พ้นพันธนา. หัวใจของฉัน ผู้หญิงคนนี้ ที่คิดว่าน้อมรับธรรมชาติมาแต่อ้อนแต่ออก บอกใครถ้วนถี่ก็มิได้หมดใจ นอกจากพยายามรจนาออกมาได้บ้าง เป็นบางส่วนเสี้ยวของชีวิต... ตอนเป็นอาจารย์ มักจะยกตัวอย่างธรรมชาติงาม มาน้อมนำใจให้ลูกศิษย์ สาวชาวกรุง ผู้มิเคยได้สัมผัสของจริงได้รู้ว่า ฟ้างาม นั้นน่าตะลึงหลงเพียงใด มันเปลี่ยนสีไปราวเวทีธรรมชาติ ที่เล่นแสงสี แสงสวยโดยไร้มือผู้ใดบังคับควบคุม ทุกสิ่งที่ฉันได้ซึมซับ กลับรื่นรินไหลให้กับดวงใจอ่อนเยาว์ ให้อ่อนโยนที่ละนิดทีละน้อย อ้อยสร้อย รวมเป็นกอบกำ จนยึดครองสี่ห้องหัวใจของฉันไปหมดสิ้น... จนถึงวันนี้ นาทีนี้.. ฉันเคยมียามเช้าที่แสนดี มียามเย็นที่แสนงาม มีพระจันทร์ให้ฝันในยามค่ำ มีพระอาทิตย์เริงระบำ ตั้งแต่เช้าจนตกเย็น เป็นราวเพื่อนใจในทุกโมงยาม มีหาดทรายกว้าง มีน้ำทะเลสวย มีดวงดาวสุกใส สว่างระยิบระยับ ใกล้จนแทบเอื้อมมือคว้าไขว่ได้ นับดาวแทบไม่ทัน เป็นคืนฝันวันงดงามแจ่มกระจ่างใจ จนเขียนออกมามิได้หมดสิ้น.. เมื่อย่างสู่วัยสาว วัยร้าวไหว กับคนและความรักเพรียกหา สองตาจะมืดบอดสนิท ลืมคิดลืมมอง ธรรมชาติ เฝ้าโศกตรม รำพึงรำพันฝันหาบ้าๆบอๆ กับพิษรัก ที่หลงลมคว้าไขว่ ให้ใจมีพันธนา แทบเป็นบ้าเป็นหลังไม่เป็นอันกินอันนอน.. และในยามนั้น ใช่จะมีไทยโพเอมให้ฝากฝันฝากรักระทม ถ่ายเท ใจอย่างในยามนี้เสียที่ไหนกัน ที่มากมีคนหัวอกเดียวกัน มากมายมากมีมาปลอบประโลมใจ.. วิธีหนีทุกข์ ยามอกหัก ยามนั้นคือ... ได้พักใจนั่งรถไฟซมซานกลับบ้าน เสียงรถไฟชึ่กชั่ก ๆๆ กับเส้นทาง สายงามทอดยาว จะช่วยลดร้าวระบมใจลง และค่อยๆลืมหมองหม่น ไปจนตลอดทาง..ยาวไกล......... เคยนั่งอ้างว้าง บนเรือโดยสารยามเย็นกลางทะล และยามอาทิตย์ใกล้จะลาลับฟ้า เป็นภาพ ที่สวยจนพรรณาไม่ออกบอกไม่ถูกเอาเลยที่เดียว ได้แต่นิ่งงันฝันคว้างลอยเลื่อนราวมีวิมานตรงหน้า และทุกคราครั้งเมื่อถึงบ้าน..ฉันจะกระโจนลงทะล ให้หายว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยวใจ ไปลอยคอกลางทะเล มีพระอาทิตย์เป็นเพื่อน มีดาวเดือนเห่กล่อม.. บางทีดำลงไปนิ่งนานให้น้ำเค็มขมของทะเลสอนใจ ยามที่รักแบบโงหัวไม่ขึ้น เพื่อรอคำถามว่าจะเลือกโผล่ขึ้นมาหาหวานมันส์ให้กับชีวิต หรือว่าจะโง่งมงายให้ขมปี๋กัดกินใจและร่าง.....ต่อไป.... และบางทียามที่ไม่มีน้ำทะเลช่วยเห่กล่อม จะมีแต่น้ำตาเป็นสายเดียวกับน้ำจากฝักบัวพรูพร่าง ยามตรอมตรม..ฉันจะพุ่งดิ่งตรงไปใต้ฝักบัวปล่อย ให้สายน้ำพรูพร่างหยาดรด.. เปียกโชกแล้วนั่งค้างนิ่ง รอให้สายน้ำใสรุนแรงละลายหยาดน้ำตาไปกับสายน้ำราว.. ประโลมร่างไร้ใจให้คืนกลับ......ด้วยใสเย็น.. เคยร้องไห้ กลางสายฝนเดียวดาย กับยามไกลบ้าน เคยข้ามเคเบิลคาร์ พาร่างบอบช้ำและใจมืดหม่น เดียวดาย ไปนั่งดูไฟพริบพราวจากเรือในโค้งอ่าวสิงคโปร์ที่เกาะเซนโตซ่า..... เคยและเคยมาทุกรูปแบบ ที่ระบมกับพิษรักที่หนักยิ่งกว่าพิษไข้เสียเป็นไหนๆ.. แต่มาวันนี้..ใจดวงนี้ ถึงที่สุดแล้ว แม้จะมีน้ำตา แต่คงแค่ไหลออกมาระบาย ใช่จะยอมรับไม่ได้ กับความผันแปรมิแน่มินอน ของเกมรักซ่อนเงื่อน..ซ่อนใจ.. รู้ระกำ รู้ทำใจ ปล่อยวาง รู้ว่าง รู้ปลดปล่อยจิตให้อิสระ ไร้พันธนาด้วยโซ่ตรวนแห่งกรรม ไม่ว่าจากใคร จากใจต่อใจ จากเขา จากเราเอง.. ไม่มีอะไรแน่นอน..เท่ากับความว่างความพอดี ความรู้ทัน....รู้เท่าทุกสิ่ง..ที่เป็นธรรมดาๆโลก ที่มนุษย์มากมีต้องเวียนว่าย หนีไม่พ้นเพรงกรรม ที่เคยร่วมสร้างกันมาแต่ภพก่อน ปางก่อน.. เวลาผ่านไป ไม่ช้านาน ทุกร่างรัก ที่แย่งชิง ริษยา เสน่หา มืดบอด หวงแหน ก็จำต้อง โรยรา ร่วงหล่น ปนเปื้อน คืนกลับสู่ผืนดิน..ทุกตัวตน... ยามสนธยาแห่งชีวิตมาเยือน..
4 กรกฎาคม 2546 22:09 น. - comment id 151708
หากน้ำตาที่ร่วงหล่นเพราะความรัก ได้รู้จักความรักพร้อมน้ำเนตร ใจยังทุกข์ยังพร้อมปฏิเสธ รักทุกเฉดสีสันสร้างเศร้าตรม รักมามากประสบการณ์มากให้ขวนขวาย เดี๋ยวก็ตายว่ายเวียนเศร้าสุขสม ธรรมดาโลกทุกอย่างจบจม แม้ขื่นขมชีวิตมีบรรลัย... ......................................................... :)
4 กรกฎาคม 2546 23:02 น. - comment id 151743
อนุโมทนาด้วย
5 กรกฎาคม 2546 01:13 น. - comment id 151807
จึงปลดตรวนรวนใจลงได้แล้ว ไม่เหลือไข้ใจแผ้วและผ่องใส ใช้ชีวิต..เต็มชีวิต...ลิขิตนัย อักษราค่ายิ่งใหญ่ให้ทราบกัน มาเยี่ยมค่ะคุณพุด... ลำดับสายตามาตามตัวอักษร สัมผัสกับภาพทางใจอย่างแจ่มชัด จินตนาการส่วนตัวค่อยๆ สร้างเรื่องตามที่ได้อ่าน และรู้สึกสงบในที่สุดเมื่อมาถึงย่อหน้าสุดท้าย งดงามมากค่ะในภาษาที่ใช้ ......
6 กรกฎาคม 2546 05:17 น. - comment id 152081
..งดงาม..จริงๆดิค่ะ.. ... ..วัยเด็ก ..ที่ขาดหาย.. ความฝัน.. ที่เคยอยากได้.. วัยเยาว์... ที่ต่าง.. ..อยากวาง..ความรู้สึก..ตอนนี้.. เก็บซ่อน.. บางอย่าง.. ..ขอแค่...มีจินตนาการ.. .แสนหวาน... กับฝัน...ที่เป็น นิรันดร์.. ..สักครั้ง.. ผูกพัน.. ..อาจรั้น.. มากมาย.. ..... เรน..ขออนุญาต...แจม นะคะ..