ฟ้าร้องครืนครืนมา ได้เวลาฝนเริ่มตก สายลมพัดกรรโชก โบกปลิวไหวใบไม้ร่วง ฝูงนกผกโผบิน กลับคืนยังถึงรังรวง อบอุ่นกรุ่นในทรวง รังรวงน้อยคอยเจ้าคืน แม้รังจะน้อยนิด เจ้าไม่คิดจิตขัดขืน ยามเย็นเร่งกลับคืน สุขสดชื่นตื้นตันทรวง สร้างไว้แต่พอดี เต็มล้นปรี่ความแหนหวง คุ้มกันภัยทั้งปวง ร้อนเย็นล่วงหมดห่วงใย สายฝนยังสาดซัด ยอดไม้กวัดสะบัดไหว เอนโอนโยนโยกไป แกว่งรังให้ไหวตามลม เจ้าเพียงแค่นกน้อย ดูดั่งด้อยน้อยใจตรม รังเล็กใช่ขื่นขม หรือปรารมภ์ระทมใจ ครอบครัวล้วนเปี่ยมสุข ไร้เรื่องทุกข์อยู่อาศัย เท่านี้ก็พอใจ หมดหมองไหม้ในวิญญาณ์ เมื่อเปรียบกับมนุษย์ ช่างแสนสุดเวทนา รัก โลภ หลง โกรธา ราคะ จริต จิตฟั่นเฟือน ไม่รู้จักเพียงพอ คำที่ "พ่อ" คอยย้ำเตือน ไขว่คว้าหาดาวเดือน เหมือนคนบ้าเพราะฟ้าไกล ไม่คิดว่าวันหนึ่ง จะถึงคราที่จากไป เสื้อผ้าชุดหนึ่งให้ ไว้ติดตัวชั่วนิรันดร์... รูป: http://www.wpclipart.com/imgpage.html?http://www.wpclipart.com/animals/birds/ _Miscellaneous/bird-nest_1.png
3 มีนาคม 2550 02:18 น. - comment id 536832
โททนเสหน่คง สำคัญหมาย ในกายมี นรชาติ ติ วางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรี สถิตทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ค่ะน้องปราณ รวี..........เพราะมาค่ะบทนี้ เพราะมาก .....พี่ศิณีขอชอบด้วยความจริงใจนะค่ะ......ปราณรวีเก่งจัง....ทำไงค่ะ สอนมังค่ะ อิอิ
3 มีนาคม 2550 02:44 น. - comment id 536834
สวัสดีค่ะพี่ศิณี ทีศิณียกมาหายไปบรรทัดแรกค่ะคือ "พฤษภกาศร อีกกุญชรอันปลดปลง" โททนต์ .......................................... ป.ปลาไม่ค่อยถนัดกาพย์แบบนี้ค่ะ แต่งแทบทุลักทุเลพอควรค่ะ อากาศที่อังกฤษเป็นยังไงบ้างคะ?? วันนี้บ้านป. มีทั้งแดด หิมะ ฝน และลมตึง ๆ ค่ะ ผลพวงจากทอร์นาโดจากทางใต้ค่ะ.... Have a good weekend นะคะ ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยมสม่ำเสมอ
2 มีนาคม 2550 19:31 น. - comment id 663525
ภาพงามกลอนงามขอเก็บภาพด้วยนะครับขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
2 มีนาคม 2550 11:34 น. - comment id 664846
เป็นนกน้อย สร้างรัง แต่พอตัว ไม่เมามัว โลภมาก อยากจะได้ แค่อยู่สุข ทุกข์ร้อน ได้ผ่อนคลาย แสนสบาย ก็พอ แล้วหนอเรา...
2 มีนาคม 2550 11:38 น. - comment id 664848
น้อง ป.กาพย์ยานี แต่งง่ายที่สุดเลยค่ะ นกน้อยทำรังแต่พอตัว เจ้าอย่ากลัวเมื่อบินไกล ยามร้างและห่างไกล ขอใจเจ้าจงอดทน นกน้อยเจ้าไกลบ้าน คิดอ่านหลายเรื่องจึงสับสน น้องจ๋าอย่าได้กังวล หลายคนรอคอยอย่าน้อยใจ นกน้อยน้อยตัวนี้ คนดีเจ้าอย่าอ่อนไหว หลายเรื่องที่กวนใจ ทิ้งไปเสียอย่าเสียใจ.. คิดถึงนะคะน้องป. ดูแลสุขภาพของตัวเองด้วย พี่พิมรออยู่นะคะ อย่าลืม..รูปนะคะ
2 มีนาคม 2550 12:44 น. - comment id 664859
เสน่ห์ของกาพยานี11 คือการใช้คำคมที่ทรงอานุภาพ ด้วยเหตุที่ว่ามีจำนวนพยางค์ในวรรคน้อย จึงต้องคัดสรรคำเป็นพิเศษที่จะบรรจุลงในแต่ละวรรค นั่นคือสิ่งที่ผมชอบ กลอน8สามารถสื่อได้ใกล้เคียงกับร้อยแก้วมากที่สุด เพราะว่าจำนวนคำในวรรคเยอะเอาการ
2 มีนาคม 2550 13:02 น. - comment id 664868
อย่าลืมไปเวียนเทียนวันมาฆะบูชานะครับ
2 มีนาคม 2550 13:03 น. - comment id 664871
หลานปราณ เพราะนะครับ ฝีมือยอดเยี่ยม
2 มีนาคม 2550 13:15 น. - comment id 664882
พอดีนกตัวใหญ่ค่ะ เลยต้องสร้างรังใหญ่ๆ นี่ก็กะว่าจะสร้างห้องนั่งเล่นเพิ่ม มีสนามหน้าบ้าน ผูกชิงช้า ไว้เผื่อ ให้ลูกนอนเล่น อ้อ...คุณพ่อนกชอบ จิบเหล้าค่ะ สงสัยต้องจัดสรรมุมดีๆ สำหรับเค้าอีกหน่อย แหม...อย่าอิจฉาน้า (ฝันกลางวัน แก้เซ็ง)
2 มีนาคม 2550 14:19 น. - comment id 664920
สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลยค่ะ นอกจากความดี หรือชั่วที่ตัวตนคนนั้นได้ฝากไว้ก่อนจากโลกนี้ไป
2 มีนาคม 2550 14:23 น. - comment id 664924
ชีวิตราบเรียบ ไม่ไขว่คว้า ไม่ต้องการสิ่งใด ที่เกินความสามารถเท่านี้ชีวิตก็พบกับความ สุขแล้วค่ะ... สร้างรังแต่พอตัว และพอใจ เท่านี้ คนที่อยู่ก็สุขใจค่ะ.....
2 มีนาคม 2550 14:40 น. - comment id 664943
บินมาเยี่ยมนะ....
2 มีนาคม 2550 15:03 น. - comment id 664955
ขอเป็นนกขี้คร้านสร้างรังอยู่ ขออยู่คู่กับเธอจะได้ไหม แม้จะเบียดไม่บ้างอย่าใส่ใจ เอาเถอะนะอย่าบ่นไปอาศัยนอน **********************************************
2 มีนาคม 2550 15:04 น. - comment id 664957
จะมีไหมนกน้อยที่ลืมตัว หลงเมามัวเสพสีสัน ลืมช่วงห้วงวารวัน แจ้วจำนรรจ์เร่ร่อนไป
2 มีนาคม 2550 15:29 น. - comment id 664974
เสียงฟ้าคำรณร้อง ฝนค่อยพ้องบนแผ่นดิน หมู่นกก็โบกบิน กลับคืนถิ่นที่เคยเนา ลมชายสยายช่วง สัมผัสทรวงให้ซบเซา ฝนเร่งระรุมเร้า กระหน่ำสาดจนอาจซม แต่รังอันน้อยน้อย ก็คอยป้องคอยปลิดปม เขตทางที่ทับถม ความทวยทมมาพล่ามทัณฑ์ ไม้โบกสะบัดปลาย ประหนึ่งกายถูกกดดัน แต่เรือนที่รวงรรร แล้วหรือรอยจะร่อยหรอ เพราะนกวิหครู้ จักสร้างรังแต่เพียงพอ ชีวิตจึงทาบทอ ความสดใสอยู่นับนาน
2 มีนาคม 2550 15:44 น. - comment id 664996
โลภโกรธหลงทำให้มนุษย์ ไม่รู้จักคำว่าพอค่ะ..
2 มีนาคม 2550 17:11 น. - comment id 665044
รวงรังนกยังรัก สะเทือนหนักสะท้านใน ป่าเขาลำเนาใส อันตรายมากหมายมอง..
2 มีนาคม 2550 17:48 น. - comment id 665070
สวัสดีครับ คุณ ปราณรวี ตราบใดที่มนุษย์ยังยืนแทบพื้นแห่ง โลกมายา ความไม่พอย่อมเกิดแก่มนุษย์
2 มีนาคม 2550 18:14 น. - comment id 665118
มาเป็นพุทธปรัญา น่านับถือ
2 มีนาคม 2550 19:48 น. - comment id 665130
เอ่ พี่ ป.ปลา ตากลม มีอะไรฝังใจเกี่ยวกะนกปะคะเนี่ย อิ อิ .. แวะมาด้วยความคิดถึงค่ะ
2 มีนาคม 2550 22:00 น. - comment id 665207
สวัสดีค่ะพี่ครูพิม ป. ถนัดกลอนแปดมากกว่าค่ะ อันนี้วกวนอยู่หลายรอบกว่าจะออกมาได้เท่านี้ค่ะ..คงต้องค่อย ๆ หัดเขียนไปบ่อยๆ ... ป. อยากเขียนกลอนรูปแบบอื่นบ้าง..เป้าหมายต่อไปคือโคลงสี่สุภาพ..แต่ยากจัง...ขี้เกียจจำรูปแบบ.. ขอบคุณพี่ครูพิมมากค่ะที่ให้กำลังใจ ป. มาตลอด ตอนนี้มีแต่รูปเก่า ๆ ที่ถ่ายเก็บไว้ ปีนี้ ป. ไม่ได้เก็บรูปเลย..หิมะตกกระปริบกระปรอย ไม่สวย..ป. จะรอให้ตกหนัก ๆ อีกสักครั้ง จะเก็บรูปส่งไปให้พี่ครูพิมดูค่ะ
2 มีนาคม 2550 22:04 น. - comment id 665208
สวัสดีค่ะคุณห้วงคำนึง สำหรับ ป. กาพย์ยานี 11 เป็นรูปแบบที่ยังยากอยู่ค่ะ ป. ถนัดกลอนแปดมากกว่า...สำหรับอันนี้แต่งเสร็จแล้ว มาทบทวนอ่านหลายรอบ ยังไม่พอใจเท่าไร แต่ไม่ทราบจะแก้ไขอย่างไรแล้วค่ะ...คงต้องรื้อทั้งหมดแระค่ะ.. ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาเยี่ยม
2 มีนาคม 2550 22:06 น. - comment id 665209
สวัสดีค่ะคุณลุงก่องกิก อย่าลืมทำบุญเผื่อหลานด้วยเด๊อค่ะ...
2 มีนาคม 2550 22:09 น. - comment id 665210
หวัดดีจ้าชมพูฯ เป็นครอบครัวนกครอบครัวใหญ่เลยนะนั่น..อิอิ..เอ...นกเล่นชิงช้าด้วยเหรอคะ...แล้วไม่มีมุมของแม่นกบ้างหรือคะ...อิอิ ...
2 มีนาคม 2550 22:12 น. - comment id 665212
อาาาา...เพื่อนเฌอมาลย์...ปลงรับวันมาฆะซะแล้ว...อิอิ...ทุกอย่างคือสมมุติค่ะ
2 มีนาคม 2550 22:15 น. - comment id 665214
ดีจ้า Whitelily ถ้าเราพอใจกับสิ่งที่เรามี แค่นี้ก็ทำให้มีความสุขแล้วละค่ะ นินิ...ปลงรับวันมาฆะกันเนาะ..
2 มีนาคม 2550 22:19 น. - comment id 665217
สวัสดีค่ะคุณบินเดี่ยวฯ ...สบายดีนะคะ
2 มีนาคม 2550 22:21 น. - comment id 665218
สวัสดีค่ะศรรกรา รังเล็ก ๆ จะได้เบียดกันไง อุ่นดี..อิอิอิ..
2 มีนาคม 2550 22:29 น. - comment id 665222
นกน้อยไม่เคยเหลิง หลงระเริงกับแสงสี รักในสิ่งที่ตนมี แบบพอดีไม่มากไป สวัสดีค่ะคุณอินสวน ตราบใดที่สิ่งแวดล้อมยังคงสภาพเดิมมากที่สุด คิดว่าสรรพสัตว์ก็ยังคงสภาพความเป็นอยู่เดิม ๆ ไว้ค่ะ แต่สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปนี่น่าเป็นห่วงค่ะ...ปรับตัวไม่ได้อาจสูญพันธุ์ไปเลย ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม
2 มีนาคม 2550 22:32 น. - comment id 665226
สวัสดีค่ะคุณหอมดอกลำดวน ชอบกลอนที่คุณแต่งมากค่ะ เพราะมาก ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาเยี่ยม
2 มีนาคม 2550 22:35 น. - comment id 665229
หวัดดีค่ะกุหลาบขาว บ้านเรามีตัวอย่างของการที่ไม่รู้จักเพียงพอ แล้วนำมาซึ่งความเดือดร้อน ให้เห็น...เป็นกรณีตัวอย่างค่ะ
2 มีนาคม 2550 22:38 น. - comment id 665232
แต่รังช่วยปกป้อง อันตรายภัยทั้งผอง อื่นใดไม่หมายปอง หวังครอบครองแค่รังเรา หวัดดีค่ะคุณคอนพูทน
2 มีนาคม 2550 22:40 น. - comment id 665234
สวัสดีค่ะคุณกุหลาบน้ำตา กิเลสไงคะเป็นต้นเหตุแห่งภัยทั้งปวง คุณกุหลาบฯ สบายดีนะคะ
2 มีนาคม 2550 22:43 น. - comment id 665236
สวัสดีค่ะคุณน้ำนมราชสีห์ ป. ไม่ถนัดกลอนรูปแบบอื่นเลยค่ะ นอกจากกลอนแปด...คงต้องใช้เวลาอีกนานค่ะ กว่าจะแต่งแบบอื่นได้...จริง ๆ ก็พยายามนะคะ...ไม่อยากย่ำ ๆ อยู่ที่เดิม...คุณสบายดีนะคะ
2 มีนาคม 2550 22:45 น. - comment id 665239
สวัสดีค่ะคุณลุงแก้วประเสริฐ ป. ไม่ค่อยพอใจกลอนชุดนี้เท่าไรค่ะ..แต่งไม่เพราะ..ยังคิดว่าถ้าเอาไปแปลงเป็นกลอนแปด จะออกมาหน้าตาเป็นยังไงนะ...คุณลุงแก้วสบายดีนะคะ
2 มีนาคม 2550 22:47 น. - comment id 665248
