ค่ำคืนนี้.. พระพิรุณกำลังหยาดสายพรายพลิ้วพร่างพรมผืนพสุธา.. โปรยปรายไปทั่วฟ้าทอง..ดินไทย... หัวใจของฉันปลิดปลิว ลิ่วลอยไปกับสายฝนพรำ คิดถึงคืนค่ำภายในกระท่อมหลังคาจาก ในหุบผา ที่มีธารน้ำไหลเซาะบ่าลงมาจากยอดภู เสียงฝนผสานกับเสียงน้ำตก ไหลลอดอยู่ใต้พื้นกระท่อม บรรยากาศเช่นนั้น พาฉันพานพบกับความดื่มด่ำล้ำลึก..จนยากบรรยาย กลิ่นละอองเรณูของพวงพะยอมป่า กำจายจรุงมาในท่ามม่านฝน เทียนที่ฉันจุดไว้บนหัวนอนกำลังมอดดับ ในความมืด ในความเงียบ ฉันค้นพบความงามเงียบ ว่างเปล่า ในท่ามเสียงสายฝน ธรรมชาติได้กำลังสอนบางสิ่ง ให้ฉันได้ฟังเสียงหัวใจเต้น ลมหายใจใสเย็นที่แสนละเมียดของฉัน ได้พบกับความว่างเปล่าเบาสบาย.. ไร้สิ้นซึ่งพันธนาใด เปรียบประดุจดั่งหยาดน้ำค้างใส หยาดน้ำอมฤตรินร่วงมาจากราวฟ้า ฉันได้ค้นพบโลกภายในของฉันเอง จากเสียงบทเพลงแห่งสายฝนภายนอกนั่น จิตวิญญาณของฉันกำลังอยู่ตรงจุดระหว่างกลาง เป็นช่องว่างระหว่างรอยเชื่อมต่อ ให้รู้จักความพอดี ..... เสมือนดวงชีวีของเรานี้ ที่ต้องเรียนรู้ การผสานผสมของสรรพสิ่ง ดิน น้ำลม ไฟ ที่ธรรมชาติกำลังหยิบยื่นให้มา ฤดูกาลกำลังสอนฤดีฉันให้รู้ความจริงว่า ไม่ได้มีเพียงด้านเดียว มีร้อน มีหนาว มีฝน มีฝัน..ฝัน..ฝัน ที่จะเวียนวัน..วนย้อนคืน..หวนกลับมา... สอนสัจจะให้เราได้ซาบซึ้งว่า โลกเรานี้หนา ใช่จะมีเพียง ด้านเดียว...! ..................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song250.html (กังหันสวาท) กังหันสวาท หมุนเวียนเปลี่ยนไป เพราะใจ ของคน ชีวิตปวงชน มีวันปะปน วกวน เรื่อยไป ขี้นอยู่ในห้วง หทัย ใจใครไม่คง แน่นอน สั่นคลอนให้ใจ ไหวหวั่น กังหันสวาท นิราศผ่านไกล ไปไม่กลับคืน ชีวิตขมขื่น หน้าชื่น อกตรม ระทม โศกศัลย์ ผู้ใด ไม่สิ้น ผูกพัน รันทด หทัย สิ้นดี ย่อมมีแต่ ความ ระบม รัก เปรียบ กังหันลม ย่อมมี เปลี่ยนแปลง ด้วยแรง ความชื่นชม หากมัวหลง พะวง ต่อคำนิยม ชมชื่น มีปรวนแปร ชีวิตสวาท นั้นพลาดผิดไป เพราะไม่ ไตร่ตรอง ชีวิต ก็ต้อง เหมือนคนสิ้นใจ ฤทัย อ่อนแอ คนเราไม่มี แน่แท้ เอาแน่ อะไร ใจคน ย่อมวนเวียน ไป จนตาย รัก เปรียบ กังหันลม ย่อมมี เปลี่ยนแปลง ด้วยแรง ความชื่นชม หากมัวหลง พะวง ต่อคำนิยม ชมชื่น มีปรวนแปร ชีวิตสวาท นั้นพลาดผิดไป เพราะไม่ ไตร่ตรอง ชีวิต ก็ต้อง เหมือนคนสิ้นใจ ฤทัย อ่อนแอ คนเราไม่มี แน่แท้ เอาแน่ อะไร ใจคน ย่อมวนเวียน ไป จนตาย...
2 พฤษภาคม 2550 08:02 น. - comment id 690189
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song250.html (กังหันสวาท) ............. วสันตฤดู.... กำลังจะมาโปรยหล้า มาฝากจุมพิตรวงเรียว มาเกี่ยวดวงใจให้ยิ่งเหงางาม มาตามกระหน่ำตกตีราวปีศาจวสันต์..... และ... สำหรับดวงใจทุกดวงที่เคยโศกศัลย์ มีอดีตกรีดรอยฝัน.. ให้... สวรรค์ลาไปกับฟ้าดินในยามสายฝนพรำ ก็..ยิ่งคงมาตอกย้ำตกตี มาพลีคร่ำครางครวญ มาพาให้ดวงใจไห้หวนยิ่งเจ็บช้ำ..... ยิ่งพาให้ใจดวงดายเดียว...ยิ่งเดียวดาย พาให้ได้อารมณ์แสนเปล่าเปลี่ยวลึกล้ำเป็นยิ่งนักแล้ว ในอีกไม่ช้านานนี้.... ที่ในทุกยามได้ยินได้ฟังเสียงสายฝนกระหน่ำ.. ในยามที่หยาดฝนพร่างพรำปรายโปรยลงมา ที่จะคงยิ่งพาให้ดวงใจแสนยิ่งอ้างว้าง..ว่างใจ.... และ... มนตราสายวสันต์สายฝันสายสวาท คงมา..ดลตรา... มาพาดวงใจให้อยากถอยหลังกลับไป สู่ความรำลึกนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในหนหลัง ที่บางคนแสนมีความทรงจำที่แสนหวานเศร้า..สล้างงาม.. ได้ซุกร่างในอ้อมอกอุ่นของใครสักคน ได้นอนเคลียกมลหนุนไหล่ ฟังเสียงดนตรีฝนบรรเลง ได้เอนอ้อนอิงในอ้อมตักอ้อมใจกันและกัน ได้นอนฟังเสียงฝนครางฟ้าครวญ..... ได้นอนรัญจวนใจออดอ้อน ได้เฝ้าวอนเว้า เฝ้าดูดวงดอกฝนดอกฝัน...จนสุขซึ้งเกินรำพันรำพึง..... ได้พากันหลอมละลายร่างใจ ด้วยปานประหนึ่งรักแสนรัก ด้วยความหวิวไหวหวั่นหวาม ด้วยความหวานปานน้ำผึ้งรวงแห่งรัก จนร่างรักจักกลายกลับเป็นเนื้อเดียวกัน จนได้พบสวรรค์แสนสุขในทุกคืนวัน ทั้งในราวเมือง ราวไพร ในกระท่อมไพรในป่าฝัน ในสวรรค์วิมานวนาในเนินผาเหนือท้องทะเล และ.....!!! แล้ว..ไม่ช้านาน บ้างก็พบราน ก็พบเศร้า ก็พบคราวถึงเวลาเบื่อหน่าย.. จากหยาดน้ำผึ้งกลายเป็นยาพิษ จากสนิทเนื้อเดียวกลายเป็นต่างคนต่างไป ต่างไม่หันกันมาแลเหลียว ต่างชาตินี้ไม่อยากข้องเกี่ยวกันอีกเลยแล้ว...! ต่างลืมคำมั่นสัญญา ไปกับฟ้ากับลมกับสายฝนสายฝัน กับสวรรค์ลวง กับบ่วง..แค่ชั่วครู่ชั่วคราว ต่างทิ้งเรื่องราวให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่ยังพึงตัดใจหักใจไม่ได้.. ได้หนาวเหน็บเจ็บร้าว เศร้ารานเพียงลำพัง..และลำพัง..นานปี จนกว่า..... จะมีบางสิ่งรายรอบมาเตือนตนตื่น มาฝากชื่นพลีฉ่ำมาระร่ำริน ที่คือสิ่งแสนดีพลีมาสอนสัจจธรรม และ...นั่นคือ กาลเวลา และ หยาดน้ำใสจากยอดพระธรรมอันคือยาอันอมฤต ที่จะฟื้นฟูชุบชูชีวิต..... ให้รู้ว่า.... ทุกสิ่งในชีวิตนั้น... ไร้สิ่งใดผันแปร มิเคยมีสิ่งใดแน่นอน หากหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออก ก็บอกได้เลยว่าจำต้องพรากลาจากหล้าโลกอย่างแน่นอน และ... ทุกสรรพสิ่งสังขาร ที่มิช้านานต้องแก่ เจ็บตาย ดั่งดอกไม้ ใบไม้รอร่วงโปรยปลิดปลิว... ใช่คงที่คงทน... ทุกสิ่งนั้น ขึ้นอยู่กับจิตดวงใสใจเราเอง ให้เพียรรักษา ให้เพียรคว้าไขว่ พาให้ใจดวงงามได้พบความสว่างสะอาดสงบพบสุขนิรันดร์ อันคือ...รักนิรันดร์อย่างแท้จริง... และ คนดี...ลองมองสิ่งอื่นที่ชุบชูชีวีเราดีกว่า สิ่งที่มีแต่ให้ ให้ อย่างไร้ร้องขอ ในธรรมชาติ...ที่เกิดก่อ ดิน น้ำ ลม ไฟ ... สายธารสวยใสนั้น ก็จะแฝงฝังให้เรารักสุนทรีย์รื่นรมย์ ได้ฝากลมหายใจแห่งดวงชีวี เพื่อรอรับฤดูกาลใหม่.. ที่จะผ่านมาและผ่านไป มิคงที่คงทน... และนี่คือสัจจธรรม...ธรรมชาติ ที่กำลังตราย้ำให้ เราเข้าใจกฎแห่งความผันแปรไปไม่แน่ไม่นอน ในทุกฉากตอนของชีวีชีวิต ที่ไร้สิ่งใดจะนำมายึดมั่นถือมั่น ไม่ว่า ฤดูกาลหรือฤดีระกำก็ตามที..นะคนดี นะดวงใจ และ ยังมีสิ่งดีดีให้เรา หันมาใช้วันเวลาแห่งชีวาชีวิตอย่างมีค่า กับ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามิใช่คน.ที่มีหอมให้เปรอปรน หยาดเย็นในดวงจิตได้สนิทพบความงามเงียบ ได้เฉียดใกล้..รู้ปลูกรัก รักษ์ภักดีพลีแด่ผืนดิน แผ่นดิน มิรู้สิ้นรู้จบ ให้ลูกหลานยังหันไปได้พบ...... ต้นไม้ ต้นไม้ หรือธรรมชาติรายรอบ ที่จักมีแต่จะยืนหยัดให้ดอกผล ให้กมลเราแสนชื่นฉ่ำใจ หากเราเททุ่มใจ เอาใจใส่ทะนุถนอม ซึ่งผิดกับคน ที่บางครั้งกมลราวลมเพลมพัด สลัดรักตัดสวาทได้อย่างไม่ใยดี ลืมหมดทั้งความดีความงาม เมื่อไปพบพานสิ่งที่เย้ายวนกว่า และโอ้อนิจจา... ดั่งกังหันเอยกังหันสวาท... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song250.html กังหันสวาท กังหันสวาท หมุนเวียนเปลี่ยนไป เพราะใจ ของคน ชีวิตปวงชน มีวันปะปน วกวน เรื่อยไป ขี้นอยู่ในห้วง หทัย ใจใครไม่คง แน่นอน สั่นคลอนให้ใจ ไหวหวั่น กังหันสวาท นิราศผ่านไกล ไปไม่กลับคืน ชีวิตขมขื่น หน้าชื่น อกตรม ระทม โศกศัลย์ ผู้ใด ไม่สิ้น ผูกพัน รันทด หทัย สิ้นดี ย่อมมีแต่ ความ ระบม รัก เปรียบ กังหันลม ย่อมมี เปลี่ยนแปลง ด้วยแรง ความชื่นชม หากมัวหลง พะวง ต่อคำนิยม ชมชื่น มีปรวนแปร ชีวิตสวาท นั้นพลาดผิดไป เพราะไม่ ไตร่ตรอง ชีวิต ก็ต้อง เหมือนคนสิ้นใจ ฤทัย อ่อนแอ คนเราไม่มี แน่แท้ เอาแน่ อะไร ใจคน ย่อมวนเวียน ไป จนตาย รัก เปรียบ กังหันลม ย่อมมี เปลี่ยนแปลง ด้วยแรง ความชื่นชม หากมัวหลง พะวง ต่อคำนิยม ชมชื่น มีปรวนแปร ชีวิตสวาท นั้นพลาดผิดไป เพราะไม่ ไตร่ตรอง ชีวิต ก็ต้อง เหมือนคนสิ้นใจ ฤทัย อ่อนแอ คนเราไม่มี แน่แท้ เอาแน่ อะไร ใจคน ย่อมวนเวียน ไป จนตาย... .......... ให้เราเรียนรู้เท่าทัน ให้เรารู้ทันเท่าทุกผัสสะที่มากระทบ และ... รู้รักษาจิตใสใจดวงงามให้ผ่องแผ้วพ้นพันธนารัก อันจักหาความแน่นอนมิได้เลย... .................. และ.... ในท่ามกลางสายฝนพรำ .. เหมาะเหลือเกินที่จะจัดสวน ลงมือปลูกต้นไม้ ดอกไม้ หรือหาไม้ดอกไม้ใบมาประดับมุมต่างๆ ภายในบ้าน ภายในสวนของเราให้สวยใสสดสีหอมงาม.. ตามฉัน..มาสิ.. จะพาเธอนี้ไปเลือกต้นไม้ ดอกไม้ด้วยกัน อยากให้มีดวงดอกไม้สีไหน พันธุ์ไหน อยู่ในสวนของเธอ ก็ตามใจฝัน ตามใจจินตนาการได้เลยนะ.. เพราะโลกนี้ดอกไม้มีหลากสี หลากพันธุ์ เขียว ขาว แดง ม่วง เหลือง ส้ม ชมพู ฟ้า น้ำเงิน ครีม โอลด์โรส..... เธอชอบสีแบบไหน สีร้อน หรือสีเย็น .... เธอลงมือเป็นจิตรกร ผสมผเส ให้สวนสวยของเธอมีสีสันได้ตามใจชอบ เธออาจจะซื้อกระถัง กระถาง มาระบายสี มาเพ้นท์สีสวยงาม แล้วมาวางไว้ใส่ดอกไม้ให้ตัดกันฉับๆ ดูแรงร้อน หรือจะให้ซ่อนเสน่ห์ล้ำลึก....ก็แล้วแต่เธอ.. เธออาจจะทาสีเก้าอี้ ระแนงไม้ หรือเธออาจจะเปลี่ยนสีผนังบ้านของเธอ ให้สดใส กระจ่างใจเจิดจ้ารับกับสวนสวยของเธอ... อยากลองลงสวนเล่นสี มาสิคนดี ลองปรับเปลี่ยนใจ อย่าเอาใจใส่แต่ร่างกายให้งามภายนอกอย่างเดียว มาเอาใจสวนสวรรค์แห่งนี้ ที่อาจจะมีดอกไม้หวานบานกลางใจให้สวยใสงาม เพาะพันธุ์ละมุน ให้หัวใจ และ กับใครใครที่ผ่านมาแวะเยี่ยมเยือน ได้ชื่นตาฉ่ำใจ และหวังว่า สวนแห่งนี้ คือสวนแห่งรัก เป็นดั่งสวนขวัญ ที่เราจะมอบกำนัลคืนกลับสู่ผืนดินแห่งรักนี้ ที่เราได้หยัดยืนมายาวนาน..นิรันดร์......
2 พฤษภาคม 2550 08:43 น. - comment id 690222
ฝนตกสองคืนหนึ่งวัน เย็นใจดีเหมือนกันค่ะพี่พุด
2 พฤษภาคม 2550 09:31 น. - comment id 690239
พี่พุดครับ สวัสดีครับพี่พุด ต้นน้ำอ่านสร้อยอักษราของพี่พุดครั้งใด ใจดวงน้อยก็แช่มชื่นเสียทุกครั้งไป ประหนึ่งว่า...มีธารน้ำใสเย็นรินรดใจดวงร้าว หากว่าโลกนี้... มีหญิงที่งามน้ำใจและน้ำคำเช่นพี่พุดเสียทุกคน โลกคงไม่หม่นเศร้าและร้าวรอนนะครับ ระลึกถึงพี่พุดพี่สาวที่แสนดีเสมอ ต้นน้ำครับ
2 พฤษภาคม 2550 10:33 น. - comment id 690248
ด้วยรัก แด่น้องเพียงพลิ้ว และ.. น้องต้นน้ำที่แสนคิดถึง..ซึ้งใจค่ะ
2 พฤษภาคม 2550 11:02 น. - comment id 690253
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song496.html (หยาดรุ้ง) รอดวงดอกฝนไร้ดวงดอกฝัน! ดอกดวงใจแตกพรายราวเพชรพร่าง งามกระจ่างกลางใจไม่ชอกช้ำ ดอกความดีที่เคยให้ได้รินร่ำ คือดอกธรรมดอกจริงใช่สิ่งลวง.. ดอกน้ำใจใสเย็นเช่นหยาดฝน หวานหอมหล่นผ่านปีที่ลาล่วง ให้พลังให้ความหวังให้ความห่วง แล้วก็ร่วงแล้วก็ร้าวไร้เข้าใจ ดอกข้าวหอมน่าจะตอมตามมาติด มาสถิตดอกดวงใจในแน่นหนัก น่าเสียดายคล้ายเสียใจดวงดอกภักดิ์ หลงนานนักหลงลืมนึกลึกซึ้งลวง.. ดอกตัดใจแตกกอรอฝนใหม่ หวังผลิใจราวผลิช่อรอหยาดสรวง ให้ฝนใหม่ล้างใจลืมลมลวง ราวกับรวงร้างเคียวเลิกเกี่ยวใจ ขอดายเดียวเดียวดายทางสายโศก เหมือนกับโลกแสนว่างวางหวั่นไหว นับแต่นี้ไม่มีขวัญบ่มหอมใจ เหลือเพียงใจกลางกลางร้างไร้รอ.. .......................
2 พฤษภาคม 2550 11:25 น. - comment id 690268
ฝนเอ้ยฝนมา ฝนเอ้ยฝนพร่ำ จะนอนไม่ทำอะไรรรร
2 พฤษภาคม 2550 11:50 น. - comment id 690284
สุดยอดของผลงานจริงๆครับ
2 พฤษภาคม 2550 14:11 น. - comment id 690400
2 พฤษภาคม 2550 16:45 น. - comment id 690519
เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงครับ
2 พฤษภาคม 2550 16:58 น. - comment id 690543
แวะมาเก็บเกี่ยวความสงบงามท่ามกลางสายฝนด้วยคนครับ...สบายดีนะครับคุณพุด
2 พฤษภาคม 2550 17:20 น. - comment id 690564
ช่วงนี้ที่บ้านฝนกำลังตกพรำ ๆ อยู่พอดี ฝนมาซะบ้างจะช่วยให้ต้นหญ้าใบกล้าสดชื่นขึ้น ฟ้าฝนเป็นสัญญาณบอกฤดู ให้ชาวบ้านได้รู้ฤดูไถดำทำนากำลังจะมาถึงอีกแล้ว แวะมาอ่านผลงานที่ซาบซึ้งกินใจครับ
11 พฤษภาคม 2550 13:27 น. - comment id 694101
http://s210.photobucket.com/albums/bb315/endlessriverine/?start=all
12 พฤษภาคม 2550 09:11 น. - comment id 694546
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story8153.html