แด่..คุณครู..ด้วยดวงใจ..!

พุด

479px-Candle-flame-and-reflection.jpg
พุดพัดชามารับอรุณอุ่นไอโอบเอื้อ
ด้วยใจดวงหอมหอมหวานละมุน
นาทีนี้..
พุดกำลังรจนางานเรื่อง
*เดือนดอกกุหลาบ*
เพราะ..
พุดมีความสุขสงบมาทายทักโลกภายใน..ดวงใจพุด
ที่แสนรักความเรียบง่ายสมถะเสมอมา
ตราบชั่วชีวิตก็คงว่าได้
แม้...
ในยามที่โลกภายนอก 
*โลกโศกแสนศิวิไลซ์*
จะหมุนไปกับเกรียวกิเลสแทบมอดมลายหายวับ
ไปกับตามวลมนุษยชาติแล้วก็ตามที


มนุษย์ผู้คิดว่าตนแสนฉลาดล้ำ
แต่..
ก็ยังหาได้มีปัญญา
มีดวงตาเห็นแสงแห่งธรรม ธรรมชาติ
ที่เพียรเฝ้าสอนสัจจธรรม ฤาก็หาไม่
ยังคงหลงในกิเลส
แห่งการแย่งชิงทำลายล้าง
สร้างความวิปโยคโศกสะเทือนใจ
ไปทุกธุลีหล้า ทุกข์หย่อมหญ้า 


แม้นในแผ่นดินไทยไท แผ่นดินธรรม
แผ่นดินอันให้อิสราเสรี
มี...น้ำใจเผื่อแผ่เมตตา 
รัก..
ทุกชาติศาสนา
ให้อาศัยร่มไม้ชายคารัฐ..รัตน์
ได้..อยู่มาอย่างร่มเย็นเป็นสุขช้านาน
ชั่วลูกหลาน...หลายชั่วบรรพ..


ทุกคนดี...
พุดพัดชาสะเทือนใจจนน้ำตาจะไหล
ในเช้าวันหนึ่งที่ได้ยินข่าว
สองครูสาวผู้บริสุทธิ์ เสียสละอุทิศตน
ให้กับชาติกับแผ่นดิน
อย่างรู้กตเวทิตาคุณ


อย่างผู้มีหัวใจดวงทอง ดวงผ่องแผ้ว
ดั่งเพชรแพร้วพรรณราย
ดั่งดวงเทียน
เพื่อฉายฉานแสงทอง แสงธรรม
ให้อบร่ำ เฝ้าพร่ำสอน
เพียรเพาะบ่ม
ให้ลูกศิษย์มิหลงทาง
ได้เดินไปบนเส้นทางสีขาว
ที่แสนงามพราวด้วยคุณธรรมแห่งความดี
ความงาม ในท่ามโลกมายาแล้งลวง
เพื่อ..
ต้านกระแส การหลงโลกวัตถุ 

โลกที่แท้แล้วไซร้
กำลังพามวลมนุษยชาติ ลงเหวร้าย
แห่งความฉิบหายสูญเสีย 
ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
ผลาญพร่าทั้งทรัพยากร ให้โลกแล้ง
เหมือนแกล้งให้โลกพิโรธกี่ครั้งครา
ก็หาได้มีจิตสำนึกไม่


พุดพัดชา..ขอน้อมจิตกราบกรานคารวะ
บูชาแด่ดวงวิญญาญผู้เสียสละ
แด่แผ่นดินด้ามขวานทอง 
ขอให้ปองปวงคนดี มีคุณธรรม
ที่...
ยอมพลีร่าง
น้อมนำสอนสัจจธรรม
แม้นจะปราศจากลมหายใจระรินร่ำ
ก็ให้รับรู้รับทราบว่า..
ยังคงมีหยาดน้ำตาแห่งเราทุกคนผู้อยู่ ณ..เบื้องหลัง
พร้อมกันละหลั่งริน...คารวะ


ขอให้สวรรค์รับดวงจิตของผู้กล้าเหล่านั้น
ให้เสวยบุญ บารมี..
ที่ได้พลีเพื่อแผ่นดินไทยด้วยเทอญ...


พุดพัดชา...
จึ่งขอน้อมจิตน้อมใจคารวะ
แด่..คุณครูคุณธรรม ผู้สร้างสรรจรรโลงโลก
ด้วยดวงใจที่แสนซึ้งเศร้าโศกสะเทือน
หาก..ทว่า..แสนผ่องพราว
ด้วยความภาคภูมิปิติใจ..ในทุกค่าแห่งคน
ที่ตน..
ได้เรียนรู้บูชา 
เพื่อเป็นดั่ง...ศรัทธานิรมิต
สร้างสาน..ดวงจิตดำเนินรอย..ตาม..
ตราบชั่วชีวีจะหาไม่ค่ะ...!
....................


เสมือนดวงดอกไม้ให้หอมคุณธรรมประดับโลก
ฝากรอยโศกสอนสัจจธรรมนำวิถี
โลกดำรงคงอยู่ได้ด้วยความดี
จึ่งยอมพลีร่างไร้หมายฝากงาม...!
............................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song490.html
แม่พิมพ์ของชาติ 
แสงเรืองๆที่ส่องประเทือง
ไปทั่วเมืองไทย
คือแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่
โอ้ครูไทยในแดนแหลมทอง
เหนื่อยยากอย่างไร
ไม่เคยบ่นไปให้ใครเขามอง
ครูนั้นยังลำพอง
ในเกียรติของตนเสมอมา
ที่ทำงานช่างสุดกันดาร
ในป่าพงไพร
ถึงจะไกลก็เหมือนใกล้
เร่งรุดไปให้ทันเวลา
กลับบ้านไม่ทันบางวันต้องไป
อาศัยหลวงตา
ครอบครัวคอยท่าไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน
ถึงโรงเรียนก็เจียนจะสาย
จวนได้เวลา
เห็นศิษย์รออยู่พร้อมหน้า
ต้องรีบมาทำการสอน
ไม่มีเวลาที่จะได้มาหยุดพอพักผ่อน
โรงเรียนในดงป่าดอน
ให้โหยอ่อนสะท้อนอุรา
ชื่อของครูฟังดูก็รู้ชวนชื่นใจ
งานที่ทำก็ยิ่งใหญ่
สร้างชาติไทยให้วัฒนา
ฐานะของครูใครๆก็รู้
ว่าด้อยหนักหนา
ยังสู้ทนอุตส่าห์
สั่งสอนศิษย์มาเป็นหลายปี
นี่แหละครูที่ให้ความรู้
อยู่รอบเมืองไทย
หวังสิ่งเดียวคือขอให้
เด็กของไทยในผืนธานี
ได้มีความรู้เพื่อช่วยเชิดชู
ไทยให้ผ่องศรี ครูก็ภูมิใจที่
สมความเหนื่อยยาก
ตรากตรำมา... 
 

stairway_to_heaven.jpg				
comments powered by Disqus
  • พุด

    14 มิถุนายน 2550 10:42 น. - comment id 710145

    lake-pier.jpgเรือบุญ..
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4423.html
    
    
    ค่อยค่อยพายเรือดอกไม้ธรรมสู่ฝั่งฝัน
    ตามตะวันแสงนิพพานแสนไสว
    เรือดอกไม้เบาสบายกุศลใจ
    แล่นปลิวไปกับตะวันลาฟ้าสีทอง
    
    แม้นเดียวดายอ้างว้างกลางทะเลโลกย์
    วิดกิเลสโศกกิเลสสุขทุกข์หม่นหมอง
    ไม่มีเขาไม่มีใครคอยประคอง
    เรือกุศลลอยล่องท่องสู่แคว้น ณ..แดนฟ้า
    
    เพียรพายพาแลเห็นฝั่งอยู่ลิบลิบ
    ท่ามฟ้าขลิบเงาทองยามอุษา
    ทีละน้อยทีละน้อยด้วยแรงบุญหนุนนำพา
    ฝ่าพายุกล้าลมแรงราวแกล้งใจ
    
    สะพานรุ้งสู่โลกทิพย์จักเปิดรอ
    ผู้ไม่ท้อผู้ไม่พ่ายไร้หวั่นไหว
    เรือดอกไม้ธรรมดอกไม้ทองเทียบท่าใจ
    เรือมนุษย์ยิ่งใหญ่ข้ามมหานทีสีทันดร..จะมีสักกี่ลำ...!
    ................
    