หวัดดีจ้าน้องเอม ป. ไม่มีอะไรกะนกหรอกค่ะ...แต่ชอบนั่งดูรูปสวย ๆ ในเนตเวลาว่างๆ...เจอรูปไหนสวยก็เซฟเก็บไว้...แล้วนำมาแต่งกลอนทีหลังน่ะจ้ะ...น้องเอมสบายดีนะจ๊ะ
3 มีนาคม 2550 08:28 น. - comment id 665289
เพราะคนไม่รู้จักความสุข ที่แท้จริง จึงวิ่งแสวงหา.... สุขใดเล่า..จะเท่าสุขบนความไม่มีอะไร.. ในความมีอะไร... ขอบคุณครับ..ที่เป็นกำลังจัยให้..ในความไม่มีอะไร... บนความมีอะไร...(งง..ตัวเอง)
3 มีนาคม 2550 13:43 น. - comment id 665338
ในการเล่นกาพยานี 11 ให้ได้ความงามที่ไม่น้อยน่าไปกว่า กลอนนั้น จุดเด่นมีหลายจุดนะครับ แต่ผมมักให้ความสำคัญกับสองสิ่งนี้ คือ 1.เสียงสัมผัสอักษร ในวรรคเดียวกัน ซึ่งพยายามใช้สัมผัสอักษรเสียงตกกระทบยิ่งดี วรรค 1,3 จังหวะ 123 45 สัมผัสอักษร คำที่ 3 กับ 5 ยิ่งดี ครับ วรรค 2,4 จังหวะ 123 456 สัมผัสอักษรคำที่ 3 กับ 6 แต่ถ้าหากทำไม่ได้ ก็ไม่ควรที่จะใช้สัมผัสสระแต่อย่างใด ซึ่งเราๆติดสำนวนกลอนมา ใช้ได้แต่อย่ามาก เพราะจะทำให้ความเฝือนลงทันทีครับ นายผี ในฟ้าบ่มีน้ำ ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกราย ก็รอซาบบ่อาบซึม (จากเรื่องอิศาน ของนายผี) จิตร เปิปข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นรวง (ลืมชื่อ ของจิตร ภูมิศักดิ์) สำนวนใกล้เคียงกันครับ ท่านทั้งสองแหวกแนวจาก เจ้าฟ้ากุ้งได้อย่างชัดเจน ทำให้วงการกาพย์สะเทือนเลื่อนลั่น เลย เนื่องจากเจ้าฟ้ากุ้ง แต่งกาพย์โดยมากใช้สัมผัสเคียง เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องเห่โห่โอ้เห่มา (ลืมชื่ออีก เจ้าฟ้ากุ้ง) ท่านใช้สัมผัสสระ แต่ละวรรค ซึ่งกวีรุ่นหลานต่อมาเห็นว่า ไม่งดงามเท่าสัมผัสอักษรในแต่ละวรรคครับ 2.คำ ถ้าหากจะรังสรรค์คำนิดนึง ให้ดูอลังการ หรือให้ดูกระชับแล้ว จะทำให้กาพย์ซึ่งมีจำนวนคำบังคับในวรรคที่ไม่มากเท่าไหร่ แต่ว่าสามารถขยายความได้ดีเลยครับ ข้อนี้ไม่ต้องทำเหมือนผมก็ได้ ปากกาที่กล้าแกร่ง ต้องทิ่มแทงอธรรมทำ ปากกาที่ก้มจำ- นนต่อโจรย่อมคือโจร (จากนาฏกรรมบนลานกว้าง คมทวน คันธนู) อีกอย่างหนึ่งที่ กวีร่วมสมัยนิยมใช้คือ การใช้คำเสียงหนัก-เบา เข้ามาช่วยในการแต่งกาพย์ ซึ่งให้ใกล้เคียงกับอินทรวิเชียร แต่มีจังหวะที่ต่างกันออกไป ตัวอย่างอินทรวิเชียร(สามัคคีเภท) ควรเพื่อจะสมเภท ภยเวทนาการ ด้วยท่านพฤฒาจารย์ พะกระทบประสบทัณฑ์ โดยเต็มกตัญญู กตเวทิคราครัน ใหญ่ยิ่งและยากอัน นรอื่นจะอาจทน ..... .... กาพย์ 1.