ใจจรดใจ!

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6189
อรุณรุ่ง....
แย้มเยือนทายทักทุกดวงใจ
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง...
บ้านหลังโน้น คฤหาสน์หลังนี้ 
จะยากดีมีจน ธรรมชาติมิเคยลำเอียง
ทุกถิ่นที่..
ทุกแนวไพรทุกเมืองใหญ่
ทุกภูเขาทุกท้องทะเล
ทุกซอกทุกมุมทุกส่วนเสี้ยว
ทุกเรียวตาเรียวใจ 
ธรรมชาติ..พลีพร้อมให้..ธรรมดาคนผู้รู้ตน 
ผู้มีเนื้อใจกมลละมัยพร้อมไหวไหลรินรับ


ทุกดวงใจใช้ดวงตาทายทักมิพักเอ่ยเฉลยคำเฉลยนัยน์
เพราะทุกงามยิ่งใหญ่ในหล้าโลกนั้น.
ใช้แค่..ใจจรดใจ..ใจเปิดใจ..ใจแลกไป..ใจจึงได้มา..
ไม่ว่า..ใจจรดใจ..จากใจใครละไหนละหนอ
เนื้อดวงใจเรา...ไม่มีแบ่งชนชั้นฝันสิ้นไร้
ไม่ว่าจะยากไร้หรือรวยร่ำ


ขอแค่...มีฝัน..มีปิติ..มีดวงตาสวรรค์...ฝันพลี
ที่เปิดใจพลันให้พลังพรูพร่างว่างไว 
รับรู้รับงามง่ายใกล้ตัวใกล้ใจ
มิพักต้องวิ่งคว้าไขว่..ไขว่คว้า
สิ่งใดไกลเกินใจเกินกายเพียงนั้น
มาหมายชมภิรมย์ชื่นชั่วคืนค่ำแล้วพลันเบื่อ..
เหลือเพียงอยากขว้างทิ้งสิ่งลมลมจอมปลอมหอมหอมเทียมเทียม 


ที่พาใจเหนื่อยล้าบ้าแสงสีศิวิไลซ์
ให้พากันหาเงินมาบำรุงบำเรอเพ้อไม่พ้นกาล..กาม...
ไหนจะต้องสนองงามนอกให้เลอล้ำ เรียกร้องความสนใจ
จากผู้มองเห็นแค่สิ่งไกล ไกลตัว ไกลใจ พอกัน
ซึ่งนับวัน โลกนี้จะมากมีมายมายวัตถุ
มิหยุดสนองเสนอให้หลงละเมอเพ้อหามิรู้สิ้นรู้จบ

********

ลืมตาตื่นสิ..
ที่ไหนไหนก็เหมือนกัน..
ก็!..สวรรค์บนดินเทียบเทียม
กลางกระท่อมยากไร้..
แม้นเพียงมี..ใจจรดใจ..ผ่านนัยน์ตาฝ้าฟาง
มองงามผ่านหน้าต่างบานโย้เย้เก่าคร่ำ 
ขอเพียงเห็นแค่ยอดตำลึงละออพันคลอคลึงเคล้ารั้วไม้ไผ่ผุผุ..
ชูช่อดอกไสวล้อลม เพาะบ่มงามง่าย 
คิดได้คิดง่ายแค่พอใจพอเพียงเพียงพอ
ขอแค่เลี้ยงชีพชอบ..ไปวันวัน
ดีกว่าผู้ประกอบกรรมชั่วนอนเกลือกกลั้วกับน้ำเงิน
ที่ได้มาแบบสิ้นศักดิ์ศรี
สะดุ้งคืนละไม่รู้กี่ทีกี่หนกี่ครา
กลัวว่าจะถูกโซ่พันธนาพาสองขาไม่สามัคคีเข้าไปเยี่ยมคุกตะราง..


