พะงัน...ลา..

พุด

V262826_W162RGB.jpg
มองทะเลเหว่ว้าฟ้ากับน้ำ
คลื่นครวญคร่ำร่ำไห้ห่วงหา
นั่นนางนวลโผผินบินลับลา
แหละ..
นั่นฟ้าหลั่งน้ำตาด้วยอาลัย
คืนกลับเกาะบ้านเกิดดั่งเพื่อนเก่า
หากไยเหงาใจเศร้าสะเทือนไหว
เพียงลำพังดายเดียวไร้หวังใด
เมื่อไร้ใครเคียงข้างร้างแรมรัก
ให้สายฝนโลมลูบจูบรับขวัญ
ให้ดวงตะวันตกดินเฝ้าทายทัก
ให้สายลมทะเลโอบกอดแทนความภักดิ์
แทนสัจจธรรม..รักแท้..ที่มั่นคง....


ตะวันลา.....
ที่รักของผม........... 
ใกล้วสันตฤดูแล้ว..อากาศที่นี่เริ่มหนาวนิดๆ.....ต้นไม้แข่งกันออกดอกพราวสะพรั่ง ...แลดูสดชื่น สดใส ผู้คน และ ทุกสิ่งรอบข้างดูสดชื่นเบิกบาน ราวกับ จะรอวันเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาเยือน....... 
.........ยกเว้น...ใจของผู้ชายคนนี้ของคุณ.......ที่เดียวดาย..หม่นหมอง....สุดจะทานทน............ 
ทุกเช้า....เมื่อผมตื่นขึ้นมา.....ผมจะนอนนิ่งๆมองแแลลอดบานหน้าต่างออกไป...... 
เห็นต้นปีบแสนรักของคุณที่กำลังออกดอกงาม...ท้าทายลมหนาว....ทองกวาวอวดดอกแดงสะพรั่ง 
ลำดวนส่งกลิ่นหอม แย้มบานรับแสงอาทิตย์.....สดใส......ผิดกับใจผมที่น่าจะสดชื่นกว่านี้....... 
เพียงแต่ถ้ามีคุณนอนเคียงข้าง ให้ก่ายกอด ....และชวนให้ชี้ชมทั้งเนื้อตัวคุณ.....และนวลหอมของดอกไม้ ต้นไม้รายรอบ... 
ในยามเช้าที่แสนหวาน....ยากที่ผมจะลืมเลือน.....เหมือนดังเช่นคืนวันเก่าก่อน.............. 
ที่รัก.........คุณทิ้งผมนานเกินไป......จนใจดวงนี้เริ่มชินชา.....และตายด้าน............. 
...........หลวงพ่อถามถึงคุณ...ทุกครั้ง..ที่ผมแวะเวียนเข้าไปกราบท่าน........ผมละอายใจที่จะ สารภาพว่า....ผมเซซัง มาหาท่าน และ โลกแห่งธรรมะ .....เพื่อเป็นที่ประโลมใจ...... 
ให้ผมประคองชีวิตอยู่ได้.....เมื่อโลกนี้สิ้นไร้คุณ............ 
ที่รัก........หลวงพ่อแค่มองตาผม......ราวกับท่านจะล่วงรู้ถึงใจ......ถึง..ความสับสน..... 
มืดบอด....ที่ค้นหาแแสงสว่างไม่พบเจอของผม .......ท่านให้สติผม....ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน...และ ด้วยดวงตา... ที่แฝงความเมตตาเต็มเปี่ยม.......... 
ท่านบอกกว่า....มาที่นี่แหละ........หลวงพ่อมีหนังสือดีๆมากมาย.....ที่นี่เงียบสงบ..... 
ใจจะได้สบาย....ฝึกสมาธิไว้...เพราะคุณมีศีลพร้อมแล้ว ...วันหนึ่งจะเกิดปัญญา........ 
ที่จะรู้แจ้ง เห็นจริง..กับโลกใบนี้ ที่ไม่มีอะไรน่ายึดมั่น...ถือมั่น......... 
..........ที่รัก....ผมจะทำอย่างไรกับตัวเองดี....ให้ยอมรับความจริงของชีวิตว่าคืนวันของผม 
ในโลกสับสนใบนี้..จะไม่มีคุณเคียงข้าง.... อีกต่อไป............... 
ที่รัก....ทำไม....ทำไม.....ผมจึงมีใจดวงอ่อนแอ..และ...หม่นเศร้ามากมายเกินทน..... 
ทั้งที่ผมแสนจะเข้มแข็งในแทบทุกเรื่องของชีวิต........เท่าที่ผ่านเลยมา.......... 
ทุกที่....ทุกหนแห่ง ...คุณตามติดในใจผม มิห่างหาย................ 
ชีวิตนี้ผมเป็นของคุณ...มิใช่เพียงเฉพาะร่างกาย.....แต่ทั้งชีวิต....ทั้งวิญญานเป็นของคุณ 
...........ผมรู้....ไม่ว่าชาตินี้.....และชาติไหนๆ.....ตราบนานเท่านาน.....ที่ผมยังไม่พบแสงสว่าง.... 
แห่งการหลุดพ้นจากพันธนาการรัก...ทุกภพ..ทุกชาติที่เราได้ร่วมสร้างสมกันมาแต่ปางก่อน...... 
.................... 
ผมคิดถึงคุณ.....คิดถึง แม้กระทั่งยามนั่งอยู่ในวัด...ที่ๆผมพยายามหาทางหนีโซ่ตรวน.. 
ที่คุณพันธนาการใจของผมไว้......... 
ที่รัก......คุณคงจำวันแรกที่คุณพาผมปีนขึ้นมา..จนถึงวัดเขาถ้ำ....ที่ตั้งบนชะง่อนผาสูง.... 
แห่งนี้.ได้.....คุณทำให้ผมตะลึงตะไล...แทบลืมหายใจ...ไปกับทัศนียภาพรายรอบที่แลเห็น.......... 
จากลานหินกว้าง..ที่ข้างล่างคือถ้ำ จะมีทางเล็กๆ เลาะลัดเลียบทอดลงไป........ 
.......แลไกลออกไป....คือโลกสีคราม...กว้าง...ไกล....สุดตา...................... 
เวิ้งทะเล..สีน้ำเงิน...เขียวมรกต.....และโทนสีทะเลที่ค่อยๆไล่สีอ่อนจางลงมาตามลำดับ......... 
แทรกด้วยฟองคลื่นสีขาว.....เป็นระลอกงาม.............. 
เรือลำน้อย...ค่อยๆวิ่งฝ่ากระแสชลแตกฟองขาวนวล......ตรงมายังอ่าวท่าเทียบเรือ......... 
.......ตรงหน้าจะมีเกาะสมุย.....ชิดใกล้ขนาบด้วย..เกาะแตนอก..แตใน..ราวกับจะห่วงว่าเกาะพะงัน 
จะเหว่ว้า.......... 
แลลงไปเบื้องล่าง จะมองเห็น...ทิวมะพร้าวสลับซับซ้อนเป็นหมื่นหมื่นต้น......... 
บ้านเรือนซ่อนตัวอยู่ในดงไม้..เงียบสงบ....มีก็แต่ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง ขับฟ้างามอย่างช้าๆ.............. 
........บนหน้าผา..ชะโงกง้ำ..ลอยเลื่อน..ราวทายทักเมฆ....จะมีหอระฆัง...และพระพุทธรูป.... 
ให้กราบไหว้...อธิษฐานจิต......มีลั่นทมขาวออกดอกพราวไปทั้งต้น..บนชะง่อนผางาม.......... 
ส่งกลิ่นหวานเศร้า..อบร่ำให้ใจ..นิ่ง..เยือกเย็น..ล้ำลึก.....อวลมากับสายลมเย็น.......กับบรรยากาศ 
เงีบบงาม..ที่รายล้อม.................. 
.......ที่รัก....ผมกอดคุณไว้แนบแน่น....ราวกลัวคุณจะหลุดลอยจากสรวงสวรรค์ตรงหน้า........ 
จากสวรรค์ในอก...ในอ้อมแขน..ในอ้อมใจของผม............... 
ผมหยิบลั่นทมทัดหู..ให้คุณ..พร้อมพรมจูบไรผมงาม อ่อนหวาน อ่อนโยน เท่าใจที่ แสนสุขล้ำจะทำได้...ผมพร่ำบอกคุณว่า...สวรรค์มีจริง.....ด้วยใจทั้งดวงที่เต็มอิ่ม..จากทุกสิ่ง 
ที่สวรรค์หยิบยื่นและประทานให้ผม.....ในนาทีของชีวิตที่ผมปรารถนาจะให้โลกทั้งโลกหยุดหมุน 
......ผมจำ....... คืนวัน ที่มีคุณ..ไม่ว่าบนภูสูงแห่งนี้....หรือแม้แต่....กลางทะเล....ในค่ำคืน.... 
ที่ร่างของคุณถูกแสงจันทราอาบไล้.....นุ่มนวล..งามสล้าง..ราวกับเทพีจากแดนสรวง.......... 
.............ที่รัก..ทุกฉากตอน..ตามมาให้ใจดวงนี้ที่ร้าวระบม..ระทม...พร่ำวนเวียนคอยเรียกหาคุณ 
อย่างไม่มีวันจบสิ้น............ 
และแม้แต่นาทีแรกที่ได้พบคุณ.............. 
ผมถูกย้าย....มารับตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ ที่ดิน..ที่นี่ อำเภอที่เป็นเกาะเล็กๆ..ไกลห่าง..... 
จากแผ่นดินใหญ่...ที่งดงามราวกับเกาะในฝัน......ในเวลานั้น ผมกลับว้าเหว่....และคิดว่า....... 
ทำไมนะ ....โชคชะตา..ฟ้าถึงลิขิตให้คนหนุ่มอนาคตไกลอย่างผม....ต้องถูกชีวิตราชการ.... 
นำมาปล่อยไว้บนเกาะแสนไกลแห่งนี้............... 
ผมเพิ่งคิดได้.....และไม่เคยเสียใจเลย..ในเวลาต่อมา..ที่ชะตาฟ้าดินส่งให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ 
......ผมรู้แล้วว่า...ผมมาที่นี่...เพื่อพบคุณ.... 
..........สวรรค์เป็นใจ....ให้เราต้องมาพบเพื่อพราก...เพื่อเรียกคืน.......... 
................เที่ยงวัน....ที่แดดจ้า....ฟ้าใส.....พร้อมสายลมร้อน.....ของเหมันตฤดู........ 
เกาะแห่งนี้คึกคัก...คลาคร่ำ....ไปด้วยผู้คน..นักท่องเที่ยวจากแดนไกล...ที่หวังมาแสวงหาความสุข 
ความเบิกบานใจ...และเติมเต็มให้โลกของตัวเองมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น............. 
คุณมาปรากฏตัวที่อำเภอของผม........ราวกับฤดูร้อนได้นำดอกไม้..สดสวย...แสนงาม 
มาคลี่บานในโลก..และในใจของผม...ให้มีชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน................. 
ทันทีที่คุณแย้มยิ้ม....และทายทักกับเพื่อนเก่า.....กับคนที่คุณคุ้นชิน......... 
โลกของอำเภอที่แสนเงียบเหงา..ก็ถูกปลุกให้พลัน....สว่างกระจ่างใส..ไปกับรอยยิ้มนั้น.......... 
คุณนั่งตรงหน้าผม.....เพื่อจะทำธุระเรื่องการโอนที่ดิน.....ที่คุณบอกผมถึงเหตุผล..... 
ในเวลาต่อมา......... 
