เงียบสะท้อน..

พุด


เงียบสะท้อน......
จากหนังสือบ้านภายในเงาภายนอก.
เขียนโดยคุณโกศล กลมกล่อม
กวีร่วมสมัยเจ้าของรางวัลสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย
พ.ศ2532 และ2542
รางวัลรวี โดมพระจันทร์ และรางวัลลมหายใจกวีพ.ศ2534
เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรท์พ.ศ2535 2538 และ2541
กวีที่พุดพัดชาชื่นชมศรัทธาในคำ
ในความงามสมถะเรียบง่ายที่เป็นตัวตนอันแสนยิ่งใหญ่ค่ะ
จึงพยายามนำมาถ่ายทอดเพื่อแบ่งฝันแบ่งสิ่งอันสวยสดงดงามนี้ที่ก่อเกิดงามพร่างสว่างกลางใจ..ดวงน้อยนิดนี้..นะคะและ
ด้วยรักทุกดวงใจไทยโพเอม
หวังเป็นแรงบันดาลใจค่ะ
..........
 
ผมกลับมาสวนโมกข์ปลายเดือนพฤษภาคม 2540
ใบไม้แห้ง กระจัดกระจายบนทางเดินใต้ดงไม้
ผมเดินตามทางที่เคยผ่าน
ต้นไม้น้อยเติบโตเป็นต้นใหญ่..
มีคนบอกว่าเสียงของต้นไม้สอนมนุษย์ให้เข้าใจชีวิต
แดดอุ่นยามเย็นลอดช่องว่างของกิ่งใบ ลมอ่อนผ่านบางเบา
แดดสีทองอยู่เบื้องหลังภูเขา ก้อนเมฆสงบวางที่ขอบฟ้า
ผมหยุดยืนกลางลานกว้าง ก้อนหินและกรวดทรายนิ่งฟังคนเดินทาง
ไม่เคยร้องสิ่งใด
ผมกลับมาที่นี่เวลาเดิมทุกปี เดินรอบสวนโมกข์จนทั่วทุกครั้ง
มีความเปลี่ยนแปลงรอบตัว ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ถาวร..
ต้นไม้ ท้องฟ้า แม้แต่กรวดทราย
จนวันนี้ ผมเข้าใจสิ่งที่ท่านพุทธทาสภิกขุกล่าว  เดินดูเสียให้ทั่ว
เมื่อผมได้เดินท่องไปในจิตวิญญาณของตน เฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงของชีวิต
แต่ละขณะ ทั้งความทุกข์ และความสุข
ผมยืนอยู่ ณ..สถานที่เผาสรีระของท่านพุทธทาสภิกขุ ต้นไม้ใหญ่รอบด้านน้อมลงเคารพ
ความรักความศรัทธาแผ่ทั่วความรู้สึก ขณะที่ผมคุกเข่ากราบตรงพื้นทราย
ภาพวัยเยาว์ปรากฏ ต้นมะขามหน้าบ้านเงาของบ้านทอดลงอบอุ่น
รอยยิ้มของย่าที่มีต่อหลานคนเล็ก ผมเคยพูดว่า..ถ้าเรารวยเราคงมีความสุขมากกว่านี้
เสียงย่าตอบเบาๆ
เราอยู่กันพร้อมหน้าอย่างนี้ หิวบ้าง อดบ้าง เราก็มีความสุข
แล้วเคราสากของพ่อสัมผัสแก้ม แม่ถือไม้เรียวเรียกมากินข้าว ผมแอบออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน
ภาพท้องนากว้างใหญ่ แว่วเสียงกระดึงของวัวควาย ผมเป็นเด็กน้อยวิ่งริมคันนา
รอยผืนดินแตกระแหงเหมือนรอยย่นบนใบหน้าของตาและยาย เมฆฝนทะมึนเหนือเทือกเขา
ต้นไม้ใหญ่น้อยทั่วขุนเขายืนอ่อนน้อมท่ามกลางพายุใหญ่จนสงบ
สายน้ำคือความห่วงหาอาทร เฝ้าเดินทางจนถึงทะเล แสงตะเกียงจากเรือประมงติดขอบน้ำ
เมื่อฟ้าสางเด็กน้อยวิ่งไปช่วยพ่อยกปลาลงจากเรือ
ผมเดินทางมาสู่เกาะ พบกับ วรรณะ เพื่อนผู้รู้จักกันคราวที่เขาเดินทางมาส่งพระรูปหนึ่ง
กลับสวนโมกข์ ผมอาศัยบ้านพ่อและแม่วรรณะบ้าง วัดร้างบ้าง ผมอาสาเป็นครูสอนหนังสือ
ในโรงเรียนเล็กๆ ซึ่งอยู่ใกล้กัน เสียงร้องเพลงของเด็กเป็นเสียงเดียวกับคลื่น
วันที่จากลาไม่รู้เหงื่อหรือน้ำตานองบนใบหน้า
ความรักทำให้เรามีความสุข ความรักหล่อเลี้ยงหัวใจให้อยู่ในโลกอันเปล่าเปลี่ยว
จนคราวเราจากกัน ความทุกข์สอนผมให้เข้าใจความรักที่แท้ ความรักที่สรรพสิ่งมีต่อชีวิต
และชีวิตมีต่อสรรพสิ่ง ประดุจสายใยอันอบอุ่นคล้องวิญญาณเป็นหนึ่งเดียว
ชีวิตไม่เคยหยุดทำหน้าที่ และชีวิตไม่เคยมีวันหยุด ชีวิตหนึ่งสอนอีกชีวิตหนึ่งให้เข้าใจชีวิต
ผมกราบพื้นทรายเป็นครั้งที่สอง ใบไม้ร่วงสู่พื้น ผมเงยหน้าขึ้นเห็นฝูงนกพากับบินกลับรัง 
ลูกนกบินทันฝูงแล้ว ผมเคยเป็นนกหลงฝูงกลางป่าเปลี่ยว เป็นนกแปลกหน้าในเมือง
เวลานี้ผมรู้สึกเป็นเช่นเดียวกับท้องฟ้า อ้าแขนรับความเปลี่ยนแปลง
โลกนี้ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ถาวร ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงเสมอ ทั้งตัวเราและผู้อยู่รอบข้าง
เมื่อวันที่ย่าจากไป ผมนั่งอยู่กับย่าจนลมหายใจสุดท้าย คืนวันที่พ่อจากไป
ผมเห็นรอยยิ้มของพ่อจนตื่น และวันที่ท่าพุทธทาส ภิกขุ อาพาธ
อยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ผมเดินทางมาทันขณะลูกศิษย์พาท่านกลับสวนโมกข์
แปลกใจที่เราจากกัน แต่คล้ายเรายังอยู่ใกล้กัน อยู่พร้อมหน้ากัน 
ความคิดเหมือนเดินทางมาในความเงียบ สะท้อนภาพแล้วภาพเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทุกวินาทีผ่านไป ทำให้เราเข้าใจภาพต่างๆมากขึ้น เข้าใจชีวิตชัดเจนขึ้น
ฟ้าเริ่มมืด เสียงจักจั่นเรไรดังทั่วในความเงียบ เวลานี้ความเงียบและเสียงกลับไม่ขัดแย้งกัน
กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
หน้าผากของผมสัมผัสพื้นทรายเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาอันมิอาจห้ามเอ่อขึ้นมาด้วยความรู้สึก
ศรัทธาต่อทุกสิ่งมีค่าที่ผ่านมาและสอนผมให้เข้าใจชีวิตในวันนี้...........
เงียบสะท้อน
เคยอยู่เดียวท่องเที่ยวไหม
มองไปทั่วทางช่างเงียบเหงา
เพื่อนเพียงเสียงใจสั่นไหวเบา
เป็นเงาติดข้ามความลำเค็ญ
ค้นหาสาระไร้สาระ
ราวจะคว้าได้กลับไม่เห็น
ถอนใจ สายธารกลับผ่านเย็น
 ปลาเป็นว่ายทวนได้ปลาตายลอย
                           
แล้วเสียงเพียงแผ่วผ่านแว่วอยู่
เหลียวดูใบพลิ้วใบปลิวผล็อย
บ้านเก่าเช้าใหม่ใจเคยคอย
แง้มน้อยหน้าต่างอย่างรีบรน
เงียบฟังความเงียบ เงียบสะท้อน
โลกย้อนโลกแสดงทุกแห่งหน
ใจย้อนยินใจเข้าใจตน
ชัดจนเปิดกว้างกระจ่างชัด


มอบให้..คนดีในดวงใจ..
ที่หวังเป็นพลังอันยิ่งใหญ่สร้างงามในดวงใจ..
ไปสู่ฝัน..สู่ดวงดาว..สู่สายรุ้งประดับราวใจไปชั่วกัปป์กาล..
และระหว่างเรา..เงียบสะท้อนงาม..ใจถึงใจ..ไม่มีคำว่ากาลเวลา...
ให้...
เชษฐภัทร ...ด้วยรักและอยากแบ่งปัน..เพื่อสรรสร้างงานงามในโลกบรรณพิภพ
พี่พุด..
				
comments powered by Disqus
  • ผู้หญิงไร้เงา

    14 สิงหาคม 2546 14:17 น. - comment id 160030

    เคยอยู่ลำพังอย่างเดียวดาย
    เพื่อนข้างกายมีแต่ความหมองหม่น
    ไม่มีใครในใจเลยสักคน
    ที่จะทำให้หัวใจไม่ทุรนและทุราย
    
    คงต้องอยู่อย่างนี้ไปอีกนาน
    และคงไม่มีสิทธิ์จะพบพานความสดใส
    ต้องอยู่ลำพังกับหัวใจที่เดียวดาย
    ไร้คนเคียงข้างกายตลอดเวลา
    
    ***เป็นบทกวีที่งดงามมากเลยค่ะ***
  • ลำน้ำน่าน

    14 สิงหาคม 2546 15:13 น. - comment id 160045

    ธรรมชาติงามงด สะท้อนจิตที่จริงแท้  ยามใดก็ตามที่ผมได้อยุ่ท่ามกลางธรรมชาติ ไพรรกโตรกธาน ในยามนั้นสุขนักสุขหนา ราวกับว่าจะหลอมละลายเนียนแนบเป็นหนึ่งเดียว

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน