ดลบันดาลใจ จากภาพงาม คิดถึง..เพชรเม็ดงามแห่งอันดามัน หนึ่งนุชนวลมณีผู้เป็นที่รัก... พะงันพ้อทะเลเพ้อรอเธอกลับ เฝ้าคอยนับรับดวงใจคืนสู่ขวัญ ลมระบัดฟ้ายังงามท่ามคืนวัน เป็นนิรันดร์รักยิ่งใหญ่เหนือใดปาน คือแดนดินถิ่นรักทะเลใต้ ดวงดอกไม้บานชูช่อหวานแสนหวาน จันทร์ดวงโตลอยดวงให้เบิกบาน ดั่งวิมานประดับหล้าใต้ฟ้าไทย เรือมนุษย์มากมายหมายฝั่งฝัน พากันดั้นด้นมาจากแดนไหน มาวางวายก่อนถึงฝั่งสัจจใจ ด้วยเหตุไม่ใช้เข็มทิศธรรมส่องนำทาง ดั่งนาวานำชีวิตผิดเป้าหมาย จึ่งเวียนว่ายทะเลโลกย์โศกอ้างว้าง เรือลำน้อยค่อยค่อยจมอับปาง ในระหว่างพายุกล้าน่าเศร้านัก...! ............................................. จากน้ำจรดฟ้า .....ลำน้ำน่าน กาลเวลาเดินทางไม่ถามทัก ทุกข์เบาหนักร้อนเย็นเห็นเสมอ มองหาฝั่งเร้นลับกลับไม่เจอ หรือละเมอเพ้อไปไม่ทันคิด เห็นแผ่นน้ำเบื้องหน้าฟ้าไกลนัก ยามหน่วงหนักทิ้งฝนพรมตามติด ภาพสะท้อนอายดินกลิ่นชีวิต แม้นน้อยนิดติดอยู่คู่หายใจ เคยไต่ถามความจริงสิ่งรายรอบ ไร้คำตอบไม่รู้หลงอยู่ไหน เค้นสำนึกลึกตื้นฟื้นความใน พอจำได้น้ำตารินบ่าท้น ภาพแผ่นดินเกาะน้อยร้อยพันหาด บรรจงวาดผุดตื่นคืนอีกหน ทุกรอยย่างยากไร้ในผู้คน ตัดสินใจดั้นด้นทิ้งบ้านมา เรื่อเก่าคร่ำนำทางกลางเกรียวคลื่น แผ่นดินอื่นจุดหมายได้เสาะหา ท้องทะเลอ้อนวอนย้อนถามมา จากไปหาความจริงกับสิ่งใด ธารน้ำตาหลั่งรินไม่สิ้นสาย หากไม่ตายจักทิ้งแผ่นดินใหญ่ จะเกี่ยวเก็บวิชาการนานเพียงใด มากำนัลมอบให้ไพรพะงัน จากแผ่นดินแผ่นน้ำข้ามพิภพ พบจุดจบยากยิ่งในสิ่งฝัน สำเร็จแล้ววิทยาท้าตามทัน กลับเงียบงันเดียวดายตายทั้งเป็น กลางเมืองทรามต่ำต้อยเต็มรอยโลกย์ ความเศร้าโศกแฝงเงาเรารู้เห็น กระแสเงินบ่าจมถมรำเค็ญ ผ่านพอเป็นพิธีหนี้ท่วมตัว ปลาผิดน้ำครวญคร่ำลำธารเก่า ทิวขุนเขาท้องน้ำยามฟ้าหลัว จึงว่ายกลับฝ่าดั้นไม่หวั่นกลัว จิตท่องทั่วค้นพบจบฝั่งลวง เสียดายนักเวลากับอาจม หลงโง่งมถมปลักหลักเหมืองหลวง หวังออกไปท้ายท้าชะตาดวง น้ำตาร่วงรดฟ้าอยู่อาจินต์ ระลอกคลื่นซัดฝั่งนิ่งฟังนาน จิตวิญญาณชัดมีนทีสินธุ์ ท้องทะเลเปล่งปลั่งดั่งเพชรนิล ขุดไม่สิ้นถมไม่ตื้นจึงคืนมา กาลเวลาเดินทางไม่ถามทัก ได้ตระหนักหลายสิ่งยิ่งค้นหา จากผืนดินจรดน้ำกาลเวลา เพียงละเมอมายาหาใช่จริง.. ........................................ วิมานวนา (The Jungle Palace) ...ลำน้ำน่าน เมื่อแสงไต้รอนแรมลับแง่งหิน สุริยนจะตกดินอยู่ไหวไหว วิมานหนึ่งปรากฎกลางอกไพร หลังม่านพรางสุราลัยในวนา ในแสงอ่อนเลื่อมพรายทิพย์สถาน คือวิมานโลกเสรีคลี่พฤกษา จากเรือนยอดเสียดเสยเย้ยเมฆา สู่ผืนดินรากป่าพนาราม เมื่อน้ำค้างพรมโปรยโรยอรัญ ปวงสุคันธ์พนาวาสหยาดสยาม ก็อวลกลิ่นเกสรละอองนาม ระเหยข้ามวนาลีราตรีแดน ลอยไปสู่วิมานรุกขเทวา สู่ทิพย์ทองธาราพระยาแถน ในเอื้อมเงาปราสาทนิวาสแมน กลางรำแพนยูงทองผองนางไม้ เหล่าเถาวัลย์พันเกี่ยวในเกลียวกิ่ง ราวลูกปัดสะบิ้งสไบไหว เมื่อลมอ่อนพัดโบกเข้าโตรกไพร พร้อมหิ่งห้อยรำไรพเนจร รุกขชาติมิ่งไม้คล้ายนิทรา พนาวาน้อมจิตนิมิตหมอน ก็ทอดกายอ่อนโยนตรงโคนคอน เอื้ออาทรไม้ใหญ่ได้หลับตา เริ่มราตรีรังสรรค์แห่งวังนั้น ด้วยมนต์เพลงจั๊กจั่นลั่นพฤกษา ระงมงามหรีดหริ่งพริ้งพนา บรรเลงกล่อมเทวาพระสุรินทร์ ทุกรื่นรมย์ซ่อนตัวรอบรั้วป่า กลางมณฑลภูผาปราการหิน คือวิมานสุดท้าย ณ ปลายดิน ให้เทวินทร์คุมผองลงครองตน เพื่อสมดุลแห่งโลกจตุรทิศ มานุษภูมิใช้ชีวิตตามเหตุผล เชื้อชุมนุมรุกขเทวาสู่ป่าคน ยกระดับวิญญาญชนสู่ปัญญา อัศจรรย์วัลก์หนึ่งซึ่งสีหม่น ในเผ่าพนปัจเจกเพศพฤกษา ไม่เปลี่ยนแปลงเขตขันธ์พันธุ์วนา แม้นราตรีล่วงฟ้าดารากลาย ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงจบแล้ว น้ำค้างแก้วแนวป่าต้องพร่าสาย ม่านพระอินทร์ทิ้งเถาว์ในเงาพราย วิมานพฤกษ์ปิดตายทิวากาล ปรากฎเสียงสะอื้นเมื่อคืนล่วง วิมานลวงที่ไหนไหนได้ถูกผลาญ สันนิบาตรุกขเทวาล้าบันดาล เหลือเผ่าพันธุ์ติรัจฉาน...วิมานเมือง ------------------------------------- ท่ามกลางสวนรุกขชาติป่าเขตร้อน มีสวนป่าน่าอัศจรรย์ ที่ปรากฎพันธุ์ไม้งามหลายชนิดอยู่สวนหนึ่ง กลางวิมานวนานั้น มีเสียงดนตรีธรรมชาติ เสียงกบเขียดน้อย ระงมในยามย่ำค่ำ ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวก็ห้อยระยับย้า หนึ่งในเถาวัลย์งามนั้นนาม *ม่านพระอินทร์* เถาวัลย์ที่มีรากห้อย เป็นม่านสีม่วงไพร เป็นม่านป่าพันธุ์หายากของไทย ประหวัดไปถึงวิมานแห่งเหล่ารุกขเทวา และพระสุเรนทร์ ที่มักจะท่องลงสู่โลกมนุษย์ ในยามที่ไม่ปรารถนาวิมานสวรรค์.... พุทธศาสนาสอนให้มนุษย์เคารพเทวดา ด้วยเหตุที่เป็นภูมิที่มีกุศลกรรมอันบริสุทธิ์.. และลงมาเยือนวนาอยู่เป็นนิจ อีกมิ่งไม้ใหญ่ไม้เล็กต่างดำรงอยู่ในโลกรื่นรมย์ สมดุลมาตั้งแต่โบราณ น่าเสียดายนักที่วิมานวนาเหล่านี้ถูกทำลายลง