**.. มีบางครั้ง เบื่อหน่าย ในโลกนี้ จนคิดหนี ไปให้ ไกลที่สุด เลิกสีหน้า ปั้นแต่ง แข่งสมมุติ ในเมืองทรุด สุดเซ็ง เส็งเคร็งนัก.. **.. เลิกใส่สูท รูปงาม ตามแฟชั่น ของเลิศชั้น อาหารหรู ผ้าปูตัก มีคนคอย เคลียคลอ พะนอรัก พกเงินสัก ห้าหมื่น คงตื่นใจ.. **.. แล้วหลบไป ป่าเขา ลำเนากว้าง มองฟ้าสาง ยอดภู ดูยิ่งใหญ่ จวบสายัณห์ ยินบรรเลง เสียงเพลงไพร จะกล่อมให้ ฉันสุข ทุกวันคืน.. **.. เขียนบทกลอน บทความ ตามประสา อยู่กับฟ้า ผาหิน ดินทั้งผืน ธรรมชาติ นิรันดร์ อันยั่งยืน แต่ต้องตื่น พร้อมรับ กับความจริง.. **.. ใจยังห่วง ครอบครัว กลัวเหนื่อยล้า พ่อแม่หา เลี้ยงลูก ปลูกทุกสิ่ง ค่าน้ำนม ร่มเกล้า เราพักพิง แล้วจะทิ้ง เขาไปได้ อย่างไรกัน... ด้วยความหวังดี ก.นพดล รักษ์กระแส ก.ประแสร์ ศิษยาพร
24 มีนาคม 2550 20:45 น. - comment id 676061
25 มีนาคม 2550 10:07 น. - comment id 676165
ตอนที่ไกลแม่..เรนร้องไห้.. แต่เรน..ไม่ให้แม่รู้.... บทกลอนของคุณ.. มีความหมายและความไพเราะมากด้วยนะคะ.... ...
25 มีนาคม 2550 11:40 น. - comment id 676215
ทุกสิ่งทำได้หากใจพร้อม เงินทองกองล้อมหน้าแบ่งเอาไว้ ห่วงแม่พ่อโอละหนออย่าเหนื่อยใจ หาคนใช้คนดูแลไว้แทนตัว จ้างสักพักระยะหนึ่งพอจิตว่าง ขณะกลางท่ามไพรจิตสับสน ปลดปล่อยจิตมิยึดติดตัวตน แล้วกลับสู่หนทางต้องกระทำ
25 มีนาคม 2550 18:46 น. - comment id 676389
อารมณ์เดียวกันเลย...ต่างกันตรงที่สูทนี่ล่ะ
25 มีนาคม 2550 21:57 น. - comment id 676441
ในกระบวนการเที่ยวนั้นผมเองรักป่าเขา ลำเนาไพร น้ำตกฟังเสียงนกร้องหรีดหริ่งเรไร ช่างไพเราะกว่าเสียงดนตรีใดๆทั้งสิ้นครับ แก้วประเสริฐ.