เสียงฟ้าคำรณร้อง ฝนค่อยพ้องบนแผ่นดิน หมู่นกก็โบกบิน กลับคืนถิ่นที่เคยเนา เสียงฟ้า/คำรณร้อง ฝนค่อยพ้อง/บนแผ่นดิน นกกา/ก็โบกบิน กลับคืนถิ่น/ที่เคยเนา ถ้าอ่านเรื่อยๆ โดยไม่วรรค มันก็ดูเหมือนจะหยุดชะงัก วรรคให้เองตามคำ ที่บรรจุ 2.ลมชายสยายช่วง สัมผัสทรวงให้ซบเซา ฝนเร่งระรุมเร้า กระหน่ำสาดจนอาจซม บทนี้ เล่นสัมผัสตกกระทบ ทำให้จังหวะดูดีขึ้น ลมชายสยายช่วง (ล ช ส ย ช) สัมผัสทรวงจนซบเซา (ส ผ ซ จ ซ ซ) ฝนเร่งระรุมเร้า (ฝ ร ร ร ร) กระหน่ำสาดจนอาจซม (ก น ซ จ อ ซ) ผมพยายามที่จะทำให้มันดูดีแต่ก็ยังแต่งได้ไม่ถึงขั้นเท่าไหร่เลยครับ ฝีมือยังอ่อนๆอยู่มาก อาศัยแต่งไปเรื่อยๆ ฟ้าร้องครืนครืนมา ได้เวลาฝนเริ่มตก สายลมพัดกรรโชก โบกปลิวไหวใบไม้ร่วง คำสุดท้ายวรรคสองไม่ค่อยเห็นเสียงนี้เลย แต่ไม่ผิดครับ คำสุดท้ายวรรคสี่ ก็ไม่ค่อยเห็นเสียงนี้ ส่วนใหญ่กวีร่วมสมัยนิยมใช้เสียงจัตวา และสามัญ เพื่อสามารถส่งต่อไปบทต่อไปได้ครับ ฝูงนกผกโผบิน กลับคืนยังถึงรังรวง อบอุ่นกรุ่นในทรวง รังรวงน้อยคอยเจ้าคืน บทนี้การใช้สัมผัสสระเทียบเคียง ทุกวรรค ซึ่งเข้าทำนองเจ้าฟ้ากุ้ง ก็งดงามมิใช่น้อยครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะแสดงอานุภาพได้มากแค่ไหน แต่หากลองสังเกตดู ถ้าละสัมผัสระหว่าง วรรคที่ 3 และวรรคที่ 4 จะทำให้น่าอ่านขึ้น แม้รังจะน้อยนิด เจ้าไม่คิดจิตขัดขืน ยามเย็นเร่งกลับคืน สุขสดชื่นตื้นตันทรวง คำสุดท้ายวรรคที่สอง ใช้เสียงสูง ซึ่งเดี๋ยวนี้นักกวีที่ผมเห็นเค้าไม่ค่อยเล่นกัน เนื่องจากยึดแบบวรรณวิเคราะห์กันหมด(มั้งครับ) ไม่แน่ใจ ส่วนมากใช้เสียงสามัญครั สร้างไว้แต่พอดี เต็มล้นปรี่ความแหนหวง คุ้มกันภัยทั้งปวง ร้อนเย็นล่วงหมดห่วงใย บทนี้เช่นกัน คำสุดท้าย แล้วขอเสริมเรื่องคำที่ใช้ประสมกัน เต็ม ,ล้นปรี่ ความหมายขัดกัน เหมือน ร่มเงาแห่งสุริยแสง (อันหนึ่งร้อน อันหนึ่งเย็น มีที่ไหน) แต่ที่นี้ความหมายไปทางเดียวกัน แต่ว่า ใช้ด้วยกันไม่ได้ ลอง ใช้คำว่า เอ่อล้น (ความหมายจะไม่กำกวมขึ้น) สายฝนยังสาดซัด ยอดไม้กวัดสะบัดไหว เอนโอนโยนโยกไป แกว่งรังให้ไหวตามลม คำว่า "แกว่งรัง" ผมสามารถตีความได้ว่า รังแกว่งไป แต่ถ้าหากเดาใจผู้เขียนแล้ว คงอยากให้หมายถึง "ต้นไม้แกว่ง" ไม่ใช่รังแกว่ง หลายคนอาจตีความได้เหมือนผม คำประพันธ์ต้องดำเนินทางเดียว ห้ามตีความได้สองแง่สองง่าม เจ้าเพียงแค่นกน้อย