URL http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420 .............. หวังบุรุษหนึ่งซึ้งกลางใจเทพีขวัญ ไม่หลงฝันหลงโลกย์วอนโศกสอน เดินตามรอยพระพุทธองค์ดั่งคำวอน มิผันย้อนลืมตนวนรอยกรรม.. เมื่อเนื้อใจไหวพร้อมจะน้อมรับ รู้รำงับดับจริงทิ้งรอยช้ำ หันหลังเดินทิ้งโลกย์โศกระกำ ตามแนวธรรมนำใจทองล่องธารทิพย์... เป็นธาราขวัญนิรันดร์รักอันงามเงียบ ใจเย็นเฉียบกายเย็นฉ่ำดั่งน้ำทิพย์ ได้ดื่มรินยอมทิ้งสิ้นสู่โลกทิพย์ ทิ้งชีวิตสับสนค้นพบใจ... อย่าเพียงเพียรหลอกโลกหยุดโศกสุข ให้รู้หยุดรู้วางทางหวั่นไหว ให้ทิ้งจริงทำจริงตามรอยไป สู่ร่มใจร่มธรรมนำวิญญาญ์... ชายผ้าเหลืองใช่ห่มเปลืองหนีพิษรัก อดีตภักดิ์เรื่องหนหลังยังโหยหา หากห่มใหม่ห่มใจว่างทุกเวลา เพียรค้นหาจริงแท้ใช่แพ้ใจ... หวังได้เห็นก่อนตายชายผ้าเหลือง ส่องรองเรืองพร่างนาข้าวพราวไสว ตามรอยบาทวาดหวังงามดวงใจ อุทิศใจอุทิศกายรับใช้บุญ... แม้นมิใช่นางสุชาดามาถวายข้าวมธุปายาส จะน้อมกราบด้วยใจงามดวงหอมกรุ่น ถวายดอกบัวงามแทนละมุน ข้าวใหม่กรุ่นโรยมะลิพลีบูชา... หวังสดับรับรสธรรมราวฉ่ำฝน ให้พรายพรมดับร้อนทุกหย่อมหญ้า เป็นสายน้ำนิรันดร์เคียงคู่ขวัญคู่พสุธา เป็นธาราธรรมธาราทองล่องสายใจ... ใช้แพธรรมแพทองล่องลงสู่ สายน้ำรู้สายน้ำรักสะอาดใส สู่ฝั่งฝันฝั่งนิพพานอยู่ไม่ไกล ฝึกธรรมใจเทียบท่าว่างห่างโลกย์วน..บัวพ้นน้ำ! ****************** http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_33904.php วิสาขะน้อมดวงใจให้ใสเย็น.. พระจันทร์ วันวิสาขะ บานเต็มดวง เหลืองทอง สุกปลั่ง ค่อยๆลอยเรี่ยทายทักฟ้างาม ในยามค่ำ อย่างอ่อนโยน นุ่มนวล..... แสงจันทร์งามละออ หวานปานสายน้ำผึ้ง ราวจะหยาดลงมาประโลมใจทุกๆคนบนผืนโลก ให้เยือกเย็น งดงาม หวานฉ่ำพอกันกับจันทรเจ้า.... แสงเทียน ในมือ เสียงธรรม ก้องสองหู จากเสียงสวดของพระสงฆ์...... ขณะ ก้าวเดินอย่างช้าๆ.... ไปรอบโบสถ์งาม...ตามกันไป ในเส้นทาง ของพระพุทธองค์ ผู้ทรงนำทาง ก่อนหน้า พาใจให้บานเบิก ราวบัวชูช่อรอรับ แสง อรุณรุ่ง...แห่งชีวิตนี้ที่ค่อยๆสว่างไสว... ไปกับตะวันเปล่งแสงเจิดจ้า จนกว่ายามสนธยา จะมาเยือน....และ จนกว่าแสงแห่งชีวีนี้ ที่จะเลือนหาย ไปกับสายลม ในยามค่ำ กลิ่นพิกุล หอมเศร้าเคล้าแสงเทียน วับแวม พิกุลร่วงพรูพราว รอคนรู้ค่า นำมาร้อยเป็นมาลัยหอมงาม ไว้ดอมดมชมชื่นใจ ประเพณีไทย ประเพณีงาม ในยามค่ำนี้ วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน วันที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ ถึง อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทางแห่งการหลุดพ้น จากการเวียนว่าย ในวัฏสงสาร ยาวนาน มิรู้สิ้น เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม น้อมนำใจ ให้ใสเย็น ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ได้พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม ค่ำ..เวียนเทียน นำดอกไม้ ธูปเทียน เป็นมาลัยแทนใจ แทนความดี ที่ศรัทธา น้อมพลีบูชา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า.. ผู้นำทาง สว่างไสว มาสู่ใจนี้ ที่ยังไม่มืดบอด.. อธิษฐานเพิ่ม เติมต่อ ขอให้สุขภาพดี มีคนดี ที่มีใจรักมั่นคง มาเคียงครอง คุ้มผองภัย หวังสิ่งใด ก็ขอให้สมหวัง ถ้าเป็นสิ่งดี ที่คิดปอง กลับบ้าน มานอนดูพระจันทร์ ด้วยฝันเห่กล่อม ในอ้อมแขนของดาวเดือนเพื่อนผู้รู้ใจ ให้ไม่ว้าเหว่.... นอนฟังเสียงลม เสียงจิ้งหรีดเรไร..ในความงามเงียบ แกล้มกลิ่นหวานเศร้า หอมร่ำรวยริน กลิ่นดอกลั่นทม จันทร์ดวงงาม ใจดวงดี ไม่มีอะไรสุขเท่า ขอเพียงคิดเป็น ให้ธรรมชาติร่มเย็น หยิบยื่น ขุมทรัพย์ล้ำค่ามาสู่สายใจ ในทุกวันเวลา ถ้าเพียงรู้คำว่า..เปิดใจ.. ฝากสายลมยามค่ำ ไปกอดเธอ ฝากมวลหมู่ดาว พราวพร่างฟ้า ยามราตรีนี้ กระซิบบอกว่า อย่าร้องไห้นะคนดี ที่คิดถึงฉัน ฝากแสงจันทร์ โลมไล้ ดวงใจให้ไม่สิ้นหวัง โลกและคืนวัน แสนดี ยังมีอีกยาวนานนัก.. และ ทุกสิ่งจัก..แพ้พ่ายใจ ดวงดีที่มั่นคง ไม่ว่าจะรอนานสักเท่าใด เพียงอย่าหวั่นไหว ในมหัศจรรย์รักนิรันดร์นี้ของสองเรานะคนดีนะดวงใจ!
13 พฤษภาคม 2547 12:58 น. - comment id 266881
สาธุกุศลจิต...กลอนงามมากนิ เขียนหลั่นไหล เย็นใจ ดั่งสายน้ำ สดใสยาม กุศลส่ง ชื่นชมหนา ขอกุศลผลบุญ นำพา สุขอุราตลอดกาลนาน สวัสดีนิ....สบายดีไหมนะ
13 พฤษภาคม 2547 13:06 น. - comment id 266888
รูปสวย กลอนเพราะจังเลยยยยยยยย
13 พฤษภาคม 2547 15:32 น. - comment id 266959
พรมธารายามอรุณด้วยกรุ่นกลิ่น อบผืนดินด้วยเกสรละอองป่า จากดื่นดึกลึกหลับกับดารา ภาวนาอยู่ท่ามกลางวิมานพฤกษ์ ณ ริมฝั่งสายธารนิมารรดี ดารณีสว่างสรวงจากห้วงดึก ร่วมบรรเลงมนต์ธรรมอันล้ำลึก ผลผลึกอภิญญาณ ณ ลานโพธิ์ เมื่ออาทิตย์อุทัยแรกแตกดอกวับ พร้อมบทเพลงวิหคขับจับกิ่งโผ บัลลังก์อาสน์ใต้ร่มบรมโพธิ์ เพียงพุทธโทแว่วผ่านวิมานไพร ทิวาวันวิสาขปุณณมี มะลุลีผลิรับจากหลับใหล หยดน้ำค้างหยดเย็นค่อยเป็นไป เทพยดาภาคไตรร่ายรำพร ณ ริมธารสายน้ำต้นยามเช้า ใต้ร่มเงาพนาวัลย์บรรจถรณ์ โพธิสัตว์ประทับแรงแสงจีวร พนันดรก็บรรสารทุกธารพราย มธุปายาสข้าวทิพย์วิจิตรสรร อวลสุคันธ์สุชาดาน้อมถวาย เครื่องพลีกรรมหอมกลิ่นมิสิ้นวาย โลกบาลพร้อมเรียงรายรับพิธี รัตนบัลลังก์นั่งภาวนา อาทิตย์ทองส่องหล้าพระโพธิ์ศรี ทินกรร่อนเริงเวิ้งนที บารมีคลี่อาบทาบไพรวัลย์ สัตยาอธิษฐานลงธารน้ำ อรุณยามฤกษ์ดวงสรวงสวรรค์ ถาดทองทวนไหลทบอรรณพนันต์ ณ ห้วงน้ำเนรัญฯ แห่งมรรคา ปฐมยามราตรีค่อยหรี่ล่วง ยามโสมสรวงเสวยแสงแพร่งเวหา สมาบัติสำเร็จแจ้งแห่งวิญญาญ์ ซึ่งปุพเพนิวาสา-นุสสติญาณ มัชฌิมกาลล่วงผ่านทวารสอง องค์สัมมาลุครรลองจักษุสาส์น ล่วงจักษุทิพพ-จักขุญาณ สรรพสัตว์ก่อนกาลเหตุจุติ ปัจฉิมยามกาลสมัยใกล้รุ่งฤทธิ์ หยั่งพินิจปัจจยาการนานสติ อริยสัจรู้แจ้งแรงสมาธิ ในปฏิจจสมุปบาทอวิชชา เมื่อแสงทองทอรับจับระบัด โพธิสัตว์สดับแจ้งแรงตัญหา ตรัสรู้ลุพระสัพพัญญุตา ดับสูญสิ้นกิเลสาด้วยตาญาณ มหัศจรรย์อุบัติซ้องมรรคผล หมื่นปฐพีดลลั่นธาตุปราชญ์สถาน ทศพลเปล่งสีหนาทปฐมทาน ใต้ร่มพระโพธิญาณอุรุเวฬาฯ ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงอภิวาท เอนกชาติสังสารังองค์คาถา สัปบุรุษเพี้ยงพ้นองค์สัมมา พุทธธาดาโลกนาถทุกชาติภพ ---------------------------------- ยามเช้าที่ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง ณ ริมฝั่งน้ำเนรัญชราฯ อุรุเวฬาเสนานิคม ไม่มีสรรพสิ่งไหนจะเงียบงามเท่ากับภิกษุนั่งบำเพ็ญภาวนา สงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายในและภายนอก ในยามที่จิตประภัสสรนั้นย่อมได้มาซึ่งปัญญาญาณ พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวไม่แจ่มฟ้า วิสาขาบูชากำลังจะมาถึง ทำให้ข้าพเจ้านึกประหวัดไปถึงบรรยากาศริมฝั่งน้ำเนรัญชรา ณ ตำบลอุรุเวฬาเสนานิคม ดินแดนพุทธคยา ครั้งสมัยพุทธกาล พร้อมกับบทเพลงบรรเลงดนตรีสายธารธรรม อุรุเวฬาเสนานิคม มหาอุบาสิกานามสุชาดา และเพลงบรรเลงพระโพธ์แก้ว กำลังบรรเลงในยามนี้อย่างเงียบลึกในห้วงใจ สิ่งสุดท้ายที่หาใช่วัตถุภายนอกแล้ว เราจะยึดสิ่งไหนเป็นสรณะได้ เว้นเสียแต่ธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นแก่นแท้ให้ชีวิต ใกล้วันวิสาขปุณณมีแล้ว วันที่พระจันทร์เสวยฤกษ์เต็มดวง หวังให้ทุกดวงใจน้อมดวงใจสู่ความงดงามภายใน สงบงามตามแบบพุทธ เจริญสติ ภาวนาไปในทุกๆ การกระทำ.สงบอยู่ในการกระทำ..ทำอยู่ในการปล่อย แสงเทียนในโบสถ์คร่ำจะสะท้อนภาพลักษณ์อันงดงามของเหล่าเรา พุทธศาสนิกชน ดั่งพระเจ้าอยู่หัวของเราได้เพียรกระทำเป็นแนวทาง อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้วนั้น.. การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้เยี่ยงดวงหทัยขององค์พระสัมมาฯ ตั้งแต่บำเพ็ญ เพียรภาวนา ณ รัตนบัลลังก์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ จวบจนลุวิสาขปุณณมีกาล มหาอุบาสิกานามสุชาได้นำข้าวมธุปายาสถวาย ทรงอธิฐานลอยถอดทอง ลงห้วงน้ำเนรัญชรา ผจญหมู่มาร ตลอดจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์ ความตอนหนึ่งในพุทธประวัติบรรยาย ณ ห้องเวลาตรัสรู้ในยามรุ่งอรุณไว้ว่า ในขณะนั้น ก็พอเป็นเวลาที่แสงทองแห่งอรุณทอแสงขึ้นจับขอบฟ้า พระบรมโพธิสัตว์ก็ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ดับสูญสิ้นกิเลสาสวะ เป็นสมุจเฉทปหาน พร้อมด้วยความมหัศจรรย์ หมื่นโลกธาตุบันลือลั่น ด้วยการหวั่นไหวแห่งปฐพีดล พระทศพลจึงเปล่งสีหนาทเป็นปฐมอุทาน เยาะเย้ยตัณหาด้วยพระคาถาว่า อเนกชาติสํสารํ การตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์บ่งนำถึงการตั้งมั่นของดวงหทัยที่เที่ยงแท้ ตลอดการบำเพ็ญเพียรภาวนา
13 พฤษภาคม 2547 16:52 น. - comment id 267031
ดอกไม้ .... ร่วงไป หัวใจ... อ่อนล้า แสงธรรม งามตา ถึงเวลา จากลา..กิเลสไกล ตัวเรา คือใคร มีไหม ใครรู้ พระธรรม พร่างพรู หยั่งรู้ ความเป็นไป ---------------- สงบได้เพราะพระธรรม....
13 พฤษภาคม 2547 17:53 น. - comment id 267081
แวะมาอ่านงานงามเย็นตา เพียงเสียดายที่คลอดเร็วก่อนกำหนด อะไรก็ตาม พูดไว้นานคนชอบลืม ดูปฏิทินแล้วยังเหลืออีกหลายวันครับกว่าจะถึง
13 พฤษภาคม 2547 19:45 น. - comment id 267193
แวะมาเยี่ยมคุณพุด..ผลงานเสมอต้นเสมอปลาย เข้ามาอ่านแล้วอิ่มใจทุกครั้ง..สวัสดีครับ..
13 พฤษภาคม 2547 20:56 น. - comment id 267232
ใช้แพธรรมแพทองล่องลงสู่ สายน้ำรู้สายน้ำรักสะอาดใส สู่ฝั่งฝันฝั่งนิพพานอยู่ไม่ไกล ฝึกธรรมใจเทียบท่าว่างห่างโลกย์วน..บัวพ้นน้ำ! ....ใช่เลยค่ะ สวัสดีค่ะน้องพุด มาอ่านงานจากใจที่สดใสงาม เยือกเย็นใจที่ได้อ่านค่ะ
13 พฤษภาคม 2547 22:59 น. - comment id 267282
^J^ ........... งดงามในลีลา.....ของผู้หญิงคนนี้........ ................พุดพัดชา............................
14 พฤษภาคม 2547 17:29 น. - comment id 267695
ทางเดินสู่สายธรรม ที่ชักนำเราทั้งหลาย ให้งดในอบาย สิ่งเลวร้ายจะหมดไป *-*เป็นงานที่งามมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ เป็นวิถีแห่งธรรมที่ดีมากๆๆๆๆๆๆอีกเช่นกันค่ะ ชอบค่ะชอบ*-*
22 พฤษภาคม 2547 20:20 น. - comment id 272576
เป็นลีลา..ที่งดงาม..ของหญิงงาม..พุดพัดชา... ชื่นชมมากค่ะ...
8 กันยายน 2547 10:56 น. - comment id 283310
ผมเข้ามาอ่านตามที่คุณพุดโพสต์ฝากไว้ งดงามมากครับ ..ผมว่า คู่ใจหายากแล้ว ...คู่บุญ...คู่ใจพร้อมคู่ธรรมนั้น หายากยิ่งกว่า หากสองกรจูงกับไปบนทางใจและทางธรรม คงเป็นรักที่งามขำเหลือพรรณนา