    
    
    
    พุดพัดชา กำลังรจนา
    *ดาวเหนือแห่งชีวิต.*
    
    และ..
    อาจจะเป็นงานจากลิขิตฟ้าชะตาพรหม
    จากจิตภายในระหว่างตัวละครโลกโศกสุข
    อันแสนกว้างใหญ่ไพศาลนี้
    ที่บุพกรรมนำชักพามาให้ได้พบกัน
    ก่อให้เกิด..
    ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์ฝันยิ่งใหญ่
    จน..
    ยากยิ่งเกินกว่า...
    ที่ผู้ใดจะหยั่งเห็นแลตัดสินได้ว่า
    
    *นี่คือเรื่องจริงหรืออิงนิยาย*
    
    หรือเพียง..
    เรื่องจริง ที่ถ่ายทอดมาได้เพียงเศษเสี้ยวอันน้อยนิด
    ทั้งๆ งามนิรมิตเกินกว่า..*จักหาคำใดมาบรรยาย*
    
    พุดพัดชา.... อาจจะรจนาเรื่องนี้ไม่จบ
    จนตราบถึงวันตะวันแห่งชีวิตจำต้องพรากลาไปเสียก่อน
    หาก...
    เพราะทุกครั้งที่จับปลายปากกา 
    หยาดน้ำตาแห่งความปิติเกษมโสมนัส
    ก็จักละหลั่งริน...
    จน..
    ต้องหยุดนั่งนิ่งๆ ...ทิ้งปากกา
    แล้ว..หลับตา
    รำลึกนึกถึงทุกฉากตอนแห่งความทรงจำ 
    อันแสนงดงามตราตรึง
    ที่..
    เปรียบประดุจดั่ง...
    สายน้ำไหลไป... ไหลไป..ไม่หวนกลับ..
    หาก..
    ทว่าทำไม ....ไม่เลือนลาลับ...
     กลับ...งดงามสว่างวับอยู่ในดวงใจเป็นนิรันดร์.....
    ................
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4423.html
    เรือใบบนสายรุ้ง..ใหม่ เจริญปุระ 
    
    ฉันรู้ว่าเธออยู่ไหน
    รู้ว่าเธออยู่ไกล
    รู้ว่าเธอจะรอ อยู่ตรงปลายสายรุ้ง
    ฉันต้องข้ามไป
    ด้วยเรือใบสักลำ กับพลังของฉัน
    และด้วยลมแห่งรัก กับวิญญาณของฉัน
    แม้ว่าเธอจะไกลสักเพียงใด
    ฉันก็จะไป ไปหากัน
    เรือใบบนสายรุ้ง
    จงนำความรักไป
    มีคนที่รักฉัน
    เขาจะคอยอยู่
    คอยฉันด้วยหัวใจ
    ประกายแห่งสายรุ้ง
    นำทางให้ฉันที
    ไปเจอความรักแท้ ที่ตรงปลายทาง
    เจอใจที่ดีดี
    
    แม้จะมีแต่ฉัน
    อยู่บนความเวิ้งว้าง
    แม้จะไปอีกไกล
    แต่ไม่เคยอ้างว้าง
    เพราะว่ามีจุดหมายอยู่ในใจ
    ไม่ท้อไม่ลังเล ไม่หลงทาง
    เรือใบบนสายรุ้ง
    จงนำความรักไป
    มีคนที่รักฉัน
    เขาจะคอยอยู่
    คอยฉันด้วยหัวใจ
    ประกายแห่งสายรุ้ง
    นำทางให้ฉันที
    ไปเจอความรักแท้ ที่ตรงปลายทาง
    เจอคนที่แสนดี
    ดวงตะวันยังทอ สายรุ้งเรืองรอง
    วางบนละอองสายฝน
    เรือจะลอยลำไป
    ในท้องฟ้าเบื้องบน
    ค้นหารักที่แท้จริง
    จะไม่มีวันใด ที่สายรุ้งเลือนลาง
    ในการเดินทางครั้งนี้
    ลมแห่งรักรุนแรง
    อยู่ทุกวินาที
    รู้ ว่าฉันจะมีเธอ
    
    ฉันรู้ว่าเธออยู่ไหน
    รู้ว่าเธออยู่ไกล
    รู้ว่าเธอจะรอ อยู่ตรงปลายสายรุ้ง
    ฉันต้องข้ามไป
    แหละฉันจะเจอเธอ... 
     
    
    
  • พุด

    14 มิถุนายน 2550 11:26 น. - comment id 710161

    36.gif16.gifevasonrestaurant.jpgrachamankha31.jpgกระท่อมพุทธิปัญญา..!
    
    
    http://www.christian.ac.th/ctc/HomeThai/Left.html 
    (บทเพลงโบราณ)
    
    
    ราตรีที่..
    จันทร์เพ็ญพูนดวงแสนหวานปานน้ำผึ้งรวง
    ที่ดูเสมอเสมือน...กำลังจะคลี่ยิ้มบานแฉ่ง
    อวดลักยิ้มบนเรียวแก้มงามเหนือราวฟ้าด้วยแสนเกษมปิติใจ
    เพื่อ..
    พรายแสงอันหวามไหวอ่อนหวาน
    ลงมาพร่างพรมห่มนวลใจ
    ทุกอาคันตุกะผู้มาเยือน..พิเศษ*คนกวี*และคนดี*นักอยากจะเขียน*
    ที่ได้รับเชิญ ให้กำลังค่อยๆเยื้องกรายมากรายใกล้....บริเวณงาน...
    
    
    จาก..
    เส้นทางสายเสน่ห์วนา..
    สู่มนตราแห่งท้องนา..สายข้าวกล้าสุกปลั่งดั่งทุ่งทิพย์รวงทอง..
    ที่เจ้าของสองดวงใจ ได้รอตัดสินใจ
    เลือกสานฝันให้พลันจริง...ได้ทำในสิ่งที่รัก
    
    หลังจาก..
    ใช้เวลาหาทำเล ในละแวกนี้
    ที่ผืนดินยังคงมีลำคลองสายสวยสายใส
    ยังมีไร่นา สวนผสม ยังมีดินอุดม ด้วยแร่ธาตุ 
    ยังมากมายธรรมชาติธรรมดาไพร
    พอที่จะให้ฝากดวงใจ  น้ำใจ
    
    ได้เริ่มต้นทำในสิ่งที่ดั่งเป็น..*ความฝันอันสูงสุด*
    นั่นคือ 
    ได้พาผองชน ให้หลุดพ้นจากพงวิบากกรรมกิเลส
    มากมีมากมายที่ยังต้องเวียนว่ายวกวน..ทนสู้
    
    
    ได้รู้ใช้ชีวิตพิสุทธิ์ดำเนินไป
    ตามรอยตามแนวทาง*ทิพยทฤษฎีใหม่*
    และ
    หวังจักให้เป็น..
    ที่ฝากใจฝากร่างไปท่ามกลางพงไพรในเรียวรุ้งท้องทุ่งนา
    ในปวงป่า ไปตราบชั่วกาล นานเนา ตราบชั่วนิจนิรันดร..
    ........................
    