ดูดั่งด้อยน้อยใจตรม รังเล็กใช่ขื่นขม หรือปรารมภ์ระทมใจ จากบทการที่มีสระ ไอ เป็นสัมผัสในวรรคทั้งบท แล้วบทนี้มีสระไอจบส่งท้าย จะทำให้บทต่อไป อ่านเฝือนลงทันที เนื่องจากสระซ้ำถี่เกินไปครับ ลองดูบทหน้า ครอบครัวล้วนเปี่ยมสุข ไร้เรื่องทุกข์อยู่อาศัย เท่านี้ก็พอใจ หมดหมองไหม้ในวิญญาณ์ เหมือนกับที่คิดไว้ บทนี้คือการกล่าวถึงโครงเรื่องสำคัญ ดำเนินไม่หลวม แต่เสียงสระ มาทำลายโครงเรื่อง ลองสังเกตุสระไอสิครับ เยอะไปรึป่าว เมื่อเปรียบกับมนุษย์ ช่างแสนสุดเวทนา รัก โลภ หลง โกรธา ราคะ จริต จิตฟั่นเฟือน ไม่รู้จักเพียงพอ คำที่ "พ่อ" คอยย้ำเตือน ไขว่คว้าหาดาวเดือน เหมือนคนบ้าเพราะฟ้าไกล ไม่คิดว่าวันหนึ่ง จะถึงคราที่จากไป เสื้อผ้าชุดหนึ่งให้ ไว้ติดตัวชั่วนิรันดร์... สามบทนี้คือแก่นเรื่องสำคัญ ไม่ขอดู ไปดีกว่า ขอผมเข้าใจผิดหรือแนะอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยนะครับ หอมดอกลำดวนและห้วงคำนึงร่องรอยเดียวกัน แวะไปถามได้
3 มีนาคม 2550 16:25 น. - comment id 665395
แวะมาทักทายค่ะ
3 มีนาคม 2550 21:59 น. - comment id 665425
สวัสดีค่ะแต้มแมว กิเลส และความโลภคือเหตุแห่งปัญหาทั้งปวงค่ะ ตอนเริ่มแต่งกลอนใหม่ ๆ ป. ก็ทุลักทุเลพอควรค่ะ อาศัยที่ชอบอ่านกลอน (ของสุนทรภู่) ก็ทำให้มองเห็น รูปแบบกลอน แล้วลองมาแต่งเองดูน่ะค่ะ คิดว่า ถ้าแต่งไปบ่อยๆ จะคล่องขึ้นค่ะ...ให้กำลังใจค่ะ อย่าเพิ่ง ท้อนะคะ ... ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม
3 มีนาคม 2550 20:54 น. - comment id 665478
อืม ของเป้คงต้องสร้างใหญ่ๆแร่ะ สร้างเล็กๆยัดตัวลงไปไม่ได้
3 มีนาคม 2550 22:06 น. - comment id 665494
สวัสดีค่ะคุณห้วงคำนึง ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ ป. เองถนัดกลอนแปดมากกว่าค่ะ..สำหรับกาพย์ยานี 11 นี้ ก็เคยแต่งมาก่อนนะคะ แต่เป็นแบบไม่ได้ใส่ใจมากนัก พอลองมาแต่งแบบเอาจริงจัง ปรากฏว่าไม่ง่ายแบบที่คิดำไว้ อย่างที่คุณแนะนำไว้ข้างต้นค่ะ ว่าจุดเด่นอยู่ที่การหาคำ มาแต่ง แต่ ป. นั่งมองเท่าไรก็นึกคำสวยๆไม่ออก... อาจเป็นเพราะแต่งกลอนแปดตลอดเลยนึกไม่ค่อยออก ป. จะพยายามลองแต่งแบบอื่นๆ บ้างน่ะค่ะ..กาพย์ โคลง ถ้าคุณห้วงคำนึงจะช่วยวิพากษ์ให้ ป. จะยินดีมากค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะที่แวะมาเยี่ยมสำหรับคำแนะนำ ที่มีค่ายิ่ง.....
3 มีนาคม 2550 22:10 น. - comment id 665496
หวัดดีจ้านางฟ้า ฯ ไปทำบุญที่ไหนมาคะ?? มีความสุขกับวันหยุดยาวนะคะ
3 มีนาคม 2550 22:12 น. - comment id 665497
ดีจ้าเปเป้ฯ หมูน้อยสร้างรังแต่พอตัวไงจ๊ะ อิอิ... วันหยุดไปทำบุญที่ไหนมาคะ? อิจฉาคนได้ไปทำบุญ เวียนเทียนจังนิ
3 มีนาคม 2550 23:34 น. - comment id 665510
ฟ้าร้องครืนครืนมา ได้เวลาฝนเริ่มตก กับ เสียงฟ้าคำรณร้อง ฝนค่อยพ้องลงแผ่นดิน ความเหมือนกัน คือ ฟ้าร้องแล้วฝนเริ่มตก ไม่มีคำประพันธ์ไหนง่ายหรอก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ
4 มีนาคม 2550 00:48 น. - comment id 665521
ขอบคุณค่ะคุณหอมดอกลำดวน ข้อจำกัดอย่างหนึ่งในการแต่งโคลงกลอนของ ป. คือ นึกคำไม่ค่อยออกค่ะ...ยิ่งแต่งบ่อย ๆ ทุกวันนะคะ คำที่ใช้จะซ้ำ ๆ กันจนจะกลายเป็นเรื่องเดียวกันเลย จึงพยายามสลับเรื่องที่แต่ง และอยากลองเปลี่ยนจาก กลอนแปดเป็นโคลง หรือกาพย์ดูบ้างค่ะ แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานค่ะ ... ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำที่มีค่ายิ่ง
4 มีนาคม 2550 02:55 น. - comment id 665538
อิอิ พอตัวหมูน้อยต้องใช้ไม้เยอะละคะคราวนี้ แต่วันนี้ไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากเล่นเน็ตนอกบ้าน ตอนแรกจะกินมังฯฉลองวันมาฆฯ แต่ตลาดร่วมใจปิดไม่มีอะไรขาย เลยต้องซื้อมาม่ามานั่งซู๊ดอยู่คนเดียว
4 มีนาคม 2550 03:19 น. - comment id 665547
ส่วน ป. ไม่ได้ออกไปไหนเลยจ้า..อากาศไม่เป็นใจ...เลยอยู่แต่ในบ้านเหมือนกัน...อาหารก็ทานเท่าที่มีนี่ล่ะจ้า...มาม่าก็เป็นอาหารประจำของ ป. นะ แต่นานๆ ทานที...ทานบ่อย ๆ ไม่ไหว มันเบื่อน่ะ..อิอิ..