http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4888 (ฟังเพลง*น้อยใจรัก*นะคะจากURL จะซึ้งซ่านหวานเศร้าระทมทับแทบดับดวงใจตามค่ะ) และ สาวนา..รักภาพฝันด้านบนอย่างสุดหัวใจ ทำให้ไหวระลึกงามถึง.. วันที่ท้องทุ่งยังงามด้วยสายวสันต์พร่างพรม เลยมาฝากตรอมตรมดวงใจ บันดาลใจจนต้องรจนารักตามภาพฝันบันดาลใจ และกับบทที่เกี่ยวกับรวงเรียวรัก..ที่ราโรยร้างนา อีกครานะคะ อ่านเอาอ่วม..เอาอิ่ม เอายิ้มเอาย้วย ..ตามสะดวกค่ะ ************ แลละลิบทิวทิพย์ทุ่งรุ่งรวงฝัน ราวสวรรค์ลอยลงมาเยือนหล้าโลก ฟ้าแสนงามยามตะวันรอนซ่อนแสงโศก ฉากของโลกสีไพลเปิดพลันราวฝันไป คือทุ่งทองปองขวัญสวรรค์หวาน คืองามกาลงามเรียวงามเขียวใส คืองามคำฝันซึ้งคะนึงใจ คืองามใจจนร้องไห้ยามได้ยล.. อ้อมกอดเมฆกอดรวงไว้มิไร้รัก รวงฝนภักดิ์รอพร่างสายให้หอมฝน วสันต์ลานานหนาวร้าวกมล ใบไม้หล่นเกลื่อนพร่างกลางกลีบใจ.. รอวสันต์ฝันฝนลอยละลิ่ว หยาดพรายพลิ้วพร่างพรมห่มรวงใส สายวสันต์วันชื่นคืนสู่ไพร ให้ดวงใจยิ้มตามยามแย้มรวง กี่ร้อนเร่าเคล้าคลุกให้ทุกข์ร้อน กี่หนาวอ้อนวอนพ้อรอห่วงหวง กี่ฝนหนาวกี่ฝันเศร้าดายเดียวล่วง กี่ดาวดวงพรากฟ้ารอปรานี คือสวรรค์หวานบ้านนารอท่าอ้าย คือมนต์ร่ายชายทุ่งรุ้งหลากสี คือพิสุทธิใสใจสาวนาผู้ภักดิ์พลี คือความดีคือความงามดั่งนิยามรัก..น้ำค้างไพร!น้ำค้างใจ! ********** อ้อนฝนอ้อนฝัน . สาวบ้านนา ฝนหายไปใจฝันก็พลันหมอง ละอออองพรายน้ำตารอท่าฝน แก้วร่วงกราวพราวพื้นคลอลั่นทม เด็ดดอมดมชมจำปีที่พ้อใจ.. ใบไม้ปลิวลิ่วลอยเหมือนรอยฝัน หวานคืนวันดูดดื่มลืมหวามไหว ในวันนี้สิ้นฝนสิ้นฝันสิ้นไร้ใจ ธรรมชาติใดก็พลอยเศร้าคราวไร้รัก.. คนของใจดูห่างไกลในโพ้นฟ้า สะดุ้งหาอ้อมแขนใจแน่นหนัก อ้อมกอดใครอุ่นเท่าเล่ายอดรัก โพยภัยจักมลายหายวับไปใจมีเธอ.. กระท่อมไพรจำได้ไหมในคืนหนึ่ง สายฝนซึ้งแสงตะเกียงริบหรี่ไหว พระจันทร์หวานผ่านดวงมาลย์ใจหลอมใจ ทั้งราวไพรอวยพรฝันวันวิวาห์เพื่อสองเรา.. *********** ฤดูกาลฤดีระกำกับลมฝน กลางกมลเก็บช้ำร่ำร้าวไหว แก้วร่วงกราวพราวพื้นพร่างพ้อใจ แก้วกลางใจมากระจายหายลับลา เกาะเกี่ยวฝันวันคืนยามฟ้าใส กรีดเกี่ยวใจไหวหวั่นให้ฝันหา เกิดสายใยในรักถักทอดวงชีวา เกิดเสน่หาแกว่งใจใครคร่ำครวญ รอมาเยือนอีกคราวสันต์เศร้า กลางใจร้าวกราวสายฝนก่นไห้หวน ใจระกำย้ำบอกดอกเรรวน ลมอย่าหวนทวนฤดีที่หลายใจ ฤดูกาลดอกไม้หวานผ่านนานแล้ว เหลือเพียงแนวรอยแผลใจไกลหวั่นไหว ฤดูกาลผ่านมาก็ผ่านไป เก็บหัวใจไกลรอยกรรมอย่าซ้ำรอย... ********** http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=919 http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=223 ไพล..ยืนนิ่ง........ ใต้ลั่นทมขาวพราวดอกพร่าง จนมองแทบไม่เห็นใบ มองไปไกล เห็นทิวเขาสลับสล้าง โอบกอดผืนนาชอุ่มเขียวตอง ที่ยอดรวงเรียวกำลังถูกหยอกล้อพะนอด้วยพระพายพรายฝัน พลิ้วพรมพร่าง พัดวูบไหว ระบัดรวงเรียวพร้อมพรึบ คล้ายระลอกคลื่น..กลืนหายไปในฝั่งฝัน.. ฟ้าเป็นสีหวาน ซ่านด้วยลออละอองสีส้มอ่อน ชมพู ม่วง คราม น้ำเงินอมเทาจางๆ สลับสล้างดั่งเลื่อมสลับลาย... ทอ...ทอดลอดโลมไล้ให้เรียวเมฆ เปล่งประกายงามราวรุ้งเฉิดฉันท์ ไพล..ติดปีกหัวใจลอยละลิ่วปลิวคว้าง ให้ร่างขึ้นไปนั่งไกวชิงช้าเมฆ.. ร่ายมนต์เสกรวงดาวมากอบกำเต็มอุ้งมือ..แล้วหว่านโปรย... คิดถึงบทกลอนที่เคยแต่งไว้ยามนอนดายเดียว..ชื่อชิงช้าเมฆ บนผืนทรายริมชายหาดกว้างที่ไร้ร้างผู้คน..ลำพัง... ไพลดึงร่างและหัวใจ...กลับมา.. ก้มลง..เก็บลั่นทมที่ร่วงหล่นบนผืนหญ้า..มาดอมดม ทัดหู เคลียผมเคลียแก้ม ให้หอมระทม อวลไปในสายลมเย็นร่ำ..แทรกฉ่ำชื่น ชื่นใจ.. จูบกลางกลีบแผ่วแผ่ว แว่วเสียงกระซิบอ้อนริมหูนานมา.. ... จูบแก้มสาวเคล้าลั่นทมนี่หวานดีพิลึก อยากจูบหวานนานเนิ่นไปอย่างนี้ทุกราตรี นะคนดีที่แสนรักเอย โอ้ละหนอ..ความทรงจำ..อันหอมหวานซ่านซึ้ง.. ที่ช่างฝากฝังฝากฝันในคะนึง ให้ระกำ ให้หวานล้ำ ให้โหยหามายาวนานจนป่านนี้..มิมีเลือนลบ..จากใจ.. แนบหน้านวลริมหน้าต่าง.. ฟังเพลงหวานแว่วคลอใจ หวังลอยละล่องไปกับสายลม ประโลมภูผา ทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพร ลำธารใสหวานระริน..ที่กำลังออดอ้อนซอนเซาะริมฝั่งชล ...... สี่ในสี่ห้องหัวใจฉันให้คุณหมด หมดไม่มีเหลืออยู่... คุณไม่รักและไม่เอ็นดู พอหัวใจคุณเปิดประตูไม่มีฉันอยู่ในนั้นเลย เก็บความหม่นทนระทม ทุกข์ตรมความโศกโลกสร้างมาเหลือเอ่ย ฉันทุ่มใจรักเขาหมดเลย พิโธเอ๋ยเหมือนโดนหนามยอก หัวใจของคุณคงแบ่งปันสักพันสักหมื่น แต่ใจฉันนั้นมันขมขื่น เพราะคุณยื่นความช้ำความชอก ไม่รักฉันอยู่ตั้งนานแล้วไยไม่บอก ฉันรักคุณแล้วพูดไม่ออก ให้คุณบอกไม่รักสักคำ... ไม่รักฉันอยู่ตั้งนานแล้วไยไม่บอก ฉันรักคุณแล้วพูดไม่ออก ให้คุณบอกไม่รักสักคำ... โน่น..ตะแบกบานแล้วร่วงสีม่วงที่พี่ชม.. หรีดหริ่งระงม..พี่เอยน้องระทมรอมา กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย... ...... และ นั่นต้นตาลเดี่ยว เดียวดาย คล้ายรอสาวนากลับมาฟังเพลงขลุ่ยพลิ้วปลิวแผ่วหวานแว่วจาก หนุ่มคนซื่อ ริมลอมฟางกลางนวลดาว กับผิวพราวน้ำผึ้งรวง ละออแดด ท่ามกลางโลมไล้ใต้เงาจันทร์ กับกลิ่นร่ำราตรีกอริมชานเรือน กับโมกพิร่ำพิไรริมบ่อน้ำ ยามสาวนุ่งผ้ากระโจมอกค่อยค่อยยกขันขึ้นอาบน้ำกลางวามดาว กับเงาไม้ร่ายระริกรับ กับหอมพรายพร่างของลำดวนดงกลางพงไพร.. ไหนจะดอกกระถิน ดอกผักบุ้งริมบึง ให้คะนึงถึงมนต์เพลงรักลูกทุ่ง ลอยละล่องมาตามโค้งคุ้งคลอง สองฟากฝั่ง.. แล้ว.. ในคลองใจในมโนก็พลันมีบึงบัวตรงหน้า มีขวัญกับเรียมไล่เลี้ยวเที่ยวท่องกอดตระกอง ใต้บัวช่อหลากสี ที่หอมเกสรพราย http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=223 ขวัญเรียม เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่ แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม... ********** อ้าว..แต่ทำไม.. หัวใจกลับเห็นภาพต่อไป ครานี้.. แปร เป็นขวัญขี่วัว..กลางรอยไถ กลางทุ่งโคลน ขวัญกำลังใช้มือตระโบมลูบไปที่ใต้คอนิ่มละมุน ที่ละไมกลิ่นหวานหอมของกลิ่นโคลนสาบวัว ผสมปนเปไปกับกลิ่นนมสดสะพรั่งละหลั่งริน ที่พาให้ถวิลถึงความงามดิบงามดิน งามเดิมเดิมที่เคยเคยคุ้นคุ้น.. เห็นต้นไม้..กลางนา.. เป็นต้นไม้ธรรมดาที่สวยเศร้า จนยากบรรยาย.. ใบสีน้ำตาลระริกรับลม พร่างแสงเล่นสีวะวาววับ ราวสลัดประกายทองวูบไหวกับแดดโลมไล้ พร่างพราย ต้นไม้...งาม สีน้ำตาลทอง สวยแผก รอลมหนาวแรกพัดพลิ้วปลิดปลิวใบคว้างกลางวสันต์ลีลา น้ำตาซึม..หยุดซึ้งซึมซับกับต้นไม้โศก กับโลกสีน้ำตาล ตรงหน้ากับภาพเหว่ว้ายามใบไม้ร่วง ลอยคว้าง ตกต้องแตะแต้มตรงกลางดวงใจ ให้หวั่นไหวทิ่มแทง อย่างดายเดียวกลางผืนไพร ไร้ผู้ใดรู้เห็น.. รอฤดูกาลผ่านฤดีระกำ.. รับหวานหวังใหม่ให้ดอกไม้ในดวงใจในไพรพง . หมุนวนกลับมาเหมือนดั่งดวงสุริยาชักรถกลับมาฉายแสงแห่งอรุณรุ่งใหม่ ทำหน้าที่เอื้อฝัน ปันน้ำใจให้โลกละมุนสว่างไสว ส่องนำทางใจ พึ่งพาพึงพิงกันและกันตามวิถี.. ความเอ๋ย..ความสุข ความเอ๋ย..ความรัก เหมือนดอกไม้ เหมือนสายลม เหมือนมนต์ใบไม้ คล้ายธรรมชาติ กำลังสอนสั่ง ทุกสรรพสิ่ง ให้หยุดนิ่งให้รำงับ ให้รู้ดับเยื่อใยเสน่หา ที่จักพาทุกข์ตรม มีพบ มีพราก มีจากลา ขอเพียงหัวใจเรียนรู้ค่าธรรมะธรรมชาติธรรมดาๆนี้ ที่โลกและเธอหยิบยื่นให้ ให้ยอมรับวงจรชีวีนี้ ที่ไม่มีผู้ใดเลยจะหลีกลี้หนีพ้น นอกจากเพียรเพาะบ่มห่ม ด้วยจากการฝึกสมาธิมีปัญญาพาให้พ้นบ่วงกรรม.. ที่ตามวนมาให้เราชดใช้คล้าย รอยกรรมรอยเกวียนเวียนๆวนๆไม่รู้จบรู้สิ้นในถวิลสวาท เหมือนโลกได้หยิบยื่นพลังรัก มิรู้จบมิรู้สิ้น จนกว่าผืนดินจะกลบหน้า และ..ตราบจนกว่า..เราจะไปถึงซึ่งฝั่งฝัน อันว่างมิรู้จบ.. สงบสะอาดสว่างพร่างพรายในหัวใจให้อิ่มเต็มอิ่มใจไปชั่วนิจนิรันดร.......... http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=919 ชมทุ่ง เห่เฮ้ห่าฮากรู้ เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น ลมพัดเย็น ๆ มาเดินเล่นไปตามคันนา แสน-สุขใจนั่งบนหลังควาย ควายก็และเล็มหญ้า นั่นกบร้องอ๊บ อ๊บ อยู่กลางนา เสียงเขียดร้องจ้า เมื่อฝน-พรำ ดนตรี นกน้อยบินจรนกเขา คืนดอน ก็เมื่อตอนจะค่ำ ลมทุ่ง พัดโชยชื่นฉ่ำ สาว สาว อาบน้ำ อยู่ที่ลำประโดง ดนตรี นกกระยาง ย่างเดินเหลียวมอง จ้องหาปลาตัวโก่ง นั่นปูนับร้อย นั่นตัวหอยโข่ง ฝั่งลำประโดง สาวยังคงลอยคอ ดนตรี เขียวเหลืองเรืองรอง ข้าวรวงสีทอง มองไสว ชูช่อ นั่นคันไถ เอ๊ะนั่นใครยกยอ เสียงกอไผ่สีซอ ฟังเป็นเพลงตะลุง ดนตรี มั่นหมาย ใจปอง ถ้าได้นวลเนื้อทอง มาขี่หลังควาย ชมทุ่ง คงสุขคงสันต์ ทั้งวัน ยันรุ่ง เต้นจังหวะตะลุง บนหลังควายในตอนเย็น เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น ลมพัดเย็น เย็น มาเดินเล่นไปตามคันนา เขียวเหลืองเรืองรอง ข้าวรวงสีทอง มองไสว ชูช่อ นั่นคันไถ เอ๊ะนั่นใครยกยอ เสียงกอไผ่สีซอ ฟังเป็นเพลงตะลุง มั่นหมาย ใจปอง ถ้าได้นวลเนื้อทอง มาขี่หลังควาย ชมทุ่ง คงสุขคงสันต์ ทั้งวัน ยันรุ่ง เต้นจังหวะตะลุง บนหลังควายในตอนเย็น เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น ลมพัดเย็น เย็น มาเดินเล่นไปตามคันนา...
14 มีนาคม 2547 18:31 น. - comment id 230741
อ่านแล้วเพลินมากครับ ลืมไปเลยว่าวันนี้เล่นคอมที่ร้านอิอิ เดี๋ยวจ่ายอาน เฮอะ ๆ ๆ ๆ ๆ มาเยี่ยมนะครับ
14 มีนาคม 2547 20:15 น. - comment id 230819
กี่ร้อนเร่าเคล้าคลุกให้ทุกข์ร้อน ให้อาวรณ์คิดถึงคนึงหา ให้อยากใกล้อยากชิดติดอุรา กับพี่ยาคนเก่าเฝ้ารอคอย *-*กลอนไพเราะจัง*-*
14 มีนาคม 2547 21:34 น. - comment id 230861
--------- แวะผ่านมา เห็นสาวบ้านนา โบกมือไหวๆ อุย อย่าเพิ่งนะใจ แค่เห็นไหว ๆ หัวใจก็หล่นโครมครามมมม ------------
14 มีนาคม 2547 22:39 น. - comment id 230892
..ชอบ..อ่าน..งานพี่พุด.. ดูสดใส..บริสุทธิ์ ..ที่สุด..นะคะ.. ..แบบ..เรนอยากแจม.... แต่..เรนแต่ง..ไม่ได้สักที...นะคะ... ..แบบ..เรน..ชอบ... ตรงที่..พี่พุดเขียน... เหมือนโลกได้หยิบยื่นพลังรัก มิรู้จบมิรู้สิ้น.. ..ให้..ความรู้สึก...ดีจัง...นะคะ...
14 มีนาคม 2547 23:24 น. - comment id 230922
ฝากดวงดาวกระจ่างกลางฟ้ากว้าง อย่าอ้างว้างดายเดียวคำพิพากษา งามดวงใจไร้ใครเขาไม่นำพา สวรรค์มีตาฟ้ามีใจ..ไยต้องตรม..
14 มีนาคม 2547 23:39 น. - comment id 230934
อ่านสามรอบ ยอมรับบอกตามตรงว่างง ๆเพราะนำเสนอหลายประเด็นเกินไป ว่าจะไม่มาโพลส ก็กลัวน้อยใจ มาโพลสให้ก็กลัวเสียใจ เพราะชัยชนะชอบพูดตรง ๆ ไม่ทราบว่าสาวนาจะเขียนจุดยืนเรื่องใดกันแน่ เพราะมีหลายเรื่องปะปนกัน มีทั้งเรื่องหวาน เศร้า สนุก เอามาคละรวมกัน ขอเดาว่าคนเขียนคงจะเกิดความว้าวุ่นใจ สับสนภายในใจ ว่าจะเสนอสิ่งใดแน่ให้ผู้อ่าน ได้อ่าน ขอวิจารณ์ตามงานทางด้านเนื้อหา แต่ถ้าเรื่องการใช้ถ้อยคำสละสลวย คล้องจอง สวยงาม ยอมรับฝีมือว่าเยี่ยมครับ
15 มีนาคม 2547 00:02 น. - comment id 230944
ชัยชนะคะ สาวนา.รักภาพทุ่งนาข้างบนค่ะ ก็พยายามรจนาบทแรกด้วยเวลาสั้นมาก ก่อนไปออกกำลังกาย ทราบด้วยใจว่ามิงามดั่งฝันดอกค่ะ และ ตามมาด้วยบทเก่า ที่แก้คำให้เข้ากับฤดูกาลและฤดีดายเดียว และงานล่างสุดเกี่ยวกับท้องทุ่งนั้น สาวนาฝากให้อ่านแก้เหงาค่ะ อย่าเอาสาระมากเลยนะคะ เพียงสาวนา..ชอบยาวย้วย น่าจะรู้จักรู้ใจดีนะ และลองอ่านใหม่นะคะ ก็ดายเดียวเปลี่ยวเศร้า เฝ้ารอฝนรอฝันทั้งสามงาน โทนเศร้าทั้งน้าน..ค่ะ น่าจะรู้จักรู้ใจดีนะ สาวนา..อาจจะรจนาเรื่องสั้นแก้ใหม่ เอาใจแฟนพันธุ์แท้*ชัยชนะ* ที่ดูราวกับว่าจะรู้ใจไปเสียจริงค่ะ แต่ราตรีนี้ไม่สะดวกแล้วค่ะ ขาแพลง เต้นแรงไปหน่อยค่ะ (เกี่ยวกันมั้ยกับมือรจนา) เป็นเพราะว่าระบมค่ะ อยากนอนระทมระทวยซะแล้วค่ะ รักและซึ้งใจค่ะ
15 มีนาคม 2547 09:57 น. - comment id 231077
อ่านแล้วอยากรู้จักคนแต่งจังเลยนะคะ แล้วพบกันที่เรือนไม้สีเบจค่ะ