กรานศิระกราบพระพุทธในโบสถ์คร่ำ วอนน้อมนำดวงจิตนิรมิตฝัน สิ้นวิบากรักหมองหม่นตราบชั่วกัลป์ นิพพานขวัญวันหมายครองสี่ห้องใจ ไม่เสน่หาผู้ใดใจระทม ไม่พ่ายลมหวานใดใจดวงใส ไม่เสน่หาวาบหวามพิศวาสใคร ไม่ข้องเกี่ยวรักใดพันธนา ให้จิตว่างกระจ่างแจ่มดั่งดวงมณี โชติรัศมีราวจันทร์กระจ่างณ.กลางฟ้า ไร้หมอกเมฆวิเวกใจปวารณา ทุกทิวาราตรีต่อนี้ไป.. ขอหัวใจได้รับพรอธิษฐาน ความอ่อนหวานพรสวรรค์ไสว พลีรจนามอบฝันวันงามพสุธาไท ตราบ.. สิ้นลมหายใจสุดท้ายกับสายแสง..ตะวัน..ลา..
2 มิถุนายน 2550 20:42 น. - comment id 704699
ซาหวัดดีค่ะ แวะมาอ่านกลอน ปวารณาตัวได้ ยินดีด้วยค่ะ
2 มิถุนายน 2550 22:12 น. - comment id 704720
จิตใจไม่หมองหม่นกับความรัก เป็นใจที่งามสุกสกาวดั่งดวงมณีนะคะ ฟังเพลงแล้วเคลิ้มมากคะ
2 มิถุนายน 2550 23:26 น. - comment id 704757
3 มิถุนายน 2550 09:15 น. - comment id 704801
เข้ามาแอบอ่านกลอนซึ้ง ๆ คับ เพลงก็ไพเราะจัง อยากเข้ามานั่งนาน ๆ แต่กลัวจะเคลิ้มฝันคับ
3 มิถุนายน 2550 10:02 น. - comment id 704814
กลอนหวานปนเศร้า....เจ้าตำหรับ อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อครับ
15 กันยายน 2553 12:11 น. - comment id 1156275
ไฮโซดัง "ฐิตินาถ ณ พัทลุง"ยื่นโนติส "พระปราโมทย์"ขอคืนเงินบริจาค เผยจับตาสัปดาห์หน้ามีความเคลื่อนไหว กรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างนางสาวฐิตินาถ ณ พัทลุง นักเขียนชื่อดัง (ผู้เขียนหนังสือเข็มทิศชีวิต) กับพระปราโมทย์ ปาโมชโช(สันตยากร) และ นางอรนุช สันตยากร สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 ฝ่ายน.ส.ฐิตินาถ ได้ให้สำนักงานกฎหมายเทพยื่นโนติ๊ส (คำร้องที่จะขอใช้สิทธิตามกฏหมาย) พร้อมกับเรียกร้องขอเงินบริจาคของนางสาวฐิตินาถและมารดาคืนจากพระปราโมทย์ ผู้สื่อข่าว"มติชนออนไลน์"ได้โทรศัพท์ไปยังน.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง เพื่อสอบถามข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 10 กันยายน โดยน.ส.ฐิตินาถ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้ชัดเจนขึ้น เพราะไม่ใช่เฉพาะตนเองเท่านั้นที่จะออกมานำเสนอข้อมูลแต่ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่พร้อมออกมาเคลื่อนไหวร่วมกัน สำหรับโนติสของ น.ส. ฐิตินาถ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ในช่วงแรกของคำร้องขอใช้สิทธิตามกฎหมายระบุว่า จากการที่พระปราโมทย์และนางอรนุช (อดีตภรรยาของพระปราโมทย์) ได้บอกกับผู้ร้องว่าได้บรรลุเป็นพระอรหันต์เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 แต่ภายหลังต่อมาเมื่ออยู่ใกล้กันเป็นเวลาอันสั้นๆ ผู้ร้องก็มีเหตุให้ตัดสินใจที่จะไม่เชื่อว่า พระปราโมทย์เป็นพระอรหันต์หรือพระอริยะบุคคลอีกต่อไปแม้ในขณะนั้นจะมีผู้ศรัทธาและเชื่อถือมากมาย โดยขณะนั้นผู้ร้องยังไม่แน่ใจว่ากล่าวโดยคิดว่าตัวเองเป็นหรือกล่าวทั้งที่รู้ว่าไม่เป็น ต่อมาผู้ร้องพบว่า พระปราโมทย์ และ นางอรนุชได้เผยแพร่คำพูดและข้อเขียนเกี่ยวกับผู้ร้องซึ่งผิดไปจากความจริง และทำให้สารานุศิษย์ของพระปราโมทย์ หลงเชื่อและได้กระทำการต่างๆเป็นการรบกวนการดำรงชีวิตอย่างเป็นปกติสุขของผู้ร้องและบุตรอย่างไม่เป็นธรรม แต่ในขณะนี้มีบุคคลจำนวนมากออกมาแสดงความเห็นและจุดยืนในการนำเสนอความจริงซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ พระปราโมทย์ และ นางอรนุชพยายามนำเสนอต่อสาธารณชน อาทิ เช่น 1. กรณีประกาศสวนพุทธธรรมป่าละอู ซึ่งมีใจความหลักว่า "หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร (สวนพุทธธรรม ป่าละอู) และหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช (สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี) ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องแต่อย่างใด ทางสวนพุทธธรรม ป่าละอู ไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ทางส่วนตัว , คำสอน, ปฏิปทา หรือหลักปฏิบัติใดๆ กับ สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไม่ว่าในด้านใดทั้งสิ้น" ซึ่งพระปราโมทย์มักกล่าวในไฟล์เสียงต่างๆว่า "ท่านรักหลวงพ่อมากนะ หลวงพ่อก็รักท่านที่สุดเลย เหมือนพี่ชายเราแท้ๆเลย เป็นห่วงเรารักเราสุดๆเลย" 2.กรณีประกาศเรื่อง ขอลาออกจากการเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สวนสันติธรรมและการยกเลิกการนิมนต์ พระปราโมทย์ ของคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทดีเอ็มจี คอนซอลท์แตนท์ 3.ประกาศของมูลนิธิบ้านอารีย์ เรื่อง ขอยกเลิกการเผยแผ่สื่อธรรมะ คำสอน กิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 4.การลาออกของประธานกรรมการบริหารสวนสันติธรรม และกรรมการท่านอื่นๆ 5.การตั้งเว็บไซด์ของเหล่าศิษย์เก่าสวนสันติธรรมซึ่งมีตัวตนเป็นที่นับถือ ทั้งในห้องศาสนาของเว็บไซด์ พันธ์ทิพย์ และ ลานธรรม ออกมาชี้แจงความจริงในเว็บไซด์ http://www.antiwimutti.net คำร้องระบุว่า เมื่อเกิดพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้นขึ้นพระปราโมทย์ นางอรนุช และ ศิษย์จำนวนมาก ก็จะกล่าวโทษว่าผู้ร้องเป็นต้นเหตุ เนื่องจากผู้ร้องได้วางอุเบกขาและเพิกเฉยต่อคำเท็จเหล่านั้นมาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตามคำขอของครูบาอาจารย์ ที่เป็นห่วงความปลอดภัยของผู้ร้อง จึงไม่ออกมาตอบโต้ชี้แจง ทำให้ผู้ร้องกลายเป็นเป้านิ่งเป็นแพะรับบาปด้วยข้อกล่าวหาที่ปราศจากความจริงและไม่เป็นธรรม การกล่าวโทษผู้ร้องอย่างต่อเนื่องและการได้พบหลักฐานชิ้นสำคัญล่าสุดที่บ่งบอกสถานะและเจตนาของพระปราโมทย์ที่มีผู้หวังดีส่งมาให้ทำให้ผู้ร้องจำเป็นต้องออกจดหมายฉบับนี้ต่อสาธารณะ เพื่อคุ้มครองสิทธิของตัวเองและลูก ตามทำนองคลองธรรม ทั้งนี้เพื่อให้การกระทำใดๆของพระปราโมทย์นางอรนุชและผู้ร้องได้สิ้นสุดลงด้วยความเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องต่อกันอีกต่อไป ผู้ร้องจึงเรียกร้องดังนี้ 1. ขอคืนเงินบริจาคของผู้ร้องและมารดาจำนวน 