    
    เส้นทาง..
    ที่จักเข้ามาถึง*วิมานหล้าวนาสวรรค์*
    กระท่อมพุทธิปัญญา..!
    นั้นจะผันผ่าน
    ดงดอกเสี้ยว*สีขาวพราวสะพรั่ง 
    ขึ้นแซมยืนหยัดท้าทายสายลมหนาว 
    ดอกสีขาวสะอาดตา ดลห้วงดวงใจ
    ให้..
    แขกพิเศษกระวีกระวาด นักอยากจะเขียนในดวงใจ 
    ยิ่งพบความอ่อนไหวอ่อนหวาน 
    
    
    เส้นทางที่สะพรั่งด้วยลานเสี้ยวไพร ผสมผสาน 
    แทรกแซมกับหมู่แมกไม้...
    ที่..
    กำลังผลิใบสร้างสีสันต่างๆ 
    บ้างสีน้ำตาลแก่ 
    บ้างสีเขียวคราม บ้างสีเหลืองอมแสด 
    
    
    *เครือเถาเท้าเทวดา* 
    ไม้เถาที่มีดอกสีชมพู กลีบเล็กๆ 
    แต่ละกลีบดุจดั่ง 
    พระบาทแก้วแห่งองค์พระมหาจักรพรรดิ 
    
    ขึ้นเป็นแพรพรมหนาแน่น 
    เกาะคลุมอยู่เหนือทิวไม้ 
    ใบสีเขียวตัดกับดอกสีชมพูอ่อนหวานน่ารักนัก 
    
    
    *แคร์*ฝรั่งสีขาวแต้มดอกกับกิ่งก้านสีน้ำตาล ไร้ใบ
    ดูโดดเด่น ให้ความรู้สึก ทระนง โดดเดี่ยว เข้มแข็ง 
    
    ยามนี้ดอกนางพญาเสือโคร่งที่เคยผลิ 
    ดอกละลานตาได้ปลิดปลิวร่วงโรย
    เหลือเพียงใบสีเขียวตองอ่อนลออตา อยู่เต็มต้น 
    
    
    *กาสะลอง*สีขาวไม่ได้อวดโฉมแบบเช่นเคย 
    มีเพียงกาสะลองอินเดียสีแสดนวลอวดโฉมมาแทนที่ 
    
    *สุพรรณิการ์*หรือ *ฝ้ายคำ*สีเหลืองสว่าง 
    คลี่กลีบบานยิ้มรับ ยามรถผ่าน
    บนเส้นทางสายน้อย...ที่ปราศจากไฟสัญญาณจราจร 
    หรือรถพลุกพล่านมากมาย..เฉกเช่นในเมืองหลวง เมืองลวง
    
    
    สองข้างทาง..
    มีเพียงป่าเขาลำเนาไพร 
    ท้องนาไกล ลมพร่างไหวพัดข้าวกล้าระบัด
    จนเรียวรวงระย้าระยับราวแพรไหมสีทอง
    ค่อยๆคลี่ลอนรวงไล่เป็นระลอกคลื่น
    ทะยอยทอยทอดกันไปแสนอย่างงดงาม
    ราว..
    คอยเป็นเพื่อนเดินทาง 
    เป็นผู้เย้าคอยต้อนรับทุกผู้มาแย้มเยี่ยมเยือนอย่างยินดี 
    
    
    *ลานดอกหญ้า*สูงหลายเมตร 
    กำลังฟ้อนตัวอยู่ริมทาง 
    ตามจังหวะดนตรี..ที่...พระพายดีดสี 
    
    ดอกหญ้าที่นี่ 
    มี..
    ทั้งสีขาว สีม่วง สีน้ำตาลแดง ช่างงดงามบาดตาบาดใจ
    และ
    ที่งามจิตงามใจนัก....
    
    ยามย่ำค่ำเมื่อมหาเทพรังสิมา 
    จะอำลาโลกทิวา ลานดอกหญ้าจะค้อมคำนับอยู่ส่งเสด็จ 
    กลับพิมานแห่งพระองค์ 
    
    
    ลานฟ้าจะไขม่านแย้มยิ้ม..
    ด้วยสีสันพรรณราย คราม แสด ชมพูปนฟ้า 
    ต้อนรับม่านราตรีที่กำลังกรีดกรายย่างเยื้องร่างลงมาแทนที่ 
    และ..
    ในราตรี นี้..ที่ทุกนวลหวานใจ...
    ได้รับเสด็จมหาเทวีจันทิมาธร 
    เมตตาประทาน พักตร์พิลาสไฉไล 
    พร้อม..
    หมู่ดารารายประดับเคียงองค์มหาเทวี ดุจ 
    ข้อราชบริพารผู้ภักดี
    ที่คอยแห่แหนมงกุฎแห่งรัตติกาลด้วยพระเกียรติยศสูงยิ่ง 
    
    
    สังคีตไพรแว่วหวานจะเริ่มบรรเลง 
    หรีดหริ่งเรไรจะขานสำเนียง 
    พริ้งเพราะเสนาะกังวานกล่อมแดนดินถิ่นวนา 
    
    ดอกไม้ป่าอำนวยกลิ่นหอมหวานละมุนละไมในฉมสุคนธาให้ได้ดอม 
    และ..
    เมื่อมหาเทวีจันทิมาธร เสด็จคืนสู่ทิพย์วิมาน 
    มหาเทพรังสิมาจะเสด็จเยือนสู่โลกอีกครา 
    
    
    ดวงมณีหยาดเพชรเม็ดงาม นาม
     *อัญมณีไพร* จะสะท้อนแสงอุษาแพรวพราว 
    ระยิบระยับจับบนปลายใบพฤกษา 
    
    โลกทิวาจะเริ่มบทเพลงแห่งชีวิตอีกครั้ง เป็นวัฏจักรแห่งทิวา ราตรี 
    
    
    และนี่คือ..
    เสน่ห์แห่งวนา ...
    เสน่ห์มนตราแห่งท้องทุ่งทอง...ที่แสนหอมหวานเคียงกัน
    ที่กำลังคลี่บรรเลงเพลงไพลกล่อมขวัญ
    เคลียทุกอ้อมใจ
    ให้ยิ่งหวามไหวแสนละไมละมุน อย่างผู้มีใจดวงศิลปิน
    
    
    กระท่อมพุทธิปัญญา..!พุดไพร
    ที่ถวิลหวัง..
    สร้างขึ้นเพื่อเปิดรับให้กับทุกนักเขียนและทุกกวีคนยาก
    ได้มีที่รจนางานงาม
    ได้มาต่อตามเติมใจไฟฝัน 
    ได้หันมาเรียนรู้..*ทิพยทฤษฎีใหม่*
    
    ได้พักพิงอาศัย ในร่มเรือนไม้ ชายคาจาก
    ได้ฝากได้ใช้ใจดวงดีดวงที่นวลหวาน
    มาผสานผสมเพาะบ่มห่มหอม
    
    ฝึกเรียนรู้ธรรม ธรรมชาติ..จากนาข้าว..พราวบึงบัว
    จากไร่นาสวนผสม จากสายลมรำเพยพร่างกลิ่นข้าวใหม่
    ให้แสนบรรเจิดจิต และเปิดให้ผู้มาเยือนทุกชีวิต
    
    
    ได้พบได้รู้จักกับความเรียบง่าย
    ได้ใช้ชีวิตอย่างแสนติดดินธรรมดา 
    ได้รู้ค่าของการมีชีวิตสามัญ
    ได้ยินเสียงไก่ขัน 
    ได้ยินเสียงระร่ำรินของสายน้ำ
    
    ได้ยินเสียงดุเหว่า นกเขาป่าขันพร้อง
    ร้องเพลงเสียงหวาน ๆๆ
    ได้นอนดูดวงดอกไม้ไทยบานสะพรั่งทั่วทั้งราวป่าราวไพร
    ได้ทอดทัศนาเทวีไสวบนหอมห้วงนภา
    ดูดวงดารา ดาวประจำเมือง 
    พาให้จิตดวงใสใสใจยิ่งแจ่มจรัส
    
    ได้สัมผัสรัดร้อยวิถีไท 
    ให้ได้ค่อยๆพายพาเรือท่องไปในยามเช้า
    เฝ้าดูวิถีชีวีชีวิตริมสายน้ำ...
    
    
    กระท่อมที่กำลังจะเปิดตัวเป็นทางการ ณ..ค่ำคืนนี้
    ใน...
    ราตรีที่ดวงดาราระดะดวงเต็มไปทั้งห้วงฟ้าห้วงฝัน
    ที่ทั้งสวรรค์ แลสิ้นทั้งฟ้าดินอินทร์พรหม..เบื้องบน
    มารับรู้เป็นพยาน....
    
    
    ว่า...
    ในเวิ้งกาล ตำนานฝันอันแสนบรรเจิดในโลกหล้า
    จักกำลังรอเวลา..เป็นจริง
    ให้ผู้คนแลทุกสรรพสิ่งในโลกหล้าใต้ฟ้าไทอันผ่องอำไพ
     รอเวลา...
    ให้นางฟ้าผู้ใจดี มาหยิบดวงดารารายรัศมีที่แขวนฟ้า
    ใส่ลง...ไปในตะกร้าทองคำ
    
    
    แล้ว...
    รอกำนัลหว่านโปรยรับขวัญทุกดวงใจ 
    แด่ทุกกวีไทกวีทองใจดวงทอง
    ดวงผ่องผุดพิสุทธิ์ พรสวรรค์พรรณราย
    ที่ดั่งมี..
    อัญมณีฉายฉานโชติช่วงชัชวาลย์  ณ..บ้านภายใน
    ที่จักใช้พลังใจไฟฝันมาปันพลี
     ความดีความงามความเมตตา...
    จาก..
    จิตวิญญาณอันแสนงาม
    แสนบริสุทธิ์ใสแด่ผองชนคนร่วมชะตา
    ใต้หล้าใต้ฟ้าพสุธาไทยเดียวกัน....
    
    
    กระท่อม..
    ทั้งเธอและเขาคนดี ได้หลอมรวมใจนานหลายปี
    อย่างพากเพียร มิสิ้นสุดมิหยุดหวัง 
    จน...
    ถึงตราบวันนี้ ...
    วันที่...ฝันนั้นพลันกลายจริง
    ด้วย..
    พลังแห่งสิ่งที่เรียกกันว่า*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ..*
    ระหว่างเขาและเธอ..
    
    
    แล้วก็...
    กี่ปีแล้วนะ ที่หากนับนึก ถึงนาทีนี้
    ประมาณ5ปี ใช่แล้ว5ปีแห่งความอดทนรอคอย
    อย่างผู้มิน้อยใจในโชคชะตา 
    อย่าง..
    ผู้รู้ค่าคำว่า*ปิดทองหลังองค์พระปฏิมา*
    อย่าง..
    ผู้รู้ค่าว่าการเกิดมาใต้ร่มเศวตรฉัตรร่มรัตนโกสินทร์ร่มรัตนตรัย
    ร่มสามสี ขาว น้ำเงิน แดง
    สามสายแสงแห่งความยิ่งใหญ่ความจงรักภักดี
    ดั่ง..
    พลังแห่งความรัดร้อยสมานฉันท์สามัคคี
    ที่ได้รวมเลือดเนื้อไทยนี้ให้ยังคงดำรงธำรงอยู่
    สืบไปถึงลูกหลานเหลนโหลนไทยในภายหน้า
    
    
    
    และ..
    กับราตรีสีเงินยวง.
    ที่ปวงบุปผาไพร และร้อยพันหมื่นดาวไสว
    ดวงฉายฉันท์พรรณรายในว่ายเวิ้งฟ้าสีกำมะหยี่
    ที่ต่างพากันมาค่อยๆคลี่ แสงระยิบกระพริบพร้อยพราว
    ราว..
    ร้อยดาวเรียงดวงด้วยรวงดาวเต็มไปทั้งราวฟ้า 
    ให้ท้องนภานั้นแสนดูงามอะคร้าวเกินคำรำพันรำพึง
    
    
    แสง..จากนวลแสงไต้ ถูกจุด 
    ให้ได้บรรยากาศ สาดส่อง ไปทั่วทั้งสองโค้งคุ้งน้ำ
    
    ลานกว้างลานหญ้า  ที่ถูกโอบรายล้อม
    ด้วยอาคารชั้นเดียวทรงเรียบง่าย
    ที่ฉาบปูนทิ้งทีแปรง
    แฝงร่ำความงามล้ำแบบโบราณ 
    
    
    และ
    ทุกห้องหับ
    ที่รายล้อมลานหญ้านั้น
    ภายในจะมีเพียงแค่เสื่อกก
    กับ
    ตู้เก่าแบบเดียวกับตู้เก็บพระไตรปิฎก
    ไว้เก็บพระธรรมคำสั่งสอน
    
    บนหัวนอนจะมีก็แค่ตอไม้เตี้ยๆ
    ไว้วางแท่งเทียนไว้เขียนอ่านหนังสือ
    
    และ
    จะมีชานยื่นออกมารับเสากลมรายรอบ
    ระบียงอาคารตามอย่างวิหารวัดบ้านนอก
    
    หลังคาใช้กระเบื้องว่าวเก่ามามุง
    ให้ดูงามขลังงามคร่ำงามเงียบสงบ
    
    
    ตรงกลางลาน
    คือโถงอาคาร
    ที่เลียนแบบสร้างแบบโบสถ์เก่าคร่ำ
    ที่ออกแบบหวังต้องการ
    ให้อาคารสมถะงามเงียบเรียบง่ายนี้
    
    งามดั่งกระท่อมธรรมกระท่อมทอง
    ที่จะให้ทุกดวงใจใสงามนั่งสมาธิ วิปัสสนาในยามค่ำคืน
    
    
    แทนที่
    จะดั้นด้นไปตามโบสถ์เก่า
    ที่ทุกคน..แสนศรัทธาใจ
    
    ที่ซึ่งสถาปนิก..
    ตั้งใจสร้างให้งามง่ายอย่างที่สุด
    
    มีเพียงยกพื้นสูงขึ้นไป
    ไว้ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์โต
    ที่งามผ่องผุดสุกปลั่งเพียงองค์เดียว
    
    
    
    ไว้เป็นศรัทธานิมิตร
    พาพบสะอาดสว่างสงบ
    พบจิตกระจ่าง
    ให้มีแค่แสงเทียน รำไรกระจายจับ
    พระพักตร์พระพุทธิ์ผู้บริสุทธิคุณ 
    ส่องสว่างให้กระจ่างจับจิต
    ราว*แสงสงฆ์*
    
    
    ให้ทุกคนที่พิงพักอาศัย..
    ได้สวดมนต์ภาวนา
    น้อมสมาธิเพียรพลีบูชา
    ส่องนำทางในทุกนิยามชีวีชีวิตที่เหลืออยู่
    ในชีพนี้
    ที่ช่างแสนสั้นเสียนี่กระไร
    ช่างไม่มีอะไรจะเที่ยงแท้แน่นอน...
    
    
    และ..
    นอกจากนั้น ...
    รายรอบวิหารแห่งศรัทธา ด้านนอก
    จะเป็นที่ตั้งแห่งกระท่อม แลเรือนไทยหลายหลัง 
    ที่วางตำแหน่งปลูกรายรอบริมบึงบัวนิรันดร์
    ให้มี..
    *ชานขวัญ ฝัน*ยื่นไปเหนือสระ
    เพื่อทอดทัศนาดวงดอกพุทธาสวรรค์
    
    
    ที่...
    เรือนทุกหลัง...
    ต่างซ่อนตัวโอบกอดกันอยู่อย่างแสนเงียบงาม สงบ 
    ราวย้อนยุคสู่ต้นรัตนโกสินทร์...
    ใน..
    สุมทุมพุ่มพฤกษ์แมกไม้ไทย ใบบัง 
    ดงลำดวน พวงพะยอม หอมหอม 
    หิรัญญิการ์ ลีลาวดี โมก จำปี ปีบการะเวก
    วิเวก รับ...
    ระรื่นเสียงแห่ง ดนตรีไทยเครื่องสายผสม
    ที่กำลังบรรเลงบทเพลงลอยลมมาครวญคร่ำ
    *สายน้ำนิรันดร์ เนรัญชรา นิพพาน*
     และ..
    ตามมาด้วยเสียงเดี่ยวขิมเพลงนางครวญหวนไห้แสนไพเราะ
    
    
    เหนือสะพานไม้สีขาวโค้งข้าม...บึง
    ในยามนี้..
    ที่ช่างแสนงามซึ้งงามเศร้า
    ด้วยหอมเร้าอารมณ์อันฉมกลิ่นเกสรของ
    มวลดวงดอกบัว..นานาพรรณ
    เหล่าหมู่ภมรภู่ผึ้งภุมรินทร์ยังบินดอมดมอย่างดูดดื่มดำดิ่ง
    
    
    สะพานใจ..
    ที่ทอดจากเรือนไทยล้านนา
    ไปสู่... ศาลาไม้สักทองฉลุลายทั้งหลัง
    ที่..
    ดูละม้ายแม้นจำลองมาจากเรือนขิงโบราณ
    
    มีร่างสองร่างในชุดสบายๆ 
    ฝ่ายชาย...
    ใส่เสื้อ ผ้าฝ้ายสีขาวแขนยาวที่ดูแสนสะอาดตา
    กับกางเกงผ้าฝ้ายย้อมสีน้ำเงินเข้ม
    ที่ออกแบบแสนเก๋ด้วยวิธีพันทบ
    ตลบรัดด้วยสายคาดเอวแบบชุดกิโมโน
    
    
    กับ..
    สาวเจ้า ที่ใบหน้างามสงบสง่า
    เพราะ...
    เธอพันทบตลบม้วนมุ่นมวยผมราวแพรไหม
    แล้ว...รัดร้อยรอบไว้ด้วยเกี้ยวดวงดอกพุดซ้อนพร้อมปักปิ่นเพชร
    ลายละอออ่อนราวกลีบดอกไม้หลากสีแสนหวาน..
    พร้อมคล้อง*สร้อยกรอง*จากดวงดอกลีลาวดีรอบลำคอระหง
    และ..รอบข้อมือนวล...
    
    
    เธอ...ดูงามพริ้งพราวผุดผ่องยองใย
    ในเงามืดเงาไม้ 
    ในเงาจันทร์ฉายสีเงิน
    ที่..
    กำลังสะท้อนทอทาบอาบผ้านุ่งยกทองลายดอกพิกุลสีฟ้าอมโศก
    จนเกิดเงางามระยิบระยับ 
    กับ...
    เสื้อผ้าชีฟองบางเบาสีฟ้าเทาพยับหมอก
    ที่แสนขับผิวให้ยิ่งงามผ่องพราย..
    ดั่งมีรัศมีกระจายรายรอบร่างเธอ
    
    
    สองร่างกำลัง เอนอิงพิงไหล่ 
    ทิ้งใจดื่มด่ำกับบรรยากาศรายรอบ
    เสียงกวีบางคน
    กำลังได้อารมณ์ล้ำลึก 
    เริ่ม..
    ขับบทกวีชมไม้ของ
    *เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์*(เจ้าฟ้ากุ้ง)
    ซึ่ง..
    ช่างแสนหวานซึ้งโศกสะเทือนใจลอยลมมา
    ในท่ามกลางมวลหมู่ดาวเดือนดาริกาเกลื่อนฟ้า
    มาให้ยิ่งแสนประทับใจ...ดื่มด่ำใจ
    
    
    
    ...........
    ..................
    .............................
    พุทธชาติดวงน้อยน้อย         คิดเจ้าร้อยพวงมาลัย
    จำปาสายสุดใจ                    แซมเกศเกล้าเจ้าถอดถวาย
        
       พุทธชาติดวงน้อยกลิ่น       เปรมใจ
    เจ้าช่างกรองมาลัย                เลิศแล้ว
    จำปาเสียบแซมใน                มวยมุ่น
    หอมพี่ชมน้องแก้ว                ถอดหยิ้นทูนถวาย
        
      ลำดวนเจ้าเคยร้อย             กรองเป็นสร้อยลำดวนถวาย
    เรียมชมดมสบาย                  พี่เอาสร้อยห้อยคอนาง
      
     ลำดวนปลิดกิ่งก้าน               สนสาย
    กรองสร้อยลำดวนถวาย         ค่ำเช้า
    ชูชมดมกลิ่นสบาย                 ใจพี่
    เอาสร้อยห้อยคอเจ้า              แนบหน้าชมโฉม...
    ................
    ..................................
    
    
    ทิพยทฤษฎีใหม่ (Heavenly Kings Theory) ลำน้ำน่าน 
    
    กาลคิมหันต์หงส์ฟ้ามาลับหาย
    ผลัดปรายโพธิ์ประดู่ฤดูสมาน
    หอมหวนทฤษฎีหล้าฟ้าประทาน
    อย่าปลิดปราณดวงชีวาพสกนิกร
    
    อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
    ผลิผลิตผลเกษตรสรมสลอน
    หวานโลกธาตุหมื่นฟ้าวนาดร
    พื้นอัมพรสยามสรรเสริญบูชา
    
    มาประกาศกสิกรรมแก้วประคุณปราชญ์
    ชาดหรคุณทฤษฎีที่ปรารถนา
    ประหนึ่งพระพิรุณรุกขเทวา
    จุติมาเหนือแว่นแคว้นแดนดิน
    
    ทฤษฎีใหม่ฝ่าละอองธุลีพระบาท
    อย่าแคล้วคลาดชาติหน้าถวายถวิล
    หวังวักน้ำพระทัยทิพย์ดื่มกิน
    รดไปสิ้นรณเกษตรล้างวัตถุนิยม
    
    พารุณสมัยไขแสงทองต้องบ่อบึง
    กระโดดผึงพล่านปลาธาราประสม
    ประสานศัพท์ไก่แก้วโก่งขันระงม
    อุดมพันธุ์เหนียวจ้าวข้าวเนื้อทิพย์
    
    พริ้มพรายช่อชะพลูตำลึงเรียง
    เลื้อยระเบียงเลื้อยร้านดาษดื่นดิบ
    ทยอยยอดทยอยปลิวไปลิ่วลิบ
    จะเครียวหยิบช่อปาริชาตมาบูชา
    
    ธัญมณฑลทฤษฎีเก่าดั้งเดิม
    เติมแต่งใหม่หวานหอมเสน่หา
    หนึ่งนิมิตทิพย์บึงบางชโลมนา
    สองขุนข้าวกล้าข้าวขวัญละเลงลาน
    
    สามจัดสรรจตุรทิศทรัพยากร
    แบ่งบรรจถรณ์หมอนมุ้งผืนเสื่อสาน
    สี่หว่านไถไร่พืชผักตระการ
    ฝั่งฝายลำธารพล่านปลาทั้งสกล
    
    พฤษภสัตว์กงเกวียนรอยคลองไถ
    เทียมแอกเอกเกรียงไกรกี่โกฏิหน
    โอบอุ้มชีพอย่าอาสัญบรรพชน
    ไว้บนกระดูกสันหลังขนานพสุธา
    
    ข้าวแตกรวงได้ทอดกายปศุสัตว์
    วัฒนาการจำเริญวัยเว้นพรรษา
    อยู่คู่บ้านคู่เมืองโบราณมา
    ธนาคารโคกระบือที่เทพประทาน
    
    ยุ้งฉางยังข้าวเปลือกฟางฟ่อนหอม
    ห้อมล้อมรุกขชาติทิพย์ผลาหาร
    เปิบข้าวแดงแกงร้อนไม่ดักดาน
    ไหววิญญาณแต่พออยู่พอกิน
    
    ทฤษฎีใหม่ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
    อย่าแคล้วคลาดชาติหน้าถวายถวิล
    กว่าจะชนะวัตถุนิยมกลืนแผ่นดิน
    ทนจนสิ้นทุพภิกขันดรกัปนับเทอญฯ
    
    ................
    
    วสันต์ลีลาฟ้าสีทอง  พุดพัดชา
    
    
    วสันตฤดูหลงฟ้ามาพร่างสาย
    พราวพรายประดับรวงเรียวรุ้งหวาน
    ดั่งหยาดเพชรเก็จแก้วก่องตระการ
    หอมดวงมาลย์เลี้ยงผืนหล้าพสกนิกร
    
    น้ำพระทัยใสงามดั่งหยาดทิพย์
    ทิพยนิรมิตทฎษฎีใหม่พลีฝากสอน
    ทุกรอยบาทหยาดพระเสโทเอื้ออาทร
    ดับแล้งร้อนด้วยน้ำพระทัยใสเมตตา
    
    กสิกรรมแก้วเกษตรกรไทยใจเกินปราชญ์
    ดั่งศรีชาติสนองคุณพระผ่านหล้า
    พระพิรุณดั่งเพชรพร่างสวรรค์เทวา
    หยาดสายมาให้ชนฉ่ำระร่ำริน
    
    หมื่นทิพยพระราชดำริฝ่าละอองธุลีพระบาท
    อัญมณีราษฎร์ตราจำมิสูญสิ้น
    ดั่งบ่อน้ำพระทัยทิพย์วักดื่มกิน
    ตราบจนสิ้นโลกล้างวัตถุนิยม..
    
    แสงสุริยายามฟ้าพรายฉายเรียวรวง
    ราวขวัญสรวงโลมหล้าฟ้าอาบห่ม
    บัวตระการปลาฮุบเหยื่อผึ้งโฉบชม
    แดนอุดมข้าวพันธุ์ทองผ่องระยิบ
    
    งามเหลืองพราวโสนน้อยคอยเคียงนา
    อีกระย้ายอดผักบุ้งรอยื่นหยิบ
    ธรรมดาไพรธรรมชาติใจนิรมิต
    ธรรมทิพย์วิถีโลกลบโศกวัน...
    
    พอเพียงเพียงพอสงบงามสมถะ
    รู้ซึ้งค่าสามัคคีสมานฉันท์
    อิงดินน้ำลมไฟเอื้อโอบกัน
    คือสวรรค์บนหล้าใต้ฟ้าไท..
    
    สานรังสรรฝันงามนิยามให้
    คนแมกไม้ข้าวกล้านาหว่านไถ
    น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่านะดวงใจ
    อยู่อย่างไทยใจไม่เป็นทาส ชาติเสรี
    
    ทิพยทฎษฎีใหม่สายธารใจฝ่าละอองธุลีพระบาท
    คือขวัญชาติขวัญหล้าฝากศักดิ์ศรี
    ให้นานาอารยะโลกสดุดี
    ภูมิพลภูมียอดพระมหากษัตริย์ไทยใจดั่งทอง...
    .....................
    
    
    
    เสียงสรวลเสเฮฮาตามประสาคนพันธุ์จิตเดียวกัน
    ได้สนทนาแลกถ้อยทัศนะกันอย่างคนมีไฟฝัน 
    พรสวรรค์พรแสวง
    มีแรงใจไม่มีสิ้นสุด ...มิหยุดรักผองชนคนร่วมชะตา
    ที่..
    อยากร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาจิตวิญญาณ 
    อันคือ..
    แก่นหรือฐานรากแก้วสำคัญของคน
    ของเหล่าชนมวลมนุษยชาติ ที่จักขาดมิได้ หากโลกยังคงหมุนไป
    เพื่อ..
    คงความศิวิไลซ์ในทางสร้างสรรปันพลี.
    อย่างไม่มีที่สิ้นสุดหยุดได้เลย
     
    
    เสียงหวานแว่วของบทเพลงไพร
    เสียงสายน้ำไหลระรี่ระริก เสียงใบไม้พลิกพลิ้ว 
    เสียงปลากระโดดผึงดีดตัวยามฮุบเหยื่อโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ 
    ที่ณ..บัดนี้..
    ดวงดอกบัวขาว บัวแดง
    กำลังบานแข่งกันรอรับพรายแสงจันทร์พราว
    
    เสียงชายหนุ่มเอื้ออุ่นอ่อนโยน
    ในขณะโอบไหล่เธอคนดีแน่นกระชับ
    อย่างแสนรักใคร่..ทะนุถนอม...
    *เจ้าจอมใจจอมขวัญเทวีสวรรค์..เทพีไพร*แห่งดวงใจเขาคนเดียว
    
    
    *เป็นสุขไหมครับคนดี กับฝันนี้ของสองเราที่รอมานาน*
    *เชื่อรึยังละครับว่า 
    คำอธิษฐานจิตของเรานั้นทำให้ฝันเราเป็นจริงแล้ว*
    
    
    *คนดี..
    ผมดีใจที่เห็นเรือนไทยพุทธิปัญญา..!แห่งเรา 
    ได้สืบสานตำนานคนกวีคนยากแห่งผืนดิน
    และ..
    ยังบันดาลดลให้คนไกลปีนเที่ยงคนชายขอบชายเขา 
    ที่สิ้นไร้โอกาสได้มีที่ที่เขาจะพึ่งพาพักพิงมาอิงอุ่นใจได้
    มา..
    ขอคำแนะนำได้ไม่ว่าทางด้านจิตวิญญาณ
    หรือทางสาขาอาชีพ
    ที่เขาจะได้มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ในโลกใบนี้
    ได้อย่าง มีปัญญา รู้ขยัน สมถะ พอเพียง
    รู้เลี่ยงกิเลสโลก 
    ไม่เป็นทาสของโศกมอมเมาโลกวัตถุ และเงินตรา
    ความโลภ ตัณหาราคะ เข้าครอบงำจิตดวงใสใจดวงทองดวงธรรม*
    
    
    ให้เขาได้ รู้ว่า..
    ถึงมาตรแม้น
    วันคืนจักหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ไปกับกระแสแห่งกาลเวลา
    ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง 
    
    หากทว่า..
    รอยอดีตงามเงาแห่งเงียบงามท่ามวิถีไทยวิถีทอง
    วิถี มีบ้านเรือนริมคลอง และท้องนา ยังคงมากล้นค่า 
    ยังมีคน..
    ตั้งปณิธาน อธิษฐานจิต ได้มีผู้คิดสืบทอด
    ให้มิมลายสลายลาลางเลือนไปดั่งละอองไอเพียงในความทรงจำ
    
    
    ให้ยังคงรู้ค่าข้าวทุกคราคำทุกคราคราว
    ยามได้รับรสอิ่มหนำสำราญ
    
    ให้รู้ค่าคน ค่าควาย 
    ค่าชาวนา...
    ผู้ที่ยังยอมเสียสละกาย หยาดเหงื่อแรงงาน
    เพื่อหว่าน หวัง รวมพลังลงแรงในทุ่งไทย ทุ่งทอง 
    ครรลองแห่งภูมิปัญญาผืนดิน 
    ให้รอยไถไม่แปรไปในทุกถิ่นไทยถิ่นที่
    ให้มาเลี้ยงเรานี้..
    
    
    ให้ยังได้มีสมองสองมือ ได้หยัดยืนทรนง
    เพื่อคงค่าความเป็นมนุษย์
    เพื่อ..
    สานสร้างลมหายใจบริสุทธิ์
    พลีแด่....
    ผองเพื่อน ผู้ที่ยากไร้กว่า 
    ให้..
    สมค่าคนที่ได้เกิดมาในร่มเงาไตรรัตน์ร่มพระมหาเศวตรฉัตร
    ร่มฉัตรเพชรฉัตรแก้วแววประภัสสรไสวสว่าง
    ที่สอนให้..
    *ดวงจิต*รู้..พบงามแห่งการเสียสละทำความดีมีเมตตา
    ตราบจนกว่าจะผืนพสุธาจะกลบหน้า...
    
    
    *ไม่น่าเชื่อนะครับ
    จากฝันเล็กๆของเรา..
    ที่จะให้มีสถานที่สักแห่ง
    ที่แสนเงียบงาม ในท่ามธรรม ธรรมชาติเงียบงามสงบสุข
    ไร้การบุกรุกจากโลกศิวิไลซ์ 
    ให้..
    เราทุกดวงใจที่มีใจราวดวงเดียวกัน
    ที่ยังมีไฟฝันที่จะสืบทอดความสมถะพอดีพอเพียง
    และ..เลี่ยงกิเลส เมือง ..
    หันมา..
    หาความประเทืองประทับใจจากวิถีไทยวิถีทองวิถีทุ่ง
    ให้..
    บ้านเมืองเรายังได้พบเรืองรุ่งในทางจิตวิญญาณ 
    ซึ่งทั่วทั้งโลกหล้า
    ต่างพากันเห็นดีเห็นงาม 
    อยากเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
    ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
    พระมหากษัตริย์ไทยที่ยังทรงทศพิธราชธรรม
    
    
    และ
    ยังทรงเป็น ผู้นำในทางด้านความงามจิตภายใน
    รู้ใช้ธรรม ธรรมชาติมาผสานผสมให้ไทยทุกคนได้
    พบกับ
    ความขยันสมถะพอดีพอเพียง 
    มิต้องเสี่ยงกับสิ่งยั่วยุจากกิเลสวัตถุ
    ที่เวียนวนวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด
    ที่จะทำให้เรา สูญเสียความเป็นมนุษย์เข้าทุกวี่ทุกวัน*
    ...........................
    
    
    
    คนดี..อย่ายิ้มล้อพ้อผมด้วยดวงตาแบบนี้นะ...
    เดี๋ยวดึกๆคอยดูนะ ผมจะขอลาแขกนอนแต่หัววัน
    ว่าแล้ว..
    เขาก็ทำตาเจ้าชู้ ..ให้..ดาวรุบหรู่ เดือนกระพริบ..ระริบหรี่
    รอ..
    พร้อมพลี..หยาดสายน้ำผึ้งหวานแสนหวาน..อวยพร...!!!!!
    
    .............................
    .......................................
    
    01.jpgEvason_Studio-Room2.jpgchiang_mai_rachamankha_courtyard_2.jpg36.gif16.gif
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    14 มิถุนายน 2550 12:24 น. - comment id 710182

    ดูโทรทัศน์ เขาสัมภาษณ์ สามี และพี่ชาย คุณครูที่ถูกยิงเสียชีวิตคาโรงเรียน เขาบอกว่า ไม่เห็นว่ารัฐ ได้ทำการปราบปรามหรือป้องกันอย่างจริงจังแต่อย่างใด  พอครูตาย ก็มีคนมาเยี่ยมให้กำลังใจ เอาเงินให้แล้วก็จบ เหตุการ ก็เกิดต่อไปกับคนอื่น ๆ อีกไปเรื่อย ๆจับ
    คนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยได้ก็ต้องปล่อยไปเพราะมีม๊อบ มัวแต่จะสมานฉัน? แต่ไม่รู้จะสมานฉันท์กับใคร พวกเขาไม่เผยตัวและไม่สมานฉันท์ด้วย
    
    ฟังแล้วสะท้อนใจ เขาจะปราบปรามกันจริงจังหรือเปล่า ครูจะต้องตายอีกเท่าไร เมื่อคืนก็เผาไปอีกสิบโรงเรียน สมานฉันท์กันเข้าไป
    ทหารก็ส่งไปนิดหน่อยเอาแต่ ประชาชนอาสา(เรียกว่าทหารพราน)ไปปราบ  จนเคยเห็นข่าวมีคนถามว่า ที่สุวรรณภูมิมีคนก่อการร้ายมากหรือไงถึงต้องใช้ทหารไปคุม
  • พุด

    14 มิถุนายน 2550 17:05 น. - comment id 710282

    candle-flame-1-AJHD.jpg
    
    แสงสุดท้าย..บนปลายเทียน
    
    ว่ากันว่า..ชีวิตตก็เหมือนแสงเทียนที่ถูกมือลึกลับกำลำเทียนไว้
    ไม่มีใครรู้ว่าแสงไฟแต่ละดวงนั้นจะส่องสว่างต่อไปได้อีกนานเท่าใด
    แต่หากมีโอกาสล่วงรู้ว่าความมืดมิดจะมาเยือนเมื่อใด
    คนส่วนใหญ่ก็มักใช้แสงสว่างในบั้นปลายนั้นเพียงเพื่อประโยชน์ของตนเป็นหลัก
    
    
    
    ทว่าครูติ๋ว  สุธาสินี น้อยอินทร์ ในยามที่ลมหายใจเต้นวิบไหว
    เหมือนเปลวไฟที่กินไส้จนใกล้จะหมดเล่ม
    และพร้อมจะดับลงวินาทีใดข้างหน้าก็ได้นั้น  
    กลับยังคงใช้แสงอันอ่อนล้าริบหรี่เต็มที่นี้เพื่อให้ความสว่างแก่ชีวิต
    น้อยๆนับร้อยใต้ชายคามูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์
    เพื่อเด็กและเยาวชนจังหวัดยโสธร ต่อไปอย่างกล้าแกร่ง
    
    
    ครูติ่วใช้ชีวิตเพื่อแก้ปัญหาเด็กมากว่า 20 ปี ทั้งเรื่องแรงงานเด็ก
    โสเภณีเด็ก ยาเสพติด การล่วงละเมิดทางเพศ เอดส์และ
    สภาพแวดล้อม จนพบว่าเด็กๆมากมายที่เดินเข้าสู่ความดูแลของเธอ
    ล้วนแต่มีปุ่มปมและบาดแผลฉกรรจ์ในจิตใจเพราะขาดความรัก
    ผู้คนในสังคมหันไปรักเงิน รักวัตถุ รักชื่อเสียง แต่ไม่รักซึ่งกันและกัน
    
    
    
    เมื่อได้ก่อตั้งมูลนิธิ...เธอจึงสร้างบ้าน*โฮมฮัก*
    ในความหมายของศูนย์แห่งความรัก โดยใช้ความรัก ความอาทร
    อ้อมกอดที่จริงใจ  และการให้อภัยเป็นเครื่องบำบัดเยียวยารักษาบาดแผล
    แก่เด็กๆเพื่อให้พวกเขากลับออกไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสังคม
    ได้อย่างเป็นสุข
    
    
    ท่ามกลางการทำงานอย่างถวายชีวิตให้กับมูลนิธิ ครูติ๋วต้อง
    ผ่านช่วงเวลายากลำบากมากมาย จนเมื่อ 6ปีที่แล้ว 
    เธอเหมือนโดนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เมื่อได้รับแจ้งจากคุณหมอว่า
    ตรวจพบก้อนเนื้อ 3 ก้อนในลำไส้ส่วนล่าง เป็นมัจจุราชร้ายที่ชื่อว่า
    มะเร็งลำไส้ใหญ่
    
    แต่เธอตัดสินใจปฏิเสธทุการรักษา เพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่าย
    อันสูงลิบ
    
    
    โดยหันมาใช้วิธีของตัวเองคือการฝังเข็มและทำดีท็อกซ์
    เพื่อที่จะได้นำเงินมาใช้จ่ายในมูลนิธิแทน
    
    ในแต่ละวันของระยะเวลาอันแสนทรมานกว่า 6ปี
    ที่ครูติ๋วต้องต่อสู้กับโรคร้าย เธอไม่แม้แต่จะขับถ่ายได้ด้วยตัวเอง
    ต้องใช้เวลาวันละหลายชั่วโมงในห้องน้ำเพื่อทำดีท็อกซ์เอาของเสีย
    ในร่างกายออกมา
    
    
    แต่ความทุกข์ทรมานแสนสาหัสนี้ก็ไม่สามารถหยุดเธอไว้บนเตียง
    ให้นอนรอความตายอยู่เฉยๆได้
    
    แม้แสนกังวลว่าชีวิตนับร้อยจะอยู่อย่างไรหากเธอจำต้องจากไปในภพภูมิอัน
    แสนไกลเสียก่อน 
    
    
    เธอก็ไม่เคยย่อท้อและเลือกที่จะใช้ทุกวินาทีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
    ตราบใดยังพอมีแรงลุกขึ้นได้ 
    
    ผู้หญิงหัวใจเหล็กคนนี้ไม่เคยละเลยหน้าที่การงานของมูลนิธิ
    และหน้าที่แม่ของเด็กๆด้วยการให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่า
    ไม่มีอะไรสายเกินไปสำหรับการกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
    
    
    ทุกวันนี้  มูลนิธิแบกรับค่าใช้จ่ายเดือนกว่า 7แสนบาท
    ทั้งค่ายารักษาโรคเอดส์ ค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร และสังขารที่ไม่เอื้อ
    อำนวยทำให้ครูติ๋วทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนเก่า
    เงินจึงค่อยๆร่อยหรอลงจนต้องให้เด็กๆช่วยกันทำของขาย
    ทั้งการบูร เสื้อ ประเป๋า หัดปลูกผัก เลี้ยงปลา งมหอย
    เพื่อที่จะช่วยกันประคับประคองครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้
    ให้ดำรงอยู่ต่อไปได้
    
    
    เธอได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มนุษย์เรานั้น 
    แม้มีร่างกายที่แบกรับความเจ็บป่วยบอบช้ำเพียงใด
    ก็ไม่จำเป็นต้องมีจิตใจที่เสื่อมโทรมตามไปด้วย
    
    
    และตราบเท่าที่ไส้เทียนอันแหว่งวิ่นของครูติ๋วยังคงพอให้
    แสงสว่างกับชีวิตผู้อื่นได้ ตราบนั้นเธอก็จะขออุทิศแสงสว่าง
    อันแสนอบอุ่นที่มีเพื่อเด็กๆ ในบ้านแห่งความรักหลังนี้ตลอดไป...
    ........................
    
    
    สามารถช่วยเหลือมูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์เพื่อเด็กและเยาวชน
    ได้ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขายโสธร เลขที่บัญชี
    561 - 2-21187-7
    
    จากคอลัมน์ Beautiful Mind
     เรื่องโดย*เอก โท ตรี
    
    *จากนิตยสารแพรว
    ปีที่28ฉบับที่667   
    
    10  มิถุนายน2550
    
    พิมพ์ถ่ายทอดมาจาก
    
    ความซาบซึ้ง..ประทับใจ สะเทือนใจ
    
    ด้วย
    
    ความรักศรัทธาคารวะ
    
    แด่..
    
    ยอดหญิงคนหนึ่งแห่งแผ่นดิน
    
    คุณครูสุธาสินี น้อยอินทร์
    
    ที่..
    
    พุดพัดชา
    
    ขอเทิดเกียรติสดุดีในวันครูนี้ค่ะ
    
    
    
    
  • สุญญะกาศ (ขาดล็อคอิน)

    15 มิถุนายน 2550 00:38 น. - comment id 710429

    ขอร่วมเป็นกำลังใจให้คุณครูทุกท่านด้วยครับ
  • 15 มิถุนายน 2550 01:04 น. - comment id 710449

    1167710726.jpg
    
    
    สวัสดีค่ะพี่พุด 36.gif
    
    ป.ฝากดอกไม้มาไหว้ครูด้วยค่ะ
    
    
    36.gif11.gif16.gif
  • แมงกุ๊ดจี่

    15 มิถุนายน 2550 08:59 น. - comment id 710527

    คุณครู  คือแม่พิมพ์....
    ขอไหว้  ด้วยหัวใจเคารพ...
    
    พี่พุดรักษาสุขภาพนะคะ
    คิดถึงเสมอ...36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน