ทุกๆคนคงรักเช้าวันหยุด ที่ทำให้หัวใจและร่างกาย ไม่ต้องสะดุด ตะลีตาเหลือก ตะเกียกตะกาย ออกไปสู้โลกแต่เช้าตรู่ วันแสนดี ที่นอนตื่นสาย ได้ตามสบาย ตามสถานภาพชีวิตของใครก็ของคนนั้น.. สำหรับแพม... พยายามรักยามเช้าทุกๆเช้า เพราะถือคติโบราณว่า เมื่อลืมตาตื่น ควรคิดแต่สิ่งดีๆ ที่สวยงาม ที่เป็นมงคล เพื่อเริ่มต้น วันใหม่อย่างแจ่มใส สดชื่นกับชีวิต และโดยเฉพาะ...เช้าวันหยุด บางอาทิตย์ ที่สามารถเนรมิตรให้เสรีภาพแก่ดวงตาและดวงใจ ได้ออกไปพ้นเมืองกรุง (เมืองยุ่งเหยิง) เพื่อพาใจนี้หนาออกไปทอดทัศนา วิว ทิวทัศน์ ท้องทุ่ง ผืนนา ป่าเขา ลำเนาไพร.. แพม....มีบ้าน อีกหลัง เป็นบ้านไร่แสนรัก ที่เมืองกาญจน์... เมื่อมีเวลาว่าง และอยากเติมใจ ไฟฝัน เพื่อชาร์ตออกซิเจน ให้กับชีวิต เราก็จะเดินทางไปพักผ่อน.... สำหรับคนอย่างแพม คนช่างฝัน ช่างจินตนาการ ..... เห็นอะไรสองข้างทาง ก็ดูแสนสวย แสนโรแมนติก ขอแค่ให้ได้ไปไกลๆจากความจำเจซ้ำซาก เสียบ้าง ในยามที่ใจจะมอด (ม้วยด้วยเบื่อ) ยังดีที่ไม่โรแมนติก จนเห็นควาย แล้วร้องว่านั่นตัวอะไรคะพี่ ....... แพมอารมณ์ดี จนบางทีร้องเพลงดังๆในรถ ไปกับ คนที่คอยอุดหูฟัง และใจชื่นบาน กับเสน่ห์ของเส้นทาง..สองฟากฝั่งถนนที่แปลกไป ไม่ใช่เห็นแค่ร้านรวง และความมากมายของผู้คนที่เร่งรีบ ..... ออกจากบ้านแต่เช้า ... ผ่านสนามบินน้ำ ผ่านสะพานพระนั่งเกล้า เห็นเจ้าพระยา สงบงาม ทอดตัวเป็นโค้งคุ้ง ... มีเรือเอี๊ยมจุ๊นและเรือต่างๆลอยล่อง...... ผ่านรัตนาธิเบศร์ ที่มีสวนดอกไม้ ให้ชมฟรี ทั้งสองฝั่ง มีพรรณไม้นานา อวดดอกบานแฉล้มแกล้มใจ ให้เป็นสุข แย้มยิ้ม ทายทัก กวักมือให้เข้าไปดอมดม และซื้อหามา ประดับบ้าน ประดับใจ... บางที ดูราวเข้าแถวส่งเรา บ้าย บาย ให้โชคดี ได้ไปสูด ไอดิน กลิ่นฝน ในท้องทุ่งแทน ..เธอ..... ผ่านนครชัยศรี ที่มีสะโลแกนว่า ส้มโอหวาน ข้าวสารสวย และอะไรมากมีที่ไม่จำ แต่หนุ่มๆอาจจะสงสัยและอยากรู้แค่ว่า... อกสาวนครชัยศรีนั้น จะหวานและโตเท่าส้มโอหรือไม่หนอ ขอแค่อยากพิสูจน์..... ผ่านมาถึงบ้านโป่ง ไม่เห็นค่อยมีลูกโป่ง จะมีที่ประทับใจก็ของกินหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือไก่ย่างหมักขมิ้นข้างทาง ที่อร่อยล้ำเพราะถึงเวลาหิวโหย และเราจะลงไปกำกับให้ย่างอีกนิดร้อนๆ นำมาหม่ำกับข้าวเหนียว แซบจน ต้องร้องว่า อื้อฮือ....แต่ไม่โอ้โฮ...... เมืองนี้ มีฉายา ว่ามีสาวงาม และใครบางคนที่แพมแสนรัก ได้วิ่งเข้าเส้นชัย ชนะใจ สาวงามบ้านโป่ง ตัดหน้าคนพื้นที่....ดีใจจังเลย สาวน้อยคนนี้ สวยหรือไม่คิดดูเอาเองเถอะว่าแค่ไหน มีแมวมองสะกดรอยตามมา ถึงมหาวิทยาลัย เพื่อเชิญไปถ่ายโฆษณา แต่บังเอิญว่า เธอปฎิเสธ...จึงยังไม่รุ่งแรง.... ที่ตลาดบ้านโป่งนี้ จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำอร่อยมาก ที่เราตั้งชื่อร้านให้ว่าร้านก๋วยเตี๋ยวตุ้ด เพราะว่าเจ้าของร้านเป็นสุภาพบุรุษสตรี ที่แสนงาม เป็นร้านที่น่าจะเอาดาวไปโปรยให้ ไม่ใช่มอบให้แค่ 5ดาว.... และเราต้องกลับมาเป็นขาประจำ ซ้ำๆซากๆจนคุ้นลิ้น........ ต่อจากนั้น แวะร้านขายกล้วยปิ้ง กล้วยที่ถูกทับ ถูกทึ้ง จนแบนแต้ดแต๋ แต่แสนอร่อย เพราะหอมน้ำกระทิ ที่แอบถามสูตรมาว่าทำยังไงถึงมีรถเก๋งเข้าคิวรอซื้อ เจ้าของ จำหน้าแพมได้ คงคิดว่าไม่น่าจะทนร้อนยืนปิ้งกล้วยขายแข่ง เลยบอกสูตรมา ว่าอยู่ที่น้ำตาลมะพร้าวหอมๆ และกะทิต้องขูดเอาเองต้องสด จึงจะหวานมัน และต้องเลือกคัดกล้วยให้ดีๆ ไม่มีเม็ด... .เห็นไหมว่า เรื่องกล้วยๆ แต่มันไม่กล้วยอย่างที่คิดนะจะบอกให้...ถ้าจะยึดมาเป็นอาชีพ....... คิดคิดดู จะไม่ให้เรานี้สุขทั้งใจกาย ได้อย่างไร ที่ได้ออกทัวร์ท้อง แบบนี้ ที่เพิ่มความอ้วนพี พุงกาง เลยค่ะ.... เมื่อถึงเมืองกาญจน์ หลังจากออกไปหาบรรยากาศป่าเขา หรือไม่ก็ไปไหว้พระ ตามวัดวามากมี ที่บางที่ยังเป็นถ้ำสวยอีกด้วยนะ... แล้วเราก็จะกลับมานอนดู เมฆขาวเกลื่อนฟ้า ท้องนภาที่สว่างกระจ่างใจ ใต้ต้นไม้ใบบัง.... กับลมเย็นๆพัดรำเพย ให้สุขสมภิรมย์ใจ หาใดเปรียบปาน.... และก่อนจะกลับเราก็จะ หาร้านริมน้ำ เป็นที่ดินเนอร์ มื้อค่ำ ใต้แสงดาวเคล้าแสงจันทร์ ให้อิ่มอร่อยก่อนอำลา..อาลัย.. มาผจญภัย ผจญกรรมต่อที่เมืองลวง.....(หลวง).. เป็นทัวร์ท่อง ทัวร์ท้อง ที่ติดดิน กับชีวิตนี้ ที่จำเจ ทำให้สุขใจ ไม่ต้องคอยเวียนวน แบบคนเมือง อยู่แต่ ในร้านรวง ตามศูนย์การค้า ที่พาใจให้เกิดความอยาก จน จ้นเงินหมดกระเป๋า บางคนบอกว่าเดินห้างดีกว่าเพราะว่า แอร์มันเย็น แต่ใจนะสิมันจะร้อนรุ่มอยากจะซื้อ ซื้อ ซื้อ สิ่งที่บางทีเกินจำเป็นต่อชีวิต.. รวบรัดเรื่องราว เล่าว่า .... นี่คืออีกทางเลือกหนึ่ง ของเช้าวันหยุด ถ้ามีโอกาส และอยากให้แฟนๆ วางแผนทำวันหยุดให้มีชีวิตชีวา พาตัวเอง ออกไปชนบทบ้าง ..นะคนดีที่แสนรัก... จะได้ลดละบางสิ่ง และเพิ่มเติมต่อ สิ่งดีๆให้กับชีวิตที่แปลกใหม่ไปบ้าง........ สุดท้ายอยากจะเล่าเรื่องราว..เรื่องๆหนึ่ง ที่เกิดขึ้น ในวันหยุดกับ นักอยากจะเขียน คนนี้ที่ชื่อแพม ที่ใครๆบอกว่า เขียนเรื่องรักน้ำเน่า ได้หวานแหววแต๋วจ๋า ซะไม่มี........ ซึ่งชีวิตจริงไม่ได้หวานแบบธรรมดาๆนะ แต่เป็นคนหวานผ่าซาก ในบางที บางบท กับบางครั้งของชีวิต ในยามที่พบเห็นอะไร ไม่ยุติธรรม ไม่ชอบมาพากล.... ใจกับตาจะพากันสามัคคีราวกับมีตาชั่ง..จะทนไม่ได้ ต้องเข้าไปต่อว่า....เรียกหาความจริงของชีวิต วันที่เกิดเรื่อง....ให้ต่อว่า คือวันหยุดที่กำลังจะเดินทางไปเติมไฟฝันนั่นแหละ แต่ดันบังเอิญ ต้องสวมวิญญาณนางมารร้าย.....เสียก่อน.. เช้านั้น แพมต้องลงไปกดเงินจากตู้ เอ ทีเอ็ม ก่อนเดินทาง... ขณะที่รอคิว และมีคนรอสองสามคนอยู่ก่อนหน้าแล้วนั้น.... พลันก็มี..รถเก๋งคันงาม เบ้นซ์รุ่นใหญ่ เอสที่เท่าไหร่ ไม่สนใจจำ เพราะไม่ใช่ของเรา.. ก็มา..จอดพรืดใกล้ๆ....... และเมื่อประตู เปิดออกมา ไม่ใช่นารีแสนสวย แต่กลับเป็นพระ เห็นจีวรเหลืองละออ ลอยมา....แต่ไกล ท่านเดินมา..แล้วชิงตัดหน้าแซงคิว เข้าไปในตู้กดเงิน เฉยเลย... วิญญาณ เปาบุ้นจิ้น จึงสิงแพม พร้อมๆกับเกิดปุจฉา.....แบบหมดศรัทธา ว่าท่านทำอะไรของท่านนะ เหตุใดพระถึงมาทำกิจทางโลกอย่างนี้ แถมยังไม่มีมารยาทเอาเสียเลย...... แพม ไม่กล้าหยุดท่าน โดยการกระชากผ้าเหลือง เพื่อให้ท่านรอคิว เพราะแค่คิดก็บาปมหันต์แล้ว..และไม่สุภาพ.... จึงรอเวลา...รอ ให้ท่านกลับออกมาจากตู้..... เมื่อ..ท่านก้าวออกมา..แพมนมัสการท่านแล้วบอกว่า ท่านไม่น่าลำบากมาทำกิจที่ไม่ใช่ของสงฆ์เองเลย และถ้าจะทำท่านน่าจะรู้ว่ามีคิว... ท่านมองหน้าและ ด่าแพม แทนการให้ศีลให้พร แบบที่พระพึงให้แก่ฆราวาสว่า...... ไอ้ปากหมา...ไปทำบุญถวายวัดด้วยส้วมเสียนะ. แล้วก็เดินจีวรปลิวจากไป...... เช้าวันหยุด วันนั้น... จึงเป็นวันแรกในรอบปี ที่ไม่งาม เพราะแกว่งปากไปหาเสี้ยน และจึงเอวัง ด้วยประการละฉะนี้ ที่อยากทิ้งไว้ให้ท่านผู้อ่านรู้ว่า..... แท้ที่จริงแพมนี้หนาคือ นักอยากจะเขียนเรื่องแสนหวาน แสนน้ำเน่า หรือว่าคนปากปีจอกันแน่ แฮ แฮ แฮ .....ช่วยตัดสินทีนะคะ ..
15 พฤศจิกายน 2546 10:43 น. - comment id 181774
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2535 ป่าลั่น เมื่อ อาทิตย์อุทัย ส่อง ทั่วท้องถิ่นไพร โลก แจ่มใสอีกครา เหม่อมองนกโผบิน แว่วธารรินไหลหลั่ง ป่าลั่นดังสะท้านใจ แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเขา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง ต่างคน รักป่า ป่าคือ ความหวัง เลี้ยงชีพ เรายัง ฝังวิญญาณ นานไป ตื่น เถิดหนา อายนกกา มันบ้าง แผ่นดิน กว้างขวาง ถางคนละมือ ละไม้ รอยยิ้ม ของเมีย ชะโลม ฤทัย ซับเหงื่อผัวได้ ให้เราจง ทำดี เสื้อ ผ้าขี้ริ้ว ปลิวเพราะแรง ลมเป่า กลิ่นไอ พวกเรา เขาคงจะเดิน เมินหนี คราบใด ไหนเล่า เท่าคราบ โลกีย์ เคล้าอเวจี หามีใคร เมินมัน โลก จะหมอง ครองน้ำตา ยามเศร้า แบ่งกัน ว่าเรา และเราเศร้าจริง ใจฉัน ป่ามี น้ำใจ ใสแจ่ม ทุกวัน รักป่า ไหมนั่น เมื่อป่าลั่น ความจริง...
15 พฤศจิกายน 2546 11:09 น. - comment id 181785
วันนี้อัลมิตราตื่นสายจัง แปดโมงแน่ะ แดดส่องตัวแทบสุกค่ะ พี่พุด... อยากไปเที่ยวด้วยจัง
15 พฤศจิกายน 2546 11:51 น. - comment id 181798
@^_^@
15 พฤศจิกายน 2546 11:59 น. - comment id 181799
ก็อยากตัดสินใจเลือกฝ่ายถูก แต่ยังขลุกขลักว่าเข้าท่าไหม เพราะเราเองใช่ว่าเก่งกล้าใด จึงขอไม่ตอบนะอย่าว่ากัน แต่ชอบเพลงป่าลั่นมานานนัก ด้วยเพราะรักผืนป่าเกินกว่ากั้น จึงฝังจิตติดใจไปนานวัน ยังคงฝันเรื่อยมาแม่ป่าโทรม
15 พฤศจิกายน 2546 12:17 น. - comment id 181812
: )
15 พฤศจิกายน 2546 12:28 น. - comment id 181823
บทนางมารร้ายโคโค่แพม แบบนี้ขอบจังครับ เรื่องนี่สมควรจะได้ลงตีพิมพ์ให้อ่านกันไปทั่วนะครับ กลิ่นอายเรื่องสิ้นแนวขบขันและ น่ารักที่สุดครับ :)
15 พฤศจิกายน 2546 14:50 น. - comment id 181892
ผมติดตามอ่าน ก็ยิ้มสนุกสนาน มากครับ เหมาะครับสำหรับลงวันหยุด จะได้สะดุดความเคร่งเคลียดลงไปได้บ้าง ซักนิดก็ยังดี ผมนึกว่าจะไปเป็นนางมารร้าย ไปปล้นใจเขาที่ไหนน้อ อย่างว่าละครับ คิดว่าแต่คนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเอง ก็พาเที่ยวเสียหลายที่ ได้เที่ยวฟรีแบบนี้ก็ชอบซิครับ คราวหน้าคงมีอีกนะครับ มาเยือนทางอิสานดูหนุ่มหล่อเมืองอุบลบ้างนะครับ ว่ามัดกล้ามจะใหญ่ซักขนาดไหน มาถึงตอนตัดสิน(ความคิดเฉพาะตัวห้ามเลียนแบบนะครับ) ให้เจ๊ากันนะครับ พระก็น่าจะผิดวินอกวินัย เพราะเจรจาไม่สุภาพ พุดน่าจะผิด เพราะ สใส่เกือก ก็เอาคนมาทำพระ แต่พระที่ดีก็มีเยอะเหมือนกันนะครับ (สาธุ อย่าให้ลูกช้างบาปนะครับ)
16 พฤศจิกายน 2546 00:19 น. - comment id 182007
ทำไมพระถึงได้บอกอย่างนั้นหละค่ะ ไม่น่าเลยนะค่ะ ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นเลยค่ะ เพราะอ่านมาตั้งแต่ต้นดีหมดเลยค่ะ พอมาเจอเหตุการณ์นี้เข้าเลยเข้าใจความรู้สึก แต่จริง ๆ คุณพี่พุดไม่ใช่คนผิดนะค่ะ ไม่ได้เป็นมารด้วยค่ะ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ ผู้หญิงไร้เงาว่าพระท่านไม่มีเหตุผลเลยนะค่ะ ส่วนบรรยากาศการบรรยายตอนแรกทำให้อยากไปเที่ยวพักผ่อน แต่วันนี้นอนหลับทั้งวันเลยค่ะ ได้ไปเที่ยวตอนเที่ยงแป๊บเดียวเองค่ะ