ฉันเบื่อเหลือเกินในอาการเหม่อลอย บางครั้งความคิดของฉันมันออกท่องเที่ยวนอกเขตแดน ของโลกแห่งความเป็นจริง หรือกล่าวได้ว่าฉันเชื่อตามนักคิด ที่เรียกโลกแห่งผัสสะว่าเป็นโลกแห่งปรากฏการณ์ หลายครั้งหลายหน ฉันมักจะเจอตัวเองในลักษณะของสิ่งที่ไร้ร่างกาย คือฉันไม่สามารถอธิบายได้ว่าใช่จิตหรือไม่ ฉันนึกสงสัยว่าขณะที่มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีความคิด แล้วพวกสิ่งมีชีวิตทั้งหลายละ มันจะมีความคิดอยู่แยกต่างหากจากร่างกายหรือไม่ ที่ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกแห่งปรากฏการณ์ ฉันหมกหมุ่นกับตัวเองวันทั้งวันเพื่อจะพบว่า ตัวเองไม่ได้หายไปจากโลกแห่งความเป็นจริงเสียทีเดียวนัก อันที่จริงฉันได้ยินเสียงปฏิกิริยาของอวัยวะภายในร่างกายยังคงทำงานเป็นปกติ ฉันนึกโมโหที่ปากขยับขณะที่กระเพาะก็ส่งเสียงดังน่ารำคาญ อีกนั่นแหละฉันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่คุ้นเคยกับความตาย ฉันไม่มีความกล้าที่จะลาลับออกไปจากโลกสีน้ำเงินใบนี้ ช่างน่าชื่นชมกับมนุษย์ผู้ซึ่งมีความกล้าหาญอันบริสุทธิ์ ที่จะนำพาตัวเองออกไปให้พ้นจากโลกแห่งปรากฏการณ์ ในเมื่อความเปลี่ยนแปลงแฝงเร้นทุกซอกมุมแห่งความทุกข์ทรมาน ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าล้วนแต่เป็นสสารไปทั้งหมด ฉันได้แต่สำลักความไร้สะระจนชาชิน มันควบคุมตัวเองได้ยากเมื่อปะทะอย่างจังกับความว่างเปล่า โลกของฉันเมื่อวันวานจบสิ้นลงไปพร้อมดวงอาทิตย์ตกดิน ฉันหวังว่าในโลกแห่งปรากฏการณ์ คงไม่ใช่โลกที่แท้จริงหรอกใช่ไหม คำถามของฉันทั้งหมดฝากเอาไว้ ตรงระหว่างเข็มนาฬิกาและปฏิทิน
16 สิงหาคม 2555 01:13 น. - comment id 1242413
ผมแนะนำให้คุณอ่านงานของ ฌอง ปอล ซาร์ต ในเรื่อง อัตถิภาวนิยม หรือ existencialism และ งานของ อัลแบรต์ กามูส์ ในเรื่อง absudity ผมชอบนะครับในสิ่งที่คุณเขียน และเราน่าหรืออาจจะเป็นพวกเดียวกัน แต่ถ้ามีเวลาลองอ่าน โลกของโซฟี หรือไม่ก็ ปรัชญาชีวิต โลกของโซฟี ของ โยสไตน์ กอร์เดอร์ และปรัชญาชีวิต ของ คาริล ยิบราล แค่สี่คนนี้น่าจะทำให้คุณพยายามขุดหางานดีๆ อ่านต่อไป
16 สิงหาคม 2555 09:50 น. - comment id 1242447
อยากให้สิ่งเหลานี้ออกไปจากตัวเราชักที