กวีสระไอจาก..น้ำคำ ลำน้ำน่าน.. รจนาบทกวีไหวไหวหวั่น ฝันฝันใฝ่ใฝ่ด้วยใจใส มีคนกล่าวว่าเป็นกวีสระไอ ไม่เป็นไรเราได้ทำสิ่งที่รัก ความงามบทกวีมีหลากหลาย ทั้งเรียบง่ายอลังการสาระหนัก เหมือนละครมีตัวแสดงมากมายนัก รับบทรักบทโศกโลกมายา แตกต่างพรสวรรค์พรแสวง หากคือแรงใจเพียรไขว่คว้า ฝากความงามความดีแด่พสุธา คือยอดปรารถนาเหนือยิ่งสิ่งใด นี่คือ.. ความในใจจากนักอยากจะเขียน ผู้พากเพียรคงมั่นมิหวั่นไหว นานหลายปีที่แห่งนี้ให้มิตรภาพอาบล้นใจ คือรางวัลยิ่งใหญ่ให้ปิติเกษมล้ำค่าจิตจารึก...! พลีแด่.. วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์ น้องดอกข้าว ฤกษ์ ชัยชนะ ผู้ทำให้หัวใจพี่พุดไพร แสนละมุนละม่อมพร้อมแย้มยิ้มพริ้มพรายค่ะ และ.. แด่ทุกดวงใจน้องๆที่รักยิ่ง ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งมิ่งมิตรผองเรา ที่เดินเกาะเกี่ยวกุมมือกันไป ในถนนสายฝันสายดวงดอกไม้งามค่ะ ด้วยหัวใจดั่งนกไพรอิสรา ดั่งหยาดฝนพรำ ดั่งดวงดอกไม้หลากสีสัน ประดับหล้าประดับพสุธา... ดับแล้งโลก ให้โศกสิ้น..ค่ะ...! ..................... ด้วยรักเป็นที่ยิ่ง จากใจ...จริง ของ*นักอยากจะเขียน**กระวีกระวาด* สาวบ้านนา และแม่ดวงดอกพุดไพร กวีกระวาดสระไอ.. ผู้เพียรพัฒนาให้มีจิตดวงไสวไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ค่ะ ..................
20 มีนาคม 2551 13:27 น. - comment id 833273
เงาใจในทะเลสาบสีเงิน! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song354.html เงาไม้ ....... น้อมพลีบรรณาการ แด่.. ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง แห่งน้องพี่เพื่อนพ้องแห่งผองเรา ให้พบเงาไม้เงาใจแสนงามในท่ามธารชลค่ะ แม้ จะไหวหวามวกวน.. หากพุดไพร หวัง..ใจ ดั่งหยาดฝนโปรยโชยชื่นฉ่ำ พร่ำพร่างรินให้ทุกฤดีแสนรักแสนถวิลถึง แทน ฤดูแล้งไร้..ฤดีเร่าร้อน ไร้นุ่มเนื้อน้องเนื้อนวลแม่เนื้อเย็น มานอนเป็นเพื่อนใจ มานอนเคียงในเตียงเดียวกัน ให้เลิกเปลี่ยวเปล่า เหงาไร้ ขอ.. ให้ บทกวีหวานจัดยาวย้วยแทนยานอนหลับค่ะ ด้วยรักภักดีพลีใจไสวหวานเย็น มานานแสน..สองปีแล้วนะคะ..อย่าเบื่อเลย..ทนๆเอาหน่อยละกันอิอิ ................... ผม... นอน..อยู่เหนือทะเลสาบสีเงินแสนงาม กับบรรยากาศรอบข้าง ที่แสนงามเงียบเรียบนิ่ง..แสนสงบสุข..พอกัน ................ ผม..ลอยตัวนิ่งนิ่ง ทิ้งร่างใจให้เบาสบายราวไร้ตัวตน ในกมลราวแว่วได้ยินเสียง.. *บทเพลงแห่งสายน้ำนิรันดร์*ฝันดี ที่กำลังพลีบรรเลงคลอ..พนอเคล้ากล่อมห้อมห่มร่างผม พร้อมกันกับสายน้ำจริงในยามนี้ ที่หัวใจผม ไหวรับรู้ซึมซับได้ด้วยดวงจิตภายในใสงาม นะนาทีนี้เช่นเฉกเดียวกัน ผม..ค่อยๆหรี่ตาดู..เจ้านกไพร... ที่เหิรบินไปเหนือฟ้ากว้าง.... อย่างอ้างว้าง...อย่างอิสระเสรี.. ที่ กำลังกางปีกสีเงินวะวาววับ ตัดฉับกับท้องฟ้าสีฟ้างามเข้ม และ ที่นะบัดนี้... กำลังขยับปีกซ้ายขวาถลาร่อนว่อนภิรมย์อ้อนสายลม ในยามค่ำตะวันลาฟ้าใกล้โพล้เพล้ เหว่ว้า หากทว่ายังให้งามใสในไพรกว้างมิร้างแสง คงรอเวลาไม่นาน... ที่....แสงสีเวทีฟ้าธรรมชาติ จะมาวาดวงแตะแต้มท้องนภายามราตรีให้แปรเปลี่ยนเวียนผัน เป็นส้มสุกดั่งแสงสวรรค์ อันพลันพรมอมชมพูทองผ่องผุดไปอีกแบบ.. ในยามตะวันลา ยามฟ้าสีโศกโลกสีไพล อย่างงามเหงา... ที่ คงเปรียบเสมือนดั่งชีวาชีวิตเราทุกคนทุกดวงใจ ที่ มักจะบานไสวแสนสดชื่นกมลยามวัยแรกผลิ ..ยามเช้าของชีวี และ.. ไม่นานปีก็ผันผ่านไปกลายมาเป็น วันแห่งฤดีตรม *ราวใบไม้พร่างพราย..ดายเดียวในราวเมืองราวไพร รอสายลมฤาพายุพัดไกวให้กลายสี กลายฤดูรับฤดีกรรม รอเวลาตอกย้ำซ้ำวน ร่วงกราวเกลื่อนกล่นรับ *วันลา รอ ฝากหอมน่าเสน่หา ฤาเน่าปนไปในพื้นพสุธาไร้ค่าใด กลายเป็นวัฎฎใจจิต อันคือพรหมลิขิตสวรรค์วาง ไว้อย่างจริงแท้อย่างแน่นอน..ยิ่งกว่าสิ่งใด ที่ใครๆก็เลี่ยงหนีไม่พ้นคำว่าพรากจากลา..ตราบชั่วนิจนิรันดร์ ........ แปลกดี..ที่ยามผมลำพัง ปีกนกไพร ในใจในฝันผม พลันจะกางปีกตาม อย่างไร้พันธนาการ ผกโผผินบินไปทั่วหล้าฟากฟ้านภากาศ วาดเวิ้งภิรมย์ สู่ สุดปลายสายรุ้ง เรียวรุ่งแพรไหมเมฆ สู่ ความวิเวก แสนว่าง ในท่ามงามลอยเหนือโลกย์โศกสุขราวไร้ตัวตน แลเห็น.. นั่น.. ทุ่งข้าว แห้งผาก ฝากทุกข์ท่วม ท้อ รอสายวสันต์ลีลามาพร่างโปรย โน่น คนหิวโหย... รอฝนโปรยฟ้าฉ่ำให้กบเขียดร่ำร้องในเถียงนา ให้ชาวบ้านนอกบ้านนา ได้รอเก็บผักหญ้าหากินตามรึมบึง พอประทังชีพชอบประกอบชีวีสุจริต มิคิดเบียดเบียนใคร แล้ว.. อ้าวนั่นใครเล่า ขับรถเก๋งคันใหญ่ในเมืองหลวง หากเบื้องหลังลวงโลกย์ ฆ่าคนนับไม่ถ้วนให้มอดม้วยมรณา ด้วยเป็นนักค้ายา แล้ว นั่นอีกเล่า.. สาวไทย..หนีนาไสวไปค้ากามที่ต่างประเทศ แล้ว..ไงเล่า ถูกแมงดาแประจำซ่อง คอยจ้องสูบเลือดเนื้อเถือเจ็บปวดรวดร้าวแทบขาดใจ เหลือแต่ร่างตายซากพรากจิตวิญญาณไป ที่อุตส่าห์หนีนาร้างมาใช้นาในร่างน้อยคอยทำงานแลก ยอมแบกบากหน้าตากหน้า..คิดลัดฟ้ามา พยายาม..หาเงิน.. แล้วไงเล่าเจ้ายอดดวงใจจำต้องแบกร่างร้าวหนาวสะท้าน ไปขอความเมตตาสงสารรับช่วยเหลือจากสถานทูต ให้ส่งกลับมา ใช้ชีวิตแบบพอเพียงเพียงพอ โอ้ละหนอ..ทุ่งรวงทองและนาน้อยๆ ที่แสนละห้อยเหี่ยวของสาวไทยใจดวงทอง ที่เกิดมามิยอมท้อแท้แพ้พ่าย..พอกันเลย หาก..ทว่าฟ้าดินมิเป็นใจมิเห็นใจ ในที่สุด ก็ต้องหยุดเกมกามตามเพรงกรรม หันมาคิดใหม่ทำใหม่ กลับมาสร้างไสวรวงรักรังน้อยแต่พอตัว ยังดีเสียกว่า เกลือกลั้วน้ำกาม ขายกายาขายร่างและจิตวิญญาณแสนดี กลับมายอมพลีตายๆไปแบบสาวทุ่งเสียยังจะดีกว่า และขอรักความเงียบงามสงบในท้องไร่ท้องนา ขอเวลาเพียงเพียรพบฝัน รอสักวันได้เป็นจริงแสนดี ให้รู้ว่าชีวีนี่ไซร้ แท้แล้วควรใช้ไปในทิศทางใดทางไหน ที่เที่ยงแท้แน่นอน..ให้ นอนแล้วหลับฝันดีพอมีกิน..มีใช้แบบปลอดหนี้ ให้ชีวิตนี้ได้อยู่กับครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตา หันมาล้อมวงกินข้าว กลางคืนมีดาวเดือนเป็นเพื่อนใจ ดีกว่ามีแสงไฟราตรีที่คอยฆ่าน้ำจิตใส ในเมืองศิวิไลไซ์จนในที่สุดตายไปแบบผ่อนส่ง เพราะมัวหลงทางอยู่ในดงเมือง...อันมากเรื่องราวรกรุ่งริ่งรุงรัง ราวดงขังใจ..ดีนักเชียว ............ และ ทำไม.ละหนอ...ละนี่ ในดวงตาดวงใจผมดวงนี้ ถึงได้ชอบขยับปีกฝันขยันหาเรื่องเศร้า มาฝันฝันคลุกเคล้า ให้พบสุขเศร้าหมองปนเป โอ้ละเห่ละช้า ราวฟ้าดินสวรรค์แกล้ง ให้ปลอบปลุกให้ลุกขึ้นมาสู้โลกรู้บทเรียน มายอมรับความแปรเปลี่ยนรับความจริง ที่วิ่งหนีไม่พ้นทุกตัวตนทุกคนไป ที่ครองใจมนุษย์ยากหยุดหมุนเวียน เปลี่ยนกฎแห่งกรรมนำพากันมา นับพันล้านดวงชะตากรรม ให้ตกอยู่ในบ่วงรักอันหนักอกราวเหวลึก และ ทุกทุกข์ดวงชีวาชีวี ที่คงมีเพียงวิธีเดียวจะหนีพ้นทุกข์ได้ นั่นก็คือใช้ยอดพระรัตนตรัยกำบัง สั่งกายจิตให้ประคองชีวิตสู่ร่มบุญ กรุ่นหอมใสด้วยดวงจิตระลึกรู้.. อย่าอยู่อย่างอยากไปวันวัน.. ......... ผม... หุบปีกใจหุบปีกไพร พาดวงจิตดวงใสดวงใจนิรมิต ที่ใสพร่างสว่างเย็น ให้กลับเร้นมาคืนสู่ร่าง ว่างเดิม ดล..ตัวตนให้กมลสั่ง ให้กลับคืนจากภวังค์ มาลอยตัวตน อันราวไร้น้ำหนักเหนือผิวน้ำ เหนือสายน้ำที่เย็นฉ่ำใสแทน อ้าว.. แล้วทำไม ใจดวงร้าวลืมแล เห็นหยาดละอองน้ำตานางฟ้าใสพร่าง ราวละออดอกน้ำค้างกำลังพร่างพรม โปรยปรายลงมาบนใบหน้าผมราวมากเมตตา ราว รู้ดีว่าผมนี้ กำลังร้อนรุ่มในดวงชีวาชีวิตสถิตไม่เป็นสุข แสนทุกข์เศร้าเหงาใจกับโลกใบใหญ่ใบนี้ด้วยเล่า แล้วนั่น.. ผม..ฝันไปละกระมัง เมื่อเห็นนางฟ้าแสนงามกำลังขยับปีกขาว และ ราวกำลังภาวนาสาธยายมนตรา ก่อนที่จะยกคฑายอดเพชร หมุนหมุนหมุน..เป็นวงกลม จนเกิดรัศมีพรายพร่างามจับตาจับใจ ให้เกลียวเมฆนุ่มนุ่มสีทองผ่องไสวพร่างพรรณราย ราวสายหมอกสายเหมยสายไหม ที่แสนงดงาม ลอยวน..รายรอบ ลงมาพร่างพรมห่มรัดร้อยรอบร่างผม ให้หนาวลมหนาวร่างหนาวในรักสายน้ำนิรันดร์ กลายพลันเป็นอบอุ่นโอบเอื้อราวมีดวงตะวันอ่อนๆ มาโลมไล้ให้หายเหน็บหนาวเศร้าทรวงนะบัดดลบันดาล อย่างรักใคร่อย่างเข้าใจอย่างละไมละมุนเป็นที่สุดแล้ว ให้ใจดวงดี ดวงฝัน ดวงงามของผมนิ่งงัน สถิตทอดรับขวัญ กับฝันหวานหวาน ฝันงามงามฝันแสนดี ที่เธอนางฟ้าใจดีมาพลีพรมห่มหอมให้ และ ทำไมนั่น กับฝันแสนสล้างกลางเมฆพร่างสีสลับ หลากสายราวเรียวรุ้งในยามตะวันลา กับฟ้าแดงกับแสงแสนบรรเจิดพริ้งเพริศพราวพรรณรายฉายฉาน ผม... กลับเห็นใบหน้าแสนหวาน นัยน์ตารานโศกราวหยาดน้ำผึ้งของใครคนหนึ่งกลางม่านเมฆ ในเงื้อมเงาวิเวกฝันไกล ให้ผมตะลึงตะไล ใหลหลง ให้ผมรู้ด้วยจิตพะวงว่า เธอ..คือนางใจนางในฝัน ที่ผมหลงใหลถวายจิตถวายใจด้วยรักภักดิ์พลีมาแสนนาน หากทว่า แสนสุขสมรานร้าว กับความดายเดียว กับความผิดหวังที่เฝ้าหลงรอพ้อเพ้อมานานปี หากทว่า..กับนาทีนี้ในยามนี้ ยามใกล้สนธยาต่อราตรี ที่ผืนฟ้ากำลังคลี่แย้มแต้มด้วย ดาวดวงทีละนิดละน้อย ราวมือนางฟ้ามาพร่างโปรย หัวใจดวงระโหยอ่อน ของผมกลับโชคดี ได้พบกับ*ดาวใจนางใจนางในฝันสวรรค์หวานสวรรค์วนา* ที่ผมหลงรอท่าเพ้อภักดิ์ และมิอาจหยุดรักเธอได้เลย..แม้สักนาที เธอ..คนดีราวค่อยๆคลี่ยิ้มหวาน ตามดาวเดือนดวงแสนจรัสชัชวาล ให้มาตระการบานพรึบสว่างไสวในใจ..ในร่างรานของผม เสียงละไมจากใจดวงงาม แว่วหวานมากับฟากฟ้ากว้าง ในท่ามกลางความเงียบฉียบเย็นของสายน้ำรักนิรันดร์ เอื้อนเอ่ยคำกระซิบรักรำพึง ฝากซึ้งจิต... ที่รัดร้อยรึงผูกพันกับผมมานานปี ให้ผม..นี้ได้ยินลำพัง.. *ที่รัก..ดวงใจ อย่าไหวเศร้าเลยนะ กับโลกและผู้คนเหว่ว้าแสนเหงานี้ ที่ ไม่นานช้า .. สองเราจักได้พบกัน*ยังดินแดนสวรรค์ฝันพลี* ดินแดนที่รอต้อนรับทุกจิตใสใจดวงดี ที่สร้างกุศลมากล้นบุญทานบารมี ที่ทุกคนดีและดั่งใจเราสองที่ได้วอน ได้ฝากคำอธิษฐานภาวนา ทุกคราที่ได้สร้างกรรมทำความดี . ให้ใจดวงจงรักภักดี ได้ฝากคำมั่นฝากคำสัญญา..ต่อกันไว้ว่า หากฟ้าดินทรงเมตตาเห็นใจเห็นในยามเราก่อบุญ การุณย์ให้เราสองนี้พ้นว่ายวนบนเพลิงวิบาก และ ก่อนวันพรากคนดีเคยฝากบอกไว้ หากทำจิตได้ จะขอถวายร่างกายและดวงจิตใส ไว้ภายใต้ร่มผ้ากาสาวพัตร์ใช่ไหมนะ หากจริงดั่งว่า ขอให้สุดที่รัก ได้แผ่เพียรบุญกุศล ให้ผองชนคนไทยและดวงใจดวงนี้ที่รักมั่นนิรันดรด้วย แล้ว... ไม่นานช้านะคนดีนะดวงใจ.. เราจะได้พบพานพิสวาทกันทุกชาติไป หากยังไม่พ้นต้องเวียนว่ายมาชดใช้หนี้รักหนี้กรรม ได้มาเป็นคู่บุญคู่ธรรมคู่ทองคู่บารมี. จนกว่าจะจิตนี้ จะพลีเพียรพบทางสว่างไสวพบพระนิพพานดั่งคำอธิษฐาน คนดี มองดูดาวไสวดวงนั้นนะ เพราะนั่นคือดวงตาแสนเศร้าที่เข้าใจโลกและเธอดีนะยอดรัก ที่ หวังทายทักเฝ้าปลอบประโลมใจยามเธอไหวครวญ และ ดูเรียวรุ้ง...นั่นนะ คือทางช้างเผือกรอขวัญรอสวรรค์วางรอรับร่างแห่งสองเรา อย่าได้เงียบเหงาใจไปเลย.. และคนดี ดูทุ่งขวัญท้องนาสิ ที่คือดินเดิมสัญญาเดิม มาเติมต่อจิตเราสอง ให้จิตใสพร่างกระจ่างพราว ราวรวงทองรุ้งทิพย์ดั่งดวงดอกฝันนิรมิตนะกลางใจ ราว.. ดาวประจำเมืองในดวงใจในไพรพง พงไพรที่พลีรักธรรม ธรรมชาตินิรันดร์ พลีฝันแสนดี ที่บุพเพสันนิวาสทีเดียว นำเรามาข้องเกี่ยวมารัดร้อยทอสร้อยรักอักษรา ได้มาพบกันในเส้นทางฝันสวรรค์วาด อันเพริศแพรวพริ้งพราย คล้ายสายเพชรพร่างกระจ่างสว่างโรจน์..เป็นอนันตกาลจักรวาลดล จงวางใจวางดวงกมลอันแสนงาม ไว้ในเอื้อมหัตถ์แห่งศรัทธาของพระพุทธเจ้า ให้ ทั้งฟ้าดิน..สิ้นอินทร์พรหม สิ่งศักดิสิทธิ์ทั่วโลกหล้าได้รับรู้ได้เมตตา ให้ดวงใจเราที่รักสวรรค์วนา มีจิตวิญญาณไพร ได้รู้วางว่างใจ.. มียอดพระรัตนตรัยยอดธรรม ได้น้อมนำมาหอมห่มสอนใจนำทางใจ ให้ไสวสะอาดสงบ พบความสุขนิรันดร์ อันคือสายธารใจ ที่จะรินฉ่ำพรำพรมพร่างใสดับร้อนให้ดวงใจมิสิ้นสุดนะคนดี ก่อนที่ จะคืนร่างเรานี้ลงในท่ามกลางพื้นพสุธา อย่างไม่โศกโศกาอาวรณ์รำพึงรำพัน เพราะได้ทำทุกทุกสิ่งแสนดี พลีเพื่อผองชน และโลก ลบโศกอย่างดีที่สุดแล้วนะแก้วตานะดวงใจ..! ......................... รอเธอ.. รับขวัญกลับคืน..กระท่อมใจ..กระท่อมไพร! ราตรียังคงมีจันทร์คืนวันนี้ ให้ฤดีเราได้ฝากใจและฝากฝัน คืนเดือนเสี้ยวเกลียวทองสายธารจันทร์ หยาดน้ำตาขวัญซึมซึ้งคะนึงครวญ เสียงดวงใจในฝันพลันกระซิบ ฝากดาวระยิบเดือนระยับยังไห้หวน เจ้านกไพรยังซึ้งใจถึงนางนวล รอวันหวนปีพบจบด้วยภักดิ์ คืนซึ้งซึ้งวันซ้ำซ้ำย้ำรอยเศร้า อยากถามข่าวอยากเคล้าเคลียเจ้ายอดรัก อยากหอมแก้มซุกซบในอ้อมตัก อยากฝากรักภักดีพลีทั้งใจ คนดี..คืนเดือนเสี้ยวใจดวงร้าวยังเศร้านัก ซึ้งคำภักดิ์ดวงใจเอ๋ยเคยหวามไหว คำสั้นสั้นคำซึ้งซึ้งสัญญาใจ แล้วทำไมให้หลงคอยไร้รอยเงา.. ใจของเธอใจของฉันยังฝันค้าง ยังอ้างว้างดายเดียวเปลี่ยวและเหงา ได้แต่ฝากเมฆนวลนุ่มแนบนานเนา ย้ำรักเรายังคงมั่นคำสัญญา.. ทุกราตรี.... ทิ้งตาเศร้าเฝ้ามองเทียนริบหรี่ไหว เหมือนดวงใจใครคนนี้ริบหรี่หา ลั่นทมขาวพราวหอมเศร้าอวลลมมา ให้เหว่ว้านิ่งงันฝันค้างใจ ในราตรีมีดอกไม้ใกล้ริมหมอน คอยออดอ้อนให้ดอมดมใจรานไหว เสียงนกเขาขันก้องดุเหว่าไพร เพรียกแทนใจใครคนหนึ่งซึ้งลับลา กระซิบคำฝันเพ้อถึงเธอนะที่รัก ยังรอภักดิ์ยังรักอยู่ยังโหยหา ยังคิดถึงคะนึงครวญทุกเวลา ยังรอท่า..รอรับขวัญวันคืนสู่กระท่อมไพร..กระท่อมใจ..! ........................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song354.html เงาไม้ แสง จันทร์วันนี้นวล ใครชวนให้น้อง เที่ยว จะให้ เหลียวไป แห่ง ไหน ชล ใสดูในน้ำ เงาดำนั้นเงา ใด อ๋อ ไม้ ริม ฝั่ง ชล สวยแจ่ม แสง เดือน หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว ฉันชม ลม ริ้ว จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล สวย แจ่ม แสง เดือน หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว ฉันชม ลม ริ้ว จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล...
20 มีนาคม 2551 19:05 น. - comment id 833389
สำหรับพี่ ในใจน้องแล้ว พี่เป็นกวีสระอู คือ กวีที่อยู่ในความผูกพันค่ะ ด้วยรักและคิดถึงนะค่ะ
20 มีนาคม 2551 19:30 น. - comment id 833413
แหะ.. แหะ.. แวะทักทาย ไม่มีไร ไปแระคะ พี่พุด คุณผุ้หญิงไร้เงา
20 มีนาคม 2551 22:54 น. - comment id 833474
แวะมาเยี่ยมครับ....
21 มีนาคม 2551 00:51 น. - comment id 833501
หนูไม่เห็นเคยรู้เลยว่าเป็นกวีต้องมีสระด้วยหรอค่ะ.... กวี ในพจนานุกรมให้ความหมายไว้ว่า นักปราชญ์หรือผู้เชี่ยวชาญในศิลปการประพันธ์ จำแนกเป็น 4 คือ 1. จินตกวี แต่งโดยความคิด 2. สุตกวี แต่งโดยได้ฟัง 3. อรรถกวี แต่งตามความเป็นจริง 4. ปฏิภาณกวี แต่งกลอนสด ไม่เห็นพูดถึงสระตรงไหน....จิงมั้ยค่ะ ^^ : ดอกไม้นี้สำหรับพี่พุดค่ะ p.g. แล้วตรงในดวงใจ...ลำน้ำน่าน...
21 มีนาคม 2551 00:58 น. - comment id 833503
ต่อจากข้างบนนิดๆค่ะ....หายเฉยเลย คือหนูจะถามว่า....พี่พุดหมายถึง แม่น้ำน่าน 1 ในแม่น้ำ 4 สายที่หล่อหลอมรวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาหรอค่ะ..? ตอบหน่อยๆ...หนูอยากรู้ ei ei
22 มีนาคม 2551 08:33 น. - comment id 833759
พุดไพร พี่สาวนา น้ำตาเอ่อซึมค่ะน้องๆสำหรับ หยาดน้ำค้างใจที่ประดุจดั่ง หยาดน้ำอมฤตสู่ดวงใจพี่พุดนะคะ และขอบคุณน้องๆณนะคะ สำหรับการโหวตให้พลังใจในการทำงาน อย่างพากเพียรของพี่พุด พี่พุดซาบซึ้งใจจนเกินกล่าวค่ะ และ... พี่พุดขอฝากความในใจไว้ณ ที่แห่งนี้นะคะ แม่ดวงดอกพุดไพร พี่พุดไพร สาวบ้านนา ทำงานเขียน รจนางานที่รัก มานานนักแล้วค่ะ ในเวบร่มรักเรือนไทย เรือนทอง แห่งมิ่งมิตรผองเรา ตราบดินฟ้า(คำของคุณอิม) ด้วยความรักในงานที่รัก ค่ะ กราบบูชาครูด้วยมาลัยใบข้าว http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem77987.html ในวันนี้ มีท่านผู้อ่านเมตตาทั้งสิ้น..4940 ท่าน ที่เข้ามาหยาดน้ำใจรัก ดั่งหยาดน้ำค้างลงพร่างพรมนวลเนื้อใจ สาวบ้านนา... ให้ยังคงมีไฟฝันอันละเมียดละมุน ที่จักยืนหยัด ทำงานที่รัก บนถนนสายฝันสายดวงดอกไม้งาม ไปอีกนานเท่านานค่ะ และ.. หวังจะครบ5000ท่าน ในวันเกิดที่23นี้ค่ะ หวังมากไปหน่อยไหม กับการเพียรพยายาม การเททุ่มใจทำงาน มาอย่างซื่อสัตย์ยาวนานนัก หากนับจำนวนตัวอักษร ก็เป็นล้านๆตัวค่ะ ที่คีย์จนนิ้วชี้ มีปัญหาเส้นเอ็น แทบคลี่ไม่ออกแล้วค่ะ และ นับจำนวนพันเรื่องเมื่อรวม จำนวนท่านผู้อ่านทั้งผ่านตา ผ่านใจ ที่คลิ๊กเข้ามายิ้มแย้มเยือน ก็คงมากมายเกินนับนึกเลยค่ะ ซึ่งนี่คือความภาคภูมิใจ ปิติเกษมใจ ความซาบซึ้งใจ ความรู้สึกแสนยิ่งใหญ่งดงาม ในชีวิตหนึ่งนี้ที่ได้ทำในสิ่งที่รัก แม้นจะน้อยค่า ดั่งธุลีหล้า ที่อยากฝากความจงรักต่อแผ่นดิน กตเวทิตาคุณต่อชาติศาสนา พระมหากษัตริย์อันคือสิ่ง เทิดทูนไว้เหนือดวงชีวีแห่งเราค่ะ งานพุดไพร สาวบ้านนา จึ่ง..เพียรเน้นธรรม ธรรมชาติ บวกความรักที่เรียบง่าย งดงาม อ่อนหวาน ความเสียสละ เมตตา การแบ่งปัน เพื่อสร้างสรร โลกนี้ และอัญมณีจิตให้สว่างไสว มีเพียงความรักปรารถนาดี พลีดับโลกแล้งไร้ฝากไว้ ก่อนชีวาวายจะสลายลาลับ ดับไปดั่งแสงแห่งตะวันลา ค่ะ
22 มีนาคม 2551 08:05 น. - comment id 833760
ซาบซึ้งใจ น้องผู้หญิงไร้เงา .... และทำให้ยิ้มๆๆๆ กับคำว่ากวีสระอูค่ะน้องรัก น้องฉางน้อย ผู้น่าเอ็นดู น้องฝากฝัน มาฝากใจ สุดท้าย.... น้องp.g. ผู้มีคำถามค่ะ ลำน้ำน่าน...คือนามปากกาค่ะ คุณอิม เคยให้เกียรติเราทั้งคู่ เรียก พี่พุด กับลำน้ำน่าน ( ซึ้งกระวีกรวะวาดหนึ่งในไทยโพมค่ะ) ว่า.. บุรุษแห่งสายธารและอัญมณีแห่งไพรพฤกษ์ ซึ่งพี่พุดซึ้งใจมากค่ะ เพราะ เราสองคนทำงานเกี่ยวกับการเขียน บทกวีธรรม ธรรมชาติมายาวนานนักค่ะ ลำน้ำน่าน อายุน้อยมากค่ะยังไม่ถึง30ปีด้วยซ้ำ แต่รักธรรมชาติชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย ชอบเดินทางท่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร บางทีก็ออกค่ายเป็นผู้นำในด้านการพัฒนา ช่วยเหลือชุมชนและเด้กด้อยโอกาส และ.. ทำงานองค์การระดับชาติ รับผิดชอบงานต่อแผ่นดิน เดินทางหลายประเทศ ชอบท่องเที่ยว เราคุยกันโดยไม่เคยพบมานานหลายปีค่ะ และ.. จนถึงวันนี้ มิตรภาพระหว่างเรา ยังคงยิ่งใหญ่และแสนงดงามค่ะ เพราะลำน้ำน่านชื่นชมงานดิบเดิมของพี่พุด และ... นี่คือทำไมลำน้ำน่าน จึ่งแซวพี่พุดว่าเป็นกวีกระวาดสะไอ อันหมายถึงชอบเขียนบทกวี ลงท้ายด้วยสระไอค่ะ พี่พุด ต้องมาออกตัวนิ๊ดนะคะอิอิ เนื่องจากพี่พุด ทำงานด้วยรัก และ ไม่ถนัดเขียนกลอนค่ะ ชอบความเรียงพรรณนาโวหาร เลย.. ทำให้ต้องรับบทได้แค่กวีสระไอนี่ละค่ะ น้องรัก สังเกตมั้ยคะในงานพี่พุด พี่พุดมีความสามารถพิเศษ ใช้คำวนเวียน แบบจุดเทียนเวียนวน เขียนบทกวีเรียบง่ายธรรมดาๆ โดยใช้คำไม่กี่คำ เพียง.. มุ่งหวังให้สื่อถึงใจ เป็นความเรียบง่าย ที่หวัง เพียงให้สั่นไหวในอารมณ์ สะเทือนอารมณ์เพียงนั้นค่ะ และ ด้วยพื้นเพดวงจิต รักและชอบใกล้ชิดธรรมชาติ จึงวาดฝันอันละไม ให้ทุกดวงจิต ได้รับพลังละมุนจากหอมกรุ่น แห่งวิถีธรรม ธรรมชาติ จากความสดสะอาดงดงาม แห่งปวงดวงดอกไม้ป่า ทั้งจากนามปากกา.. *สาวบ้านนา และ แม่ดวงดอกพุดไพร* ที่พากเพียรพยายามสอดใส่สาระ ประโยชน์เท่าที่จะทำได้ค่ะ คนดี และ... นี่คือที่มาของคำว่ากระวี กระวาดสระไอ ที่พี่พุด แสนภาคภูมิใจอย่างเหลือเกินแล้วค่ะ น้องๆที่รัก