วันจะขื่นคืนจะขมระทมไฉน มิเคยร้างรมณีย์ฝันพิไล แต่งกาพย์กลอนสะท้อนสมัยให้แผ่นดิน กาพย์กลอนสะท้อนอารมณ์ความรู้สึก สะท้อนความคิดนึกจารึกถวิล สะเทือนทุกข์ สะท้อนทุกข์ ปลุกชีวิน ให้ต่อสู้อย่ารู้สิ้นศักดิ์ศรีคน กาพย์กลอนสะท้อนฝันบันดาลรัก จุดประทีปชีพประจักษ์ทุกแห่งหน ร้อยดวงดาวแด่ชาวดินผู้ดิ้นรน แต่งชีพฝันดั้นด้นทุกหนทาง อารมณ์ของแผ่นดินจะรินร่ำ ผ่านถ้อยคำของมนุษย์พิสุทธิ์สร้าง ร้อนจะเร้าหนาวจะเร่ง เปล่งหัทยางค์ ทุ่งแม้ร้างทางแม้รก มิรอรี ด้วยแรงแห่งมนุษย์จะรุดหน้า พุ่งพลังหวังท้าหาวิถี ด้วยเรี่ยวแรงแห่งรักพร้อมจักพลี โรจน์ศรัทธาหทัยนี้รุ่งชีวิน จะวักดื่มกษีราจากสาคเรศ กอบเก็บแก้วพิเศษจากกรวดหิน ถางทางท่องไปในปัฐพิน จูบใจหอมจินตนาการ คอยเหินหาวราววิหคแสวงหา จะย่ำรุ่งสู่ทุ่งหญ้าอย่างกล้าหาญ ย่ำเย็นวนาหาผกาบาน ย่ำดึกบันดาลฝันสกาว ตีนเมื่อเดินติดดินกลิ่นจะหอม ใจเมื่อพร้อมเสียสละจะสีขาว มือเปื้อนดิน จะปันดินเป็นดวงดาว ใจเหน็บหนาว จะเคี่ยวหนาวเป็นเปลวไฟ กาพย์กลอนคือรักแท้ในยามยาก จะแต่งดอกหญ้าฝากรักยิ่งใหญ่ ยากจน จดจำค่าน้ำใจ ดีกว่ารวยแต่ไร้ ใจจะรัก __________________________ (* บท ฤดีกาล ของ ไพรวรินทร์ ขาวงาม )
30 พฤศจิกายน 2547 10:56 น. - comment id 381022
ก้อดีน่ะค่ะ พยายามต่อไปน่ะ เป็นกำลังให้ให้น่ะ มีอะไรให้ช่วย ก้อส่งเมล์มาน่ะค่ะ charmingangel_llovely@hotmail.com
30 พฤศจิกายน 2547 22:20 น. - comment id 381381
ชอบบทข้างล่างนี้มากเลยค่ะ แต่บทอื่นก็แต่งได้ดีนะค่ะ กาพย์กลอนคือรักแท้ในยามยาก จะแต่งดอกหญ้าฝากรักยิ่งใหญ่ ยากจน จดจำค่าน้ำใจ ดีกว่ารวยแต่ไร้ ใจจะรัก