คุณพยายามเป็นเจ้าของ....เพราะคุณเกิดที่นี่.....คุณไม่อยากให้คน..ต่างถิ่น.....และคน ต่างชาติ..ที่พยายามหาช่องว่างของกฏหมายเพื่อถือกรรมสิทธิ์ครอบครอง......... 
คุณกลัวทุกคน..หวังแค่มาแสวงหาประโยชน์...แล้วลาจากไป...โดยเหลือเพียง.... 
ความสูญเสียของธรรมชาติ.....คุณคิดว่า....คุณรักแผ่นดินนี้..และเข้าใจ..แผ่นดินเกิดของคุณ 
มากกว่าใครๆ . 
ที่รัก....ผมโต้แย้งคุณ......ผมบอกคุณว่า.....คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไป......... 
ไม่มีคนไทยคนไหน..จะไม่รักแผ่นดินไทย.....ไม่ว่าที่ไหนๆทุกตารางนิ้วในประเทศนี้....... 
คุณอวดกล้า....อวดเก่ง...ว่าตัวคุณเองมีอุดมคติล้นเหลือ...ถ้าอย่างนั้นคุณมีเงินมากพอที่จะตาม เพื่อไปปกป้อง......ทุกแห่งหนมั้ยล่ะ............ 
คุณมองผม....นิ่งเงียบ....ตาแสนเศร้า....ราวสำนึก....คุณบอกไม่เลย....ที่คุณจะดูถูกใคร..... 
เพียงแต่คุณอาจจะอ่อนไหวมากไป....และอาจจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลง......อย่างรุนแรง.... 
และน่ากลัว..ที่กำลังรานรุกทำลายทั้งวัฒนธรรม..และทั้งธรรมชาติที่แสนงาม..ที่คุณสัมผัสมา.... 
ตั้งแต่วัยเยาว์.....คุณทำใจยากที่จะยอมรับ.....คุณเสียดาย....คืนวันอันแสนงาม..ในความทรงจำ 
............นาทีนั้น คุณสบตาผม....นิ่งนาน....และบอกว่าคุณคงต้องเริ่มทำใจให้ยอมรับ.......... 
ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ยากจะห้ามได้.....โลกที่คงต้องหมุนไป....ทุกเมื่อเชื่อวัน....... 
ทุกอย่างคงต้องหมุนตามโลกไปไม่มีวันสิ้นสุด.......และคุณได้เพียงหวัง....... 
แค่ให้มันหมุนออย่างช้าๆ........อย่างงดงาม....และสร้างสรรค์.....เพียงนั้น......... 
............ที่รัก.....เพราะทุกบทสนทนาราวโต้แย้งระหว่างเรา....และจากทุกประโยคที่กลั่นออกมา จากใจดวงงามของคุณ....เพราะคำพูดที่คุณฝังฝากใจเอาไว้......ให้ผมช่วยปกป้องแผ่นดินนี้ของคุณ... 
........ทำให้....หัวใจของผม....สะเทือนไหว........................ 
........ผมชอบคุณ......ผมชอบคุณ....ผมบอกกับใจตัวเอง.....นับเนื่องจากนาทีนั้น................. 
......มิใช่เพราะคุณ..ดูน่าติดตา..ต้องใจ..ในรูปลักษณ์ภายนอก.....ที่ดูแสนเก๋....แสนมีบุคลิก.... 
เชื่อมั่น......แต่ผม...ชอบคุณ....และแสนประทับใจ...ทัศนในการมองโลก...และชีวิต.... 
จากใจดวงงาม...ดวงละมุนของคุณ........... 
และด้วยคำพูดอ่อนโยน..ในวันนั้น..ที่ตามติดมาหลอกหลอน.....ให้ผม..ถวิลหาคุณ........ 
เฝ้าเพียรพยายาม.....ที่จะได้ชิดใกล้....และรู้จักคุณให้มากขึ้น...กว่าเดิม..ในเวลาต่อมา...... 
คุณบอกผมว่า.....คุณชอบชื่อผม........วันหนึ่งถ้าคุณมีลูกชาย...คุณจะตั้งชื่อนี้ให้ กับเขา......... 
..............ที่รัก.....ระหว่างเรา....ไม่มีบทขึ้นต้น....ไม่มีบทลงท้าย.....ทุกอย่างระหว่างเรา..เกิดจากน้ำมือของชะตากรรม......... 
ผมยอมรับความจริงข้อนี้....โดยดุษฎี........ 
............ที่รัก.......ผมเป็นลูกผู้ชาย....คุณบอกว่า....น้ำตาลูกผู้ชายควรเก็บไว้ให้รินรดภายในใจ.... 
.......มิใช่หรือ............ 
แต่คุณรู้ไหม.....ทุกยามเย็น...ใกล้อาทิตย์อัสดง....ผมจะขับรถจิ๊ปคู่ใจ..พร้อมกับเจ้าลิเดย์ 
เพื่อนคู่ทุกข์..คู่ยากของผม......มานั่งเดียวดายตรงโค้งอ่าว..ที่จะมองเห็นพระอาทิตย์ลาลับ 
ลงผืนน้ำ................... 
............และลูกผู้ชายคนนี้ของคุณ.......จะสั่งลากับพระอาทิตย์...ผืนน้ำ...และแผ่นฟ้า 
ไปถึงคุณให้รับรู้.....รับทราบถึงใจที่ร่ำร้อง....เรียกหาคุณทุกทุกนาทีแห่งลมหายใจ......... 
.........เพื่อให้นำคุณ....กลับมา.... พร้อมอรุณรุ่งแห่งวันใหม่...........และ........ 
.............ด้วยน้ำตาที่หลั่งล้นท่วมท้นใจ......ราวกับสิ้นไร้แสงตะวันแห่งชีวิตนี้.... 


 ตะวันลา...    ณรังษี  
ตะวันลาฟ้าหมองครองความหม่น 
ผ่านเวลามาจนใกล้พลบค่ำ 
กายที่แกร่งเริ่มอ่อนแรงแฝงความช้ำ 
ใจที่ตรำตรากการงานถึงกาลโรย 
มองลำแสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า 
เอ่ยคำลากับดวงใจที่แห้งโหย 
อย่าสิ้นแรงพร้อมตะวันที่ร่วงโรย 
เจ้าจงโปรยรัศมีที่งดงาม 
ยังมีผู้มืดมิดไร้ทิศหลง 
และบุกฝ่าป่าดงกลางพงหนาม 
ในคืนค่ำราตรีที่คล้อยยาม 
รอรับความช่วยหลือเกื้อชีวี 
อย่าเสียดายมาลีที่กลีบท้อ 
และพันห่อเกสรซ่อนลายสี 
จงไปดอมบุปผาราชาวดี 
ส่งกลิ่นหอมย้อมเสรีราตรีกาล 
ตะวันเร้นเช่นหลบหน้าอย่าท้อทอด 
จงโอบกอดบุหลันไว้ด้วยใจหาญ 
ทุกนาทีมีค่าเอนกการณ์ 
ใช่ทุกสิ่งจะอวสานต์เพระตะวัน 
จะขืนดวงจันทราอย่าปรากฏ 
จะรั้งรถทินกรอย่าคลอนฝัน 
ไม่อาจรั้งหรือขืนได้ดุจเดียวกัน 
ต่างเส้นทาง..ต่างความฝัน...ถึงวันลา  

V223722_487.jpg
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2461.html
ทะเลไม่เคยหลับ 
มอง ซิมองทะเล
เห็น ลม คลื่นเห่จูบหิน
บาง ครั้งมันบ้าบิ่น
กระแทก หินดัง ครืน ครืน
ทะเล ไม่เคยหลับไหล
ใครตอบ ได้ไหม ไฉน จึงตื่น
บาง ครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่น อยู่ร่ำ ไป
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไวั
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเล ครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับ ทะเล
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไว้
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเลครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับทะเล... 
 

V245954.jpgV253723.jpg				
comments powered by Disqus
  • เฌอมาลย์

    18 พฤษภาคม 2550 12:59 น. - comment id 697783

    10.gif
    
    เหงา เศร้าฤทัยใครจะเหมือน
    รักลาเลือนลี้ลับไม่กลับหวน
    ผ่านคืนวันนานเนิ่นเกินทบทวน
    จึงคร่ำครวญโศกาแทนอาลัย36.gif
  • เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย

    18 พฤษภาคม 2550 13:44 น. - comment id 697830

    แม้นเขาจะลาลับ
    แต่ว่ากลับเรืองรอง
    ดวงหน้าผกากรอง
    มิเคยหมองในจิตใจ
    
    10.gif10.gif10.gif10.gif10.gif
  • แทนคุณแทนไท

    18 พฤษภาคม 2550 13:58 น. - comment id 697860

    36.gif1.gif
  • ต้นน้ำ

    18 พฤษภาคม 2550 14:36 น. - comment id 697897

    พี่พุดครับ...
    บอกได้คำเดียวครับว่า...ไพเราะ...
    ร้อยคำชมล้านคำกล่าวอ้างก็ไม่เท่าใจที่รู้สึกนะครับพี่พุด
    พี่พุดครับ รูปสวยๆ พวกนี้พี่พุดเอามาจากไหนครับ...
    ไม่อยากเดาเลยว่า...พี่พุดคงทำงานเกี่ยวกับเสื้อผ้า...
    ระลึกถึงพี่พุดพี่สาวที่แสนรักเสมอครับ
  • เพียงแพรว

    18 พฤษภาคม 2550 15:05 น. - comment id 697913

    ซาบซึ้งดีแท้ค่ะ...................11.gif16.gif
  • อินสวน

    19 พฤษภาคม 2550 14:31 น. - comment id 698231

    ขอบคุณผลงานที่นำมาให้เสพจนอิ่มในอรรถรส  ครับ..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน