http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=197..จูบมัดจำ ยามอุษา ฟ้ากระจ่าง ทั่วนภางค์รำไรรำไร ไพล..คว้าจักรยานคู่ใจ คู่ชีพ คู่ขา ปั่นออกไป ตามถนนสายโศกสายฝัน.. สายดอกไม้ริมทุ่งยังแสนงาม ทั้งๆที่ใจแสนกลัว สุนัขมากมี ที่เป็นสมาชิกพรรคข้างถนน ที่คงจะอยู่คนละพรรคกับไพล ถึงได้จ้องที่จะรุมเห่าเขย่าขวัญ คอยอยากจะขย้ำหม่ำน่องน้องน่องทองน่องนักกีฬาขาแข็งแรงคู่นี้ เสียจริงจริง.. เอาไงเอากันนะ เพราะว่าในตัวมียาป้องกันพิษสุนัขบ้ามากมี ที่ฉีดมาหลายทีแล้ว และครั้งล่า....คุณหมอบอกไว้ว่ายังป้องกันได้ไปอีกห้าปีค่ะ...ห้าปี.. แล้วดวงชีวีจะยังหวั่นอะไรเล่า อ้าวปั่นไปเลยไป.. อากาศยามเช้าแสนสดชื่น ลมระรื่นระริน คิดถึงใครบางคน ที่อาจหลงกลิ่นน้ำเมาน้ำละมุด จนบางที่อาจจะต้องหยุดงาน (เอ๊ะ ใครกันละหนอละนี่หรือว่าผีขี้เมา ที่เราเฝ้าคิดห่วงใย).. กลุ่มเมฆลอยเกลื่อนฟ้า รอเวลาพระอาทิตย์แหวกม่านชักรถ ปรากฏกายออกมาเยือนโลกหล้าอีกคราครั้ง ให้ทุกดวงใจได้ตามตะวันพบทิวาวันแสนดีที่แสนงาม.. ไพล..สูดลมหอมหวานในยามเช้าแสนสดชื่นช้าช้า ผ่อนฝีเท้าลง! ถนนสายโศกสายฝันยังว่างวาย ต้นไม้ตายซากยืนต้นแผ่กิ่งก้านงามประหลาด ยังกับเส้นสายปะการังสีดำ งามล้ำในรู้สึกลึกเศร้าจนต้องหยุดเฝ้าเหลียวมอง.. ดงดอกหญ้าและรวงเรียวข้าวในท้องนา ที่ยังเหลืออยู่ริมกรุงริมทุ่งริมถนน ยังคงสะบัดพลิ้วปลิวไสว รอรับแสงอาทิตย์ดั่งทองทา มาโลมไล้ละมุนล้อรวงเรียว พรายพร่าง อย่างอ่อนหวานอ่อนโยน กลุ่มผีเสื้อ แมลงปอ บินว่อนร่อนชมดวงดอกไม้ สองฟากฝั่งบ้านชาวสวนชาวทุ่ง ที่ยังตั้งหลักไม่ทันยังคิดว่าหลับฝันไป ที่อยู่ดีไม่ว่าดีมีถนนสายยักษ์ตัดตรงมา และให้นอนสะดุ้งทุกทิวาราตรีว่า ไม่รู้วันใด จะพารถคันใหญ่มาถล่มทับ..ให้ยับย่อยจิตวิญญาณ..แบบมิฟื้นคืนกลับ.. นานนับเท่าไรที่สองลำคลอง ลำประโดง ยังหลงเหลือความงามชนบทดิบเดิมติดดิน ให้ไพล ถวิล ชมเพลิน เฝ้าดูทุกวี่วัน ทั้งยามค่ำ และงามอรุณรุ่งอย่างเช้านี้.. ไพล..หลงรักกระท่อมทับ..หลังหนึ่งของสองตายายคู่ยาก ที่มีถนนทางเข้าคือรอยย่ำแยกของดงหญ้าคา..พอให้รู้ว่านี่คือทางออก สู่ท้องถนนใหญ่ ที่..ปลูกไว้พักใจกายยามเสร็จงานนา ยามเหนื่อยล้า มาสูบมวนยาตราใบตองนอนทอดถอนใจ.. ดูฟ้าไกลอย่างเงียบงาม ให้ลมโชยชายทุ่งพัดกลิ่นจรุงใจ ของหอมกลิ่นดินกลิ่นแมกไม้ใบหญ้า มาทำให้งีบหลับฝันไป.. นาทีนี้..วันนี้ไพลไม่รู้ว่าแกอาจจะดีใจหรือเสียใจ หรือไพลกันแน่ละหนอ... ที่ใจหายคล้ายกำลังสูญเสียเพื่อนไพรในป่ากรง ไพล..เลาะเลียบไปนั่งริมทุ่ง ลืมความวายวุ่นวางเหว่ว้าห่างๆ..ใจ ในคลองตา คลองใจ ให้สัมผัสใสงามของธรรมชาติที่ใกล้จะถึงกาลพรากจาก ไพลได้แต่วาดใจหวังส่งพลังใจไปกระซิบร่ำลา .... ดงดอกหญ้า ดวงดอกไม้ริมกระท่อมทับ ดวงดอกไม้พื้นพื้นบ้าน ที่ถูกหว่านหวานสะพรั่งรายรอบ มีดงดอกบานชื่น หลากสี มีดาวเรือง ดาวโรย มีบานไม่รู้โรย ม่วงพราว ขาวนวล อมชมพู มีพืชผักมากมาย ข่าตะไคร้ มะกรูด เป็นกอ และนั่นผักบุ้งงามละออแตกยอดทอดเลื้อยในท้องร่อง ดงกระถินคลอรั้วสานไม้ไผ่ เขียวขนัด มีตำลึงเลื้อยพันระเกะระกะก้านตาม มีมะลอกอห้อยพวงหวานปลายเรียวก้นอมส้มอมชมพู มีมะเขือพวง มีแตงร้าน มีบวบห้อยลูกยานเกือบถึงดิน และมีทุกสิ่งที่เป็นวิถีชาวบ้าน ที่พึ่งพาพึ่งพิงฝากท้องให้อิ่มให้เอมใจ.. เป็นเสน่ห์งามง่าย ที่ไพลไขว่คว้า และได้พาดวงใจยามอ่อนล้ามาพักตาพักจิตวิญญาณ ที่ไพลหลงตามหาตามติดในเมืองลวงนี้..จนพบเจอ และ.. ไพล..จำได้ว่าเคยคุยให้ไอเดียตายาย ผู้อาจจะคิดตรงข้ามกันกับไพล ให้ถนอมธรรมชาติแห่งผืนดินชุ่มฉ่ำใจนี้เอาไว้ให้ตราบนานแสนนาน อย่าเอาอย่าง คนเกาะชาวสวนมะพร้าวบ้านไพรที่ขยันขายที่มาขี่เก๋งแข่งกัน เป็นทิวแถว ให้หัวใจคลุมด้วยเหล็กกระด้างแข่งกัน ที่เจ้าของบริษัทนั้น รู้จักจิตวิทยามนุษย์มากมีที่ทะยานอยาก ไม่รู้จบรู้สิ้นถวิลหามาประดับร่างประดับบารมี.. ที่มากมีเกินความจำเป็นใช้สอย จึงตั้งหน้าตั้งตาผลิตกันมาเสนอสนอง..กิเลสนี้ ที่ทำให้โลกได้หมุนไป..ในทางวัตถุล้นเมือง ไม่ประเทืองใจ ที่ต้องทนทุกข์ทำงานเหนื่อยยากตรากตรำ หาเงินมาผ่อนจนแทบบ้าคราถูกตามทวงเงินงวดค่ารถ ราวนั่งอยู่ในนรกแม้นเบาะรถจะแสนนิ่ม.. และไม่เหลือเนื้อใจให้ไหวหวามให้ไหวทัน หรือบางทีก็เกินการณ์เกินแก้ พ่ายแพ้ใจจนเครียดเส้นโลหิตแตกในสมอง ตรองไม่ทันตามกระแสโลก.. ...... ไพล.. จึงเสียดายบ้านไร่ชายทุ่ง กรุ่นกลิ่นหอมลอมฟางเรียวข้าวในนา และดงดอกหญ้าไหวเอน.. ที่ใกล้จะไร้ร้าง มีหมู่บ้านจักสรรขึ้นมาแทนที่ราวดงดอกเห็ด..เป็นป่าปูน.. ถนนสายใหญ่ยักษ์ สายคอนกรีต ที่กำลังกรีดดวงใจไพลทิ่มแทงใจไพลให้ย่อยยับดับฝันตาม และให้เนื้อใจนิ่มนิ่มนวลนวลของชาวนา แหว่งวิ่น กระจัดกระจายพรายพลัดไปกับลมอารยะ..ที่บ่าโหมกระพือ.. ไพล..ขอหยุดเล่าแค่นี้นะคะ เพราะว่ายาวย้ายยานแถมมิหวาน..มีแต่รานร้าวเสียอีกค่ะ เอาแค่ว่า..เช้านี้ไพลคนดี แค่มาบอกว่ายังได้มาพบเช้างาม อรุณรุ่งเรื่อรางสีหวานปานรุ้งเรียวในซอกเสี้ยวดวงใจ..นะคนดี แม้นมิใช่ในไพรพฤกษ์ที่ไพลฝัน . .เฝ้ามองผืนพสุธาภาวนาให้ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง เพื่อพบฝันวันดี.. ที่สุด..ก็สุดแต่ดวงตานี้...ดวงใจนั้น ของผู้ใด จะ..ไขว่คว้าฝัน มาเพลินตา เพลินใจ..มาประดับดวงใจ.. ตัวใครตัวคุณก็แล้วกันนะ..นะคะ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=197 จูบมัดจำ ทูล ทองใจ : : Key F ต่าง วิงวอน อ้อนรัก พรอดพร่ำ รัก แสน หวานฉ่ำ พี่จูบมัดจำ ตลอดทั้งคืน กอดนวลไว้ แนบกายฝังใจระรื่น ไออกอุ่นหนุนรักชื่น พี่กอดขวัญยืน มิจางห่างน้อง จะ มีใครที่ไหนกันเล่า สวยงามเกินเจ้า พี่เฝ้าเล้าโลม โฉมนิ่มเนื้อทอง สุดจะสรรค์ เนินถันเจ้างามขาวผ่อง ดังหนึ่งพิมพ์ ยามยิ้มมอง สวาทรักปอง น้องนางนั่งชม จวนแจ้ง แล้ว หนา เดือนตกจะลับตา นกกาต่างกู่ หาคู่ภิรมย์ นกกู่ พี่กอดเจ้าไว้มิให้ระทม สองเราต่างเฝ้าเชยชม จนสิ้นแสงโดมแห่งจันทร์ พี่ ต้องลาก่อนฟ้าสว่าง น้องนวลแนบนาง เฝ้าจูบสองปราง เพื่อฝากสัมพันธ์ แต่คืนนี้ พี่ไปอย่าได้ไหวหวั่น คืนใหม่เราค่อยพบกัน เพื่อสร้างวิมานฉิมพลีที่คอย...
12 กันยายน 2546 12:42 น. - comment id 167248
ที่คุณพุดพัดชาสาธยายมาว่า.. ..ขายที่มาขี่เก๋ง... ที่บ้านผมแม้จะอยู่กันคนละภาค แต่สะท้อนปัญหาและเรื่องราวทำนองนี้ที่เกิดขึ้นได้คล้ายคลึงกันเลยครับ ถึงอย่างไรก็ไม่เสียเที่ยวที่มาพบคุณ เพราะพุด พัดชาพยายามจะแทรกเสริมสิ่งรู้ หรือสิ่งที่มีคุณประโยชน์แก่ผู้อ่านเสมอ งานนี้ขอบอกว่ามาดูแค่รูปก็คุ้มค่าแล้วครับ
12 กันยายน 2546 13:00 น. - comment id 167259
งานพุดพัดชาทุกๆ ชิ้นซาบซึ้งเป็นอย่างมาก กับดวงใจดวงนี้ ณ วินาทีนี้ที่อยากจะถอดแอกแจกเสื้อแจกผ้า แล้วไปตามหาเรียวรวงข้าวที่เคยแนบเนามาก่อนหน้า แหวกกรงไมออก ไม่มีแรงดิ้น ไม่ดิ้น ได้แต่เศร้าใจ ไอ้ละหนอ ชีวิตนี้
12 กันยายน 2546 14:21 น. - comment id 167278
ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพี่เสมอเลยนะค่ะ มีเนื้อหาและสาระเหมือนเคย ^-^ คิดถึงค่ะ
12 กันยายน 2546 14:28 น. - comment id 167284
ไพล คือใครกัน????? สวัสดีค่ะ รูปสวยจัง วันนี้อากาศดีจัง นอนกลางวันสบ๊าย สบาย อิ อิ
12 กันยายน 2546 17:14 น. - comment id 167326
พายุพัดแรงมากค่ะที่บ้านพุดพัดชา พรายฝนพร่างสายจนกลายเป็นสายหมอกหนา ครอบคลุม ให้ความรู้สึกซึ้งสุขปนเศร้าล้ำค่ะ หยาดฝนจากชายคาร่วงแรงซัดสาดกระจาย ต้นไม้ทุกต้นไหวเอน แก้วแตกก้านรานกิ่งราวกำลังจะพรากลา กล้วยไกวหวีไหว อย่างกับว่าอยากรีบลงหม้อบวชชี เสียทีรู้แล้วไป จำปี จำใจสลัดใบทิ้งกราวเกลื่อนพื้น เล็บมือนางกางเล็บกรีดกรายร่ายมนตราหาวสันต์ลีลาอย่าลาลับเลือนไกล การะเวก..ทดท้อพ้อดอกพราวพรากไม่สนใจไยดี.. ลั่นทม..ไหวระทมตามลมระบัด ใบงามชัดเขียวฝนไพล โมก..พิไรใจน้อยคอยชูดอกกระจิ๊ดจิ๋วปลิวพรมหอมพราย คล้ายเย้ยเล็กแต่เด็ดดอมก็หอมไกลได้นะดวงใจ กุหลาบ บานวันนี้สามสีแดงชมพูและขาว ตัดมาวางเคล้าบทความนี้ นาที ดอกชวนชมคลี่ดอกหวานบานนับสิบแดงเด่นดอก รสสุคนธ์..รอคนไกลมาชมมาดมหอม นางแย้ม ยังมิแย้มงามราวสาวอายเอียงรอเคียง คู่กับคนรู้ค่ารู้ควร เข็มขาวกอใหญ่ แทงช่อดอกออกจากกระเปาะใจ ให้หอมละมุนไปในยามค่ำ ยามที่นั่งรับสายลมเย็นริมระเบียงบน และทุกหนทุกแห่งทุกแหล่งหล้า นะนาทีนี้หากมีพระพิรุณพรายสาย แม้นย่างกรายมาสายก็ขอให้มาดับร้อนได้ฉ่ำเย็นให้เห็นซึ้งงาม ไปตามกันนะทุกดวงใจ.. และนะเรือนไทย ในเรือนไทยดอกบัวคงไหวชูช่อรอน้ำค้างในยามดึกเดือนพรายหยาดสายหวานน้ำผึ้งจากจันทร์ใจดี รอเวลาที่อรุณรุ่งจะพาแดดสีทองละอองรุ้งเรียวหลังฝนพรำมาทอแสงเพชรพรายพร่างประดับดวงใจให้ใสสวยงามดั่งหยาดเพชร เพื่อประดิดประดอยคำ ..รจนาให้งามล้ำสืบทอด มรดกใจมรดกงามให้โลกอ่อนหวานเงียบงาม เป็นนิรันดร์.. จากใจพุด ภาคซึมซึ้งกับสายฝนหล่นพร่างพราวราวรวงเพชร..ค่ะ
12 กันยายน 2546 17:17 น. - comment id 167327
เฮอ เออหนอนะพุดเอย เอาเพื่อนไพลไปขี่จักรยาน ผ่าไปคิดถึงผีขี้เมาอีกนะ มิขีรถตกถนนไปหรือไร ขี่จักรยานกลางฝุ่นควันในเมืองหลวงนะ ต้องคอยหลบรถแมงกะไซค์ กะพวกคนขับรถเมล์คันใหญ่ที่ค่อนข้างจะก๊งก๊งเมายา ส่วนพวกแท็กซี่ก็จะปาดวาดขา จะไปเหลืออะไร วันนี้ตอบยาวๆได้เพราะคอมพ์ไม่ค่อยแกล้งเท่าไหร่หรอกหนา
12 กันยายน 2546 23:34 น. - comment id 167410
บรรยายแบบนี้น่าสัมผัสนะค่ะ ผู้หญิงไร้เงาชอบมากกับบ้านของตายายที่ว่าเพราะเป็นชีวิตที่เรียบง่ายดีค่ะ อยู่กับธรรมชาติแบบนี้สุขใจกว่าอยู่ในเมืองเยอะเลยค่ะ