ราตรีที่ดาวเต็มอ้อมฟ้า.. จันทร์เสี้ยวแขวนฟ้าอ้อนอ้อยสร้อย ผู้หญิงผมสยายยาวเกือบถึงเอว รวบผมยกขึ้นสูงด้วยกิ๊ฟประดับเพชรเก๋อันเล็กๆ ในเสื้อยืดคอเต่าสีดำ กับกระโปรงสบัดพัดพลิ้วยามย่างเยื้อง ที่มีคนบางคนเตือนว่าระวังนะ จะเป็นดั่งภาพมาริลินมอนโรแสนคลาสสิค ในฉากที่พายุพัดจัดจนกระโปรงสีขาวระบัด ขึ้นไปให้เห็นช่วงขาเพรียวงามวับๆแวมวาบหวาม งามจับใจจับนัยน์ตาผู้ชายไปทั้งโลกในความเซ็กซี่ ที่แสนอมตะนิรันดร์กาล พาหัวใจใครใครไหวสะเทือน..ตามเรียวขาเธอ..และนัยน์ตาขี้เล่น ที่งามเกินโลกหล้าจะหานางใดมาเทียบเทียมได้ แต่คงมิใช่..ผู้หญิงคนนี้ ที่มีแค่ขาแข็งแรงอย่างนางกวาง ที่พาร่างในรอบสิบปีออกไปชำเลืองแลสองฟากฝั่งร้าน ในสวนลุมไนท์พลาซ่า..แบบสาวนาเข้ากรุงมุ่งดูแสงสี และณ.ลานเบียร์ เสียงดนตรีแรฟกระหึ่มแสนแสบแก้วหู เกือบแหกแตกเป็นเสี่ยงๆ เกินเดซิเบลหัวใจจะรับได้.. ให้ต้องปลงอนิจจังอนิจจาลาจาก เพราะว่าเรานี้หนา.เรื้อเวทีแสงสีมีก็แต่ หัวใจดวงล้าล้ารอนรอนอ่อนอ่อนไหวไหว ชอบฟังเพลงเบาเบา. .แบบเสียงลมพัดตึงเคล้าคลึงยอดตอง ทำนองนั้นทำนองนี้ที่พ้อเพ้อฝันหาเรียวรุ้ง ธรรมชาติบ้านนาป่าเขาลำเนาไพร ห้วยละหานใส สายธารหวานระรินไหลละล่อง ครองรักครองใจนวลเนื้อใจละเมียดละไมละเอียดละอ่อน กล่อมน้องนอนนิทราฝันดีฝันหวานนานนิรัดร์... เลยจบลงด้วยการเดินแบบผ่านๆตา พร้อมกับคิดว่า โลกคนกลางคืนไม่เหมาะกับเราเสียเลยแล้ว.. ผู้หญิงบ้านนาที่มีโลกแคบแคบ มีบ้านราวป่าดงพงไพร และตกใจกับฝูงชนคนมากมายล้นหลาม ขนาดในยามดึกแล้วยังคึกไม่สร่างซาในท้องถนนทุกสาย.. ให้ห่วงใย.เยาวชนคนดีเหมือนที่ทิ๊กกี๊ว่าไว้ ในคำสอนว่าการเที่ยวท่องราตรี ก็เป็นที่อบายมุขที่พาให้ใหลหลงหลงใหล จนเกิดก่อก่อเกิดอาชกรรม นำเรื่องน่าตกใจกลัวมากมายมากมี ที่ไม่อยากพาโลกแสนดีของเรานี้เข้าไปข้องเกี่ยว.. กลับบ้านเราดีกว่า.. วิมานดินงามดิบเดิมล้ำค่า มาจุดเทียนพรายพร่างแขวนสว่างไสววะวาววับ ใต้แก้วงามระยับระยิบตา.. และรจนางานงามฝากรักพักพิงใจสมานฉันท์หัวใจพี่น้อง ปรองดองสามัคคีในร่มรักเรือนไทยแสนร่มเย็นณ.แห่งนี้ ที่นะนาทีนี้ซึ้งใจซึ้งค่าว่าช่างสวนกระแสโลกที่เร่าร้อนรุนแรง ข้างนอกนั่น..แบบฟ้าดิน..เลยค่ะ เรามีชานเรือนให้นอนนับดาว เรามีกอพราวดงดอกราตรีลำดวน ที่หอมกำจายกับแก้วไม้ไทย หอมไสวหวานเศร้านานาพรรณ.. ที่เราเพียรเพาะบ่ม ผลิกิ่งฝันแตกผ่านตารจนารักผ่านหวานหวานใจ แกล้มเกสรบัวพร่างในยามค่ำ.. กับจันทราดวงงามนามอัลมิตตรา กับนานา*น้องน้องนักอยากจะเขียน* ผู้มากฝันคว้างกระจ่างเจิดจรัสใจ สวยใสงามล้ำค่าภาษารักภาษาใจ มากนามนิยมชมชื่นให้เลือกเชย เรามีขลุ่ยแผ่วผิวปลิวลมลอยละล่อง จากคุ้งโค้งสองฟากฝั่งให้หวนหาเรียมขวัญ ในรอยรักแผลเก่าแผลใจที่ฟังทีไร ก็อยากสะอื้นเงียบเยียบเย็นฉ่ำทรวง.. เรามีคนดีที่เขียนโคลงงาม.. นามสดายุอัลมิตราและคุณหมอวฤก ที่งามล้ำด้วยคำวิจิตรวิลิศมลังเมลือง และฝากบอกสดายุด้วยค่ะ.. ชอบภาพ.. ตะวันตกดินสีส้มอมชมพูเสร้า กับเรือลำน้อยลอยลาไปกับตะวัน.. เหมือนคนรักของฉันโบกมือลา ดั่งบทเพลงโศกสะเทือนใจ และเรา.. ยังมี..บทกวีงามล้ำ ที่จะฝากใจไปกับจันทร์ฝากฝันไปกับดาว ฝากเพลงยาวอย่างมีสีสัน..หลากรส สุขเศร้าคลุกเคล้าคลอใจครองไปด้วยกันมิรู้สิ้นรู้จบ.. ตราบใดที่หัวใจเรายังตะวันดวงกลม..ขึ้นกลางใจ.. มีตะวันจริง..ดวงกระจ่างใสสวยส้มอมแดงแสงอ่อนอุ่นอาบทาบทา... ชักรถมาเยือนแย้มแตะแต้มฟากฟ้าเวหาหน ในยามอุษาสาง....ให้ใจดวงงาม ของเรา มีพลังรับอรุณหมุนวนหมุนเวียน มาปลอบประโลมใจไปทุกทิวาวัน. และ ตราบราตรี....ที่ฟ้าแหวกม่านสีกำมะหยี่ ให้นางฟ้าใจดีหอบตะกร้าทองคำ มาหว่านโปรยดวงดาราระดะดวงดั่งเพชรพราว ดั่งดวงดาวส่องนำทางใจประดับใจ มาทายทักให้นักฝันได้ฝากใจ..อีกครานะเรือนไทยแห่งนี้ ที่เราแสนรักนะคนดีนะทุกดวงใจ.. และในยามเช้าวันหยุดนี้ ที่ฟ้าสีฟ้าจัดจ้ากระจ่างใส หัวใจดวงละมุนหวานขอฝากหวานผ่าน ต้นไม้..สวยแปลก.. แตรนางฟ้า..ดอกยาวปลายบานแฉกเหมือนแตรจริง สีม่วงครามงามจับใจ... ที่มาบัดนี้กำลังชูช่อไสวในสวนสวยสวนขวัญ ให้ฉันฉ่ำชื้นชื่นฉ่ำใจเสียไม่มี.. ไหนจะการะเวก แม่ดอกดกทั้งปี หอมหวานอวลทุกเย็นย่ำ ไม่เลือกฤดูกาล ที่ฉันต้องเด็ดดอกนวลละออพิรี้พิไรเบามือ มิให้พราวพ้อรอลาหล่นเกลื่อนพื้นเสียก่อน... โมก กุมาริกา ลั่นทม ชมนาด ไหนจะช่อมาลีที่มิมาลาแต่ว่ากลับพากันบานแฉ่ง อวดดอกพริ้งพราว ราวสาวสวยแต่งตัวอวดกันงาม..เอาเธอเอาใจฉัน.. ให้ทุกวัน..หัวใจฝันฝันรับงามมาประดับใจ จากนานาพรรณดวงดอกไม้ ที่บานไสวรายรอบบ้าน มาบานเบิกกลางใจดวงใสเย็น.. ขอเด็ดดอกงามมาจัดคละกัน นำไปวัดนะเช้านี้ แล้ว... หากคนดีดวงใจไม่ไปไหน จงเปิดเพลงไพเราะ.. *ท้องทุ่งแห่งความฝัน*..แกล้มฝัน หวานๆ กับมวลดอกไม้บานที่ตระการตาตระการใจ ที่ชูช่อล้อลมไสว หอมอวลในทุกอณู ... ในรู้สึกขอให้ราวหลับตาฝันไป.... ว่ากำลังเอนกายพักใจ คลอเคล้า เคลียไคล้อกอุ่นของใครบางคนในดวงใจรัก ได้พักพิงนุ่มละมุน หลับตานิ่งนิ่ง ทิ้งใจให้ดื่มด้ำล้ำลึกนานนาน. กับฝันหวานหวาน ที่รอวันฝันจะเป็นจริง..ทุกดวงใจนะคะ ให้หัวใจใส่พรรู้สึกถึงความอ่อนโยน..ความละมุนในใจ ความรู้สึกดี กับวันชื่นคืนสุขของชีวีนี้ แม้เพียงฝัน.. จะเอาอะไรกันนักหนา นะ ชีวิตที่ถูกลิขิตจากฟ้าขอมีเพียงชีวา งามพิสุทธิ์ใส มีดวงใจแสนงาม มีดวงตาสวยใส ได้ซึมซับงามรายรอบที่ธรรมชาติมอบให้ ก็คุ้มค่า คุ้มดวงใจแล้วมิใช่ดอกหรือ.. อยากกระซิบ..บอกคนดีทุกดวงใจ. ในยามนี้ฝากอรุณอุ่นใสดวงงาม ฝากราตรีหวานหวาน ฝากดวงดาวพราวพร่างฟ้ามาว่า เปลือกนอกเปราะบางนั้นใช่สำคัญ ขอเพียงให้จิตภายในนั้นสวยใสสว่างสงบ.. พบทางออก..ที่แสนดี ที่ถูกทาง ที่ว่าง ที่พอดี ที่พอใจ ที่ใสเย็น .. ก็พอเพียง เพียงพอ.. ให้รอดพ้นบ่วงใจ บ่วงกรรม บ่วงเสน่หา ที่มาหลอกล่อให้เราติดกับ ราวกับกงกรรมกงเกวียน หมุนวนหมุนเวียนชั่วกัปป์กัลป์ รำพึงรำพัน..ฝันค้าง ขอจบด้วยประโยคนี้นะคนดี.. ขอให้มีสติ มีปัญญา ที่จะนำทางนำพาจิต ให้งดงาม หลุดพ้น จากการพลัดพรากจากรัก... การไม่สมหวังในรัก และการประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ด้วยเถอะนะ ทุกดวงใจไทยโพเอมนี้ที่แสนรัก..เอยแสนรักในกมล.. สำหรับผู้หญิงคนนี้ ขอลาทีไปวัดก่อนนะคะ และจะกราบพระสวดมนต์ภาวนาให้กับทุกดวงใจ ในร่มรักเรือนไทยของเราพบสุขสดใส ทั่วหน้า..ทั่วหล้าทั้งผืนดินไทยนี้ ที่แสนดีนักหนาแล้วค่ะ
30 พฤศจิกายน 2546 09:59 น. - comment id 186229
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=314 บ้านเรา สุเทพ วงศ์กำแหง : : Key Ab บ้าน เรา แสน สุขใจ แม้จะอยู่ ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา ด้วยพระบารมีล้นเกล้า คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์ รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง พริ้วแดดส่อง สดใส งามจับใจ มิใช่ฝัน ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น หอมทุกวัน ระบือ ไกล บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้ จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ ขอวานหน่อยได้ไหม ลอยล่องไป ยังบ้านเขา จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย...
