ถ้อยคำในกาลเวลา 4 (ดอกสร้อยที่ฉันคิดถึง)
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
10.
หญิงสาว
หญิงเอ๋ยหญิงสาว
วัยเยาว์เธอพราวด้วยความฝัน
งามพิสุทธิ์ดังดอกบุษบัน
ใจเธอนั้นขาวดังปุยเมฆนวล
แต่ไฉนเติบใหญ่ใจเธอเปลี่ยน
วิถีเวียนชีวิตหักเหหวน
ด้วยตัญหาหรือสิ่งใดควรคิดครวญ
มิสงวนร่างดังผ่านมาเอยฯ
หญิงสาว : อ่านผ่านสื่อต่าง ๆ ได้ยิน ได้รู้ ได้เห็นเอง
แววตาที่ยั่วยวนและรอยยิ้มที่เชื้อเชิญของพวกเธอทำ
ให้คิดถึงวัยเยาว์ที่ผ่านมา...จะมีตุ๊กตาซักตัวไหมที่หลง
เหลืออยู่ในจิตนาการของเธอเหล่านั้น.....
11.
ลุกราน ทำลาย
ต้นเอ๋ยต้นไม้
ใบแห้งไหม้ยืนต้นน่าสงสาร
บ้างหายจากพรากไปใครลุกราน
ด้วยอำนาจผู้ใดหนอกระทำ
เจ้านกเถื่อนคงไร้ซึ่งที่อยู่
เฝ้าร้องกู่โหยเสียงแสนชอกช้ำ
ผืนดินเศร้าไร้แม้ถ้อยจะเอ่ยคำ
อย่าลุกล้ำบ้านเรา...เจ้านกครวญเอยฯ
ลุกราน ทำลาย : นั้งรถท่องไปตั่งแต่เชียงใหม่ จนสุดอีสาน
ตามรายทางป่าไม้หายไปมากเหลือแต่ตอที่ยืนแห้งตายกับผืน
ดิน แวะกินข้าวที่ตลาดเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีมุมหนึ่งขายสัตว์ป่า
มากมายอยู่ในกรง....แววตามันระโหยห้อยน่าสงสารมาก.....
12.
ดวงตา
ดวงเอ๋ยดวงตา
นอนเถิดหนาน้องยาจงหลับฝัน
พี่จะร้อยดวงดาวเป็นรางวัล
สวมมิ่งขวัญหลับฝันให้สบาย
พรุ่งนี้แล้วน้องแก้วต้องลาจาก
ต้องจากบ้าน จากไพรพี่ใจหาย
ยามนิทราน้องไม่มีพี่เคียงกาย
แต่ทุกสายลมดังพี่เคียงเอยฯ
ดวงตา : เคยรู้จักเด็กคนหนึ่งที่รักและผูกพันธ์กับน้องสาว
ของตัวเองมาก สุดท้ายมีเหตุต้องพรากจากกันมันเป็นเรื่อง
ของผู้ใหญ่ที่กระทำ แต่กระทบถึงเด็กทั้งสองให้ต้องร้าวลึก
บ้านแตก .....