วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ แผนผัง 00101110 110100 00101110 110100 0 คือ ครุ / 1 คือ ลหุ ................................. ๐ โอ้ว่าชิวาตนรชาติ พิศผาดอนาถใจ เผินเผินก็เพลินรุจิพิไล ยศเด่นประดับดล ๐ หลงเหลิงระเริงมนจริต ตะละกิจะกลั้วกล หมายแท่นประทับวรสกนธ์ ทิพอาสน์พิลาศเลอ ๐ ป้ายวาทะเปื้อนอริพินาศ ทุษกราดมิเว้นเกลอ กลอกกลับสลับกลเสนอ ทุวิถีวิธีทราม ๐ ได้ลาภ... ก็อาบมธุรรส ธนลดสิโลภลาม สรรเสริญ...ก็เพลินรติวิราม สรสิ้นสิแสบทรวง ๐ เวียนวัฏจักระทุจริต นิรมิตเล่ห์ลวง เถิดคามสยามนครสรวง ภิทนามิช้านาน... ................................. แด่... ผู้ใช้สยามประเทศเป็นแหล่งแห่งการกอบโกย...พ่อเฮย เห็นแก่ประโยชน์ชน ประโยชน์ชาติบ้าง............เถิดนา
2 พฤศจิกายน 2550 06:33 น. - comment id 781242
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ -1- ๐ แว่วเสียงก็เพียง..อุระระรัว พิศะตัวก็ต่างตน แห่ห้อมตะล่อมสัทะระคน นยะล้นพิมลหลาย ๐ ขานขับก็ศัพท์ธิระประดิษฐ์ นิรมิตะมากมาย ว่อนวางพยางคะอภิปราย ตละฝ่ายประโลมฝัน ๐ หวั่นไหวกระไร..สุระประพจน์ มธุรสะโรมรัน หลักการก็ควานและเสาะกระสัน อภินันทนาไทย ๐ การเมือง ณ เบื้องปุระสยาม ขณะทรามละลามนัย เสียงสู่ก็รู้มุสะสมัย สุตะใด-ประดาเดียว ๐ โอ้ทราม..ละลามระยะประเทศ พิเราะเลศะกรูเกรียว คมคำกระหน่ำ..ฤจะเฉลียว ผิวะเขี้ยวจะขบลง ๐ พรรณนาประดานยะประดุจ- บริสุทธิแผ่วง ไหนเลยจะเคยจะละประสงค์ อุปสงคะแห่งใจ กลอนแปด -2- ๐ ฟังเถิดฟัง-เสียงแว่วอันแจ้ว..เจื้อย จะรี่เรื่อยแผ่วผ่านดั่งธารไหล หวานย่อมพร้อมพร้องพร่ำความอำไพ อุดมการณ์ย่อมใส่..อยู่ในคำ ๐ มีแนวทางวางไว้..วางให้เลือก ทั้งแก่นเปลือก-จับจองทำนองคร่ำ- ครวญบอกเจตนาเนือง, ปลดเปลื้องทำ- นุใจผู้ชอกช้ำ..ช่วยบำเรอ ๐ หว่างมรรคาผ่านวันเคย-บรรจบ หอมตระหลบความหวัง, ทุกพลั้งเผลอ สุคนธาถ้วนภพ..ที่พบเจอ จะเสมอพจนา..ฤๅว่ามี ๐ โดยสดับถ้อยฉาบเคลือบภาพพจน์ ล้วนแต่บทงามสง่าสูงราศี โดยตรึกตรองคุณค่าแห่งวาที ต่างฤๅ..ลมวาดวี..มาลีล้อม ๐ กาลจะฟายฟุ้งฟ่องละอองกลิ่น โดยประทิ่นจะผสมเข้ากลมกล่อม เกสรหวานลมร่ำให้ด่ำดอม จะห่างห้อมหลบเร้นก็เข็ญใจ ๐ เมื่อทุกครั้งปี่กลองนั้นก้องเสียง จะเรื่อยเรียงทำนองเสียงล่องไหล ก็ทุกครั้ง..ลมแต่งไม้แกว่งไกว และทุกครั้ง..หวั่นไหว.คือใจคน ๐ ชอบจะฟังทำนองการร้องร่ำ ที่เขาคอยตอกย้ำ..ซ้ำซ้ำหน ชอบเหลือเกินมหกรรมแห่งคำคน ดูเถิด..ขวนขวายอยู่ไม่รู้แล้ว ๐ ขวนขวายความอยู่ดี..แห่งชีวิต โดยลืมคิด..เขารอคอยต่อแถว- เข้ากอบกินชาติอยู่...ไม่รู้แกว กระไรแวว..ตาเอยไม่เคยจำ ๐ เริ่มแล้ว-มโหรี..การสีซอ จะดังคลอทำนองการพร้องพร่ำ ให้สังคมเชื่องเหลือ..ได้เชื่อคำ ที่เวียนซ้ำ..แต่งหวังอีกครั้งคราว ๐ จะยินถ้อยสำราก...การลากไส้ ข้อมูลใหม่, ด่าประนาม, คำสามหาว น้ำลายจะท่วมเมืองด้วยเรื่องราว- ต่ำช้า, ฉาวโฉ่-วนให้คนยิน ๐ มัน-เปลี่ยนพรรคย้ายพวก..เหล่าปลวกหิว หมายหอบหิ้วแห่ห้อมเข้าล้อมถิ่น ดูเถิด-มากเหลือแสน...ทรัพย์แผ่นดิน- ราวประทิ่นกลิ่นพะยอม...ที่หอมล้ำ ๐ จะมีหรือ..ภู่ภมรไม่ว่อนเวียน หากกระเหี้ยนกระหือหน้า..นั้นคลาคล่ำ แค่อ้าปาก..ลิ้นไก่..ก็ไหวนำ เวียนเฝ้าย้ำความเย้า..ให้"เขลา"ยอม ๐ มีทั้ง"ซ้าย"-บัดซบ..ข้ามศพเพื่อน "ขวา"-มือเปื้อนเลือดคน..มาปน-หลอม- อุดมการณ์-รวม, แลก..ความแปลกปลอม ฮึกเหิมพร้อมพล่านผยอง...จะครองไทย ๐ โอ..โอบกอดรักมั่น..เกินกั้นกีด รักเกินขีดมาตรวัดจะวัดได้ หน้าปรุ, ตัวสั้น-เกลือก..กลางเมือกไคล คนสูงวัยบทบาทเด็ดขาดนัก ๐ เมื่อปี่กลองเลือกตั้งเริ่มดังยั่ว ก็โผล่หัวพาดหาง...กันอย่างหนัก ผีนายเก่าหยิบฉวย..มาช่วยชัก อัปลักษณ์..เหลือล้น..โอ้คนเอย ๐ เช่นระฆังกังวานเสียงหวานแว่ว หมาก็หอนรับแล้ว..จากแผ่วเผย โหยหวนเป็นลำดับ..ก่อนลับเลย จึงเปรียบเปรยให้เห็น..ว่าเช่นกัน
2 พฤศจิกายน 2550 09:53 น. - comment id 781295
สวัสดีครับท่านสดายุ... ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ที่ท่านแวะมาถึงที่นี่ ฉันท์นี้ผมแต่งหลังได้อ่าน "หมู - หมา - กา - ไก่" ในบล็อกท่าน ...ดีใจที่ท่านแต่งฉันท์อีกครั้งนะครับ ...หาอ่านยากเหลือเกิน ฉันท์จะสูญพันธุ์เสียแล้ว...
2 พฤศจิกายน 2550 12:12 น. - comment id 781382
แวะมาอ่านฉันท์ ค่ะ แต่ไม่มีความสามารถ ที่จะแต่งได้อย่างนี้เลยเจ้าค่ะ ขอแสดงความชื่นชมอย่างแท้จริง
2 พฤศจิกายน 2550 15:36 น. - comment id 781522
ง่า...แวะมาอ่าน ฉันท์ นะคะ ถึงมีผังก็ยังแต่งไม่ได้อยู่ดีอ่ะค่ะ...ขอชื่นชมอยู่ห่างๆแระกันนะคะ
2 พฤศจิกายน 2550 21:59 น. - comment id 781773
แวะมาเรียนรู้ค่ะ...เก่งจังเลย....
3 พฤศจิกายน 2550 17:41 น. - comment id 782120
สวัสดีครับทุกๆ ท่าน ยินดีที่ได้เจอกันนะครับ คุณ bananaleaf... คุณโคลอน.. และคุณ White roses... ขอให้ท่านทั้งสามแต่งฉันท์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้นะครับ แล้วพวกเรา...จะได้ช่วยกันรักษาฉันท์อันไพเราะไว้ ไม่ให้สาบสูญไปกับกาลเวลา สยามมณีฉันท์ ๘ (ยังไม่เคยแต่งมาก่อนเลยครับ เคยเล่นแต่อีทิสัง ...คราวนี้ลองสยามมณีดูครับ ถ้าแต่งผิดหรือบกพร่องประการใดก็ขออภัยนะครับ) ๐ หทัยเทวษประเทศจะล่ม สยามถล่มนิคมทลาย "ทุชาติ" ผจญ "ทุชน" ขจาย อนรรฆวินาศอนาถมนา ๐ แหละเวียงสวรรค์สิพลันสยบ เพราะเหตุประสบกะหายนา ลุหิตสมุทระสุดคณา เลอะหลั่งอุรามหาบุรินทร์ โอ...ยากกว่าอีทิสังอีกแน่ะ... คำมันลงได้ไม่ตรงล็อกยังไงไม่รู้สิครับ ใจความเลยแปลกไปกว่าที่ว่าแผนไว้แต่แรกนิดหน่อย
3 พฤศจิกายน 2550 17:43 น. - comment id 782123
แน่ะ! เจอที่ติแล้ว สยามมณี ข้างบนนี้... สัมผัสคำว่า "นา" ซ้ำกันตั้ง 3 ตัว มี มนา ...หายนา ...และ คณา อีกตัวนึง ...น่าละอายยิ่งนัก