30 พฤศจิกายน 2546 11:05 น. - comment id 186281
แหะๆ อ่านจนเพลินเลยขอรับ ว้า จบเสียหละ -^^-
30 พฤศจิกายน 2546 13:51 น. - comment id 186337
ได้อารมณ์เหมือนอ่านหนังสือสักเล่ม อิอิ
30 พฤศจิกายน 2546 16:21 น. - comment id 186434
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4370 เก็บตะวัน [ของแท้] อิทธิ พลางกูร : : Key C เก็บตะวัน ที่เคย ส่องฟ้า เก็บเอามา เก็บไว้ ในใจ เก็บพลัง เก็บแรงแห่งแสง ยิ่งใหญ่ รวมกันไว้ ให้เป็น หนึ่งเดียว เก็บเอากาล เวลา ผ่านเลย สิ่งที่เคย ผิดหวัง ช่างมัน หนึ่งตัวตน หนึ่งคนชีวิต แสนสั้น เจ็บแค่นั้น ก็คง ไม่ตาย ธรรมดา เวลาฟ้าครึ้ม เมฆหม่น พายุฝน อยู่บน ฟากฟ้า คงไม่นาน ตะวันสาดแสง แรง กล้า ส่องให้ฟ้า งด งาม หากตะวัน ยังเคียง คู่ฟ้า จะมัวมา สิ้นหวัง ทำไม เมื่อยังมี พรุ่งนี้ให้เดิน เริ่ม ใหม่ มั่นคงไว้ ดังเช่น ตะวัน ธรรมดา เวลาฟ้าครึ้ม เมฆหม่น พายุฝน อยู่บน ฟากฟ้า คงไม่นาน ตะวันสาดแสง แรง กล้า ส่องให้ฟ้า งด งาม หากตะวัน ยังเคียง คู่ฟ้า จะมัวมา สิ้นหวัง ทำไม เมื่อยังมี พรุ่งนี้ให้เดิน เริ่ม ใหม่ มั่นคงไว้ ดังเช่น ตะวัน...
30 พฤศจิกายน 2546 16:32 น. - comment id 186447
พุดมอบให้ชัยชนะนะคะ ตามหาบัวตองน้องคนเหนือนี้ที่ชีวีแสนน่าสงสารเป็นยิ่งนักนะคะ พุดรักบทเพลงของครูสลา คุณวุฒิ ที่งามล้ำด้วยจิตวิญญาณสะท้อนสะเทือนใจในมุมมองสังคมอันสับสนด้วยมายานี้ค่ะ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5454 บัวตองต่างเมือง สลา คุณวุฒิ : : Key Bm พบสาวเชียงใหม่ ในเมืองอุบล ได้ยล สับสนในใจ ดวงหน้ายังดูพริ้มเพรา วัยเจ้ายังดูเยาวัย จากเหนือมาเพราะเหตุใด ทำไมมาอยู่เมืองนี้ เธอสวยปนเศร้าในเงาแสงไฟ ยิ้มละไม อยู่ในกระจกใสบาง มีแขกมาเมียงและมอง คอยจ้องชมชิดนวลปราง ในใจเธอเล่าน้องนาง ฝากหวังกับชายผู้ใด บัวตอง มาหมองในแดนดอกคูณ เสียดายความกรุ่น อุ่นไอแห่งวัยเนื้อเนียน วัยอ่อนวัยเยาอย่างนี้ น่าจะอยู่ในโรงเรียน ไม่น่ามาแวะมาเวียน ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรม ดอกไม้กลางป่ามาบานกลางเมือง กลีบสวยเรื่อเรือง ไม่นานคงเหลืองโรยรา ใครเล่าจะพาน้องคืน คืนถิ่นดินแดนล้านนา ใครหนอจะซับน้ำตา นำพาบัวตองคืนดอย ดอกไม้กลางป่า มาบานกลางเมือง กลีบสวยเรื่อเรือง ไม่นานคงเหลืองโรยรา ใครเล่าจะพาน้องคืน คืนถิ่นดินแดนล้านนา ใครหนอจะซับน้ำตา นำพาบัวตองคืนดอย...
30 พฤศจิกายน 2546 17:23 น. - comment id 186484
ราตรีในเมืองหลวง เหมือนคอยลวงให้ห่วงหา แต่ก็ยังแพ้ถิ่นท้องนา ที่มีธรรมชาตินานาให้น่าภิรมย์ *-*พวกสถานราตรีไม่มีอะไรดีอย่าที่ว่าจริง ๆ ค่ะ ไปที่ไรมีแต่กลิ่นบุหรี่ เหม็นเหล้าอีกตั้งหาก อยู่บ้านเล่นเน็ตสบายกว่ากันเยอะเลยค่ะ*-*
30 พฤศจิกายน 2546 20:07 น. - comment id 186558
พุดไม่เดินเข้าไปดูตามร้านรวงข้างใน หรือไปดู โจหลุยส์เธียเตอร์ หุ่นกระบอก หรือไปหยุดกินอาหารริมสี่แยก และไปหยุดดู...ห้องดนตรี เรียนดนตรี ซอยห้าล่ะคะ อิอิ
30 พฤศจิกายน 2546 20:54 น. - comment id 186575
..จริงๆ..แล้วเรน..อยากไป... ก็แบบไหน..ที่เรียก..ยามราตรี.. ..อาจไม่เหมือน..หรือจะเหมือน..ที่ตรงนี้.. ..บ้านเรนก็มี.. ยามราตรี..ที่สวยงาม... ..เมืองเชียงใหม่..ที่เรนเห็น.. ..ลมพัดเย็น.. มีภูเขา..ผ่านลำธาร.. ..มีวัด.มากมาย...ตั้งตระหง่าน.. มีสาวงาม.. หน้าหวาน...ปาน..เรนงัยยย..... อิอิอิ.. ..โห้ยย ..มัยร่า... อย่าขำดิคะ... ...เนตรนารี เรนจัง..ยืนยัน... ..แว๊ปป..
1 ธันวาคม 2546 00:15 น. - comment id 186662
เคยอ่านงานเขียนบทหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า พระจันทร์หวาน ที่พี่พุดนำเสนอได้อย่างจับใจ มาวันนี้อรุณหวาน ก่อนอ่านต้องหลับตาพริ้มแล้วจินตนาการว่า ภาพอรุณที่ร้อนแรงและส่องแสงนั้นจักหวานในแนวไหน การเนรมิตให้ดวงอาทิตย์แรกแย้มนั้นหวานได้นั่น ถือเป็นพรพิเศษที่ทุกคนมองเห็นไม่เท่ากันหนะครับ อ่านบทกวีแกล้มเพลง ป่าลั่น ราวกับว่าโลกนี้ร้างไร้ผู้คน มีแต่เพียงเสียงนกเสียงกา ปรารถนาเช่นนั้นจริงๆ ครับ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2535 เมื่อ อาทิตย์อุทัย ส่อง ทั่วท้องถิ่นไพร โลก แจ่มใสอีกครา เหม่อมองนกโผบิน แว่วธารรินไหลหลั่ง ป่าลั่นดังสะท้านใจ แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเขา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเรา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง.
1 ธันวาคม 2546 00:20 น. - comment id 186664
เคยอ่านงานเขียนบทหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า พระจันทร์หวาน ที่พี่พุดนำเสนอได้อย่างจับใจ มาวันนี้อรุณหวาน ก่อนอ่านต้องหลับตาพริ้มแล้วจินตนาการว่า ภาพอรุณที่ร้อนแรงและส่องแสงนั้นจักหวานในแนวไหน การเนรมิตให้ดวงอาทิตย์แรกแย้มนั้นหวานได้นั่น ถือเป็นพรพิเศษที่ทุกคนมองเห็นไม่เท่ากันหนะครับ อ่านบทกวีแกล้มเพลง ป่าลั่น ราวกับว่าโลกนี้ร้างไร้ผู้คน มีแต่เพียงเสียงนกเสียงกา ปรารถนาเช่นนั้นจริงๆ ครับ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2535 เมื่อ อาทิตย์อุทัย ส่อง ทั่วท้องถิ่นไพร โลก แจ่มใสอีกครา เหม่อมองนกโผบิน แว่วธารรินไหลหลั่ง ป่าลั่นดังสะท้านใจ แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเขา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเรา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง.
1 ธันวาคม 2546 00:38 น. - comment id 186667
เคยอ่านงานเขียนบทหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า พระจันทร์หวาน ที่พี่พุดนำเสนอได้อย่างจับใจ มาวันนี้อรุณหวาน ก่อนอ่านต้องหลับตาพริ้มแล้วจินตนาการว่า ภาพอรุณที่ร้อนแรงและส่องแสงนั้นจักหวานในแนวไหน การเนรมิตให้ดวงอาทิตย์แรกแย้มนั้นหวานได้นั่น ถือเป็นพรพิเศษที่ทุกคนมองเห็นไม่เท่ากันหนะครับ อ่านบทกวีแกล้มเพลง ป่าลั่น ราวกับว่าโลกนี้ร้างไร้ผู้คน มีแต่เพียงเสียงนกเสียงกา ปรารถนาเช่นนั้นจริงๆ ครับ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2535 เมื่อ อาทิตย์อุทัย ส่อง ทั่วท้องถิ่นไพร โลก แจ่มใสอีกครา เหม่อมองนกโผบิน แว่วธารรินไหลหลั่ง ป่าลั่นดังสะท้านใจ แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเขา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเรา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง.
1 ธันวาคม 2546 01:45 น. - comment id 186677
อาลัย หว๋าเป็นงง
1 ธันวาคม 2546 06:10 น. - comment id 186690
แวะมางานนี้ เต็มอิ่มแลยครับ เพลงให้ฟัง กะว่ามาโพลสตอนเช้า ให้เข้ากับบรรยากาศอรุณหวาน ว่าหวานจริงไหม แต่อ่านแล้วไม่คอยหวานเท่าไหร่ สงสัยไม่ได้ยินคำเรียกว่าที่รัก ๆๆๆๆๆๆๆ ต้องขอโวยวายกันบ้างสักเล็กน้อย เพราะว่าพุดเป็นคนใจดี งามเงียบ ถึงโกรธ ก็คงเงียบไม่ปาก ก็เพลงนะสิครับ มอบมาให้ผมอย่างไร คนละเรื่องเดียวกัน นาน ๆ แต่งหวานซักที ก็น่าจะหาเพลงเข้ากันบ้างนะครับ จะเชียร์ให้ไปแอ่วสาวเอื้องเมืองเหนือ ไปอู้คำเมือง กะเจ้า หรือครับ สำหรับความปรารถนาที่มาถึง ผ่านมาทางกระแสจิต จะถึงกันไหมน้อ อยู่กันตั้งไกล คงโดนป่าเขาลำเนาไพรขวางไว้เป็นแน่ รอสายลมหนาวพัดมาอยู่ครับ คงพัดช้า ขอมอบเพลงนี้ให้ชัยชนะ ฟังก็แล้วกัน(จัดเองเลย) ใครแวะมาที่นี่ ฟังด้วยกันทุกดวงใจนะครับ อุษาสวาท ยาม อุษาฟ้ากระจ่าง ทั่วนภางค์สว่างแล้ว ตื่นนินทราเสียเถิด น้องแก้ว สว่างแล้วนะ แก้ว ตา แจ้ว จำเรียง เสียงกระซิบ สั่ง ดั่งสัญญา กระซิบคำรักว่า อุษาสวาทปอง อย่าข้องใจ มอบฤทัยไว้ร่วมกัน ยามน้องหนาวตัก พี่ซบ ทรวงพักตร์ อุ่นไอรักจะอุ่นพลัน อย่าโศรกศัลย์ ขวัญตา อย่าลืมสัมพันธ์ ปองรักกัน จนวันตาย ใจ ผูกพันรักกันจนกว่า ดินและฟ้าจะมลาย อุษานี้มีมนต์ ดลรัก สลักใจ ร่วมสายใยสวาทเอย http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=653