4,360,000 บาท(สี่ล้านสามแสนหกหมื่นบาท) หนึ่งล้าน บริจาค ณ ธันวาคม 2547 ก่อนการเปิดบัญชี กองทุนเพื่อสร้างสวนโพธิญาณฯ ใหม่ (ชื่อในขณะนั้น) ซึ่งในเอกสารกว่าจะเป็นสวนฯ ที่พระปราโมทย์เขียน กลับไม่มีชื่อผู้ร้องเป็นผู้บริจาค เงิน 1 ล้านนี้ แต่กลายเป็นชื่อนางอรนุช เป็นผู้บริจาคแทน ทั้งที่พระปราโมทย์และนางอรนุชเป็นผู้รับเช็คธนาคารจำนวน1ล้านบาทนี้จากผู้ร้อง และทราบว่าผู้ร้องมอบเพื่อการสร้างวัด ผู้ร้องอยากทราบว่าตามพระวินัยและตามกฎหมายพระสามารถนำเงินที่บริจาคเพื่อบำรุงพระศาสนา สร้างวัด ไปมอบให้เป็นสิทธิ์แก่ภรรยาตามกฎหมายในอดีตก่อนบวช ของตนได้หรือไม่ ผู้ร้องไม่ทราบในเจตนาของผู้อื่นที่บริจาคให้ พระปราโมทย์ขณะอยู่ที่สวนโพธิ์ แต่ผู้ร้องทราบเจตนาตัวเองแน่ว่าต้องการบำรุงพระศาสนา อย่างแท้จริง มิได้ต้องการให้พระปราโมทย์และนางอรนุชได้รับประโยชน์เป็นการส่วนตัวทั้งทางตรงและทางอ้อม สามล้าน บริจาค ณ กันยายน 2548 และ อีกสามแสนหกหมื่นบาทหลังจากนั้นในระหว่างการก่อสร้างรั้วและพื้นศาลาโดยพระปราโมทย์และนางอรนุช ระบุ ว่าพระปราโมทย์บรรลุอรหันต์ในวันที่ 6 มีนาคม 2548 นอกจากนั้น พระปราโมทย์ยังได้ เขียนเล่าถึงการฟังธรรมครั้งแรกเมื่อ31 กัลป์ที่แล้วกับบุตรสาวที่เริ่มเรียนธรรมะด้วยกันมาและจะมาทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้ง ในชาตินี้ ตามเอกสารลายมือพระปราโมทย์ ไฟล์เสียง และ เอกสารที่ พระปราโมทย์ พิมพ์ให้ในชื่อ ไฟล์ แด่ลูกสาว ทั้งนี้ผู้ร้องมิได้ยึดคำอวดอ้างเรื่องอิทธิฤิทธิ์ การระลึกชาติ ของพระปราโมทย์มาเป็นสาระหลักแต่อย่างใด แต่ผู้ร้องเข้าใจไปว่าผู้ที่แสดงธรรมะได้อย่างละเอียด พูดอวดว่ามีครูบาอาจารย์ระดับสูงรับรอง โดยในขณะนั้นยังไม่มีครูบาอาจารย์ออกมาติติงพระปราโมทย์อย่างรุนแรงเหมือนในปัจจุบัน อีกทั้งพระปราโมทย์เป็นพระที่มีสาธุชนนับถือมาก ผู้ร้องจึงคิดว่าจะไม่โกหก ผู้ร้องจึงรับข้อมูลที่พระปราโมทย์อวดมาไว้ในใจด้วย พระปราโมทย์ ได้โอนโฉนดสวนสันติธรรม ซึ่งมีมูลค่ารวมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน กว่า 50 ล้านบาทให้ นางอรนุช ภรรยาตามกฎหมายก่อนบวชของพระปราโมทย์ ตั้งแต่ ตุลาคม 2548 ในวันนี้หลังจากที่มีอาจารย์มหาวิทยาลัยได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการเพื่อให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมพระปราโมทย์ เมื่อถูกร้องเรียน พระปราโมทย์จึงเพิ่งจะได้มีการยื่นขอจัดตั้งเป็นวัดเพื่อโอนที่ดินออกจากชื่อ นางอรนุชในอนาคต อันเป็นพฤติการณ์ที่สาธุชนตั้งคำถามเรื่องความสุจริต ถึงแม้ในอนาคตจะมีการจัดตั้งเป็นวัดแต่การที่มีการทำให้ผู้ร้องเชื่อก่อนการบริจาคว่ากำลังบริจาคให้พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เป็นพระอรหันต์ที่จะเผยแพร่ ธรรมะที่ถูกต้องต่อไป จึงนับได้ว่าผิดพระวินัยและผิดวัตถุประสงค์การบริจาค อีกทั้งพระปราโมทย์และนางอรนุช ได้ ทำให้ มีผู้เชื่อจำนวนมาก ว่าได้คืนเงินบริจาคทั้งหมดให้กับผู้ร้องแล้ว โดยการเขียนในบทความกว่าจะเป็นสวนฯอย่างกำกวมไม่ชัดเจนว่าใช้หนี้คืนผู้ร้องสองล้าน ซึ่งความจริงเป็นค่าก่อสร้างค่าปรับปรุงเพิ่มเติมตกแต่งภายในกุฎิอาทิ ค่าตู้ครอบเซฟไม้สัก เคาน์เตอร์แพนทรีไม้สักท็อปแกรนิตฯลฯ ที่ผู้ร้องได้สำรองจ่ายไปก่อน รวมทั้งกล่าวกับผู้อื่นว่าไม่ได้ต้องการติดหนี้ หรือข้องเกี่ยวใดๆกับผู้ร้อง 2.กรณีพระปราโมทย์และนางอรนุชขอให้ผู้ร้องร่วมหุ้นกันจ่ายค่าเดินสายไฟเข้าที่ดินที่ซื้อติดกัน แต่ภายหลังกลับตัดการใช้ไฟฟ้าของผู้ร้อง 3. พระปราโมทย์และนางอรนุช ขอที่ดินเพิ่มเติมจากผู้ร้องแต่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้ร้องรุกล้ำที่วัด ซึ่งผู้ร้องมีความอึดอัดใจเป็นอันมากที่จะตามใจ พระปราโมทย์และนางอรนุช ซึ่งมีความต้องการที่ผู้ร้องมิได้เห็นด้วยหลายอย่าง ซึ่งถึงแม้ในขณะนั้นยังไม่มีใครคิดสงสัย แต่ผู้ร้องรู้สึก สงสัยเป็นอันมาก แต่เพราะขณะนั้นยังไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงสถานะและเจตนาที่แท้จริงของพระปราโมทย์ จึงต้องมอบที่ดินให้ไปตามที่พระปราโมทย์และนางอรนุช ขอ พระปราโมทย์และนางอรนุช ได้ ให้ ทนายร่างสัญญามาให้ผู้ร้องลงนามแล้วลงมือสร้างรั้วกั้นตามแนวที่ขอ แต่กลับพูดว่าผู้ร้องล้ำที่วัดทำให้มีผู้หลงเชื่อเป็นอันมาก คำร้องระบุว่า ...นับจากวันนี้เป็นต้นไป หากผู้ใด รวมถึงโดยเฉพาะ พระปราโมทย์และนางอรนุช กระทำการ ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม ที่มีผลกระทบแม้เพียงน้อยนิดต่อผู้ร้องและครอบครัว ผู้ร้องจะใช้ พยานทุกคน หลักฐานทั้งหมด ในทุกๆเรื่อง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งทางแพ่งและทางอาญาดำเนินการกับผู้ละเมิด เป็นรายบุคคล ในกรอบของ ศีลธรรม และ กฎหมาย จนถึงที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ www.wimutti.net ได้ประกาศข้อความว่า ประกาศเรื่องการเผยแพร่เรื่องราวและคำสอนหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ทางอินเตอร์เน็ต เนื่องจากได้มีการเผยแพร่เรื่องราวและคำสอนหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ทางอินเตอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย จึงขอเรียนให้ทราบโดยทั่วกันว่า หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม และ เวปวิมุตติ (www.wimutti.net) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวปบางแห่งที่มีวัตถุประสงค์นอกเหนือจากการเจริญสติ ซึ่งนำชื่อหรือเรื่องราวของหลวงพ่อปราโมทย์ หรือเรื่องราวที่อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องราวของหลวงพ่อปราโมทย์ไปเผยแพร่ เพราะเรื่องราวที่สวนสันติธรรมและหลวงพ่อปราโมทย์เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต จะต้องเสนอผ่านทางเวปวิมุตติเท่านั้น หากเวปอื่นมีความประสงค์จะช่วยเผยแพร่ต่อไป ก็ขอให้นำไปจากเวปวิมุตติเท่านั้น คณะกรรมการสวนสันติธรรม และเวปวิมุตติ(www.wimutti.net) วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๒