เราสาม..มิใช่เราสอง.. กำลังนั่งทอดตานิ่งนิ่ง ริมฝั่งฝันเจ้าพระยาในยามเย็น อาทิตย์อัสดงอย่างซื่อตรงเหนือชายชลทิวไม้ เห็นเรือโยง กำลังโยงกันไปในท่ามกลางสายน้ำใจเจ้าพระยา ฟ้าเริ่มแปรสีเป็นฟ้าสวย ชมพูปนส้ม อมเทาทองทอดทาบอาบอิ่มกลมกลืน ดูละมุนละไมด้วยนวลเมฆนุ่มดั่งสายไหม ในยามตะวันรอน ผู้หญิง..หัวใจดวงอรชร ใส่หมวกสานสวยด้วยหัวใจ..จากฝีมือชาวบ้าน ที่คงค่างามความประณีตละเอียดอ่อน ทวนกระแสโลกศิวิไลซ์วัตถุ ที่วัดความหรูด้วยราคา ใช่งามล้นค่าจากความดิบเดิม..แห่งภูมิปัญญาไทย ที่สืบทอดสานสายใยมาอย่างยาวนาน..ต่อเนื่อง.. ให้ลูกหลานประเทืองประทับใจมาจนทุกวันนี้.. อย่างควรที่จะรู้ค่ารักษ์ธำรงเอาไว้..ให้โลกประจักษ์.. เสียงเพลง..หยาดเพชรกำลังถูกขับครวญ จากสุภาพบุรุษหัวใจดวงทอง ที่ปองหมายฝากรักฝากขวัญ ให้สายน้ำรักนิรันดร์ได้รับรู้...บนเวทีที่ดนตรีกำลังบรรเลงคลอ ฟ้าทอสีจรุง..ราวรุ้งจรัส ท่ามธรรมชาติสงบสงัดริมชายชล สามกมล..กำลังดื่มด่ำกับบทเพลงแล้วบทเพลงเล่า ที่นักดนตรีเฝ้าครวญให้ฟัง ราวกับ.. ตกต้องอยู่ในภวังค์ฝันแห่งหอมห้วงมนตรา ไปกับฟ้าสีโศก ... ที่โลกทั้งโลก กำลังเริ่มวิกฤต ด้วยนานาปัญหาอันรุมเร้า ให้เร่าร้อน ยากผ่อนเพลา เข้าทุกที.. เจ้าพระยา กำลังนิ่งฟังทุกเสียงกระซิบสั่ง..อาลัย ไทยหนอไทย เคยสงบร่มเย็นมานาน แล้วไย.. จำมาพล่าผลาญเข่นฆ่ากันเอง ในแผ่นดินแม่มาตุภูมิ ที่ให้ข้าวให้น้ำให้เจ้าได้หยัดยืนมาอย่างทรนง คงความเป็นคน หล่อเลี้ยงกมลให้เจ้าได้ยังมีลมหายใจ แค่นี้.. ก็ยิ่งใหญ่จนเกินจักให้หัวใจตอบแทนกตเวทิตา รู้ค่าความเป็นมนุษย์ผู้พิสุทธิ์งามแล้ว.. เสียง...แสนหวานรานโศก จากบทเพลงวิปโยคสะเทือน ของราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ *โลกของผึ้ง* ลำนำที่... ถูกนำมาขับกล่อมจากอีกหญิงหนึ่งที่ยังมีชีวิต หาก..ถูกชะตาพรหมลิขิตให้ดวงตามืดบอด หากเธอก็ยังมีดวงใจงดงาม ด้วยนิยามแห่งการต่อสู้ อย่างผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และ..กับนาทีนั้น.. พลันพาให้หัวใจหญิงชาวไพร ช่างแสนละมุนเกินกล่าวแล้ว...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4685.html โลกของผึ้ง ...พุ่มพวง ดวงจันทร์ โลก สุดสวย อันแสนกว้าง ไกล มวล พิษภัยดูมาก มี แต่ ชีวิต ในโลกทุกชีวี ยัง ต้องมี ดิ้น รน ผึ้ง น้อย ตัวหนึ่งนี้ ดิ้นหนี พิษภัย ที่ ผจญ ต้อง ทุกข์ ต้อง ทน เพื่อชีพตน และคน ร่วมเดิน ผึ้ง ผกผิน บิน ลอยลิ่วเคว้ง เอา เสียงเพลง แลก เงิน ผึ้ง ก็หวัง แฟนผึ้งยังไม่เมิน ปล่อย ผึ้งเดิน ที่สลัว ผึ้ง ได้กิน ใช่กิน เพียงตัว ทาง ครอบครัว ก็อิ่ม กัน ผึ้ง น้อย ตัวหนึ่งนี้ ดิ้นหนี พิษภัย ที่ ผจญ ต้อง ทุกข์ ต้อง ทน เพื่อชีพตน และคน ร่วมเดิน ผึ้ง ผกผิน บิน ลอยลิ่วเคว้ง เอา เสียงเพลง แลก เงิน ผึ้ง ก็หวัง แฟนผึ้งยังไม่เมิน ปล่อย ผึ้งเดิน ที่สลัว ผึ้ง ได้กิน ใช่กิน เพียงตัว ทาง ครอบครัว ก็อิ่ม กัน...
11 กันยายน 2550 23:23 น. - comment id 752615
เข้ามาตามอ่าน เพื่อสุขภาวะ แม้ชั่วขณะหนึ่ง ...ก็เถอะครับ ขอบคุณที่เสกสรรค์ให้อ่านให้เสพนะครับ
11 กันยายน 2550 23:40 น. - comment id 752616
สายใจเจ้าพระยา.! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html ไพล..ในชุดผ้าลินินสีขาวยาวกรอมเท้า เปิดไหล่ล้ำกลมกลึงให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งรวง รายรอบคอจับจีบรูดระบาย ผูกเป็นโบว์ปล่อยชายพลิ้วไหวสะบัดลม..ยามย่างเยื้อง หมวกลายลูกไม้ สีขาว ขับเรียวหน้าละออ เนียนละมุน งามสะอ้านหวานจับใจ แสงอาทิตย์ยามสนธยา ทอทอดสาดส่องต้องเรือนผม จน เป็นประกายสีน้ำตาลทองเจิดจ้าจรัสมลังเมลือง ไล้เรียวหน้าดั่งทองทา.. รองเท้าผ้าใบสีขาว รอบข้อเท้าคือสร้อยทองเคงามเรียบ มีเพียงเสียงกังวาน กรุ๊งกริ๊ง กระทบกันเบาเบาแสนเสนาะยามเธอก้าวเดิน ไพล..ก้าวลงเรือ ข้ามไปยังอีกฝั่งฝันเจ้าพระยา ยามอาทิตย์เริ่มลาลับลา ทิ้งแสงสวยเศร้าส้มสุกทั่วทั้งท้องนภา และท้องน้ำราวอาบด้วยมนตราของทองคำ ทาทาบอาบเปลวระยิบระยับ ไพล..ทอดสายตาซึมซับรับซาบซึ้ง ที่กำลังลึกล้ำถึงด่ำดื่ม ให้สายน้ำ ซอนแทรกฉ่ำหวานระรินละล่องเข้าครองเนื้อใจนวล ยิ้มหวานตรงเรียวปาก ให้กับคนขับเรือเพราะเที่ยวนี้มีเธอข้ามมาเพียงลำพัง กับค่าโดยสารข้ามฝั่งที่ราคาแค่สองบาท ตั้งใจว่าให้คุ้มค่าน้ำใจ ค่าน้ำมัน เธอคงจะวางเงินมากกว่าจำนวนนั้น โดยมิหวังเงินทอน และทุกคราที่เธอข้ามมาณ.เกาะเล็กๆแห่งนี้ ซึ่งเป็นเกาะที่สามารถมาซุกซ่อนสุขทุกข์ ซึ้งเศร้า เคล้าคลุกงานงามเครื่องปั้นดินเผาที่เลืองชื่อฝีมือชาวมอญ ละเมียด ให้ลืมโลกจริงไปชั่วขณะ ที่มากเรื่องร้อยราว มากเศร้ามากสุขมากคน หมุนวนหมุนเวียนซ้ำๆซากๆ.. ไพลจะเดินเดียวดาย นั่งริมฝั่งชลใต้เงาไม้ ดูลำน้ำลำนำเจ้าพระยาเฝ้าเห่กล่อมหลอมดวงใจ...หอมดวงใจ.. ดูบ้านเรือนไทยริมน้ำ ที่พาให้หลับตาตามฝันไกลไป ถึงอดีตอันเรืองรุ่งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่คงงามเรียบง่ายสงบสบาย และคงเหมือนฉากในละครดัง.ในยามนี้ทางช่องเจ็ดสี เพื่อให้อบร่ำดวงใจ ใสเย็น ให้ผู้มองเห็นงามง่าย ได้ชิดใกล้การใช้ชีวิตกับสายน้ำและความสะมุนละไม กับธารน้ำรักน้ำใจที่ยังระรื่นชื่นฉ่ำ ไหลเอื่อยอ่อยลอยละล่องราวแดนหิมพานต์.. เป็นธารน้ำใจระรินร่ำที่ยังมีเยื่อใยผูกพัน เชื่อมโยง ดั่งลำนำลำน้ำแห่งชีวิต ไพล..จะแวะเวียนซักถาม ถึงงานดินงานงามดิบนี้ ที่ต้องเสกสรรปั้นแต่ง แฝงปรัชญาในการรักษาให้ดำรงคงอยู่คู่ชีวีคนไทยมากมี มากมายที่รู้คุณค่า ที่ผ่านตาผ่านสมองสองมือ คู่ใจคู่บ้านมานานหลายชั่วอายุคน ฝีมือปราณีตแฝงเสน่ห์ เนียนละออพ้อหาให้ ดวงใจคนชมคนรุ่นหลังคนรุ่นใหม่ผู้กำลังหยั่งรากฝังลึก อิงเทคโนโลยี่ หันกลับมามองที่หัวใจแสนดี ที่คิดงามคิดเป็นอย่างผู้เข้าถึง..ในงานงามศิลปะอันประณีตนั้น ไพล..น้ำตาซึมทุกครั้ง เมื่อไปยืนซึมซับ ช้างปั้นตัวจิ๋ว ที่ปั้นด้วยฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามราชกุมารี. ที่ทรงประทานไว้ให้ที่บ้านช่างปั้น ให้รำลึกนึกถึงจดจำ ว่าวันหนึ่งได้เสด็จมาเยี่ยมและ ฝากผลงานเลอล้ำค่าเลิศล้ำใจไว้ให้รำลึก..นึกถึงทุกคราคราว ในพระกรุณามหาธิคุณจากน้ำพระทัยที่ใสงาม ที่ทรงมากพระปรีชารอบด้าน และทรงมีพระทัยงามติดดิน ผ่านงานที่ใสบริสุทธิ์ราวหยาดน้ำค้างพร่างจากผืนฟ้าลงสู่พสุธาทุกถิ่นที่ ด้วยพระเมตตา บารมีไปทุกหย่อมหญ้า..อย่าง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพื่อให้ผืนดินไทย ผืนดินทอง ของเรานี้ให้มีแต่ความงามสงบร่มเย็นเป็นสุขอย่างทั่วถึงกัน...ตราบนานนิรันดร์ ................. สายน้ำไหลล่อง คิดถึงบทเพลงนี้ ที่กำลังดังก้องกึกในใจดวงนี้ ลุ่มเจ้าพระยา..... ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น จง ผูกพันรักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน... ............. หัวใจนวลดวงน้อยนี้กำลังฉ่ำ กำลังสดชื่นอย่างแปลกประหลาดพิลาสพิไล ยามที่ไพล..เดินเข้าไปในโบสถ์ พร้อมดอกไม้ไทย ใส่กระทงใบตอง พร้อมพวงมาลัยหอมงามที่ไพลเลือกมาผสานล้ำลึกให้จรุงแจ่มจรัสใจ ในการนำมาบูชาพระ กราบพระ... โบสถ์เก่า หลังงามนั้น กำลังซ่อมแซมทุกบานหน้าต่าง ให้ช่างมาเขียนลายที่หลุดลอก.. มีองค์พระนอน สมัยอยุธยา ในท่าสิริไสยาสน์ งามจนอิ่มใจเอิบงาม โอษฐ์แย้มยิ้มด้วยพระเมตตาธรรม พระพักตร์เปี่ยมกรุณา จนน้ำตาซึมกับสายพระเนตรอับโอบเอื้ออ่อนโยน ไพล..ทรุดตัวลงนั่ง น้อมมโน ดื่มด่ำ ด้วยศรัทธา แล้วก้มลงกราบนิ่งนาน เย็นมากแล้ว นกกาเริ่มจ๊อกแจ๊กโผบินกลับรัง คืนรัง ลำแสงสนธยาลอดผ่านบานหน้าต่างที่แง้มบานไว้ แสงสีทองส่องสว่างสาดจับไปที่พระพักตร์ผุดผ่อง ดังพุทธะพาให้กลางใจสว่างไสวลดมืดมน ชั่วหลับตา ไพลราวย้อนหลังไปในอดีตอันเรืองรุ่ง แว่วเสียงสังคีตดีดกล่อม หวานแว่วแผ่วเบามากับลำน้ำลำนำเจ้าพระยากับลมรำเพย เย็นร่ำฉ่ำหวาน ผ่านในอณูนึก... ไพล..เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหยาดน้ำตาพร่างรินมิขาดสาย.....................
12 กันยายน 2550 00:03 น. - comment id 752623
ด้วยขอบคุณค่ะคุณไพร.. http://www.dreampoem.com/midi/th/004.htm คนสุดท้าย ละครทีวี เงา ร้องโดย อัสนี โชติกุล ....ดนตรี.......... ไม่เคย มีใจ ให้ใคร มาก่อน. ไม่ เคยอ่อน ให้ความรักเลย. .จะมี ใครๆ มากมาย คุ้นเคย. แต่ ไม่เคย มีใคร อย่างเธอ. >ฉัน เคยบอก กับเธอหรือยัง ว่าเธอมี ความหมาย เพียง ใด กับคน ที่ใจ มันด้าน ชา. ฉัน เคยบอก กับเธอหรือยัง จากวันนี้ และทุก เวลา. จะมี แต่คำ ว่ารัก เธอ ...จากฉัน คนเดิม. จากรัก ไม่ เป็น. จะขอ เป็นคน ที่รัก เธอยิ่ง กว่าคนไหน ไหน จากนี้ คือเธอ. จากนี้ จนวัน ตาย. เธอคือ สุดท้าย ของทั้ง ชีวิต และหัว ใจ ....ดนตรี.......... ...จาก ฉันคนเดิม. จากรักไม่ เป็น. จะขอ เป็นคน ที่รัก เธอยิ่ง กว่าคนไหนๆ จากนี้ คือเธอ.เฮ้อ จากนี้ จนวัน ตาย. เธอคือ สุดท้าย ของทั้ง ชีวิต และหัว ใจ (คอรัส) ...ฉันเคยบอก กับเธอหรือยัง ว่าเธอมี ความหมาย เพียงใด กับคน ที่ใจ มันด้าน ชา. ฉันเคยบอก กับเธอหรือยัง จากวันนี้ และทุก เวลา. จะมี แต่คำ ว่ารัก เธอ ...จากฉัน คนเดิม.เดิ๊ม จากรักไม่ เป็น. จะขอ เป็นคน ที่รัก เธอยิ่ง กว่าคนไหน ไหน จากนี้ คือเธอ.เฮ้อ จากนี้ จนวัน ตาย. เธอคือสุดท้าย ของทั้ง ชีวิต และหัว ใจ .ไม่ว่าวันไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันรัก เธอ
12 กันยายน 2550 00:27 น. - comment id 752636
ดวงใจสีทองท่องเที่ยวไปกับสายน้ำ เปี่ยมด้วยเมตตากับสรรพสัตว์แลสรรพสิ่ง กรุณาสร้างบุญแลทานไม่มีที่สิ้นสุด แลคงดื่มด่ำกับธรรมชาติเสพสิ่งงดงาม ชื่นขม เห็นคุณค่า ในโลกที่ให้ความสงบสงัด เปลี่ยนเป็นงานกวี บอกเล่าแด่มวลเหล่ามนุษย์ที่ชื่นชม จากแดนหนึ่งไปสู่อีกแดน รจนางานเขียนอันงดงามไม่มีที่สิ้นสุด ตราบจนสุดแดนโลก สุดแดนแห่งความหลุดพ้น
12 กันยายน 2550 00:32 น. - comment id 752641
คุณทวารวดีคะ หวังจิตวิญญาณงดงามคงมิดายเดียว คงได้เกี่ยวก้อยลอยล่องท่องไปสู่แดนฝัน อันจักเป็นนิรันดร์กาลกับผู้เสมอเหมือนค่ะ ด้วยซึ้งใจนะคะ
12 กันยายน 2550 06:51 น. - comment id 752663
พี่พุดคะ สวัสดีคะ สบายดีมั๊ยคะ...จันทร์งานยุ่งนิดหน่อยค่ะ เจ้าพระยาเนี๊ย ..จันทร์นั่งเรือทุกวันคะ ทั้งเช้าและเย็น 2 ต่อกว่าจะถึงที่ทำงานคือ ต้องนั้งเรือข้ามฟากแล้วไปต่อเรือด่วนค่ะ ตอนเช้าคนจะแย่งกันขึ้นมาก...ไม่มีเวลาอินกะบรรยากาศเลยต่างคนต่างเร่งรรีบ แต่ตอนเย็นแดดร่มลมตกเนี๊ย ขึ้นเรือตอนเย็น จะได้บรรยากาศที่สุดเพราะคนจะไม่เยอะเท่าตอนเช้า ลมเย็นๆกับเสียงคลื่นกระทบเรือเนี๊ยชวนเหงาพิกลค่ะ ถ้าอากาศเย็นหน่อยหนาวมากๆคะ ปล.จันทร์คิดถึงพี่พุดนะคะ..
12 กันยายน 2550 11:10 น. - comment id 752731
ภาพกุลสตรีไทยช่างงดงามจริง ๆ ค่ะพี่พุด แวะมาอ่านงานงดงามที่เขียนด้วยใจของคนที่งดงามค่ะ