้างกระจ่างใส ฟัง ความงามความดี ความมีสติระลึกรู้ดีชั่ว เพื่อพาตนให้พ้นหมองมัวแบบโอบเอื้ออ่อนโยน และ ฉากสุดท้าย ฉากร่ำลา.. กับทุกคำ พูดให้รู้รักษาจิตรักษาร่าง ที่ต่างพร่างรินร่ำ ราวแทนทุกล้ำลึกความรู้สึก ที่ต่างก็นึกแล้ว ให้แสนภาคภูมิใจในกันและกัน ที่สวรรค์ได้สรรส่งคนพิเศษพิสุทธิ์มา ให้รู้คุณรู้ค่าคำรัก..ภักดิ์พลีจิต และให้มีชีวิตรู้รักเย็นรักเป็นอย่าง หนักแน่นมั่นคงมิหลงร่าง ยอมห่างให้งาม..อย่างไม่ยึดมั่นถื่อมั่น หรือตามกันคอยหึงหวง มีแต่จะชวนกันประคองใจให้ไหวทันเท่า ในทุกสรรพสิ่งที่วิ่งมากระทบในโลกนี้หากยังมีชีวา และ ฉากลาที่เขาทิ้งท้ายไว้ให้จดจำ จำจดดั่งคำสอนมรณานุสติ ราวกับว่าเขาจักรู้ว่าเวลามนุษย์เรานี้ช่างแสนสั้นนัก ราวกับว่า เขาจะหยั่งรู้ค่าเวลาแห่งชีวาชีวิต ที่ฟ้าดลสวรรค์ลิขิต ให้มาได้พบกันรักกันและเข้าใจ อย่างมิอาจจะสามารถพรรณณา ถึงที่มาที่ไปและในเหตุผลนี้ เขาคนดี..เพียงบอกสั้นๆซึ้งๆ ฝากให้คำนึงนาน ว่าคือคู่รักชั่วกาลกัปป์กัลป์ แต่ปางหลังแต่ปางก่อน ที่ฟ้านั้นประทานพรให้มา และ กับคำลาสุดท้าย..ทิ้งไว้ให้บาหลีระทมนัก หากนัดแล้วเขาไม่ไปตามที่นัด หลังจากกลับสู่ชีวิตชาวเมือง ก็ให้รับรู้ว่า... คือ กายและลมปราณของเขาได้แตกดับไปแล้ว ณ ภพนี้ เมื่อวันนั้นมาถึง เขาไม่ปรารถนาให้บาหลีเสียใจ เพราะความพลัดพราก หรือ มรณา เป็นสิ่งที่ สรรพชีวิตไม่อาจฝืนลิขิตได้ ให้บาหลีพลีจิตฝึกใจไว้ให้พร้อม ยอมรับความเศร้าดายเดียวให้ได้ อย่าได้โศกครวญโศกรานนานเกินไป ...................................... และ กับวันนี้..นาทีนี้ ที่ลีลาวสันต์ปีศาจวสันต์ กำลังโปรยสายพรายพร่าง ลงบนร่างร้าวของบาหลี ที่นั่งรอเขามานานนับชั่วโมง ในสวนขวัญสวรรค์ลา.. ท่ามกลาง ดวงดอกลั่นทมเหว่ว้ากำลังค่อยๆปลิดปลิวๆๆ ดวงดอกไม้แห่งคำมั่นสัญญาปาริชาติ... ที่เขาบอกว่าจะพาเธอไปพบในสรวง กับน้ำตาที่กำลังรินร่วงพร่างพรูมิขาดสาย ราวสายฝนสายฝันสวรรค์ลา ราวฟ้าดินกำลังรับรู้คำกระซิบเศร้า..จากใครบางคนนะเบื้องบน..! *น้องรู้ไว้นะครับว่า พี่จากแต่กาย ใจพี่ไม่ได้จากไปไหน จิตไม่มีวันแตกดับ หรือ สลาย จิตพี่จะอยู่ดูแลน้องของพี เบื้องบนและรอน้องของพี่... วันหนึ่งเราจะได้พบกัน เป็นการพบกันครั้งที่สองในอีกภพภูมิหนึ่ง บุญทุกอย่าง บารมีที่พี่บำเพ็ญ พี่ฝากกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้กับน้อง ให้จดจำน้องของพี่ ให้ ติดตัวน้องของพี่ไปทุกๆชาติ และ คุ้มครองน้องของพี่ให้มีความสุข ทั้งหมดคือ ความในใจ คือคำมั่นสัญญา คือความรู้สึกที่มีอยู่ในใจของพี่คนนี้ครับ * ......... *********** http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=480 คำมั่นสัญญา พิ้งค์ แพนเตอร์ : : Key F ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป...
20 ตุลาคม 2547 16:46 น. - comment id 354553
สวย ทัง รูป และ กลอน รักพุด จ๋า
20 ตุลาคม 2547 17:03 น. - comment id 354563
มาอ่านของพี่พุดแระครับ...........
20 ตุลาคม 2547 18:20 น. - comment id 354610
โอ้ แม่เจ้า
20 ตุลาคม 2547 19:34 น. - comment id 354652
ละอองไอฝนผ่านเหมือนม่านขาว บางเบาราวแพรพลิ้วปลิวไสว ดินชุ่มโชกฝนชำแรกแทรกต้นใบ จนพืชพันธุ์เขียวไสวไปทั่วกัน ต้องละอองฟองฝนที่หล่นพลิ้ว หัวใจฉันปลิดปลิวไปตามขวัญ เธอปลุกปลอบหัวใจให้ฝ่าฟัน ทั้งแต่งแต้มแซมฝันอันงดงาม เธอเป็นหยดหยาดน้ำแห่งความรัก มาทายทักหัวใจจนไหวหวาม ดุจฝนพรำชื่นฉ่ำใจไปทุกยาม เธอคือคำนิยามแห่งความรัก จิ๊จิ๊ สวรรค์ลามาหาเมกแน่ ๆ เลยครับพี่ เย้ ๆๆๆ สวรรค์ช่างสวยงามแท้ มีความสุขมากเลยครับพี่ เอ๊ะ..มันจะอยู่กับเรานานมั้ยนะ +-*-+-*-+ +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+-*-+
20 ตุลาคม 2547 19:39 น. - comment id 354657
เรื่องจริงที่อิงนิยายหรือเปล่าค่ะ
20 ตุลาคม 2547 20:56 น. - comment id 354704
สวย ทัง รูป และ กลอน รักพุด จ๋า จาก : รหัสสมาชิก : 9584 - ดาหลา & ปะการัง ขอบคุณค่ะดาหลาดอกงามวันงามคืน ด้วยซึ้งใจค่ะ พุด.. ***************** มาอ่านของพี่พุดแระครับ........... จาก : ผลิใบสู่วัยกล้า ( ไม่ได้ล๊อกอิน) รหัส - วัน เวลา : 361551 - 20 ต.ค. 47 - 17:03 ************ ผลิใบอ่านให้จบนะคะ พี่พุดเพียรรจนามากเลยค่ะคนดี ด้วยรักและซึ้งใจ พี่พุด ............ โอ้ แม่เจ้า จาก : คุณชาย สะ หนิม เลิฟ ตกใจมีสองแบบค่ะหวังด้วยรัก ขอบคุณนะคะที่ยังเข้ามาเยี่ยมถึงเรือนรักของพุด นะคะ ลองอ่านเรื่องยาวๆแค่นี้ให้จบนะคะ พุด.. ************ เมกกะ เป็นแฟนพันธุ์แท้พี่พุดอีกหนึ่งเลยค่ะ ซาบซึ้งใจค่ะ แม้นจะมาให้กำลังใจไปคนละทางนะคะ พอกันกับชัยชนะเลย ให้นางเอกไปบาหลีอ่านไงนี่งง บอกไปลอมบอคค่ะเกาะลอมบอค คนละเกาะกัน ด้วยรัก พี่พุด ***************** ********** เรื่องจริงที่อิงนิยายหรือเปล่าค่ะ จาก : รหัสสมาชิก : 4205 - ใจปลายทาง รหัส - วัน เวลา : 361648 - 20 ต.ค. 47 - 19:39 ******* น้องอ้อม ดีใจมากที่กลับมานะคะ พี่พุด ตั้งใจตอบคำถามน้องมากค่ะคนดี ว่าเรื่อง นี้.. เรื่องจริงอิงนิยายใช่ไหม ตอบค่ะ..ว่าใช่ค่ะ แต่หากทราบเรื่องจริง น้องอาจจะตกใจยิ่งกว่านี้ เพราะจะงดงามกว่านี้มากนักค่ะ พี่พุดน้ำตารินรจนาเรื่องนี้ ด้วยเสียใจสะเทือนใจ ที่จำต้องเลือกจบให้พระเอกเป็นแบบนี้ ที่จำต้องให้พระเอกพรากลาแบบนี้ เพราะคนเรานั้นอย่างไรก็หนีไม่พ้น เพื่อหวังจะรจนาฝากมรณาณุสติ เพื่อเตือนสติเตือนจิตเตือนใจ และ หากท่านผู้อ่าน อยากให้พระเอก ยังมีชีวิตอยู่ก็น่าจะได้นะคะ ให้เขาหายไป แบบลืมคำมั่นสัญญาก็..ได้ค่ะ อันนี้เป็นเรื่องให้จินตนาการ อันนี้เรามิอาจคาดเดาอะไรได้ค่ะ เพราะนะนาทีนี้นางเอกถูกสอนให้ จิตรับรู้เพียงปัจจุบันค่ะ กับการรอคอยที่เธอยังคง หลงยึดถือคำมั่นสัญญา ซึ่งอาจจะน่าสงสารนางเอก หรือน่าอิจฉา ก็ย่อมขึ้นอยู่กับพระเอกค่ะ ว่าเขาจะรักษาคำมั่นสัญญาจริงหรือไม่ สำหรับนางเอกคนดีใจซื่อ จะเชื่อเขา มั่นใจ เพราะ เป็นมหัศจรรย์รัก ปาฎิหารย์รัก ที่หายากยิ่งนัก ที่คู่แท้คู่ใจคู่ธรรม สองชีวิต จะได้ถูกฟ้าดินลิขิต ให้ได้มาพบกัน รักกัน และแถมคู่ควรกัน ในหลายประการค่ะ ที่ระหว่างจิตสองจิตนั้น ย่อมรับรู้สื่อถึงกันได้ค่ะ ไม่มีวันที่ใคร จะมาทำให้หมองมัวใด้ หากยึดมั่นความดีที่ยิ่งกว่าดี พลีจิตเพียรสร้างกุศลค่ะ เหมือนที่พระเอกให้คำมั่นสัญญาไว้ และรักนี้จะเป็นรักนิรันดร์ ระหว่างคนสองคน ที่ยากยิ่งหาคำมารำพึงรำพันอธิบายค่ะ เพราะ นางเอกเชื่อเรื่องนี้เสมอมา และไม่เคยไขว่คว้ารักแบบเอาร่างแลก เธอ.. เข้าใจคำว่ารักอย่างลึกซึ้งนัก และเฉกเช่นเดียวกันกับพระเอกค่ะ ที่จะรักเป็นรักเย็นรักให้ค่ะ รักที่เหนือความคาดหวังเรียกร้องต้องการ เรียกว่ารักแบบหนือโลกย์ คงน่าจะได้ค่ะ มีแต่พลังจิตใสสุขเกษม ก็ตอบได้แค่นี้นะคะ ให้รับทราบเพียงว่า ว่าเรื่องบางเรื่องลี้ลับ จนในชีวิตนี้อาจจะยิ่งกว่า การคาดเดา หรืองดงามแสนดี ยิ่งกว่านวนิยายค่ะ ด้วยรักล้นใจ
20 ตุลาคม 2547 21:19 น. - comment id 354715
ความในใจของพุดค่ะ จริงๆมีคนถามว่า งานพี่พุดนั้นเรียกว่าอะไร ขอตอบนะคะ ไม่มีคำจำกัดความค่ะ เป็นลีลาลิขิต จากใจพี่พุด ที่เป็นไปเองโดยความรักค่ะ โดยอัตโนรักค่ะมิใช่อัตโนมัต พี่พุด ไม่เคยกางตำราวิธีการเขียน เพราะคิดได้ ก็รจนางานออกมาเพียวเลยค่ะ เพราะทำด้วยใจรัก เป็นศิลปรักจากจิตภายในพี่พุดเอง และ ไม่ได้หวังอะไรค่ะ เพียงขอกำลังใจเล็กๆ จากน้องๆพี่พี่ นะลานจันทร์ฝันพลีฝันฟรี ณ..ร่มรักเรือนไทยเรือนใจ เรือนทองแห่งน้องพี่ ที่พี่พุดสถิตมานานเนา และ พยายามขนานนาม ให้พวกเราทุกดวงใจ ได้มารวมรักสามัคคีกัน แม้นจะเป็นเพียง กระวีกระวาดนักอยากจะเขียน แค่นั้นก็ตามที ก็ดีกว่า.. ไม่รักการเขียนการอ่านเอาเสียเลย ฉะนั้นแบบฉบับงานพี่พุด จึงเป็นพันธุ์สายใหม่ค่ะ ที่แสนจะเป็นตัวของตัวเอง และ จะกระซิบว่า ที่ต้องรจนาแนวนี้นั้น เพราะ 1..ถนัด 2..หากเป็นเรื่องสั้นจริงๆ จะยาวย้วยกว่านี้ แค่นี้ ยังจะแย่แล้วค่ะ เพราะน้องๆบ่นมาว่าทำไมยาวจัง เลยงง เหมือนกันค่ะ เพราะชีวิตพี่พุด กว่าจะรจนาได้อย่างนี้นั้น ต้องผ่านการเป็นนักอ่าน รักการอ่านมามากมาย อ่านจนบ้านทั้งหลังนับหนังสือ ได้ไม่รู้กี่พันเล่มแล้วค่ะ อ่านได้สารพัดเลย ธรรม ธรรมชาติดอกไม้ งานแปล งานรางวัล อ่านหนังสือปรัชญา อ่าน..ๆๆๆๆ และ จะยังคงอ่านๆๆเขียนๆๆไปอย่างนี้แหละค่ะ จริงๆเรื่องของพี่พุด หากเอาไปเพิ่มเติมรายละเอียด จะได้เป็นนวนิยายเล่มโตเลยนะคะ หากทว่าเวทีนี้บังคับให้ พี่พุดต้องรีบรวบรัดค่ะ (นี้ขนาดรวบรัดนะคะอิอิ) น้องๆยังบ่นอุบ คือจริงๆ ต้องให้พระเอกไปทำอะไรๆ หวาดเสียวแปลกๆพิสดารบ้าง สร้างฉากมาให้ได้ประทับใจ แต่ก็ดูสิคะ พระเอกพี่พุดรักธรรมะรักพืชพรรณ จะให้ทรมาน ไปปืนเขาสามวันสามคืน ก็หีดหอบตายเสียก่อนค่ะ ขนาดฉากรักยังไม่ให้ นางเอกยั่วยวนเลยค่ะ เพราะว่ารักกันแบบพรหมห่มหอมค่ะ ไม่ใช่กามกรรมห่มร่างค่ะนะคะ และ หากพี่พุดตั้งใจจะเอาดีให้ได้ นั้นแหละค่ะค่อยคิดนานๆหน่อย ในโลกนี้ ไม่มีนักรจนาคนไหน ผลิตงานยาวย้วย มาได้ห้าร้อยในปีเดียวดอกค่ะทุกคนดีอิอิ ก็จงพลีใจรักพี่พุดนะคะ ที่เพียรพยายาม เขียนมาให้อ่าน หรือคลิ๊กผ่านก็ดีใจแล้วละค่ะ นะคะ ด้วยรักล้นใจ ขอความเข้าใจน้ำใจล้นทรวง จากดวงใจน้องๆพี่พี่ๆเพื่อนๆนะคะ
20 ตุลาคม 2547 23:23 น. - comment id 354804
เดี๋ยวนี้ธรรมชาติดี ๆ หายไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังดีที่ไม่หมดเสียทีเดียว คิดถึงเสมอนะค่ะ
20 ตุลาคม 2547 23:48 น. - comment id 354825
ว้า.. เกาะกูด..ผูกรัก... ของ...ภูตะวัน... คงจะกร่อยไปเลย.. เจอฉาก.. ของเกาะบาหลี... และแม่สาว..บาหลี... มาอ่านอีกตอนแล้ว.... แวะมาคิดถึงจ้า..พุด.. ขออนุญาติไปนอนแล้ว.. พรุ่งนี้จาได้ตื่นใส่บาตรทัน... ฝันดีจ้าพุด.. รักเสมอ..ทุกถ้อยงาน...ที่เรียงร้อย..มาให้อ่าน
21 ตุลาคม 2547 05:40 น. - comment id 354927
ทึ่งในความสามารถของพุด เขียนในโลกดินแดนศิวิไลได้โดยไม่สะดุด เขียนเรื่องราวย้อนยุคได้ไม่ติดขัด ที่ว่ายาวหรือสั้น สำคัญที่ว่าเวลาในอินเตอร์เนตมีเยอะหรือเปล่า ของผมมีเวลาค่อนข้างเยอะ แต่ก็มีที่ไปตอบให้เยอะเหมือนกัน เพราะว่าบ้านหลังนี้เล่นแบบโพลสกลอนตกหน้าแรกทุกวัน ถ้ามาช้าอยู่ที่ใดที่หนึ่ง กลัวที่อื่นเขาจะใจน้อย เพราะถ้าได้เข้ามาแล้ว ต้องพยายามไปให้ครบครับ
21 ตุลาคม 2547 09:11 น. - comment id 355001
จูบหัวใจ! พุดพัดชา นั่งนิ่งเงียบเหม่อมองฟ้า เอามือซ้ายขวา วางไว้ ใกล้ใจขวัญ ส่งความสุข ความรัก ไปในนั้น เพราะทุกวัน หัวใจเต้น ไม่หยุด ด้วยรักเรา.. ส่งความรัก ให้หัวใจ ตัวเองก่อน แล้วค่อยอ้อน ไขว่คว้ารัก คลายความเหงา จูบหัวใจ ละมุน เพียงเบาเบา หัวใจเรา รักเราจริง ใช่ใจใคร.. สำรวจดู ข้างใน ใจยังสวยอยู่ละหรือ หรือดึงดื้อเกลียดใครจนหวั่นไหว กระซิบบอกจงเมตตาและอภัย ให้เข้าใจ..ให้ความดี..แก่คนที่ผ่านผ่านมา ...... แล้วหัวใจ ดวงน้อยจะสงบ จะค้นพบ ความงาม ที่ตรงหน้า จะเรียนรู้ รักโลก รักผู้คน ไม่เหว่ว้า รู้คุณค่า เงียบงาม ในใจดวงนี้ ที่จักสถิตกลางใจ ไปนานเนา.....
21 ตุลาคม 2547 09:21 น. - comment id 355006
ปีกฟ้าติดปีกฝัน(ขวัญ)! ปีกฟ้าติดปีกฝันให้เหินบินสู่ฟ้ากว้าง โลกอ้างว้าง กลับหวานไหว ในใจขวัญ นกอิสสระ มากมาย ได้รักกัน(ได้พบกัน) เวทีฝัน เวทีไทย ใจทุกดวง.. เมฆนวลพราว หวานสวย ช่วยกลอมเห่ เลิกร่อนเร่ แรมร้าง ทางสับสน หยิบดาวดวง บนห้วงหาว ประดับตน รินกมล ราวหยาดน้ำค้าง ลงกลางใจ... รักทุกคนนะคนดีเวทีนี้ รักมากมีรักมากมายอย่าหวั่นไหว โลกใบเล็กมาทายทักพักพิงใจ ถึงตัวไกล ใจใกล้กัน.ทุกวันคืน..... ซ่อนสุขเศร้าวางไว้ใกล้ใกล้หมอน ถึงยามนอน คิดถึงเธอ แล้วหลับฝัน น้ำตาซึม ซึ้งซาบใจ กันและกัน มีโลกฝัน วันแสนดี ที่ฝากใจ....... อยากแอบอ้อน อ่อนหวาน จากใจเศร้า ทุกค่ำเช้า มีโลกน้อย ให้หวามไหว มีทุกคน มีเธอแสนรัก ซุกใกล้ใจ มีน้ำใจ ที่แบ่งปัน ให้ฝัน ให้คว้าไขว่ ..หยิบดาวดวงร่วงสู่ใจและสู่มือ งานที่เคยให้พลังใจ ที่มากมายนักค่ะ *********** บางครั้ง ฉันคิดเอาเอง..ว่านอกจากจะมีหัวใจ รักเจ้าดวงดอกไม้ไทย ที่เป็นดั่งรักนิรันดร์ไปแล้ว ถ้าจะให้เลือก เป็นอีกสักแบบสักดอก ก็ขอเป็นเฉกเช่นดังดอกหญ้า ไร้กลิ่น . มีอิสระเสรี ที่จะเลือกถวิลบานชูช่อล้อลมไกว ในทุ่งกว้าง กับฟ้าคราม เมฆขาว กับเงียบงามกลางใจพสุธา ในราวไพร แม้จะสิ้นไร้ใครเด็ดดมเด็ดดอม.. ก็ขอยอมเพื่อเคียงฝันเคียงธรรมชาติอย่างเสรี ที่จะฝันไกล มีเส้นไหมไยรักถักทอทอด ให้ล้อฝันจนตราบถึงวันสุดท้ายแห่งชีวี..ที่แสนสั้นยิ่งนักแล้ว แล้วในยามนี้..ที่รอนรอนสนธยา กับฟ้ากว้างสีเงินงามเข้มเบื้องบนระเบียง.... ฉันจะทอดตัวนอนหลับตานิ่งนาน ทิ้งเรื่องราวรานร้าวทุกสิ่งที่ผ่านมา ให้ผ่านไป หลอมละลายใจและร่างเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง..รายรอบ.. เงี่ยหูฟัง..เสียงนกกา บินกลับรัง จ้อกแจ้กจอแจ.... เหมือนดั่งดวงใจฉันพะว้าพะวังอยากคืนกลับหลังถิ่นทะเลกว้าง.... ไปนอนอ้างว้างดายเดียวรอตะวันตกดิน..ตราบชีวินจะสิ้นเป็นนิรันดร์!
21 ตุลาคม 2547 09:23 น. - comment id 355008
ฝากไว้ในงานรัถยา และมาฝากไว้แทนคำซึ้งใจค่ะ พุดประทับใจบทกวีนี้มากค่ะ ราวถอดใจพุดออกมาเลยค่ะ และงามใจมาก ราวรจนาแทนทุกดวงใจ เราน้องพี่นะคะ ที่พุดเองก็รู้สึกผูกพันล้ำลึก กับเรือนไทยเรือนทอง หลังนี้แห่งนี้เช่นเฉกกันค่ะ เป็นเรือนหลังเล็กรึมบึงบัว ที่สะพรั่งพราว ไปด้วยดวงดอกไม้ หลากสีสันนานาพรรณค่ะ มีทั้งดวงดอกไม้สวรรค์ ดวงดอกไม้ไทย ดวงดอกไม้ไสวสดชื่นให้รื่นฉ่ำ ทุกกลิ่นสี.. มีหัวใจดวงงามดวงดี ที่เรามาคล้องใจมารัดร้อยใจ มาพันผูกกัน ในลานจันทร์ฝันพลีแห่งนี้นะคะ พุด.. รักและภูมิใจกับสิ่งรักที่ทำค่ะ พุดรักศิลปะทุกอย่าง งามโบราณทุกสิ่งทุกวัฒนธรรม ที่จะน้อมนำดวงใจ ให้ยิ่งสวยใสกระจ่างงาม ยิ่งทำให้รักความเป็นไทย ให้น้ำในนวลเนื้อนวลใจ ยังหวามไหวหอมงามละมุน รัถยา พระเบื้องบนเมตตา ประทานพรมาให้เรา ผู้มีดวงตาภายใน ผู้มีจิตภายในกระจ่างพราว ราวมีแก้วดวงวิเศษ ที่รอกระจายพรายพร่างรัศมี ที่แสนชุ่มเย็น ราวละอองน้ำค้างแก้วน้ำค้างเพชร แพรวพร่างให้สายสายหยาดเย็น ลงรินรดทุกดวงใจ ที่ยังเร่าร้อนในฤดีกรรม ฤดีกามวิบากกรรม ให้ได้พบทางสว่างรู้ว่างวาง ให้ได้พบหวานหวังพลังใจ ที่จะดำรงร่างสถิตสร้าง ความหอมงามความดี เพื่อพลีให้โลกนี้เย็นตาม ให้มีสมองมีสองมือนี้ ที่สามารถพรายพรม รจนาอักษราภาษาฝัน ดั่งที่พุดเคยเพียรกระซิบให้น้ำใจ แด่ทุกดวงใจเสมอมาค่ะ อย่าคิดว่า จะเสียเวลา กับทุกสิ่ง หากเรารักจริงตั้งใจพยายาม งานทุกงามย่อมมีค่ามีความหมาย เพราะเราได้ต่อสาร ปานปันแบ่งให้ ให้น้องๆทุกดวงใจรักษ์ภาษาๆไทย หันมาสนใจการรจนาการอ่าน ซึ่งคือรากฐานสำคัญ สำหรับชีวิตจิตวิญญาณบ้านภายใน ของคนในชาติที่จะคิดดีคิดได้คิดเป็น และ พุดยังมีความในใจมากมายค่ะ เคยฝากไว้จะหามาฝาก ไว้ประดับใจทุกดวงด้วยนะคะทุกคนดี
21 ตุลาคม 2547 09:43 น. - comment id 355019
ฝากในงาน *เธอจะรู้ไหม* ของน้องเพราะรักค่ะ ******** พี่พุดนะคะ มา เพราะรักค่ะ เพราะรักและเพราะรักค่ะ งานทุกงานหากใช้ใจดวงงามรจนา จะงามนัก เพราะรัก เพราะรัก และ เพราะนักค่ะ พี่พุด.. ขอยืมงานงาม ที่แสนโดนใจประทับใจ ซาบซึ้งใจบทนี้ ฝากส่งไปทางเมล์ฟ้านะคะ ถึงคนไกล ที่พุดแสนรักเอยแสนรักใกมลค่ะ อยากร้องไห้คะนาทีนี้ เพระรัก เพราะรัก และ ด้วยรักล้นใจพี่พุดแล้วค่ะคนดีน้องน้อย
21 ตุลาคม 2547 10:15 น. - comment id 355039
ฝากไว้ในงานน้องหลักไม้เลื้อย เจ็บลึกๆค่ะ ********* พี่พุดค่ะ มาปลอบประโลมใจน้องน้อย ด้วยบทเพลงนี้ ที่พี่พุดรักและชอบร้องประจำนะคะ และ พีพุดรักนามปากกาน้องมากๆค่ะ หวัง น้องจะพบหลักอันหนักแน่นมั่นคง แห่งรักให้น้องคนดีพักใจได้พลีใจได้ เลื้อยพันฝันฝากร่างใจ ไปตราบนานเนานิรันดณร์นะคะ แต่ หากคิดตัดรักได้..จะพ้นทุกทุกข์รักเลยค่ะ ฝากอ่านงานพี่พุดนะคะ ที่มีทั้งธรรม ธรรมชาติ และ ฝากให้กราบกราน ขอหยาดน้ำค้างพร่างใสแห่งพระเมตตา จากพระบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย ได้ช่วยปกป้องคุ้มผองภัย ให้น้องๆทุกดวงใจ ไม่ต้องไหวระทมนะคะ ********* ฟังเพลงนะคะ http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=77 หลักไม้เลื้อย จิตติมา เจือใจ : : Key Dm เพราะเธอเหมือนหลัก ไม้ตั้งตรงนั่น ไม้เลื้อยอย่างฉัน ได้พันอาศัย ขาดเธอเหมือนขาด หลักชีวิตไป ก้าวเดินทางใด ขาดความมั่นใจ แน่นอน เพราะเธอเหมือนสร้อย พระห้อย คอนั่น คุ้มครองป้องกัน ภูตภัยหลอกหลอน ขาดเธอหัวอก หวั่นไหวสั่นคลอน แม้ยามจะนอน ประสาทยังหลอนตัวเอง กลับ มา หาฉันเถิดนะคนดี มาปลอบชีวี ฉันให้หายวังเวง ฉันเหมือนพิณ ขึ้นสายรอเธอบรรเลง ดีดเป็นเพลง ฟังชื่น ฉ่ำอุรา ขอวอนเดือนเด่น และดาวลอยลิบ ช่วยเตือนกระซิบ ให้เธอกลับมา อยู่ชิดเคียงข้าง ดั่งคำสัญญา คิดถึงเจียนบ้า ปิ่มว่า จะขาดใจ ขอวอนเดือนเด่น และดาวลอยลิบ ช่วยเตือนกระซิบ ให้เธอกลับมา อยู่ชิดเคียงข้าง ดั่งคำสัญญา คิดถึงเจียนบ้า ปิ่มว่า จะขาดใจ ฮือฮือฮือ ฮือฮือฮือ ฮือ... ****** ที่พี่พุด คิดว่าคืนนี้ พี่พุดจะร้องฝากไปให้ใครบางคน *กลับ มา หาฉันเถิดนะคนดี มาปลอบชีวี ฉันให้หายวังเวง ฉันเหมือนพิณ ขึ้นสายรอเธอบรรเลง ดีดเป็นเพลง ฟังชื่น ฉ่ำอุรา ขอวอนเดือนเด่น และดาวลอยลิบ ช่วยเตือนกระซิบ ให้เธอกลับมา อยู่ชิดเคียงข้าง ดั่งคำสัญญา คิดถึงเจียนบ้า ปิ่มว่า จะขาดใจ ขอวอนเดือนเด่น และดาวลอยลิบ ช่วยเตือนกระซิบ ให้เธอกลับมา อยู่ชิดเคียงข้าง ดั่งคำสัญญา คิดถึงเจียนบ้า ปิ่มว่า จะขาดใจ ฮือฮือฮือ ฮือฮือฮือ*
21 ตุลาคม 2547 11:34 น. - comment id 355067
ธรรมชาติมันคงไม่หายไปถ้าเราไม่ทำลายมันค่ะ คิดถึงเสมอค่ะพี่พุดจ๋า
21 ตุลาคม 2547 15:36 น. - comment id 355284
555 ช่างละเมียดจริงๆ มานั่งฟังเพลงที่พุดร้องช่างแสนเสนาะจริงๆ เอ...เราคิดมากปล่าวหวา....น่าคิดหรอกนะ...อิอิ... แก้วประเสริฐ.