๑ ๏ พระพรหมพระพ่ายแพ้........พลมาร มันหักเข้าสถาน......................สถิตท้าว โถมค้อนเข่นองค์ลาญ..............ลงแหลก ล้มป่นบนพื้นร้าว.....................อุระร้าวเหล่าชน ฯ ๒ ๏ กมลคนหม่นม้าง...................เมตตา ประลาตปรารถนา....................นึกน้อม อวยสุขสู่ประชา-........................ชนสุข ซาเสื่อมเหลือเบียนล้อม............บาดร้ายโรมรัน ฯ ๓ (ช้างประสานงา) ๏ การัณย์การกก้ำ...................การุณ ก็หลบการร้ายซุน....................ซ่อนพ้น เสียงเพลงส่งพร้องหนุน...........ในโสต เนื่องสั่งประทุษท้น...................ประทับทั้งธาตรี ฯ ๔ ๏ ฤดีร้อนด่าวดิ้น....................แดเดือด มุทิตาตายเหือด......................หักเหี้ยน โหมจิตอิจฉาเชือด-.................เฉือนหาก เห็นสุขคนอื่นเสี้ยน.................เสียดเนื้อเหน็บทรวง ฯ ๕ ๏ แปลกปวงแปลงเที่ยงแท้.......ธรรมนิตย์ อุเบกขาวิปริต...........................แปร่งเลี้ยว เบนเอนเบี่ยงเอียงทิศ..............ทางแกว่ง ไกวส่ายคลับคล้ายเกี้ยว.............กอดเนื้อเครือวัลย์ ฯ ๖ (วัวพันหลัก) ๏ สูญพันธุ์พรหมพ่ายแพ้...........ผองมาร มารหักฤๅสถาน.........................สถิตท้าว ท้าวพ่ายฝ่ายพลพาล..................พรากห่าง ห่างบทพรหมบถก้าว..................เกลือกเคล้าอกุศล ๚๛ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๙
25 มีนาคม 2549 17:47 น. - comment id 568488
..เป็นโคลงที่ไพเราะมากค่ะ...มาชื่นชมนะคะ...คุณหมอหนุ่ยหายไปนานนะคะ..สบายดีมั้ย....ช่วงนี้ใกล้สงกรานต์แล้ว...สงสัยงานเริ่มเยอะเหมือนกัน....ระลึกถึงเสมอค่ะ...
25 มีนาคม 2549 21:34 น. - comment id 568511
อาหมอคะ .. โทษของเขาถึงตายเชียวหรือคะ เป็นความเห็นส่วนตัวที่ว่า .. ผู้ที่นับถือ กราบไหว้ .. เคารพเพียงรูป หรือ เคารพในหัวใจ
26 มีนาคม 2549 00:45 น. - comment id 568528
เอาอะไรกันหนักหนากับคนซึ่งจิตไม่ปกติ ผู้มีศีลในใจที่แท้จริงคงจะไม่กระทำเยี่ยงนี้ นั่นหมายถึงส่งความตายให้คนผู้นี้ ผิดศีลบ่งบอกได้ชัดเจนขอยืนยัน
26 มีนาคม 2549 07:24 น. - comment id 568543
สวัสดีครับ สหายชาวไทยโพเอม โคลงชุดที่เขียนมานี้ไม่ได้ตั้งใจที่ประนามผู้ใด เพราะผู้กระทำการโดยปราศจากสติสัมปชัญญะ นั้น ในทางกฎหมายท่านก็ไม่เอาผิด (มั้ง) โคลงที่เขียนมาต้องการที่จะสื่อว่า ตน... คนที่ขาดพรหมวิหารสี่ อันมี เมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา นั่นหล่ะ เป็นผู้ที่พรากพระพรหมไปจากตน ไม่ได้มีใครอื่นเลยที่กระทำการพรากพระพรหมไป ดังนั้นในโคลงบทสุดท้าย จึงเชิญชวนทุกท่าน ให้เดินตามทางแห่งพระพรหม (พรหมบถ) เพื่อความดีงามแห่งตน .... อันไม่มีใครสามารถพรากไปได้
26 มีนาคม 2549 07:36 น. - comment id 568544
ตอบความเห็น..... ราชิกา ... ผมหายไปนาน ไม่ได้ไปซุ่มอะไรหรอกครับ แต่เป็นเพราะเขียนกลอนมะออก ไม่รู้จะเขียนอะไรดี ใกล้สงกรานต์อีกแล้ว .... งานใหญ่กำลังจะมา ตอนนี้กำลังเตรียมตัวฟิตซ้อมร่างกาย ครับผม หนูอัลฯ บางศาสนาห้ามสร้างรูปเคารพ บางศาสนาก็สร้างรูปเคารพ การกระทำไม่เหมาะสมต่อรูปเคารพ ... คนที่เขาเคารพบูชาย่อมโกรธ จนขาดสติ เป็นธรรมดา การกระทำตอนนั้น เขาคงไม่คิดหรอกว่าเหมาะสมหรือไม่ ผู้กระทำไปก็กำลังรับใช้กรรม ตามกฎหมายบ้านเมืองอยู่จ๊ะ แต่ว่า .... ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าท่าน ให้นับถือพระธรรมแทนพระองค์ ปลาทองน้องรัก.... สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม ครับพ้ม
27 มีนาคม 2549 08:35 น. - comment id 568635
27 มีนาคม 2549 12:09 น. - comment id 568686
เหมือนการเมืงรึเปล่าพระพี่
28 มีนาคม 2549 04:47 น. - comment id 568822
พระพรหมที่แท้มิ-........ใช่แค่ เพียงรูปปั้นสลักแล......กราบไหว้ เมตตากรุณาแล้...........มุทิ- ตาแฮ อุเบกขานั่นไซร้...........แน่แท้คือพรหม
28 มีนาคม 2549 05:15 น. - comment id 568824
พรหมาจะโลกาธิปตี
28 มีนาคม 2549 05:17 น. - comment id 568825
พรหฺมาจะโลกาธิปตี
28 มีนาคม 2549 05:23 น. - comment id 568826
พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปติ
28 มีนาคม 2549 06:29 น. - comment id 568829
๓๒ กลับมาประทับโคนต้นไทร ท้อพระทัยในอันโปรดสัตว์ สหัมบดีพรหมต้องทูลวิงวอน ประทับอยู่ภายใต้ต้นราชายตนะหรือไม้เกดครบ ๗ วันแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จแปรสถานที่ประทับกลับไปประทับอยู่ภายใต้ต้นอชปาลนิโครธหรือต้นไทร ซึ่งเคยไปประทับหนหนึ่งมาแล้ว ครั้งนี้นับเป็นสัปดาห์ที่ ๕ ระหว่างที่ประทับอยู่ ณ ที่นี่ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาถึงธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้มา ทรงเห็นว่าเป็นธรรมที่มีความสุขุมละเอียด ก็บังเกิดความท้อพระทัยว่า จะมีสักกี่คนที่จะฟังธรรมของพระองค์รู้เรื่อง พระทัยหนึ่งจึงเกิดความมักน้อยว่าจะไม่แสดงธรรมเพื่อโปรดใครเลย ท่านผู้รจนาคัมภีร์เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ได้แต่งเรื่องสาธกให้เห็นเป็นปุคคลาธิษฐานเข้าในตอนหนึ่งว่า พระดำริของพระพุทธเจ้าเรื่องนี้ได้ทราบไปถึงท้าวสหัมบดีพรหมในเทวโลก ท้าวสหัมบดีพรหมจึงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงเปล่งศัพท์สำเนียงอันดังถึง ๓ ครั้งว่า \"โลกจะฉิบหายในครั้งนี้\" ปฐมสมโพธิว่า \"เสียงนั้นก็ดังแผ่ไปทั่วหมื่นโลกธาตุ ท้าวสหัมบดีพรหมจึงพร้อมด้วยเทวาคณานิกรลงมากราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรม\" ตอนท้าวสหัมบดีพรหมลงทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรมโปรดชาวโลกนี้ กวีท่านแต่งเป็นอินทรวงศ์ฉันท์ภาษาบาลีไว้ว่า \"พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปติ กตอญฺชลี อนฺธิวรํ อายาจถ สนฺตีธ สตฺตาปฺปรชกฺขชาติกา เทเสตุ ธมฺมํ อนุกมฺปิมํ ปชํ\" แปลว่า\"ท้าวสหัมบดีพรหม ประณมกรกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าผู้ทรงคุณอันประเสริฐว่า สัตว์ในโลกนี้ ที่มีกิเลสบางเบาพอที่จะฟังธรรมเข้าใจนั้นมีอยู่ ขอพระองค์ได้โปรดแสดงธรรมช่วยเหลือชาวโลกเทอญ\" ต่อมาภาษาบาลีที่เป็นฉันท์บทนี้ ได้กลายเป็นคำสำหรับอาราธนาพระสงฆ์ในเมืองไทยให้แสดงธรรมมาจนถึงทุกวันนี้
28 มีนาคม 2549 06:39 น. - comment id 568830
http:/www.dhammalife.com/buddha/pixbio/pixbio32.htm
28 มีนาคม 2549 11:47 น. - comment id 568874
ขอบคุณ ลักษมณ์ ผู้นำความรู้เกี่ยวกับคำอารธนาธรรม มาให้รับทราบโดยทั่วกัน ครับผม