ด้วยความเจริญวัฒนาแห่งมนุษย์ วันหนึ่งเมื่อวิมานวนาในภูมิได้ถูกทำลายลง คงจะเหลือแต่วิมานเมืองอันวุ่นวน และวันนั้นความสุขสงบและความงดงาม ตามธรรมชาติคงจะปิดตาย แล้วเราจะดำรงอยู่ในโลกได้อย่างไรกัน ด้วยเหตุที่ชีวิตเราต้องพึ่งพิงธรรมชาติ จนกว่าจะคืนสู่ธรรมชาติเมื่อมรณามาเยือน และเพราะว่า....... ทุ่งนาป่าชัฏช้าอัญญิกาลัย เทือกผาใหญ่เสียดดาวดึงส์สวรรค์ เนื้อเบื้อเสือช้างลิงค่างนั้น มดแมลงนานาพันธุ์ทั้งจักรวาลฯ เสมอเหมือนเพื่อนสนิทมิตรสหาย เกิดร่วมสายเชี่ยววัฏฏะสังสาร ชีพหาค่าบ่มิได้นับกาลนาน หวานเสน่ห์ฟ้าหล้าดาราลัยฯ ถึงใครเหาะเหินวิมุติสุดฝั่งฟ้า เดือนดาริกาเป็นมรคายิ่งใหญ่ แต่เราขอรักโลกนี้เสมอไป มอบใจแด่ปฐพีทุกชีวีวายฯ (ปณิธานกวี อังคาร กัลยาณพงศ์)
22 พฤษภาคม 2551 11:19 น. - comment id 852404
ภาพสวย..แต่ใหญ่มากคะพี่พุด กลอนไพเราะ ปณิธานกวีของคุณ..อังคาร..เพราะเช่นกันคะ รักยิ่งใหญ่ในพื้นธรรมชาติจริงคะ บทกลอนของพี่มีคุณค่าเสมอ..คะ
22 พฤษภาคม 2551 12:04 น. - comment id 852416
น้องพิมพรรณรายในใจพี่พุด ค่ะภาพใหญ่ แต่ด้วยความงามแห่งภาพ ที่สะท้อนใจ ถ่ายทอดใจพี่พุด ที่คิดถึงใครอย่างเหลือเกิน จริงๆผู้หญิงคนนั้นสำหรับพี่พุดแล้ว เค้างามกว่าภาพที่แลเห็นเพียงเปลือกภายนอกมากกว่าค่ะ เพราะ.. เธอมีดวงใจงดงามดั่งเรียวรุ้งอัญมณีเลยค่ะ หากใครได้สัมผัส แด่..ดวงใจพี่พุด ภัทราภรณ์ ภาคอัตนะคะ ซึ้งใจค่ะน้องรักที่ยังมาให้ หยาดเย็นแห่งน้ำใจงาม เสมือนสายฝนพร่างลงณ กลางบึงจิต นักรักรจนาเยี่ยงชีวิตเฉกนี้ค่ะ ด้วยรักและรักน้องนะคะ พี่พุดไพร พี่สาวนา
22 พฤษภาคม 2551 12:11 น. - comment id 852418
จากถ้อยร้อยรักฝากคำภักดิ์ ไว้ในงานธรรมชาติ ของ.. *คุณจ่าน้อย ชื่อลมฝนค่ะ* http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem115291.html อ่านบทกวีธรรมชาติแล้วซาบซึ้งใจจังค่ะ พี่พุด.. คิดถึงบทเพลงพระราชนิพนธ์ค่ะ เพลงสายฝน.. และ ยามใดที่พระพิรุณโปรยสายพรายพรม ห่มโลกหล้าพสุธาไท พสุทองแห่งผองเรา จิต..พี่พุดจะหลอมรับเอา ภาพแห่งความชื่นฉ่ำใจใสเย็น ไปกับหยาดฝนเย็นค่ะ ชอบนอฟังเสียงฝนกระทบหลังคาจาก ที่บ้านพี่พุดมีกระท่อมหลังคาจากค่ะ เพราะชอบบรรยากาศแบบชนบทมาก ชีวิตพี่พุดเกิดมากับความงามดิบเดิมของมวลธรรมชาติ ที่ยังบริสุทธิ์สะอาดสงบเงียบงาม อย่างเหลือเกินค่ะ โลกของพี่พุด จิตวิญญาณภายในของพี่พุด จึ่งเกาะเกี่ยวอย่างแนบแน่นเป็นหนึ่งเดียว กับความงามพิสุทธิ์ใสของธรรมชาติเสมอมาและจักเป็นเช่นนั้นนิรันดรค่ะ ลองไปอ่านงานพี่พุดในอีกนามปากกา *สาวบ้านนา*นะคะ พี่พุดรจนาความดื่มด่ำกำซาบล้ำลึก เกี่ยวกับธรรมชาติทุ่งนาป่าเขาไว้มากมายเลยค่ะ รักและรักและรักหากรจนางานแนวนี้นะคะ พี่พุดไพร สาวบ้านนา
22 พฤษภาคม 2551 12:28 น. - comment id 852423
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem115280.html# อาลัยน้ำตาชาวจีน ของคุณไหมแก้วสีฟ้าครามค่ะ ถึงคุณไหมแก้วสีฟ้าคราม นามปากกาที่พาให้พี่พุดต้องแหงนเงยดู ฟากฟ้ายามรำลึกนึกถึงนะคะ ฝากกราบคุณแม่ด้วยความรักศรัทธานะคะ ท่านคงโศกสะเทือนใจ กับข่าวแผ่นดินไหวที่ทำให้ตึกทับนักเรียนตายถึง900 กว่าชีวิต ข่าวนี้ทำให้หัวใจพี่พุดเงียบงัน เหมือนหยาดฝนพรำสายอย่างเยียบเย็น ในดวงใจเช่นกันค่ะ เสมือนร่วมในโศกนาฏกรรมนั้นไปด้วย ด้วยความเข้าใจ ด้วยความสะเทือนใจ ด้วยหัวอกหัวใจที่รับรู้ว่า ในโลกนี้หนาหามีรักใดจักยิ่งใหญ่เปรียบ ประมาณเท่าความรักลูก หลาน ก็หาไม่ การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์เหลือ เกินค่ะ พระพุทธองค์ถึงทรงสอนให้เราเข้าใจ ไม่ประมาทได้ประทานพุทโธวาสสุดท้ายก่อนจะดับขันธ์ปรินิพพานไว้อย่าง ต้องการให้มวลมนุษยชาติได้เตรียมตัว อย่ามัวเพลินประมาท จะได้รู้ทำใจรับความไม่แน่นอน จากเพศภัยแห่งธรรมชาติ ที่เราบังอาจไปทำลายเขาอย่างไร้ความยุติธรรม และ.. โลกทั้งโลกกำลังระรินร่ำน้ำตา กำลังเงียบงันฟังข่าวมหันตภัยร้าย จากดิน น้ำลม ไฟ ที่ยิ่งใหญ่เกินที่ มวลมนุษย์ดั่งธุลีหล้าจักต้านได้ค่ะ งานพี่พุด งานสาวบ้านนา(อีกนามปากกา) จึ่งเพียรรจนาเตือนสติเท่าที่จะพอมีปัญญา มานานปีนับหลายร้อยเรื่อง ฝากถึงทุกดวงใจ ให้รู้รักธรรม ธรรมชาติ และ.. ให้ตระหนักรู้ถึงความรักที่แสนยิ่งใหญ่ เหนือใดปาน ประมาณค่ะ ด้วยรักและพอมีเวลามาฝากคำนะคะ
22 พฤษภาคม 2551 12:49 น. - comment id 852434
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem115275.html# ฝากคำรักร้อยสร้อยโซ่แห่งพันผูกใจ น้องพี่ที่แสนชื่นชมนัก ไว้ในงาน พนมรุ้ง.....รำพัน..ของวิจิตรวาทะลักษณ์ น้องรัก กวีที่พี่พุดศรัทธารักในงานน้องอย่างเหลือเกินค่ะ ชื่อกวีบทนี้ช่างแสนโศกจนแทบสามโลกสะเทือนค่ะ พนมรุ้งรำพัน ให้เราชาวไทย ผู้มีดวงจิตนิรมิตทิพย์ศรัทธา ต่างพากันขวัญหาย ใจหาย ด้วยความเศร้าอาดูร กับการกระทำของหมู่มารร้าย น้องรัก กรรมใดใครทำกรรมนั้นย่อม เป็นดั่งกงเกวียนเวียนย้อนรอย ไม่นานช้า ให้เขาทุกข์ทนยากแสนสาหัสเสียยิ่งกว่า ค่ะ เรา...อย่าเพียรท้อ รอรวบรวมพลังใจซ่อมแซมค่ะ เสมือนซ่อมดวงใจไททั้งชาติ ที่รักอนุสรณ์สถาน รักโบราณสถาน ประเพณี วัฒนธรรม ที่ยังหวังจักดำรง ธำรงใจไทย ให้ยังคงยิ่งใหญ่แสนพิสุทธิ์ใสงาม ในร่มรัตน์ ร่มฉัตรเพชรแห่งสยามประเทศ ในแผ่นดินนามสุวรรณภูมิพุทธิ์ค่ะ น้องรัก....คนดี.. พี่พุดรักงานน้องที่ปกป้อง แผ่นดินไทแผ่นดินทองของเราค่ะ และ... นี่คือหน้าที่ธุลีหล้า ดั่งข้าพระบาท ที่จักจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตราบชีวีตจะหาไม่ค่ะ ด้วยชื่นชมค่ะ พี่พุดไพร พี่สาวนา
22 พฤษภาคม 2551 13:47 น. - comment id 852452
ฝากคำไว้ในงาน http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem115262.html หมออย่างผม..ภันเต เป็นนามปากกาที่พาให้ พุดพัดชาต้องค้นหาเบื้องหลังค่ะอิอิ ภันเต.. คุณพุดพัดชาพ่อเพิ่งจากไป ก่อนหน้านั้นชีวิตพุดพัดชาต้องเวียนวน เข้าออกโรงพยาบาลเพื่อดูแลคุณพ่อ จนตราบถึงนาทีสุดท้ายในห้องใกล้ดับจิตค่ะ ภาพนั้นยังจดจำติดตา ภาพที่พุดพัดชาสวดมนต์พระพุทะคุณคาถา เพื่อนำพาจิตวิญญาณคุณพ่อ สู่แดนสว่างสงบค่ะ และ.. นี่คือธรรมดาชีวิตค่ะ ที่คืออริยสัจจ์สี่ที่พระพุทธองค์เพียรสอน พุดพัดชาพลีบทรจนาแด่ทุกดวงใจใสงาม ทั้งคุณหมอ พยาบาล และทุกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในความเมตตาเสียสละแด่เพื่อนมนุษย์ ผู้กำลังทุกข์ทนยากค่ะ ด้วยเรื่องนี้นะคะ เทพเทวา..นางฟ้า..ปีกเขียว..ใน..ห้องขาว..! ในอุษาวดี..นาทีนี้ ดวงกำลังนั่งนิ่งนิ่งบนเก้าอี้แดงในห้องขาว ที่มีบานกระจกกว้างยาวแทนผนังจรดพื้น จน..ทำให้ได้แลเห็นทัศนียภาพ.. *ธรรมชาติต้นไม้*..รายรอบบ้าน..วิมานดิน อันแสนร่มรื่น..อภิรมย์...ใจ.... แล.. ในท่ามจิตดวงใส..ไสวงาม ดั่ง..*ดวงอรุโณทัยแรกในยามอรุณรุ่ง* หลัง.. ผ่านพ้นพายุร้ายที่มากรายกล้ำ ให้เรียนรู้โลกย์ธรรมที่แสนทุกข์ทนวนว่าย *เกิดแก่เจ็บตาย*..คล้ายวิบากรักวิบากกรรม ดวง..ทอดตาจับนกน้อยๆ ที่ค่อยๆโผบินถลามาจับกิ่งการะเวก ที่ราวเปลใบไม้... ให้ได้แกว่งไกวล้อลมเล่น...เช่นฉะนี้... เสียงบทเพลงหวามไหวรับเช้าวันใหม่ จากเครื่องเสียงหวานแว่วแผ่วมากับฟ้ากว้าง กับสายลมเย็น อันอวลหอมกลิ่นดวงดอกไม้ไทยคละเคล้า.. มาให้คะนึงในทุกอณูนวล... ผืนนภา..เริ่มถูกจิตรกรเอกชื่อธรรมชาติ สาดแสงทองอันแสนจรัสรัศมี..ด้วยสีที่ผสมผสาน แสนนิ่มนวลกลมกลืน... ให้.. พรายพร่าง..สร้างพลังใจ แด่ทุกมวลชีวา ณ..ใต้หล้า ใต้ฟ้าไท ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่างซื่อสัตย์ไม่มีวันเสื่อมคลาย.... ดวง..หลับตา.. แล.. ย้อนวันเวลาถอยหลังกลับไป ในทิวาวาร...นี้... ในเก้าอี้..เช่นนี้เฉกกัน หากต่างสี ต่างสถานที่กัน ต่างอารมณ์อันแสนยากยิ่งบรรยาย ห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ความพลัดพรากจากเจ็บ ของผู้เป็นที่รัก ห้องผู้ป่วยหนักได้มาพิงพักรักษา พร้อมฝากชีวาชีวิตในเงื้อมมือแพทย์ พยาบาล ให้ยื้อยุด ลมหายใจให้ไกลจากพญามัจจุราช.. ที่บางครั้งใครก็มิอาจผัดผ่อนได้... ดวง..นั่งหนาวเหน็บในดวงใจ ที่เห็นคนที่ดวงเคารพรักเทิดทูนยิ่งใหญ่ กำลังนอนหายใจระรวยระริน..อย่างมิสิ้นหวัง ด้วยพลังแห่งความเข้มแข็งเท่าแรงรักจักพึงมี จาก.. ทุกหลอมรวมแห่งความกตเวทิตาคุณของลูกหลาน และ.. เหลนที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้มิทันครบหนึ่งอาทิตย์ ที่..ทุกกระแสจิตได้มาสถิตภาวนา ให้เทพยดาฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหมยมพญาผู้กำเพรงชะตา ได้เมตตา ประทานพรให้ผ่านพ้นวิกฤต ได้กลับมามีลมหายใจแห่งชีวิตใสงาม สร้างความดี สร้างกุศล เป็นผลบุญบารมี เป็นเสบียงบุญ สืบไป ดวง...น้ำตาซึมด้วยความรู้สึกแสนซาบซึ้งใจ ที่ได้เห็นความเสียสละ ยิ่งใหญ่ ความเมตตาของนางฟ้าแลเทพยดาในชุดเขียว ผู้กำลังกางปีกปกป้อง เยียวยา เอื้ออุ่นโอบอุ้ม ทุกผู้ป่วยอย่างญาติมิตรแม่พ่อ...อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อย่างผู้ที่มีจรรยาบรรณแลคุณธรรมล้ำเลิศ ตามรอย..*สมเด็จพระราชบิดามหาชนก..แห่งแผ่นดิน..* มิให้สิ้นหยาดฝนแห่งความกรุณา ปรานี... ดวง...นั่งตั้งจิตอธิษฐาน สมาธิภาวนา เมื่อในคลองตาแลเห็น เครื่องเตือนการเต้นของหัวใจผู้เป็นที่เคารพรัก ร้องลั่น สั่นเป็นระยะ ซึ่งหมายถึงภาวะการณ์ผิดปรกติที่แสนน่าวิตกกังวล หากดวงกมล ที่เพียรฝึก ให้มีสติ คิดดี คิดบวก คิดบุญ ดวงรู้ว่า ดวงชีวีของผู้เป็นที่รัก จักผ่านพ้นภาวะวิกฤต ด้วยบุญบารมี ที่ลูกหลานมากมีต่างเพียรสะสมมาอย่างยาวนาน..ต่อเนื่อง ดวง...เดินช้าช้าไปที่ร่างคุณพ่อผู้เป็นที่รัก จับมือมาหอมด้วยความรัก ความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ จูบที่เท้าอันเย็นชืด ปลุกดวงใจให้พลิกฟื้น รับรู้ ถึงพลังแห่งความรักนี้ ที่กำลังบ่าไหล มาอย่างท่วมท้น แล้ว... หลับตา..นิ่งทิ้งทุกสรรพสิ่งไว้ ณ..ภายนอก ในมโน..นึก ดวง..กำลังก้มศิระกรานกราบพระพุทธรัตนะ องค์ทองสุกปลั่งมลังเมืองในโบสถ์คร่ำ..อยุธยา... และ.. กำลังสวดมนต์อธิษฐานจิตภาวนา ท่ามน้ำตาเทียน ขอพร..แด่องค์พระอรหันตเจ้า *สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี* ที่ดวงนี้แสนเคารพศรัทธาคารวะ สวดพระคาถาชินบัญชรมานานนับ..หลายปี ได้ทรงมีพระเมตตาปรานีประทานพรให้ลูก มีพลังชีวิต ที่จักถ่ายทอดให้กับบิดาของลูกด้วยเทอญ ดวง..จับมือคุณพ่อและอย่างช้าๆมั่นคง ดวงรวบรวมพลังจิต พลังชีวิตจากความรักอันแสนยิ่งใหญ่ ค่อยๆส่งกระแสจิต กระแสใจ กระแสความร้อน ให้ไออุ่นคลายเหน็บหนาว..จากใจถึงใจ หลายนาทีผ่านไป เครื่องที่กำลังสั่นเตือน กลับสู่ภาวะการณ์ปกติ หนาวคลาย ร่างกายคุณพ่อเริ่มร้อน...ร้อนขึ้น.. เป็นลำดับ พร้อมกับการถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกของดวง.. ........................... ....................................... และ... ก่อนที่ดวงจะลากลับบ้าน คุณพ่อกระซิบบอกดวงว่า คุณหมอ..ถามว่าเวลานั้นดวงทำอะไร... ดวงได้แต่ยิ้มด้วยความอิ่มเอมปิติใจ ดวง..รู้เพียงว่า.. สิ่งยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งใดในโลกหล้านี้คือ *พลังแห่งปาฏิหารย์รัก* ......................... ดวง.. ขอถือโอกาสนี้ กราบคารวะทุกดวงใจทุกหยาดน้ำใจใสหยาดเย็น แห่งห้องวิกฤต ตึกศัลยกรรมชายชั้นห้าโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่งามเกินกว่าจักจารหาคำขอบคุณใดมาเทียมเทียบ..ค่ะ ................ ๏เวนิสวาณิช๏ ๏ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 ๏ อันว่าความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล เป็นกำลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์ เรืองจรัสยิ่งมกุฏสุดสง่า พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา เหนือประชาพสกนิกร ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์ ที่สถิตอานุภาพสโมสร แต่การุณยธรรมสุนทร งามงอนกว่าพระแสงอันแรงฤทธิ์ เสถียรในหฤทัยพระราชา เป็นคุณของเทวาผู้มหิทธ์ และราชาเทียมเทพอมฤต ยามบพิตรเผยแผ่พระกรุณา -------- เป็นพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ เรื่องเวนิสวาณิช
22 พฤษภาคม 2551 14:51 น. - comment id 852463
แด่ พี่พุด คุณแม่ไหมแก้วฯท่านฝากขอบคุณ พี่พุด ด้วยซึ้งในความเห็นที่ได้ มอบคำเตือนสติ เตือนใจ มาให้ค่ะ ท่านอายุมากแล้ว 70 ปีค่ะ แต่ยังชอบ อ่านหนังสือ สำหรับคุณพ่อไหมแก้วฯก็เขียน กลอนได้เช่นกัน แต่ยังไม่อนุญาตให้ลงในคอมฯค่ะ เป็นกลอนที่พ่อเขียนให้แม่ตอนเป็นหนุ่มสาวค่ะ กลอนพี่พุด อ่อนหวานจัง ตัวจริงคงงามเหมือนในรูปมั้ง
22 พฤษภาคม 2551 17:01 น. - comment id 852503
บัวขอบคุณพี่พุดที่นำงานของพี่ลำน้ำน่าน กับคุณลุงอังคาร กัลยาณพงศ์ มาให้อ่าน บัวชอบอ่านงานที่เป็นธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเอง ให้ชีวิตให้พลัง งานพี่พุดช่างอ่อนหวานและหนักแน่นในเวลาเดียว บัวอยากเข้าไปอยู่ข้างในใจพี่พุด เพื่อซึมซับความอ่อนหวานของพี่พุดมาไว้ในตัวบัวบ้าง สำหรับบัว เวลาร้อนขึ้นมา อย่างกับไฟดีๆนี้เอง บัวพยายามจะให้จิตบัวที่ร้อนๆนิ่งสงบเท่านั้นเอง เวลาบัวดื้อรั้นขึ้นมาใครก็เอาไม่อยู่ เพราะแบบเนี่ยแหล่ะบัวถึงต้องหันมายึด หลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการเพาะบ่มใจตัวเอง ในบ้างครั้งก็ยากเหมือนกันนะค่ะพี่พุด บัวก็นิสัยไม่ดีหรอกค่ะ เวลาไม่ขึ้นมาเอาฆ่าก็ไม่สน บัวได้อะไรหลายๆอย่างจากพี่พุด พี่ดอกแก้ว ที่แสนดีกับน้องๆ ถึงบัวจะสัมผัสพี่พุดแค่ทางตัวอักษร บัวกับรู้สึกว่าความอบอุ่นความเย็นอยู่รอบตัวบัว บัวจะมาหาพี่พุดทุกครั้งยามบัวไม่เข้าใจอะไรรอบด้าน บัวเป็นประมาณที่ว่าเรื่องของเพื่อนผองบัวช่วยได้หมดแต่เวลาเรื่องของตัวเองกับแก้ไม่ได้ เหมือนกับผงเข้าตาเขี่ยออกเองไม่ได้แบบนั้นแหล่ะค่ะ พี่พุด ตอนนี้บัวเลยเปลี่ยนปรับ ตัวบัวใหม่อะไรจะเกิดก็เกิด ถ้ารู้ก็หาทางแก้ ถ้าไม่รู้ก็ต้องยอมรับไปเท่านั้น บัวขอบคุณกับสิ่งดีๆที่พี่พุดจะเขียนมาให้อ่านเสมอมา รักค่ะพี่พุด
22 พฤษภาคม 2551 20:37 น. - comment id 852564
ผมรู้จักพะงันจากข่าวหนังสือพิมพ์บวกกับจินตนาการเท่านั้นเองครับ ดูเหมือนว่าจะ มีผู้คนมากมายเหลือเกิน ใฝ่ฝันอยากไปเห็นสักครั้ง
22 พฤษภาคม 2551 22:02 น. - comment id 852586
ไม่อยากเขียนทะเล เพราะไม่มีความรู้เรื่องทะเล กลัวจะออกทะเลจนกู่ไม่กลับ เรือล่มในหนองทองคงจะไม่ไปไหน แต่ล่มในทะเลคงได้งมหาซากเป็นแน่ แวะมาอ่านที่นี่ ยิงปืนนัดเดียวได้นก ๓ ตัวครับ
23 พฤษภาคม 2551 11:59 น. - comment id 852713
สุดยอดฝีมือทั้งนั้นเลยนะคะ