โน่น..น้ำเต้า..ลูกกลมยาว บวบงอนช้อยเช้งฉ่ำ
ค้ำห้อยย้อยระย้าระค้างเถาใหญ่..เขียวใสสวยเสียไม่มี
นั่นหัวปลีสีม่วงสวยจากกล้วยกอยักษ์ รอหักมาต้มกะทิแกล้มน้ำพริก
หรือยำขลุกขลิกอร่อยล้ำแกล้มกุ้งสดมะพร้าวคั่ว..


และนั่นมะละกอ หว่านไว้พอจะตำส้มทั้งปี ออกลูกดีลูกดก 
มีไล่สีส้มสุกเขียวพรมอมชมพูพร่าง..งามตางามใจและพาอิ่มท้อง
แถมจ้องปลิดไปแกงส้มกับปล่าช่อนปลาหมอท้องนา
แกล้มปลาสลิดแดดเดียว
ที่วิดเอาจากท้องร่องลำคลองน้อยน้อยที่ขุดไว้ปล่อยปลาหลากพันธุ์


นั่นเป็ดร้องก๊าบๆอาบน้ำในคลอง
ลอยละล่องราวหงส์เหิรกรีดกราย  มากมายเลี้ยงไว้กินไข่..และ
โน่นไงผักบุ้งทอดยอดออดอ้อนน้ำเคลียคลอสองตลิ่ง
ไม่กลัวยามจะเก็บกินว่าจะกลั้วสารพิษร้าย


แล้วนั่น แปลงผักสวนครัว แปลงน้อยน้อยหอมดงดอกโหระพา
ข่า...ตะไคร้หอมหอม..ใช้นำมาเคี่ยวเป็นน้ำมันทาแก้เส้นสายฟกช้ำ
ทากันยุงก็ได้ด้วยได้ดี..
นอกจากที่จะทำกับข้าวได้แล้ว
ยังเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านนานนม
ที่ไม่มีคนไทยคนไหนครัวไทยไหนไม่รู้จัก  รู้รัก  รู้ค่าล้ำนำมา
ทำกับข้าวโขลกเครื่องแกงเองให้ระเบงหอมไกลไปสามบ้านแปดบ้าน 
ยามคั่วน้ำพลิกขลุกขลิกหอมตระลบอบอวลกระจายจรุงไกล


นั่นต้นมะกรูด..ใช้ประโยชน์ได้ทั้งใบ
ทั้งผลตะปุ่มตะป่ำไว้สูดดมแก้วิงเวียน
และเวียนวนนำมาใช้หมักผมงาม
มิง้อยาสระผมสารเคมีที่ขวดแสนแพง..


ยังมีพืชพรรณมากมายมากมี
ที่ขยันนำมาลง ให้ตรงใจงาม
พันธุ์ไม้ไทยนานาพรรณ 
ชบาบานดอกใหญ่เท่ากระด้งหลากสี  
ดาวเรืองประเทืองใจ 
จำปีจำปา พุทธรักษารักษาใจ 
น้อมนำด้วยดวงใจงาม
นำดอกเหลืองทองละออละอองผ่องบาน
น้อมกราบกรานบูชาพระพุทธขอพร
ในยามค่ำ..


กอมะลิซ้อนมะลิลามะลิธรรมดาๆมะลิไพร.
และหากรักดอกไม้ไพรดอกไม้ไทย
ก็ปลูกให้เหมือนอุทยานดอกไม้
ราวสวนขวัญสวนสวรรค์ลอยเลื่อนได้ 
ขอเพียงแค่เรา..มีใจ..ใช้ใจจรดใจ..
เพาะพืชพันธุ์สร้างฝันไพรสร้างขวัญหล้า
ด้วยสองมือด้วยดวงใจรักนี้ที่คิดเป็นเห็นงาม..
และณ..กระท่อมไพรแห่งนี้
ก็จะมีพันธุ์ไม้หอมหอมให้ดอมดมมิรู้สิ้นมิรู้เบื่อ


อุทยานดอกไม้ 
ชมผกาจำปาจำปี
กุหลาบราตรี
พะยอมอังกาบทั้งกรรณิการ์
ลำดวนนมแมว
ซ่อนกลิ่นยี่โถชงโคมณฑา
สายหยุดเฟื่องฟ้า
ช-บาและสร้อยทอง
บานบุรียี่สุ่นขจร
ประดู่พุดซ้อน
พลับพลึงหงอนไก่พิกุลควรปอง
งามทานตะวัน
รักเร่กาหลงประยงค์พวงทอง
บานชื่นสุขสอง
พุท-ธชาติสะอาดแซม
พิศ พวง ชมพู
กระดังงาเลื้อยเคียงคู่
ดูสดสวยแฉล้ม
รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม
สารภีที่ถูกใจ
งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ
ผีเสื้อแตกกอ
พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้
ดาวเรืองอัญชัญ
ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล
ชูช่อไสว
เร้าใจในอุทยาน
พิศ พวง ชมพู
กระดังงาเลื้อยเคียงคู่
ดูสดสวยแฉล้ม
รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม
สารภีที่ถูกใจ
งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ
ผีเสื้อแตกกอ
พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้
ดาวเรืองอัญชัญ
ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล
ชูช่อไสว
เร้าใจในอุทยาน...
******


ยามอุษาฟ้ากระจ่างทั่วนภางค์สว่างแล้ว
จะได้ยินเสียง..ไก่เจื้อยแจ้ว..แว่วมาเอ๊ก อี เอ๊ก เอ๊ก วิเวกงามปลุกใจ
ดุเหว่าพลันหวานแว่ว..แผ่วซึ้งทรวง..ให้ห่วงหาดวงใจ..
ถลกมุ้งเก่าคร่ำ 
คว้าขันล้างหน้าวักน้ำฝนใสในโอ่งริมชายคา
ไม่ต้องล้างหน้าจากอ่างทองคำ..ใจก็งามล้ำ
แม้หน้าอาจจะดำด้วยเรียวแดด
แต่ธรรมชาติก็จะเสกสีแทนทองละออละอองผ่องนวลน้ำผึ้งให้งามอีกแบบ
ไม่ต้องใช้ครีมกระปุกละพันละเลง 
แล้วไปเครียดกลางเมืองเรืองรุ่งด้วยฝุ่นผง
ซอนไซร้ให้หมองหม่นชั่วพริบตา 


หากว่าไม่มีโชคนั่ง
ห้องอบแอร์แพ้อากาศดีที่มีแต่จะครั่นเนื้อครั่นตัวทั้งวัน
เพราะพอลลูชั่นก็หมุนวนหมุนเวียนไปทั้งเมืองทั่วเมืองทั้งวี่ทั้งวัน..
ทุกวี่ทุกวัน..พลันหน้าก็แห้งเป็นสองชั้น
คือแห้งเพราะต้องปันเงินซื้อครีมบำรุงสวยเวียนวน..วนเวียน
และไม่ต้องโกนหนวดด้วยมีดโกนไฟฟ้าทาครีมหอมหอม..
ก็ให้สาวดอมดมได้อารมณ์ดิบเดิมแบบไพรไพรไปอีกแบบนะ
คนดีของแม่ยอดสร้อย  ร้อยชีวีรัดร้อยใจเป็นเทพีไพรหนึ่งน้องนางเดียว.
.

อรุณรุ่ง ทุกชีวีไพร..
ไม่ต้องรีบร้อนป้อนข้าวหรืออัดใส่ปากลูกอย่างลุกลน 
พร้อมคำบ่นการจราจรที่พาให้เร่งรีบ ในรถหะรูหะรา ราคาแพง 
แม้นแอร์เย็นฉ่ำแค่ไหนไยยังร้อนอกร้อนใจราวไฟเผาลนทรวงตลอดทาง..


ผิดกับชีวิต..ชนบท
แค่จักรยานสักคันค่อยค่อยถีบไปตามคันนาช้าช้า 
หรือไม่ก็แค่สองขาเดินไปกับดวงใจละไมละมุน
ได้ทายทักแย้มยิ้มกับผีเสื้อโบกโบยบิน
ได้ทายทักฟ้ากว้างสายลมอ่อนอ่อนหวานหวานบางเบา
ที่หอบเอาหอมละออช่อดอกมะม่วง
และรวงดอกข้าวหอมหอม
ที่พร่างล้อลมไสวกลางทุ่ง
ด้วยแสงอาทิตย์อ่อนอุ่น
พราวพรมราวห่มด้วยทองทาทาบอาบผืนนาเรียวรวงที่พากันชูช่อ
ล้อลมโบกมือบ้ายบาย..ให้หัวใจเราหอมงามตลอดวัน..


ไม่มีเกือก แพงแพงมีแต่เกือกที่อ้าแง้มแย้มยิ้มทุกย่างก้าว..
และมิพักต้องอายใครในเมื่อบางคนไม่มีใส่เหมือนๆกันทั้งบาง..
เป็นโลกจริงสิ่งหอมหวานแต่กาลก่อน
ที่วงล้อกาลเวลาเฆี่ยนพาพัดพรายหายผ่าน
ไปกับม่านเมืองมนตราเงินกับวัตถุมากมีมากมาย
ที่พากันกระหน่ำดวงฤดีดิบเดิมดวงดีที่ติดดินถวิลไพร
ให้มลายหายวับลับลาเลือนไปตามกาลปัจจัย..


ช่างน่าเศร้าสะเทือน...
เมื่อหวนคิดย้อนไป.
*จากใจจรดใจ*งามภายในเรียบง่ายวิถีสบายๆ
กลายเป็นโลกแห่งการแย่งชิงสิ่งเฉพาะภายนอกตรงหน้า
ด้วยการวิ่งหาวัตถุทายท้ามาพิสูจน์ใจว่าใครแน่ กว่าใคร


สาวบ้านนา..มีอะไรมากมายจากดวงใจ
ที่อยากถ่ายทอดเทใจ*จากใจจรดใจ* 
ที่มากมายฝากให้คนในโลกศิวิไลซ์ที่ยังไหลหลง
หันกลับ..ลงมองห้องนวลเนื้อใจสวยใสพิสุทธิ์ประดุจน้ำค้างวะวับแวม
ที่เทพประทานให้มาอย่างเท่าเทียมกัน
 ตั้งแต่วันที่เราลืมตาดูโลก
ทุกดวงตาดวงใจให้มองงาม*จากใจจรดใจ*
ให้รู้มองธรรมชาติไพรได้ทุกที่ทุกเวลา
ที่คลอเคลียเคียงใจเรามานานเนานานเนิ่น...


ไม่ว่าจากริมระเบียงกว้างจากหน้าต่างเมือง
ในทุกยามเช้า...
ให้เฝ้าแหงนเงยดูพรายงามของอรุณแรกแย้ม
ที่แตกดวงพร่างรัศมีแจ่มจ้าเจรืองจรัส..
กล่อมขวัญหล้าเสกฟ้าสีหวาน
หว่านโปรยละออละอองทองพิลาสพิไลผ่องผุด
ให้ทุกดวงใจรับงามเติมเต็มเนื้อใจ
เพื่อปลุกปลอบ
มอบฝันดีให้เข้าใจชีวีและโลกชีวิต
ที่จักสถิตสถาพรเป็นนิรันดร์รัก
เพียงมองตะวันให้เป็นให้เห็นงามเห็นแง่คิด
***********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4370
เก็บตะวัน
ที่เคย ส่องฟ้า
เก็บเอามา เก็บไว้ ในใจ
เก็บพลัง เก็บแรงแห่งแสง
ยิ่งใหญ่
รวมกันไว้
ให้เป็น หนึ่งเดียว
เก็บเอากาล เวลา ผ่านเลย
สิ่งที่เคย ผิดหวัง ช่างมัน
หนึ่งตัวตน หนึ่งคนชีวิต
แสนสั้น
เจ็บแค่นั้น ก็คง ไม่ตาย
ธรรมดา เวลาฟ้าครึ้ม
เมฆหม่น
พายุฝน อยู่บน ฟากฟ้า
คงไม่นาน ตะวันสาดแสง
แรง กล้า
ส่องให้ฟ้า งด งาม
หากตะวัน ยังเคียง คู่ฟ้า
จะมัวมา สิ้นหวัง ทำไม
เมื่อยังมี พรุ่งนี้ให้เดิน
เริ่ม ใหม่
มั่นคงไว้ ดังเช่น ตะวัน
ธรรมดา เวลาฟ้าครึ้ม
เมฆหม่น
พายุฝน อยู่บน ฟากฟ้า
คงไม่นาน ตะวันสาดแสง
แรง กล้า
ส่องให้ฟ้า งด งาม
หากตะวัน ยังเคียง คู่ฟ้า
จะมัวมา สิ้นหวัง ทำไม
เมื่อยังมี พรุ่งนี้ให้เดิน
เริ่ม ใหม่
มั่นคงไว้ ดังเช่น ตะวัน...

*********

และในยามค่ำ 
หามุมเงียบงาม..นอนนับดาวงามล้ำ 
รอดาวดวงนำทางแห่งชีวี
มาส่องสว่างกระจ่างใจปลอบประโลม
ลบหม่นหมางให้ทนสู้..หยัดยืน
มิยอมแพ้พ่ายทุกเรื่องราว
ที่ผ่านพบทายท้าใจให้ไหวครวญ
รอดาวประจำเมืองเรืองรุ่ง ทอแสงจรัสจ้า
ฝากจิตวิญญาณเหว่ว้าไม่ว่าในยามเศร้าสุข 
ไม่รานรุกใจใครขอ แค่ฝากใจไปกับจันทร์
ฝากฝันกับดาวประดับใจในราตรีก็เพียงพอก็พอเพียง


และคนดี..ทุกคืนค่ำ
ขอจง เปิดม่านฝันเปิดม่านตา คลี่ม่านใจ..
พบดาวไสวทอแสงเรืองร้อยดั่งหิ่งห้อยนับร้อยนับพันล้านดวง
ให้พาฝัน ลอยคว้างสล้างใจ 
ขึ้นไปไกวชิงช้าเมฆ 
เสกรวงดาวมาเป็นสายสร้อยรักอักษราภาษาใจ
ถักทอเป็นสายใจสายใยรักสู่ผองชนนะคนดีนะดวงใจ

*********

ทะเลเมฆ
ทะเลเมฆ สาวบ้านนา 
ทะเลเมฆเสกรวงดาวละลิบลิ่ว
ราวโปรยปลิวพริ้วสายไหมทอไยฝัน
วิมานใดไหนเล่างามเทียมทัน
ลุ่มหลงฝันวันแสนดีราตรีไพร...
เดือนหยาดหวานปานโปรยโรยน้ำผึ้ง
ใจดวงซึ้งซ่านสุขซุกหวามไหว
กุหลาบงามยามนี้คลี่กลีบหอมยวนใจ
ดอกไม้ไทยไหวกิ่งก้านหวานรับลม...
ลั่นทมระทมช่อล้อลมไหว
หอมเศร้าใจยิ่งไหวหวั่นวันขื่นขม
ลำธารหอมหลอมระรินกลิ่นลั่นทม
หมอกพร่างพรมห่มร่างร้าวช่างหนาวใจ....
ฝันฝากร่างอ้างว้างกลางไพรพฤกษ์
ดาวยามดึกพริบพราวว่าอย่าร้าวไหว
อีกไม่นานดอกไม้หวานบานรับใจ
ไม่ห่างไกลทิ้งใจร่างกลางผืนไพรดาวพร่างพรม
 
*********

ชิงช้าเมฆสาวบ้านนา 
อาทิตย์ลาลับเหลี่ยมทางสันเขา
ฟ้าสีเทาเข้มครามยามเปลี่ยนสี
เหลืองส้มทองส่องรุ้งหวานระวี
จันทร์ราตรีโผล่ทิวไม้ทายทักไพร..
ไล่ยามพลบหลบหายชายคาเมฆ
สวรรค์เสกแสงดาวพราวฟ้าใส
ริมลำธารบ้านกลางป่าก่อกองไฟ
ลอยพลิ้วไหวเหนือไผ่กอรอเก้งมา..
จั๊กจั่นเสียดสีปีกกรีดร่ำร้อง
กบเขียดก้องลองเสียงเถียงซ้ายขวา
เบ่งคอพองร้องประชันกับไก่นา
อาณาเขตข้าขอจับจองร้องระงม..
นกทึดทือเสียงครือครือคนชรา
บ่างราวบ้าร้องโหยหวนชวนขื่นขม
ยามราตรีเงียบสงัดลมพร่างพรม
ทิวไม้ตรมระทมท้อรอพัดไกว
นกเค้าแมวลิงลมตากลมโตเป็นพิเศษ
ไว้เตือนเหตุเภทภัยไวเคลื่อนไหว
สัตว์กลางคืนตื่นทำงานผลัดเปลี่ยนไป
ดอกไม้ไพรไหวก้านกอรอรอรอ
หยาดน้ำค้างพร่างพรมลมลูบไล้
แสงจันทร์ฉายคลายเศร้าคอยเฝ้าขอ
ไกวชิงช้าเมฆเสกรวงดาวพราวสร้อยคอ
คล้องขวัญรอขอเกี่ยวใจไปนิรันดร์... 


และ
ทุกทิวาราตรี 
เปิดใจดวงนวลดวงดี
เด็ดดอกไม้รายรอบบ้านรับธรรมชาติ
หวานหวานหว่านพรม ลงตรงกลางใจนวลละเมียด
มิเบียดเบียนใคร
ให้..ดอกไม้ในดวงใจหวานใสสดชื่นฉ่ำเย็น
สร้างฝันสล้างงามละมุนลอยกรุ่นหอมละมัยกมล


และแม้ในยามดึก ..
น้ำค้างไพรพรำพรมพฤกษ์
ฝากกับลมรำเพยผ่าน
ฝากผ่านหน้าต่างเมฆ
เด็ดดวงดอกไม้ไทยวางเคียงหมอน
แนบสนิทคลอใจในนิทรา
ให้หอมละมุนอ่อนอ่อน
ให้หอมหอมหอมกล่อมดวงใจทุกดวงให้หลับฝันดี


จนตราบฟ้าจะสาง 
ตราบรุ่งรางอรุณเรื่อจะวนกลับมารับขวัญใหม่
และ
เชื่อไหมเมื่อ*ใจจรดใจ*ใจรู้ใจ ในสรรพสิ่ง 
นิ่งเป็นเห็นงามเงียบเรียบง่ายจาก*ใจจรดใจ*
จะมีแต่คนอยากชิดชมเชยใกล้
พลีพร้อมให้เราเด็ดดอกรักเด็ดดอกใจเด็ดดวงใจ
 โดยมิพักวิ่งคว้าไขว่ออดอ้อนวอนขอใครเลยนะคนดีนะดวงใจ..!
				
comments powered by Disqus
  • สาวบ้านนา

    20 พฤศจิกายน 2546 22:25 น. - comment id 183383

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6189
      ใกล้รุ่ง   
    เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key E  
    ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ ไกล ไกล
    ชุ่มชื่นฤทัย หวานใดจะปาน
    ฟังเสียงบรรเลง ขับเพลงประสาน
    จากทิพย์วิมาน ประทานกล่อมใจ
    ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
    ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
    ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
    รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
    เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
    ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
    โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
    แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
    หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน
    เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
    ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
    สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ
    
    ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
    ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
    ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
    รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
    เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
    ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
    โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
    แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
    หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน
    เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
    ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
    สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ... 
    
  • ผีขี้เมา

    20 พฤศจิกายน 2546 22:54 น. - comment id 183385

    ก็ติดตามผลงานที่ไพเราะ.....มาคราวนี้มาแปลกนะ...อ่านซะเพลิน
    เพลงก็ชอบอีก
    
    
  • อัลมิตรา

    20 พฤศจิกายน 2546 23:01 น. - comment id 183387

    อยากไปอยู่จังค่ะ
  • |NdEpEndEnT

    20 พฤศจิกายน 2546 23:06 น. - comment id 183389

    เอ๊ ทำไมมาเป้นสาวบ้านนาล่ะคะวันนี้พี่พุด
  • doctorchira

    21 พฤศจิกายน 2546 02:46 น. - comment id 183477

    @สาวบ้านนอกคอกนามาแปลกแปลก
    เที่ยวร้องแลกแหกกระเชอทำเซ่อขลึม
    จะเอาโน้นเอานี่มากันตรึม
    ทำเอาซึมไม่รู้ว่ามาทำไม
          ได้อ่านแล้วชักเป็นงงมากๆครับ
    
  • ชัยชนะ

    21 พฤศจิกายน 2546 13:00 น. - comment id 183510

    ตอนเด็กผมเคยเห็นกระท่อมปลายนา หลังคามุงด้วยหญ้าคาบ้านผมเรียก(ไพหญ้า) 
    ฝาใช้ไม้ไผ่สาน ใช้ใบไม้(ใบตองชาด) มามุงด้านข้าง พื้นปูด้วยแคร่ไม้ไผ่
    ซึ่งบ้านผมจะเรียกว่า(ตูบ หรือ เถียง) ผมเคยนอนตากลมเล่น เย็นสบายดีครับ
    
    เรื่องความเป็นอยู่สาวบ้านนา เล่าได้เห็นภาพพจน์ เหมือนดั่งว่าไปสัมผัสกับบ้านนา
    ท้องทุ่งนาจริง ๆ ครับ   มีสิ่งหากิน ตามพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพืชผักผลไม้มีอุดมสมบูรณ์ 
    อย่างมากมาย ไม่ต้องไปซื้อหา ขอกันกินได้ครับ
    
    แวะเข้ามาชมดูกระท่อมไพร  ก็ต้องบอกว่านำความสดชื่นใจแจ่มใสเย็นใจมาให้ครับ
    ด้วยพรรณไม้หลายหลากนานาพันธ์ที่ส่งกลิ่นหอมจรุงจิต 
    ให้มิตรรักทีแวะมาได้สูดดมอย่างดื่มด่ำครับ
    
    บรรยากาศ ยามเช้ากับชีวิตสาวบ้านนาที่อยู่อย่างสบาย ๆ กับความเงียบงาม
    ช่างน่าสุขใจนะครับ 
    
    เพลงเก็บตะวัน ชอบเหมือนกันครับ แต่นึกถึงใครคนหนึ่ง 
    ก็คุณนกตะวันที่กำลังเที่ยวภาคเหนืออยู่เห็นเป็นคนเงียบ ๆ คงชอบสาวบ้านามั้ง 
    เห็นแวะมาชมโฉมอยู่
    
    มีความปรารถนาดีให้พุด เฮ้ย! สาวบ้านนาเสมอครับ
    
  • ราชิกา

    21 พฤศจิกายน 2546 13:51 น. - comment id 183548

    มาติดตามและชื่นชมผลงานนะคะ...
    
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    22 พฤศจิกายน 2546 00:41 น. - comment id 183773

    อยากอยู่กระท่อมท้ายสวน
    ชมกับมวลหมู่พฤกษา
    หรือไม่ก็เก็บจำปีจำปา
    ตามประสาคนบ้านนาเหมือนกัน
    
    *-*อยากอยู่กับธรรมชาติแบบนี้มั้งจังเลยค่ะ*-*

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน