แสงแรกในอรุณรับยามเช้า กับลมหนาวอวลโอบไร้ไออุ่น ดวงดอกแก้วให้หอมกรุ่นกลิ่นละมุน ทิ้งวายวุ่นสู่ความสงบพบฝันดี... ในท่ามกลางโลกแล้งไร้ที่วายวุ่น แสงแรก...ตื่นรับอรุณด้วยดวงใจผ่องแผ้ว และ.. ได้ยินเสียงนกเขาไกวเปลกิ่งแก้วร้องขันคู ริมหน้าต่าง วันนี้เป็นวันพระ ที่แสงแรก..ตั้งใจจะไปกราบพระ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร" หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม " หลวงพ่อทองคำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุด และ ได้รับการบันทึกในหนังสือ กินเนสบุ๊คออฟเรคคอดร์ ว่าพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ มีหน้าตั้งกว้าง 3.01 เมตร สูง 3.91 เมตร องค์พระสามารถถอดได้ 9 องค์ จากฐานองค์พระขึ้นไปเนื้อทองบริสุทธิ์ 40 % พระพักตร์มีเนื้อทอง 80 % ส่วนพระเกศมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม เป็นเนื้อทองบริสุทธิ 99.99 % สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เข้าใจว่า เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้โปรดให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ไปอันเชิญ พระพุทธรูปมาจากเมืองเหนือ เพื่อนำมาประดิษฐานยังวัดสำคัญ พระพุทธรูปที่เชิญมามีจำนวนมาก ทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง ขุนนางผู้หนึ่งจึงแอบเอาปูนไล้พระพุทธรูปทองคำ แล้วนำมาไว้ยังวัดที่ตนสร้าง จนได้อันเชิญมาไว้ที่วัดพระยาไกร (วัดโชติการาม) ต่อมาบริษัทอิสท์เอเซียติก ได้ขอเช่าที่วัด (ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้างแล้ว) เป็นโรงเลื่อยจักร จึงได้อันเชิญไว้ที่ข้างพระเจดีย์ และ ปลูกเพิงสังกะสีมุงเป็นหลังคากั้นไว้ อย่างหยาบ ๆ หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เมื่อพระอุโบสถ และพระวิหารหลังใหม่สร้างเสร็จ จึงได้อัญเชิญชั้นประดิษฐาน แต่ ในระหว่างการเคลื่อนย้าย ปูนที่หุ้มองค์พระกะเทาะออก จึงทำให้เห็นองค์พระข้างในเป็นทองคำ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 นั่นคือประวัติอันแสนยิ่งใหญ่งดงาม ที่แสงแรกรู้สึกดื่มด่ำประทับใจ และ เคยไปกราบไหว้มาครั้งหนึ่งแล้ว แสงแรก..แย้มยิ้มอิ่มบุญ และ จัดแจงแต่งตัว เพื่อไปน้อมศิระกรานกราบขอพร บัดนี้.... พระมหามณฑปประดิษฐาน พระ พุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคำ) วัดไตรมิตรวิทยาราม กำลังก่อสร้าง ไม่ช้านาน.. แสงแรกคิดว่าคงแล้วเสร็จ คงจะมีความวิจิตรงดงามควรค่า แก่องค์หลวงพ่อทองคำ ตามที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวจีนและชาวไทย ได้หลอมรวมใจ ร่วมแรงศรัทธาสร้างถวาย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสอัน เป็นมหามงคลนี้ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสม บัติครบ 60 ปี ในปี พ.ศ.2549 และ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาในปี พ.ศ.2550 วันนี้แสงแรก... จึงรู้สึกปิติบุญที่ได้ไป กราบพระประธานในโบสถ์วัดไตรมิตร กราบพระพุทธไสยาสน์ ที่วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม และ.. กราบพระแก้วมรกต.. อันงดงามเกินกล่าวในดวงจิตนิดน้อยนี้ และ.. แสงแรก...รู้สึกว่าในวันอาทิตย์นี้ ช่างเป็นวันหยุดแสนดีอีกวัน ที่ได้ซาบซึ้งดื่มด่ำกับคำว่า *ความสุขใด เกินกว่า ความสว่างสะอาดสงบในดวงใจเป็นไม่มี*
18 มกราคม 2552 18:00 น. - comment id 937421
แวะเข้ามาไหว้พระด้วยคนครับ อรุ่ณรุ่งแสงแรกชำแรกออก ผ่านสายหมอกมัวตาดูกระจ่าง ให้อบอุ่นร่างกายสายหมอกจาง มองูสว่างปรีเปรมอิ่มเอมใจ
18 มกราคม 2552 19:20 น. - comment id 937439
แสงนี้งดงามนัก แวะมาดูแสงแรกค่แห่งอรุณค่ะ
18 มกราคม 2552 22:14 น. - comment id 937542
*ความสุขใด เกินกว่า ความสว่างสะอาดสงบในดวงใจเป็นไม่มี.. ..................
19 มกราคม 2552 10:28 น. - comment id 937648
มารับแสงอรุณ ...เฮ้ย...สดชื่นนนนนนนเนาะ
19 มกราคม 2552 11:11 น. - comment id 937656
นี่ละมั้งครับ ความชุ่มเย็นของใจ ที่ได้ จากการกระทำสิ่งที่เป็นมงคลแก่ชีวิต กุศลผลบุญนั่นแหละครับ..พี่พุด
19 มกราคม 2552 14:03 น. - comment id 937752
ภาพสวยดีจังคะ แถมได้รับความรู้อีกต่างหาก เมื่อวานนี้เป็นวันพระ ได้มีโอกาสตักบาตรเหมือนกันค่ะ