..มาอำลากล่าวบอกเพื่อนทุกท่าน ภากรนั้นขอหยุดหลบพักผ่อน คงไม่ได้พร่ำบรรยายในบทกลอน ยังอาวรณ์จำต้องจากร้างลาไป เสียงหัวใจตอนนี้มันอ่อนแผ่ว หมดแรงแล้วมิอาจสู้ต่อไหว หยุดสักพักเก็บแรงสร้างกำลังใจ นานเท่าไหร่บอกไม่ได้จะกลับมา จะคิดถึงเพื่อนพี่น้องทุกท่าน ผลงานนั้นขอฝากช่วยศึกษา ดีไม่ดีติบอกกล่าววาจา เหมือนต้นกล้ารากยึดไม่ติดดิน จรดปากกาขีดเขียนเพิ่งเริ่มหัด วจีคัดจากใจใฝ่ถวิล เหมือนนกน้อยล่องลอยหัดโผบิน ก้าวสู่ถิ่นฟ้ากว้างเพื่อเป็นครู ขอติดตามผลงานเพื่อนนักเขียน ที่พากเพียรสรรสร้างงานเลิศหรู กลั่นจากจิตจากใจน่าเชิดชู ศิษย์มีครูขอชื่นชมในผลงาน ...นามภากรความหมายคือแสงอาทิตย์ อาจแรงฤทธิ์น่าเกรงขามด้วยแสงจ้า คงมีบ้างอ่อนแรงบางเวลา เมฆเมธาบดบังดูครึ้มไป แต่ไม่นานคงกลับมาสว่าง ไม่เคยร้างห่างหายจากไปไหน ยังวนเวียนหมุนผ่านตามทางไป สัญญาไว้ภากรจะกลับมา
15 กันยายน 2547 14:26 น. - comment id 331914
ไปไหนอ่ะ... พูดงี้ใจหายเลยนะ ....รีบๆกลับมานะคะ.. T _____ T
15 กันยายน 2547 21:32 น. - comment id 332117
เคยมองเห็นเด่นแสงแดดแรงร้อน ใยหลบก่อนลับเมฆาพาให้หวั่น กลัวพายุดุร้ายกรายกล้ำนั้น แล้วฝนพลันพรูกระหน่ำหล่นซ้ำลง โอ้ภากรย้อนมองท้องฟ้าใหม่ ยามเปิดใสสว่างจ้าพาลุ่มหลง ทุกชีวิตลิขิตไว้ใจมั่นคง อยู่ยืนยงยืดไปได้นิรันดร์
15 กันยายน 2547 21:47 น. - comment id 332129
อย่าใจร้อนนอนหลับกับกลีบเมฆ ช่วยปลุกเสกสร้างสีขมีขมัน ส่องแสงทองรองเรืองเหลืองทั้งวัน เสมือนสรรค์แดนสวยด้วยแสงงาม หากภากรงอนเง้าเอาแต่หลบ เราคงพบผิดหวังตั้งคำถาม เหตุไฉนใยภากรอ่อนแรงลาม ทั่วเขตคามคงเหงาเศร้าสุดทน